ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเลือกตั้ง ส.ส. และการแต่งตั้ง ส.ว. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492"
สร้างหน้าใหม่: {{รอผู้่ทรง}} ---- '''ผู้เรียบเรียง''' ชาย ไชยชิต และ รองศาสตราจ... |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 3 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 3 คน) | |||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''ผู้เรียบเรียง''' ชาย ไชยชิต และ รองศาสตราจารย์ ดร. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ | |||
---- | |||
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต | |||
---- | ---- | ||
==ความเป็นมา== | |||
[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492|รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒]] เป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นโดย “[[สภาร่างรัฐธรรมนูญ]]” ซึ่งตั้งขึ้นโดยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๔๙๐ แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ ๒ สภาร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยวุฒิสมาชิก ๑๐ คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๑๐ คน และจากผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญอีก ๔ ประเภท ประเภทละ ๕ คน รวมทั้งสิ้น ๔๐ คน มี[[เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ]] เป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ และมีกำหนดเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน ๑๘๐ วัน สภาร่างรัฐธรรมนูญได้นำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสนอต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๒ และในวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ คณะ[[อภิรัฐมนตรี]]ซึ่งทำหน้าที่คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ลงนามประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๙๒ | |||
<p>รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีบทบัญญัติทั้งสิ้น ๑๘๙ มาตรา มีลักษณะสำคัญแตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านั้น คือ มีการกำหนดหลักประกันสิทธิเสรีภาพของบุคคล และป้องกันการใช้อำนาจรัฐอันเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนไว้ในหลายมาตรา รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้[[รัฐสภา]]มีระบบสองสภา ประกอบด้วย [[วุฒิสภา]] และ[[สภาผู้แทนราษฎร|สภาผู้แทน]] วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงเลือกและแต่งตั้งจำนวน ๑๐๐ คน มีอายุไม่ต่ำกว่า ๔๐ ปีบริบูรณ์ สมาชิกภาพมีกำหนดคราวละ ๖ ปี แต่ในวาระเริ่มแรกให้มีการจับสลากออกจากตำแหน่งจำนวนกึ่งหนึ่ง </p> | |||
<p>สภาผู้แทนประกอบด้วยสมาชิกซึ่งมาจาก[[การเลือกตั้งทางตรง|การเลือกตั้งโดยตรง]]และใช้วิธีรวมเขตจังหวัด โดยถือเอาจังหวัดหนึ่งเป็นเขตเลือกตั้งหนึ่ง จำนวนผู้แทนในแต่ละเขตจังหวัดถือเอาจำนวนราษฎร ๑๕๐,๐๐๐คนต่อผู้แทน ๑ คน วาระการดำรงตำแหน่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดคราวละ ๔ ปี รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้[[ประธานวุฒิสภา]] เป็น[[ประธานรัฐสภา]] และ[[ประธานสภาผู้แทนราษฎร]]เป็นรองประธานสภา ส่วนฝ่ายบริหารนั้น คณะรัฐมนตรีประกอบด้วย[[นายกรัฐมนตรี]] และ[[รัฐมนตรี]]อื่นอีกไม่น้อยกว่า ๑๕ คน และไม่เกิน ๒๕ คน โดยมีประธานสภาผู้แทนราษฎรลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีจะเข้าบริหารราชการแผ่นดินได้ ต้องแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎรและต่อวุฒิสภา และขอความไว้วางใจจากสภาผู้แทนหลังจากที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว </p> | |||
บรรทัดที่ 20: | บรรทัดที่ 21: | ||
==การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๒== | ==การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๒== | ||
การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้ง[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]เพิ่มเติมตามจำนวนพลเมืองตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็น[[การเลือกตั้งทางตรง]] โดยวิธีรวมเขตเรียงเบอร์ โดยถือเอาจังหวัดหนึ่งเป็นเขตการเลือกตั้งหนึ่ง จำนวนผู้แทนราษฎรในแต่ละจังหวัดคิดคำนวณโดยถือจำนวนประชาชน ๑๕๐,๐๐๐ คนต่อผู้แทนราษฎร ๑ คน เนื่องจากการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มเติม จึงมีการจัดการเลือกตั้งเฉพาะใน ๑๙ จังหวัด ทำให้ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มขึ้นมาอีก ๒๑ คน จากที่มีอยู่เดิม ๙๙ คน ผลการเลือกตั้งพบว่า จากจำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั้งหมด ๓,๕๑๘,๒๗๖ คน มีผู้มาใช้สิทธิทั้งสิ้น ๘๗๐,๒๐๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๔.๒๗ จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดคือ จังหวัดสกลนคร คิดเป็นร้อยละ ๔๕.๑๒ และจังหวัดอุดรธานีมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยที่สุดคือร้อยละ ๑๒.๐๒ | |||
<p>ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งในวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๒ จำนวน ๒๑ คน จาก ๑๙ จังหวัด ประกอบด้วย </p> | |||
{| cellpadding="4" align="center" | |||
|- | |||
|width="230" |[[พลตรี ขุนปลดปรปักษ์]] (พระนคร) | |||
|width="250" |นาย[[ประพัฒน์ วรรธนะสาร]] (พระนคร) | |||
|width="250" |[[ร้อยโท จารุบุตรี เรืองสุวรรณ]] (ขอนแก่น) | |||
|width="250" |นาย[[ทอง พงศ์อนันต์]] (ชัยภูมิ) | |||
|- | |||
|นาย[[ทองย้อย กลิ่นทอง]] (เชียงใหม่) ||นาย[[สานนท์ สายสว่าง]] (นครปฐม) ||นาย[[เปี่ยม บุณยโชติ]] ( นครศรีธรรมราช) ||นาย[[นารถ เงินทาบ]] (มหาสารคาม) | |||
|- | |||
|นาย[[สุวัฒน์ พูนลาภ]] (ร้อยเอ็ด) ||นาย[[เตียง ศิริขันธ์]] (สกลนคร) ||นาย[[ทิม จันสร]] (อุดรธานี) ||[[หลวงนรกิจบริหาร]] (ฉะเชิงเทรา) | |||
|- | |||
|นาย[[บุญช่วย ศรีสวัสดิ์]] (เชียงราย) ||นาย[[เพทาย โชตินุชิต]] (ธนบุรี) ||นาย[[อนันต์ ขันธะชวนะ]] (นครราชสีมา) ||นาย[[เผด็จ จิราภรณ์]] (พิจิตร) | |||
|- | |||
|นาย[[โกศล สินธุเศก]] (ราชบุรี) ||นาย[[ประเทือง ธรรมสาลี]] (ศรีสะเกษ) ||นาย[[ยืน สืบนุการณ์]] (สุรินทร์) ||นาง[[อรพิน ไชยกาล]] (อุบลราชธานี) | |||
|- | |||
|นาย[[ทองพูน อาจธะขันธ์]] (อุบลราชธานี) | |||
|- | |||
|} | |||
<p>การเลือกตั้งในครั้งนี้ เป็นผลให้[[พรรคประชาธิปัตย์]]มีเสียงในสภามากที่สุด คือ ประมาณ ๔๐ ที่นั่ง รองลงมาคือ [[พรรคประชาชน]]ของนาย[[เลียง ไชยกาล]] มี ๓๑ ที่นั่ง นอกนั้นเป็น[[พรรคอิสระ]] ๑๔ ที่นั่ง [[พรรคธรรมาธิปัตย์]] ๑๒ ที่นั่ง และไม่สังกัดพรรคอีก ๒๔ ที่นั่ง ซึ่งการมีเสียงข้างมาในสภาผู้แทนราษฎรมีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลค่อนข้างมาก เนื่องจากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒ กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการลงมติแสดงความไว้วางใจต่อรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว โดยที่วุฒิสภาไม่มีอำนาจลงมติแต่อย่างใด </p> | |||
<p>ด้วยเหตุนี้ การจัดตั้งรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายหลังการเลือกตั้ง จึงมีการเคลื่อนไหวเพื่อรวมกลุ่มของพรรคการเมืองที่สนับสนุน[[แปลก พิบูลสงคราม|จอมพล ป. พิบูลสงคราม]] และการพยายามดึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคอื่น ๆ ให้เข้ามาสนับสนุนรัฐบาล โดยเฉพาะการจัดสรรโควต้าตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ให้การสนับสนุนตน การระดมพลังสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่สนับสนุนจอมพล ป. พิบูลสงครามเข้าด้วยกันนี้ ก่อให้เกิดการแนวร่วมพรรคการเมืองที่ชื่อว่า '''“สหพรรค”''' ขึ้นในสภาผู้แทนราษฎร ความพยายามดังกล่าวส่งผลให้การจัดตั้งรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้รับความไว้วางใจด้วยคะแนนเสียง ๖๓ ต่อ ๓๑ เสียง หลังจากที่ใช้เวลาในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเป็นเวลาถึง ๑๑ วัน ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่คัดค้านรัฐบาลก็คือฝ่ายสมาชิกที่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก </p> | |||
==การเปลี่ยนสมาชิกวุฒิสภากึ่งหนึ่งโดยวิธีจับสลาก วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๓== | ==การเปลี่ยนสมาชิกวุฒิสภากึ่งหนึ่งโดยวิธีจับสลาก วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๓== | ||
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒ กำหนดให้วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงเลือกและแต่งตั้งจำนวน ๑๐๐ คน มีอายุไม่ต่ำกว่า ๔๐ ปีบริบูรณ์ สมาชิกภาพมีกำหนดคราวละ ๖ ปี แต่ในวาระเริ่มแรกให้มีการจับสลากออกจากตำแหน่งจำนวนกึ่งหนึ่ง ดังนั้น เมื่อสมาชิกวุฒิสภาชุดเดิมได้มีวาระครบรอบ ๓ ปี การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒ ในวาระเริ่มแรก จึงได้มีการจับสลากรายชื่อสมาชิกวุฒิสภากึ่งหนึ่งออกจากตำแหน่ง เพื่อแต่งตั้งวุฒิสมาชิกชุดใหม่เข้ามาแทน โดยการจับสลากจัดขึ้นในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๓ | [[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492|รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒]] กำหนดให้วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงเลือกและแต่งตั้งจำนวน ๑๐๐ คน มีอายุไม่ต่ำกว่า ๔๐ ปีบริบูรณ์ สมาชิกภาพมีกำหนดคราวละ ๖ ปี แต่ในวาระเริ่มแรกให้มีการจับสลากออกจากตำแหน่งจำนวนกึ่งหนึ่ง ดังนั้น เมื่อสมาชิกวุฒิสภาชุดเดิมได้มีวาระครบรอบ ๓ ปี การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒ ในวาระเริ่มแรก จึงได้มีการจับสลากรายชื่อสมาชิกวุฒิสภากึ่งหนึ่งออกจากตำแหน่ง เพื่อแต่งตั้งวุฒิสมาชิกชุดใหม่เข้ามาแทน โดยการจับสลากจัดขึ้นในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๓ ปรากฏผล '''ผู้ที่จับสลากออกจากตำแหน่งจำนวน ๕๐ คน''' ดังต่อไปนี้ | ||
{| cellpadding="4" align="center" | |||
|- | |||
|width="250" |(๑) พล.ท. พระยาอภัยสงคราม | |||
|width="240" |(๒) พ.ท. หลวงชัยอัศวรักษ์ | |||
|width="200" |(๓) พ.อ. หม่อมสนิทวงศ์เสนี | |||
|width="250" |(๔) พลโท พระยาสีหราชเดชโชไชย | |||
|- | |||
|(๕) นายเชวง เคียงศิริ ||(๖) พระยาบริรักษ์เวชชการ ||(๗) พระยาอัชราชทรงสิริ ||(๘) พลเอก มังกร พรหมโยธี | |||
|- | |||
|(๙) พระยาสาริกพงษ์ธรรมพิลาส ||(๑๐) พลตรี พระสุริยสัตย์ ||(๑๑) พระยาสาริกพงษ์ธรรมพิลาส ||(๑๒) พระยาศรีราชโกษา | |||
|- | |||
|(๑๓) พลเรือตรี พระจักรานุกรกิจ ||(๑๔) พระยาสุริยานุวงศ์ประวัติ ||(๑๕) พลตรี พระยาอินทรวิชิต ||(๑๖) พลตรี สวัสดิ์ สวัสดิ์รณชัย สวัสดิเกียรติ | |||
|- | |||
|(๑๗) นายบรรจง ศรีจรูญ ||(๑๘) พระนิตินัยประสาน ||(๑๙) หลวงประกอบนิติสาร ||(๒๐) พระอัพภันตราพาธพิศาล | |||
|- | |||
|(๒๑) หลวงชลนุสสร ||(๒๒) พลโท พระยาสีหราชฤทธิไกร ||(๒๓) นายสัญญา ยมะสมิต ||(๒๔) พระยาบำเรอภักดิ์ | |||
|- | |||
|(๒๕) พระยาจินดารักษ์ ||(๒๖) นาวาเอก หม่อมเจ้าพรปรีชา ภมลาศน์ ||(๒๗) พันเอก พระรามณรงค์ ||(๒๘) พระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ | |||
|- | |||
|(๒๙) หม่อมเจ้าสฤษดิ์เดช ชยางกูร ||(๓๐) พลเรือตรี พระยาวิจารณ์จักรกิจ ||(๓๑) หม่อมเจ้าชัชชวลิต เกษมสันต์ ||(๓๒) พระยาอนุมานราชธน | |||
|- | |||
|(๓๓) พระยาโทณวนิกมนตรี ||(๓๔) พระเพ็ชรคีรี ||(๓๕) หม่อมเจ้าดิศานุวัติ ดิศกุล ||(๓๖) พระทิพยเบญญา | |||
|- | |||
|(๓๗) พระยาเมธาบดี ||(๓๘) พลตรีพระยาพิไชยสงคราม ||(๓๙) พระชัยปัญญา ||(๔๐) หม่อมเจ้าอุปลีสาณ ชุมพล | |||
|- | |||
|(๔๑) พลตรี หม่อมเจ้าปรีดิเทพย์พงษ์ เทวกุล ||(๔๒) พลตรี พระอุดมโยธาธิยุต ||(๔๓) นาวาเอก หลวงสำรวจวิธีสมุทร ||(๔๔) ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม | |||
|- | |||
|(๔๕) นายจรินทร์ กฤษณะภักดี ||(๔๖) พลโท พระยาศรีสรราชภักดี ||(๔๗) พระมนูภาณวิมลศาสตร์ ||(๔๘) พระตีรณสารวิศวกรรม | |||
|- | |||
|(๔๙) พระยาอมาตยพงษ์ธรรมพิศาล ||(๕๐) พระยาทรงสุรรัชฏ์ | |||
|- | |||
|} | |||
;ในวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๓ ได้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพื่อให้ครบจำนวน ดังนี้ | |||
{| cellpadding="4" align="center" | |||
|- | |||
|width="250" |(๑) [[พลโท พระยาอภัยสงคราม]] | |||
|width="220" |(๒) [[พันโท หลวงชัยอัศวรักษ์]] | |||
|width="220" |(๓) [[พลตรี หม่อมสนิทวงศ์เสนี]] | |||
|width="220" |(๔) [[พระยาบริรักษ์เวชชการ]] | |||
|- | |||
|(๕) [[พระยาอัชราทรงศิริ]] ||(๖) [[พลเอก มังกร พรหมโยธี]] ||(๗) [[พระยาสาริกพงษ์ธรรมพิลาส]] ||(๘) [[คุณหญิงเลขา อภัยวงศ์]] | |||
|- | |||
|(๙) [[พระยาสุริยานุวงศ์ประวัติ]] ||(๑๐) [[พลตรี พระยาอินทรวิชิต]] ||(๑๑) นาย[[บรรจง ศรีจรูญ]] ||(๑๒) [[พระนิตินัยประสาน]] | |||
|- | |||
|(๑๓) [[หลวงประกอบนิติสาร]] ||(๑๔) [[พระอัพภันตราพาธพิศาล]] ||(๑๕) [[หลวงชลานุสสร]] ||(๑๖) [[พลโท พระยาศรีสรราชภักดี]] | |||
|- | |||
|(๑๗) [[นาวาเอก หม่อมเจ้าพรปรีชา กมลาศน์|นาวาเอก ม.จ. พรปรีชา กมลาศน์]] ||(๑๘) [[พระยากฤตราชทรงสวัสดิ์]] ||(๑๙) [[หม่อมเจ้าสฤษดิ์เดช ชยางกูร|ม.จ. สฤษดิ์เดช ชยางกูร]] ||(๒๐) [[หม่อมเจ้าชัชชวลิต เกษมสันต์|ม.จ. ชัชชวลิต เกษมสันต์]] | |||
|- | |||
|(๒๑) [[พระเพ็ชรคีรี]] ||(๒๒) [[พระยาอนุมานราชธน]] ||(๒๓) [[หม่อมเจ้าดิศาานุวัติ ดิศกุล|ม.จ. ดิศานุวัติ ดิศกุล]] ||(๒๔) [[พระยาเมธาบดี]] | |||
|- | |||
|(๒๕) [[พลตรี พระยาพิไชยสงคราม]] ||(๒๖) [[พระชัยปัญญา]] ||(๒๗) [[หม่อมเจ้าอุปลีสาณ ชุมพล|ม.จ. อุปลีสาณ ชุมพล]] ||(๒๘) [[พลตรี หม่อมเจ้าปรีดีเทพยพงศ์ เทวกุล|พลตรี ม.จ. ปรีดีเทพยพงศ์ เทวกุล]] | |||
|- | |||
|(๒๙) [[พลตรี พระอุดมโยธาธิยุต]] ||(๓๐) [[นาวาเอก หลวงสำเร็จวิถีสมุทร]] ||(๓๑) [[ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม]] ||(๓๒) นาย[[จรินทร์ กฤษณะภักดี]] | |||
|- | |||
|(๓๓) [[พันเอก พระรามรณรงค์]] ||(๓๔) [[พระมนูภาณวิมลศาสตร์]] ||(๓๕) [[พระตีรณสารวิศวกรรม]] ||(๓๖) [[นาวาเอก พระศราภัยพิพัฒน์]] | |||
|- | |||
|(๓๗) [[พันโท พระอาสาสงคราม]] ||(๓๘) [[พันตรี หลวงสรสิทธยานุการ]] ||(๓๙) [[พระยาสัจจาภิรมย์]] ||(๔๐) นาย[[จุลิน ล่ำซำ]] | |||
|- | |||
|(๔๑) [[นาวาโท หลวงชำนิกลการ]] ||(๔๒) [[พลเรือตรี เล็ก สุมิตร]] ||(๔๓) [[พระช่วงเกษตรศิลปการ]] ||(๔๔) [[พระยาประกิตกลศาสตร์]] | |||
|- | |||
|(๔๕) [[พลตรี บัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา]] ||(๔๖) [[พระสุขุมวินิจฉัย]] ||(๔๗) [[พลตรี น้อม เกตุนุติ]] ||(๔๘) [[ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์|พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์]] | |||
|- | |||
|(๔๙) [[พระยาบริหารนิติธรรม]] ||(๕๐) นาย[[จุล วัจนคุปต์]] | |||
|- | |||
|} | |||
โดยมี[[เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ]] เป็น[[ประธานวุฒิสภา]] และ[[พระอัชราชทรงสิริ]] เป็นรองประธานวุฒิสภา | |||
==อ้างอิง== | ==อ้างอิง== | ||
ราชกิจจานุเบกษา ตอนที่ ๖๗ เล่มที่ ๖๗ ลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ | '''[[ราชกิจจานุเบกษา]]''' ตอนที่ ๖๗ เล่มที่ ๖๗ ลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ | ||
บุญทัน ดอกไธสง, '''การเปลี่ยนแปลงทางการบริหารและการเมืองไทย''', กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, ๒๕๒๒ | |||
ฝ่ายพัฒนาการเมืองและการปกครอง สำนักนโยบายและแผนมหาดไทย, '''อนุสารการเมือง''', มีนาคม ๒๕๒๒ | |||
โคทม อารียา, '''สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. ๒๕๔๐) หมวดองค์กรทางการเมือง เรื่องที่ ๕ ระบบการเลือกตั้ง''', กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, ๒๕๔๔ | |||
ขจัดภัย บุรุษพัฒน์, '''กำเนิดพรรคการเมืองในประเทศไทย''', วิทยานิพนธ์บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๑๐ | |||
คณิน บุญสุวรรณ, ประวัติรัฐธรรมนูญไทย, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ภูมิปัญญา, ๒๕๔๒ | สุจิต บุญบงการ, '''การพัฒนาการเมืองของไทย: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างทหาร สถาบันทางการเมือง และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน''', กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๓๑ | ||
คณิน บุญสุวรรณ, '''ประวัติรัฐธรรมนูญไทย''', กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ภูมิปัญญา, ๒๕๔๒ | |||
บรรทัดที่ 62: | บรรทัดที่ 150: | ||
==ดูเพิ่มเติม== | ==ดูเพิ่มเติม== | ||
*[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490]] | |||
*[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492]] | |||
*[[:category:การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร|การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]] | |||
*[[:category:การเลือกตั้งในประเทศไทย|การเลือกตั้งอื่น ๆ ในประเทศไทย]] | |||
[[category:การเลือกตั้งและการแต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญ|ก2492การเลือกตั้ง ส.ส. และการแต่งตั้ง ส.ว. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไืทย พ.ศ. 2492]] | [[category:การเลือกตั้งและการแต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญ|ก2492การเลือกตั้ง ส.ส. และการแต่งตั้ง ส.ว. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไืทย พ.ศ. 2492]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:13, 14 ตุลาคม 2557
ผู้เรียบเรียง ชาย ไชยชิต และ รองศาสตราจารย์ ดร. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
ความเป็นมา
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นโดย “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” ซึ่งตั้งขึ้นโดยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๔๙๐ แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ ๒ สภาร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยวุฒิสมาชิก ๑๐ คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๑๐ คน และจากผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญอีก ๔ ประเภท ประเภทละ ๕ คน รวมทั้งสิ้น ๔๐ คน มีเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ เป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ และมีกำหนดเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน ๑๘๐ วัน สภาร่างรัฐธรรมนูญได้นำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสนอต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๒ และในวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ คณะอภิรัฐมนตรีซึ่งทำหน้าที่คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ลงนามประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๙๒
รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีบทบัญญัติทั้งสิ้น ๑๘๙ มาตรา มีลักษณะสำคัญแตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านั้น คือ มีการกำหนดหลักประกันสิทธิเสรีภาพของบุคคล และป้องกันการใช้อำนาจรัฐอันเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนไว้ในหลายมาตรา รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้รัฐสภามีระบบสองสภา ประกอบด้วย วุฒิสภา และสภาผู้แทน วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงเลือกและแต่งตั้งจำนวน ๑๐๐ คน มีอายุไม่ต่ำกว่า ๔๐ ปีบริบูรณ์ สมาชิกภาพมีกำหนดคราวละ ๖ ปี แต่ในวาระเริ่มแรกให้มีการจับสลากออกจากตำแหน่งจำนวนกึ่งหนึ่ง
สภาผู้แทนประกอบด้วยสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงและใช้วิธีรวมเขตจังหวัด โดยถือเอาจังหวัดหนึ่งเป็นเขตเลือกตั้งหนึ่ง จำนวนผู้แทนในแต่ละเขตจังหวัดถือเอาจำนวนราษฎร ๑๕๐,๐๐๐คนต่อผู้แทน ๑ คน วาระการดำรงตำแหน่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดคราวละ ๔ ปี รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้ประธานวุฒิสภา เป็นประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานสภา ส่วนฝ่ายบริหารนั้น คณะรัฐมนตรีประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอื่นอีกไม่น้อยกว่า ๑๕ คน และไม่เกิน ๒๕ คน โดยมีประธานสภาผู้แทนราษฎรลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีจะเข้าบริหารราชการแผ่นดินได้ ต้องแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎรและต่อวุฒิสภา และขอความไว้วางใจจากสภาผู้แทนหลังจากที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๒
การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มเติมตามจำนวนพลเมืองตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นการเลือกตั้งทางตรง โดยวิธีรวมเขตเรียงเบอร์ โดยถือเอาจังหวัดหนึ่งเป็นเขตการเลือกตั้งหนึ่ง จำนวนผู้แทนราษฎรในแต่ละจังหวัดคิดคำนวณโดยถือจำนวนประชาชน ๑๕๐,๐๐๐ คนต่อผู้แทนราษฎร ๑ คน เนื่องจากการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มเติม จึงมีการจัดการเลือกตั้งเฉพาะใน ๑๙ จังหวัด ทำให้ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มขึ้นมาอีก ๒๑ คน จากที่มีอยู่เดิม ๙๙ คน ผลการเลือกตั้งพบว่า จากจำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั้งหมด ๓,๕๑๘,๒๗๖ คน มีผู้มาใช้สิทธิทั้งสิ้น ๘๗๐,๒๐๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๔.๒๗ จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดคือ จังหวัดสกลนคร คิดเป็นร้อยละ ๔๕.๑๒ และจังหวัดอุดรธานีมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยที่สุดคือร้อยละ ๑๒.๐๒
ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งในวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๒ จำนวน ๒๑ คน จาก ๑๙ จังหวัด ประกอบด้วย
พลตรี ขุนปลดปรปักษ์ (พระนคร) | นายประพัฒน์ วรรธนะสาร (พระนคร) | ร้อยโท จารุบุตรี เรืองสุวรรณ (ขอนแก่น) | นายทอง พงศ์อนันต์ (ชัยภูมิ) |
นายทองย้อย กลิ่นทอง (เชียงใหม่) | นายสานนท์ สายสว่าง (นครปฐม) | นายเปี่ยม บุณยโชติ ( นครศรีธรรมราช) | นายนารถ เงินทาบ (มหาสารคาม) |
นายสุวัฒน์ พูนลาภ (ร้อยเอ็ด) | นายเตียง ศิริขันธ์ (สกลนคร) | นายทิม จันสร (อุดรธานี) | หลวงนรกิจบริหาร (ฉะเชิงเทรา) |
นายบุญช่วย ศรีสวัสดิ์ (เชียงราย) | นายเพทาย โชตินุชิต (ธนบุรี) | นายอนันต์ ขันธะชวนะ (นครราชสีมา) | นายเผด็จ จิราภรณ์ (พิจิตร) |
นายโกศล สินธุเศก (ราชบุรี) | นายประเทือง ธรรมสาลี (ศรีสะเกษ) | นายยืน สืบนุการณ์ (สุรินทร์) | นางอรพิน ไชยกาล (อุบลราชธานี) |
นายทองพูน อาจธะขันธ์ (อุบลราชธานี) |
การเลือกตั้งในครั้งนี้ เป็นผลให้พรรคประชาธิปัตย์มีเสียงในสภามากที่สุด คือ ประมาณ ๔๐ ที่นั่ง รองลงมาคือ พรรคประชาชนของนายเลียง ไชยกาล มี ๓๑ ที่นั่ง นอกนั้นเป็นพรรคอิสระ ๑๔ ที่นั่ง พรรคธรรมาธิปัตย์ ๑๒ ที่นั่ง และไม่สังกัดพรรคอีก ๒๔ ที่นั่ง ซึ่งการมีเสียงข้างมาในสภาผู้แทนราษฎรมีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลค่อนข้างมาก เนื่องจากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒ กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการลงมติแสดงความไว้วางใจต่อรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว โดยที่วุฒิสภาไม่มีอำนาจลงมติแต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้ การจัดตั้งรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายหลังการเลือกตั้ง จึงมีการเคลื่อนไหวเพื่อรวมกลุ่มของพรรคการเมืองที่สนับสนุนจอมพล ป. พิบูลสงคราม และการพยายามดึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคอื่น ๆ ให้เข้ามาสนับสนุนรัฐบาล โดยเฉพาะการจัดสรรโควต้าตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ให้การสนับสนุนตน การระดมพลังสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่สนับสนุนจอมพล ป. พิบูลสงครามเข้าด้วยกันนี้ ก่อให้เกิดการแนวร่วมพรรคการเมืองที่ชื่อว่า “สหพรรค” ขึ้นในสภาผู้แทนราษฎร ความพยายามดังกล่าวส่งผลให้การจัดตั้งรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้รับความไว้วางใจด้วยคะแนนเสียง ๖๓ ต่อ ๓๑ เสียง หลังจากที่ใช้เวลาในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเป็นเวลาถึง ๑๑ วัน ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่คัดค้านรัฐบาลก็คือฝ่ายสมาชิกที่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก
การเปลี่ยนสมาชิกวุฒิสภากึ่งหนึ่งโดยวิธีจับสลาก วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๓
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒ กำหนดให้วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงเลือกและแต่งตั้งจำนวน ๑๐๐ คน มีอายุไม่ต่ำกว่า ๔๐ ปีบริบูรณ์ สมาชิกภาพมีกำหนดคราวละ ๖ ปี แต่ในวาระเริ่มแรกให้มีการจับสลากออกจากตำแหน่งจำนวนกึ่งหนึ่ง ดังนั้น เมื่อสมาชิกวุฒิสภาชุดเดิมได้มีวาระครบรอบ ๓ ปี การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒ ในวาระเริ่มแรก จึงได้มีการจับสลากรายชื่อสมาชิกวุฒิสภากึ่งหนึ่งออกจากตำแหน่ง เพื่อแต่งตั้งวุฒิสมาชิกชุดใหม่เข้ามาแทน โดยการจับสลากจัดขึ้นในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๓ ปรากฏผล ผู้ที่จับสลากออกจากตำแหน่งจำนวน ๕๐ คน ดังต่อไปนี้
(๑) พล.ท. พระยาอภัยสงคราม | (๒) พ.ท. หลวงชัยอัศวรักษ์ | (๓) พ.อ. หม่อมสนิทวงศ์เสนี | (๔) พลโท พระยาสีหราชเดชโชไชย |
(๕) นายเชวง เคียงศิริ | (๖) พระยาบริรักษ์เวชชการ | (๗) พระยาอัชราชทรงสิริ | (๘) พลเอก มังกร พรหมโยธี |
(๙) พระยาสาริกพงษ์ธรรมพิลาส | (๑๐) พลตรี พระสุริยสัตย์ | (๑๑) พระยาสาริกพงษ์ธรรมพิลาส | (๑๒) พระยาศรีราชโกษา |
(๑๓) พลเรือตรี พระจักรานุกรกิจ | (๑๔) พระยาสุริยานุวงศ์ประวัติ | (๑๕) พลตรี พระยาอินทรวิชิต | (๑๖) พลตรี สวัสดิ์ สวัสดิ์รณชัย สวัสดิเกียรติ |
(๑๗) นายบรรจง ศรีจรูญ | (๑๘) พระนิตินัยประสาน | (๑๙) หลวงประกอบนิติสาร | (๒๐) พระอัพภันตราพาธพิศาล |
(๒๑) หลวงชลนุสสร | (๒๒) พลโท พระยาสีหราชฤทธิไกร | (๒๓) นายสัญญา ยมะสมิต | (๒๔) พระยาบำเรอภักดิ์ |
(๒๕) พระยาจินดารักษ์ | (๒๖) นาวาเอก หม่อมเจ้าพรปรีชา ภมลาศน์ | (๒๗) พันเอก พระรามณรงค์ | (๒๘) พระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ |
(๒๙) หม่อมเจ้าสฤษดิ์เดช ชยางกูร | (๓๐) พลเรือตรี พระยาวิจารณ์จักรกิจ | (๓๑) หม่อมเจ้าชัชชวลิต เกษมสันต์ | (๓๒) พระยาอนุมานราชธน |
(๓๓) พระยาโทณวนิกมนตรี | (๓๔) พระเพ็ชรคีรี | (๓๕) หม่อมเจ้าดิศานุวัติ ดิศกุล | (๓๖) พระทิพยเบญญา |
(๓๗) พระยาเมธาบดี | (๓๘) พลตรีพระยาพิไชยสงคราม | (๓๙) พระชัยปัญญา | (๔๐) หม่อมเจ้าอุปลีสาณ ชุมพล |
(๔๑) พลตรี หม่อมเจ้าปรีดิเทพย์พงษ์ เทวกุล | (๔๒) พลตรี พระอุดมโยธาธิยุต | (๔๓) นาวาเอก หลวงสำรวจวิธีสมุทร | (๔๔) ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม |
(๔๕) นายจรินทร์ กฤษณะภักดี | (๔๖) พลโท พระยาศรีสรราชภักดี | (๔๗) พระมนูภาณวิมลศาสตร์ | (๔๘) พระตีรณสารวิศวกรรม |
(๔๙) พระยาอมาตยพงษ์ธรรมพิศาล | (๕๐) พระยาทรงสุรรัชฏ์ |
- ในวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๓ ได้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพื่อให้ครบจำนวน ดังนี้
โดยมีเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ เป็นประธานวุฒิสภา และพระอัชราชทรงสิริ เป็นรองประธานวุฒิสภา
อ้างอิง
ราชกิจจานุเบกษา ตอนที่ ๖๗ เล่มที่ ๖๗ ลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๓
บุญทัน ดอกไธสง, การเปลี่ยนแปลงทางการบริหารและการเมืองไทย, กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, ๒๕๒๒
ฝ่ายพัฒนาการเมืองและการปกครอง สำนักนโยบายและแผนมหาดไทย, อนุสารการเมือง, มีนาคม ๒๕๒๒
โคทม อารียา, สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. ๒๕๔๐) หมวดองค์กรทางการเมือง เรื่องที่ ๕ ระบบการเลือกตั้ง, กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, ๒๕๔๔
ขจัดภัย บุรุษพัฒน์, กำเนิดพรรคการเมืองในประเทศไทย, วิทยานิพนธ์บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๑๐
สุจิต บุญบงการ, การพัฒนาการเมืองของไทย: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างทหาร สถาบันทางการเมือง และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๓๑
คณิน บุญสุวรรณ, ประวัติรัฐธรรมนูญไทย, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ภูมิปัญญา, ๒๕๔๒