พระยาอนุมานราชธน

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :  รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


พระยาอนุมานราชธน


          พระยาอนุมานราชธน เป็นนักปราชญ์และนักการศึกษาคนสำคัญของไทย เป็นผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญในหลายสาขาวิชา อาทิ ภาษาไทย นิรุกติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ โบราณคดี มานุษยวิทยา รัฐศาสตร์ศาสนาและประเพณี โดยเฉพาะวิชาวัฒนธรรม เคยเป็นพระอาจารย์ถวายพระอักษรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล[1] ได้ใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดและการดำเนินนโยบายต่างๆของผู้นำประเทศและรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายทางวัฒนธรรมที่เป็นรากฐานของการจัดความสัมพันธ์ทางสังคมและความสัมพันธ์เชิงอำนาจในสังคมไทยตั้งแต่กลางทศวรรษ 2470จนถึงปลายทศวรรษ 2500[2] เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมและเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของโลกชาวไทย ประจำ พ.ศ. 2531 จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)

 

ประวัติ

          พระยาอนุมานราชธนมีนามเดิมว่า หลีกวงหยง ต่อมาท่านได้เปลี่ยนชื่อเป็น ยง นามสกุลได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าเสฐียรโกเศศ เป็นบุตรนายหลีหรือมะลิและนางเฮียะ เกิดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2431 เริ่มเรียนหนังสือครั้งแรกกับบิดา จนอายุได้ 9 ขวบ มารดานำไปฝากเรียนที่โรงเรียนบ้านพระยานานา เรียนได้สองปีจึงย้ายมาเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญใน พ.ศ.2442[3]

 

เหตุการณ์สำคัญ

          พระยาอนุมานราชธนได้เริ่มฝึกงานที่โอสถศาลารัฐบาล จากนั้นจึงมาเป็นเสมียนที่โรงแรมโอเรียลเต็ล และได้สมัครเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมจากพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ และมิสเตอร์ นอรแมน แมกซเวล (Norman Maxwell) เข้ารับราชการครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2447ในตำแหน่งเสมียนโท กองภาษีขาออก กรมศุลกากร แล้วโอนมาอยู่กองรายงาน เป็นเสมียนและเลขานุการของ นายนอร์แมน แมกซ์เวลส ที่ปรึกษากรมศุลกร เป็นปลัดกรมกองภาษีขาออกเมื่อพ.ศ.2456 เป็นหัวหน้าเจ้าพนักงานรับเงินภาษีอากรเมื่อพ.ศ.2463 และเป็นผู้ช่วยอธิบดีกรมศุลกากรเมื่อ พ.ศ.2465[4]

          หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 พระยาอนุมานราชธนได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนราษฎรชั่วคราวซึ่งมีสมาชิกจำนวน 70คน[5] แต่เมื่อถึงวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2476ได้ถูกปลดออกจากราชการฐานรับราชการนาน โดยมีนายทหารมาดำรงตำแหน่งแทน ในระหว่างนั้นพระยาอนุมานราชธนยังคงทำหน้าที่ชำระปทานุกรมของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์เป็นประธานและพระสารประเสริฐเป็นเลขานุการ[6]

          พระยาอนุมานราชธนได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้งในตำแหน่งหัวหน้ากองศิลปวิทยาการ กรมศิลปากร เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2478 จากการชักชวนของหลวงวิจิตรวาทการ ดังที่พระยาอนุมานราชธนบันทึกไว้ว่า “...วันหนึ่ง ข้าพเจ้าเดินมาตามถนนสีลม สวนกับหลวงวิจิตรวาทการ ซึ่งขณะนั้นเช่าบ้านหลังหนึ่งอยู่ที่ถนนสีลม หลวงวิจิตรวาทการชักชวนข้าพเจ้าไปทำงานที่กรมศิลปากร ในตำแหน่งหัวหน้ากองศิลปวิทยาการ...”[7] ต่อมากองศิลปวิทยาการได้รวมเข้ากับกองหอสมุดแห่งชาติกลายเป็นกองวรรณคดีตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการในกรมศิลปากร พ.ศ.2481 และมีคำสั่งแต่งตั้งพระยาอนุมานราชธนเป็นหัวหน้ากอง จนถึง พ.ศ.2482 พระยาอนุมานราชธนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยอธิบดีกรมศิลปากรอีกตำแหน่งหนึ่ง ได้เลื่อนเป็นข้าราชการชั้นพิเศษในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญ กรมศิลปากรและเป็นอธิบดีกรมศิลปากรเมื่อ พ.ศ.2485 ในขณะนั้นกำหนดเกษียณอายุครบ 55 ปี แต่เนื่องจากพระยาอนุมานราชธนเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ทางราชการจึงต่ออายุให้จนมีอายุครบวันเกิด 60 ปี และเกษียณอายุเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2491[8]

          พระยาอนุมานราชธนได้รับบรรดาศักดิ์พระราชทาน เมื่อครั้งรับราชการที่กรมศุลกากรตามลำดับ ดังนี้[9] พ.ศ. 2454  เป็นขุนอนุมานราชธน พ.ศ. 2459 เป็นหลวงอนุมานราชธน พ.ศ. 2463  เป็นพระอนุมานราชธน พ.ศ. 2467  เป็นพระยาอนุมานราชธน

          ในตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากรพระยาอนุมานราชธนเป็นผู้ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งโรงเรียนศิลปากรแผนกช่างขึ้นซึ่งต่อมาได้ยกฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร

          พระยาอนุมานราชธนยังมีโอกาสทำงานด้านการเมืองวัฒนธรรมให้กับ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ทั้งในทศวรรษ 2480และทศวรรษ 2490 มีบทบาทอย่างสูงในการนิยามความหมายของความเป็นไทยในต้นทศวรรษ 2480 และมีผลต่อนโยบายชาตินิยมของจอมพล ป.พิบูลสงคราม เช่นนโยบายสร้างชาติไทยให้เป็นมหาอำนาจในแหลมทอง นอกจากทำงานทางวัฒนธรรมอย่างเข้มแข็งแล้ว พระยาอนุมานราชธนยังเป็นผู้ช่วยเขียนบทความจำนวนมากในนาม “สามัคคีชัย” และ “2475” ซึ่งเป็นนามแฝงของจอมพล ป.พิบูลสงคราม[10] พระยาอนุมานราชธนได้รับการแต่งตั้งเป็นวุฒิสมาชิกในพ.ศ.2490

 

ผลงานอื่นๆ

          พระยาอนุมานราชธนได้รับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษที่สถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง เช่นคณะอักษรศาสตร์ คณะครุศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน

          พระยาอนุมานราชธนได้มีผลงานทางวิชาการ สารคดีและบันเทิงคดีทั้งงานแปลและงานเขียน ซึ่งได้พิมพ์เผยแพร่จำนวนมากกว่า 200 เรื่อง ที่รู้จักกันแพร่หลาย เช่น นิรุกติศาสตร์เบื้องต้น นิรุกติศาสตร์ ภาค 1-2, กามนิต แปลจากเรื่อง The Pilgrim Kamanita by John E. Logie โดยแปลและเรียบเรียงร่วมกับนาคะประทีป หิโตปเทศ (เรียบเรียงร่วมกับนาคะประทีป) ศาสนาเปรียบเทียบ ลัทธิของเพื่อน พื้นความหลัง เรื่องของชาติไทย, โดยใช้นามปากกาว่า เสฐียรโกเศศ ย. เสถียรโกเศศ  คารม พ.ศ. (เปลี่ยนตาม พ.ศ. ที่ประพันธ์) นามานุลักษณ์ และ ส.ก.[11]

          พระยาอนุมานราชธนยังเคยดำรงตำแหน่งในงานราชการพิเศษหลายตำแหน่ง เช่น รักษาการในตำแหน่งนายกราชบัณฑิตยสถาน ประธานคณะบรรณาธิการทำสารานุกรมไทยของราชบัณฑิตยสถาน ประธานกรรมการทำอักขรานุกรมภูมิศาสตร์ ประธานกรรมการบัญญัติศัพท์ภาษาไทย ประธานกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ประธานกรรมการชำระพจนานุกรมฉบับใหม่ กรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี กรรมการอำนวยการพัฒนาเกาะเมือง และบริเวณใกล้เคียง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ กรรมการสมาคมวรรณคดี กรรมการจัดการส่งเสริมการศึกษาโดยทางวิทยุกระจายเสียง กรรมการสอบแข่งขันชิงทุนเล่าเรียนหลวง พ.ศ. 2481-2482 นายกสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นายกสมาคมวารสารสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์

          พระยาอนุมานราชธนได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์และศาสตราจารย์พิเศษ จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[12]

          พระยาอนุมานราชธนถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยเส้นโลหิตในสมองแตก[13] รวมอายุได้ 81 ปี

 

บรรณานุกรม

กษิดิศ อนันทนาธร,รำฤก 125 ปีพระยาอนุมานราชธน, ในจุลสารเตรียมงานรำลึก 100 ปี ชาตกาล ป๋วย อึ๊งภากรณ์, ปีที่ 2 ฉบับที่ 12 ธันวาคม 2556, หน้า 7.

พระยาอนุมานราชธน, อัตชีวประวัติของพระยาอนุมานราชธน, (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ศยาม, พิมพ์ครั้งที่เจ็ด 2549).

มหาวิทยาลัยศิลปากร, พระยาอนุมานราชธน, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร, ม.ป.ป.).

สายชล สัตยานุรักษ์, 10 ปัญญาชนสยาม เล่ม 2 ปัญญาชนสยามหลังการปฏิวัติ 2475, (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ Openbooks, 2549).

 

หนังสือแนะนำ

พระยาอนุมานราชธน. (2549). อัตชีวประวัติของพระยาอนุมานราชธน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ศยาม.

สายชล สัตยานุรักษ์. (2549).  10 ปัญญาชนสยาม เล่ม 2 ปัญญาชนสยามหลังการปฏิวัติ 2475. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ Openbooks.

 

อ้างอิง 

[1] มหาวิทยาลัยศิลปากร, พระยาอนุมานราชธน, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร, ม.ป.ป.), หน้า 7

[2] สายชล สัตยานุรักษ์, 10 ปัญญาชนสยาม เล่ม 2 ปัญญาชนสยามหลังการปฏิวัติ 2475, (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ Openbooks, 2549) หน้า 79 

[3] พระยาอนุมานราชธน, อัตชีวประวัติของพระยาอนุมานราชธน, (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ศยาม, พิมพ์ครั้งที่เจ็ด 2549), หน้า 6-7.

[4] มหาวิทยาลัยศิลปากร, หน้า 5-6

[5] มหาวิทยาลัยศิลปากร, หน้า 8

[6] พระยาอนุมานราชธน, หน้า 68-70

[7] มหาวิทยาลัยศิลปากร, หน้า 17

[8] มหาวิทยาลัยศิลปากร, หน้า 7

[9] มหาวิทยาลัยศิลปากร, หน้า 7

[10]  สายชล สัตยานุรักษ์, หน้า 79 

[11] มหาวิทยาลัยศิลปากร, หน้า 9-14

[12] พระยาอนุมานราชธน, หน้า 68-70

  [13] กษิดิศ อนันทนาธร,รำฤก 125 ปีพระยาอนุมานราชธน, ในจุลสารเตรียมงานรำลึก 100 ปี       ชาตกาล ป๋วย อึ๊งภากรณ์, ปีที่ 2 ฉบับที่ 12 ธันวาคม 2556, หน้า 7