ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประธานสภาผู้แทนราษฎร"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 29 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 1 คน) | |||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''ผู้เรียบเรียง''' อารีรัตน์ | '''ผู้เรียบเรียง''' อารีรัตน์ วิชาช่าง | ||
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง | '''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง | ||
บรรทัดที่ 6: | บรรทัดที่ 6: | ||
---- | ---- | ||
ประธานสภาผู้แทนราษฎร คือ | '''ประธานสภาผู้แทนราษฎร''' คือ สมาชิก[[สภาผู้แทนราษฎร]]ซึ่ง[[พระมหากษัตริย์]]ทรงแต่งตั้งตามมติของสภาผู้แทนราษฎร มีอำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่ง[[รัฐธรรมนูญ]]และดำเนินการให้เป็นไปตามข้อบังคับ ถือเป็นตำแหน่งหัวหน้า[[ฝ่ายนิติบัญญัติ]]ในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา และเป็นผู้นำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร | ||
==ความหมายและประวัติความเป็นมา== | ==ความหมายและประวัติความเป็นมา== | ||
คำว่า''' “ประธานสภาผู้แทนราษฎร (Speaker)” ''' มีผู้ให้ความหมายไว้หลายแบบ | คำว่า''' “ประธานสภาผู้แทนราษฎร (Speaker)” ''' มีผู้ให้ความหมายไว้หลายแบบ อาทิเช่น หมายถึง ผู้ที่เป็นประธานของที่ประชุมสภา เดิมทีเดียวคำนี้ใช้เรียกประธานสภาสามัญของอังกฤษ เนื่องจากมีอำนาจหน้าที่ “พูด” แทนสามัญชนในรัฐสภา<ref>คณิน บุญสุวรรณ. '''ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทยฉบับสมบูรณ์.''' กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548. หน้า 564.</ref> หรือ หมายถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนอกจากจะเป็นประมุขของสภาผู้แทนราษฎรแล้วยังเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ คือ รัฐสภาด้วย<ref>คณิน บุญสุวรรณ. '''ศัพท์รัฐสภา.''' กรุงเทพฯ บพิธการพิมพ์, หน้า 246-247.</ref> รวมทั้งหมายถึง ผู้ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งมวล (ทุกพรรคการเมือง) ได้เลือกขึ้นมาให้เป็นประธานของพวกตน เพื่อให้ทำหน้าที่ควบคุมและจัดการประชุมให้มีประสิทธิภาพ ประธานสภาจะต้องเป็นกลางในทางการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ของตน<ref>เดโช สวนานนท์. '''พจนานุกรมศัพท์การเมือง.''' กรุงเทพฯ : หน้าต่างสู่โลกกว้าง, 2547, หน้า 150.</ref> | ||
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในวันที่ 28 มิถุนายน | ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในวันที่ 28 มิถุนายน พุทธศักราช 2475 พระราชบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 ที่ใช้ในการปกครองประเทศขณะนั้น ได้บัญญัติ มาตรา 18 ให้สมาชิกเลือกกันขึ้นเป็นประธานของสภา 1 นาย มีหน้าที่ดำเนินการของสภา และมีรองประธาน 1 นายเป็นผู้ทำการแทน เมื่อประธานมีเหตุขัดข้องชั่วคราวที่จะทำหน้าที่ได้ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้เลือก '''มหาอำมาตย์เอก [[เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี]]''' (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และ[[พลตรี พระยาอินทรวิชิต|นายพลตรี พระยาอินทรวิชิต]] เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร จึงถือได้ว่าประเทศไทยได้มีผู้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเกิดขึ้นนับแต่นั้นมา | ||
การดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรในปัจจุบันนั้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 124 กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎร มีประธานสภาคนหนึ่ง และรองประธานคนหนึ่งหรือสองคน | การดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรในปัจจุบันนั้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 124 กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎร มีประธานสภาคนหนึ่ง และรองประธานคนหนึ่งหรือสองคน [[พระมหากษัตริย์]]ทรงแต่งตั้งจากสมาชิกแห่งสภานั้น ๆ ตามมติของสภา ซึ่ง[[รัฐธรรมนูญ]] ฉบับนี้มีบทบัญญัติแตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับอื่น คือ ในระหว่างการดำรงตำแหน่งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นกรรมการบริหารคือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองขณะเดียวกันมิได้ สำหรับการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อดำรงตำแหน่งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ที่กำหนดให้สมาชิกแต่ละคนมีสิทธิเสนอชื่อสมาชิกได้หนึ่งชื่อ การเสนอนั้นต้องมีจำนวนสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่ายี่สิบคน ถ้ามีการเสนอชื่อผู้ใดเพียงชื่อเดียว ให้ถือว่าผู้ถูกเสนอชื่อนั้นเป็นผู้ได้รับเลือก ถ้ามีการเสนอชื่อหลายชื่อให้[[ออกเสียงลงคะแนน]]เป็นการลับ เมื่อเลือกประธานและรองประธานได้แล้ว ให้เลขาธิการมีหนังสือแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อนำความกราบบังคมทูล โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ<ref>'''รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550.''' กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550. หน้า 66-67.</ref> นอกจากนี้รัฐธรรมนูญยังกำหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรดำรงตำแหน่งจนสิ้นอายุของสภาหรือมีการยุบสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎรสามารถพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระได้แล้วแต่กรณี ดังนี้ เมื่อ[[ขาดจากสมาชิกภาพ]] ลาออกจากตำแหน่ง ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี [[รัฐมนตรี]] หรือข้าราชการการเมืองอื่น ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นกรณีที่คดียังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท | ||
สำหรับการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรครั้งล่าสุด เกิดขึ้นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 1 ครั้งที่ 24 (สมัยสามัญทั่วไป) วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พุทธศักราช 2551 ณ ตึกรัฐสภา การประชุมเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.43 นาฬิกา | สำหรับการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรครั้งล่าสุด เกิดขึ้นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 1 ครั้งที่ 24 (สมัยสามัญทั่วไป) วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พุทธศักราช 2551 ณ ตึกรัฐสภา การประชุมเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.43 นาฬิกา เมื่อครบองค์ประชุมแล้ว[[สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์|นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์]] รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเปิดประชุม จากนั้นได้เสนอให้ที่ประชุมเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง<ref>'''บันทึกการประชุมสภาผู้แทนราษฎร''' ชุดที่ 23 ปีที่ 1 ครั้งที่ 24 (สมัยสามัญทั่วไป) วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พุทธศักราช 2551 ณ ตึกรัฐสภา (ออนไลน์) สืบค้นจาก http://www.parliament.go.th/parcy/sapa_meetings_count.php?doc_id=473 (วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552)</ref> ในการนี้พรรคพลังประชาชนเสนอ [[ชัย ชิดชอบ|นายชัย ชิดชอบ]] ส่วนพรรคฝ่ายค้านเสนอ[[บัญญัติ บรรทัดฐาน|นายบัญญัติ บรรทัดฐาน]] ซึ่งที่ประชุมได้ลงมติเลือก นายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ด้วยคะแนน 283 ต่อ 158 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง<ref>'''“ชัย นั่งปธ. สภาพลิกโผ”''' เดลินิวส์ (Th) (ออนไลน์) สืบค้นจาก NEWSCenter. (วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552)</ref> ส่งผลให้นายชัย ชิดชอบ ได้รับเลือกเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 24 ของประเทศไทย | ||
==อำนาจหน้าที่และภารกิจของประธานสภาผู้แทนราษฎร== | ==อำนาจหน้าที่และภารกิจของประธานสภาผู้แทนราษฎร== | ||
บรรทัดที่ 24: | บรรทัดที่ 24: | ||
'''1.อำนาจหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด''' | '''1.อำนาจหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด''' | ||
สำหรับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช | สำหรับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้ | ||
เป็น[[ประธานรัฐสภา]] | เป็น[[ประธานรัฐสภา]] | ||
เป็น[[ผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ]]ดังต่อไปนี้ | |||
- | -นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่ง[[นายกรัฐมนตรี]] และเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี (มาตรา 171, 172 และ 173) | ||
- | -นำชื่อกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่ง[[นายกรัฐมนตรี]]คนต่อไป ในกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร[[ลงมติไม่ไว้วางใจ]]ใน[[การอภิปราย]]ไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ (มาตรา 158 วรรคท้าย) | ||
- | -ลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง[[ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร]] (มาตรา 110 ) | ||
ประกาศใน[[ราชกิจจานุเบกษา]]ให้ผู้มีชื่ออยู่ในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใน[[เขตเลือกตั้ง]]แบบสัดส่วนนั้น เลื่อนขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ตำแหน่งนั้นว่างลง (มาตรา 109 (2) ) | |||
เป็นผู้ส่งเรื่อง ส่งความเห็น เสนอเรื่องพร้อมความเห็นและส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ดังนี้ | เป็นผู้ส่งเรื่อง ส่งความเห็น เสนอเรื่องพร้อมความเห็นและส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ดังนี้ | ||
บรรทัดที่ 42: | บรรทัดที่ 42: | ||
-ส่งคำร้องในกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เห็นว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลง (มาตรา 91 วรรคหนึ่ง) | -ส่งคำร้องในกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เห็นว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลง (มาตรา 91 วรรคหนึ่ง) | ||
- | -ส่งเรื่องในกรณีที่[[คณะกรรมการการเลือกตั้ง|คณะกรรมการเลือกตั้ง]]เห็นว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรคนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลงตามมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (มาตรา 91 วรรคสาม) | ||
- | -ส่งร่างพระราชบัญญัติที่[[สภาผู้แทนราษฎร]]เห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติที่[[คณะรัฐมนตรี]] หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอหรือส่งให้พิจารณาใหม่นั้น เป็นร่างพระราชบัญญัติที่มีหลักการอย่างเดียวกันหรือคล้ายกันกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติที่ต้องยับยั้งไว้ (มาตรา 149) | ||
-ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เห็นว่าร่างพระราชบัญญัติใดที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรง[[ลงพระปรมาภิไธย]] มีข้อความขัดหรือแย้งหรือถูกตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ (มาตรา 154 (1)) | -ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เห็นว่าร่างพระราชบัญญัติใดที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรง[[ลงพระปรมาภิไธย]] มีข้อความขัดหรือแย้งหรือถูกตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ (มาตรา 154 (1)) | ||
-ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ | -ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ เห็นว่าร่าง[[ข้อบังคับการประชุมสภา]]ผู้แทนราษฎรที่สภาผู้แทนราษฎรนั้นเห็นชอบแล้ว แต่ยังมิได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีข้อความขัดหรือแย้งหรือถูกตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ (มาตรา 155) | ||
-ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิก ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ | -ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิก ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เห็นว่าความเป็นรัฐมนตรีของ[[รัฐมนตรี]]คนใดคนใดหนึ่งสิ้นสุดลง (มาตรา 182 วรรคท้าย) | ||
- | -ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรเข้าชื่อเสนอความเห็นก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะได้อนุมัติ[[พระราชกำหนด]] ว่าพระราชกำหนดไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ เพื่อความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ หรือกรณ๊ไม่เป็นกรณ๊ฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ (มาตรา 185) | ||
-ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผุ้แทนราษฎรมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนในกรณีที่หนังสือสัญญามีปัญหาตามมาตรา 190 วรรคสอง ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย (มาตรา 190 วรรคท้าย) | -ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผุ้แทนราษฎรมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนในกรณีที่หนังสือสัญญามีปัญหาตามมาตรา 190 วรรคสอง ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย (มาตรา 190 วรรคท้าย) | ||
บรรทัดที่ 58: | บรรทัดที่ 58: | ||
เป็นกรรมการในคณะกรรมการสรรหาบุคคลให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรต่าง ๆ | เป็นกรรมการในคณะกรรมการสรรหาบุคคลให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรต่าง ๆ | ||
- | -เป็นกรรมการสรรหา[[ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ]] (มาตรา 206) | ||
- | -เป็นกรรมการสรรหา[[กรรมการการเลือกตั้ง]] (มาตรา 231(1)) | ||
- | -เป็นกรรมการสรรหา[[ผู้ตรวจการแผ่นดิน]] (มาตรา 243) | ||
- | -เป็นกรรมการสรรหา[[กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ]] (มาตรา 146 วรรคสาม) | ||
อำนาจหน้าที่อื่น | อำนาจหน้าที่อื่น | ||
บรรทัดที่ 70: | บรรทัดที่ 70: | ||
-ดำเนินกิจการของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้ แทนราษฎร (มาตรา 125) | -ดำเนินกิจการของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้ แทนราษฎร (มาตรา 125) | ||
- | -จัดให้มีการบันทึกการ[[ออกเสียงลงคะแนน]]ของสมาชิกแต่ละคนและเปิดเผยบันทึกดังกล่าวไว้ในที่ที่ประชาชนอาจเข้าไปตรวจสอบได้ เว้นแต่[[กรณีการออกเสียงลงคะแนนเป็นการลับ]](มาตรา 126 วรรคสี่) | ||
- | -สั่งให้ปล่อยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ถูกจับขณะกระทำความผิดในระหว่าง[[สมัยประชุม]] (มาตรา 131 วรรคสอง) | ||
-ร้องขอให้ปล่อยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ซึ่งถูกคุมขังในระหว่างสอบสวนหรือพิจารณาอยู่ก่อนสมัยประชุม | -ร้องขอให้ปล่อยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ซึ่งถูกคุมขังในระหว่างสอบสวนหรือพิจารณาอยู่ก่อนสมัยประชุม เมื่อถึง[[สมัยประชุม]] (มาตรา 131 วรรคห้า) | ||
-กำหนดสัดส่วนของกรรมาธิการสามัญซึ่งแต่งตั้งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในกรณีที่ยังไม่มีข้อบังคับการประชุมสภา (มาตรา 135 วรรคท้าย) | -กำหนดสัดส่วนของกรรมาธิการสามัญซึ่งแต่งตั้งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในกรณีที่ยังไม่มีข้อบังคับการประชุมสภา (มาตรา 135 วรรคท้าย) | ||
บรรทัดที่ 81: | บรรทัดที่ 81: | ||
สามัญทุกคณะ ในกรณีที่สงสัยว่าร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญใดเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินที่จะต้องมีคำรับรองของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีกรณีดังกล่าว (มาตรา 143) | สามัญทุกคณะ ในกรณีที่สงสัยว่าร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญใดเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินที่จะต้องมีคำรับรองของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีกรณีดังกล่าว (มาตรา 143) | ||
-สั่งให้ระงับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่สภาผู้แทนราษฎรแก้ไขเพิ่มเติมจนมีผลทำให้มีลักษณะเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินไว้ก่อน | -สั่งให้ระงับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่สภาผู้แทนราษฎรแก้ไขเพิ่มเติมจนมีผลทำให้มีลักษณะเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินไว้ก่อน แล้วจัดให้มีการประชุมร่วมกันของประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธาน[[คณะกรรมาธิการสามัญ]]ประจำสภาผู้แทนราษฎร เพื่อวินิจฉัย ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีกรณีดังกล่าว และส่งร่างพระราชบัญญัตินั้นให้นายกรัฐมนตรีรับรอง หากการประชุมร่วมกันของประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎรวินิจฉัยว่าการแก้ไขเพิ่มเติมนั้นทำให้ร่างพระราชบัญญัติมีลักษณะเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน (มาตรา 144) | ||
- | -แจ้งไปยัง[[วุฒิสภา]]ว่าร่างพระราชบัญญัติที่เสนอไปนั้นเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน (มาตรา 146) | ||
-วินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติที่จะให้สภาพิจารณามีสาระสำคัญเกี่ยวกับเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือทุพพลภาพ (มาตรา 152) | -วินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติที่จะให้สภาพิจารณามีสาระสำคัญเกี่ยวกับเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือทุพพลภาพ (มาตรา 152) | ||
- | -บรรจุระเบียบวารกระทู้ถามทั่วไปและกระทู้ถามสดที่สมาชิกตั้งถาม[[รัฐมนตรี]]ในวันที่มีการประชุมนั้นเข้าวาระการประชุม (มาตรา 156, 157) | ||
- | -ร่วมปรึกษากับนายกรัฐมนตรีเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียง[[ประชามติ]]ในกรณีที่[[คณะรัฐมนตรี]]เห็นว่ากิจการในเรื่องใดอาจกระทบประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติและประชาชน (มาตรา 165 (1)) | ||
-รับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนและข้อหารือของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนำเอาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่มาหารือต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แล้วพิจารณาให้ความช่วยเหลือหรือส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป (มาตรา 59) | -รับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนและข้อหารือของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนำเอาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่มาหารือต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แล้วพิจารณาให้ความช่วยเหลือหรือส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป (มาตรา 59) | ||
บรรทัดที่ 105: | บรรทัดที่ 105: | ||
2.5แต่งตั้งกรรมการเพื่อดำเนินกิจการใด ๆ อันเป็นประโยชน์ต่อกิจการของสภาผู้แทนราษฎร (ข้อ 8 (5)) | 2.5แต่งตั้งกรรมการเพื่อดำเนินกิจการใด ๆ อันเป็นประโยชน์ต่อกิจการของสภาผู้แทนราษฎร (ข้อ 8 (5)) | ||
2.6 อำนาจและหน้าที่อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้ | 2.6 อำนาจและหน้าที่อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้ (ข้อ 8 (6)) | ||
'''3. | '''3.อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบ[[ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา]] พ.ศ. 2518''' | ||
'''4. | '''4.อำนาจหน้าที่ตาม[[ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ]] พ.ศ. 2552 (อำนาจของสภาผู้แทนราษฎรที่จะตราขึ้นตามมาตรา 134 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550)''' | ||
'''5.อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า พ.ศ. 2541''' | '''5.อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า พ.ศ. 2541''' | ||
บรรทัดที่ 115: | บรรทัดที่ 115: | ||
==ประธานสภาผู้แทนราษฎรของประเทศไทย== | ==ประธานสภาผู้แทนราษฎรของประเทศไทย== | ||
ประเทศไทยได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลักในการปกครองประเทศมาแล้วถึง 18 ฉบับ แต่ละฉบับจะมีหลักการใหญ่ที่คล้ายคลึงกัน และมีความแตกต่างกันไปบ้างในรายละเอียด ในบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับประธานสภาผู้แทนราษฎรก็เช่นกัน ในช่วงแรกรัฐสภามีเพียงสภาเดียว คือ สภาผู้แทนราษฎร | ประเทศไทยได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลักในการปกครองประเทศมาแล้วถึง 18 ฉบับ แต่ละฉบับจะมีหลักการใหญ่ที่คล้ายคลึงกัน และมีความแตกต่างกันไปบ้างในรายละเอียด ในบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับประธานสภาผู้แทนราษฎรก็เช่นกัน ในช่วงแรกรัฐสภามีเพียงสภาเดียว คือ สภาผู้แทนราษฎร ประธานสภาผู้แทนราษฎรจึงดำรงตำแหน่ง[[ประธานรัฐสภา]]ด้วย แต่ต่อมาเมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 รัฐธรรมนูญกำหนดให้ รัฐสภาประกอบด้วย [[พฤฒสภา]]และสภาผู้แทน และให้[[ประธานพฤฒสภา]]เป็นประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนเป็นรองประธานรัฐสภา รัฐธรรมนูญหลายฉบับจากนั้นมา กำหนดให้รัฐสภาประกอบด้วยวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร โดยกำหนดให้[[ประธานวุฒิสภา]] เป็นประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 จึงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกที่แตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับอื่น คือ กำหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา และ[[ประธานวุฒิสภา]]เป็นรองประธานรัฐสภา ตราบจนถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่ใช้ในปัจจุบัน ก็ยังกำหนดเช่นกัน จากวันที่ประเทศไทยมีผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรก เมื่อปีพุทธศักราช 2475 ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวรวมจำนวน 24 คน มีรายนามตามลำดับ ดังนี้ | ||
{| border="1" | {| border="1" | ||
|- | |- | ||
|1. เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) | |1. [[เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี]] (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) | ||
|13. นายอุทัย พิมพ์ใจชน | |13. [[อุทัย พิมพ์ใจชน|นายอุทัย พิมพ์ใจชน]] | ||
|- | |- | ||
|2. เจ้าพระยาพิชัยญาติ | |2. [[เจ้าพระยาพิชัยญาติ]] | ||
|14. นายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ | |14. [[บุญเท่ง ทองสวัสดิ์|นายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์]] | ||
|- | |- | ||
|3. พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี (พลเรือตรี กระแส ประวาหะนาวิน) | |3. [[พระยาศรยุทธเสนี|พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี]] (พลเรือตรี กระแส ประวาหะนาวิน) | ||
|15. นายชวน หลีกภัย | |15. [[ชวน หลีกภัย|นายชวน หลีกภัย]] | ||
|- | |- | ||
|4. เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิต ณ สงขลา) | |4. [[เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ]] (จิต ณ สงขลา) | ||
|16. นายปัญจะ เกสรทอง | |16. [[ปัญจะ เกสรทอง|นายปัญจะ เกสรทอง]] | ||
|- | |- | ||
|5. พระยามานวราชเสวี (วิเชียร ณ สงขลา) | |5. [[พระยามานวราชเสวี]] (วิเชียร ณ สงขลา) | ||
|17. นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ | |17. [[อาทิตย์ อุไรรัตน์|นายอาทิตย์ อุไรรัตน์]] | ||
|- | |- | ||
|6. นายเกษม บุญศรี | |6. [[เกษม บุญศรี|นายเกษม บุญศรี]] | ||
|18. นายมารุต บุนนาค | |18. [[มารุต บุนนาค|นายมารุต บุนนาค]] | ||
|- | |- | ||
|7. นายพึ่ง ศรีจันทร์ | |7. [[พึ่ง ศรีจันทร์|นายพึ่ง ศรีจันทร์]] | ||
|19. นายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ | |19. [[บุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ|นายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ]] | ||
|- | |- | ||
|8. พระราชธรรมนิเทศ (เพียร ราชธรรมนิเทศ) | |8. [[พระราชธรรมนิเทศ]] (เพียร ราชธรรมนิเทศ) | ||
|20. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา | |20. [[วันมูหะมัดนอร์ มะทา|นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา]] | ||
|- | |- | ||
|9. พลเอก | |9. [[พระประจนปัจจนึก|พลเอก พระประจนปัจจนึก]] (พุก มหาดิลก) | ||
|21. นายพิชัย รัตตกุล | |21. [[พิชัย รัตตกุล|นายพิชัย รัตตกุล]] | ||
|- | |- | ||
|10. พลเอก หลวงสุทธิสารรณกร (สุทธิ์ สุทธิสารรณกร) | |10. [[หลวงสุทธิสารรณกร|พลเอก หลวงสุทธิสารรณกร]] (สุทธิ์ สุทธิสารรณกร) | ||
|22. นายโภคิน พลกุล | |22. [[โภคิน พลกุล|นายโภคิน พลกุล]] | ||
|- | |- | ||
|11. พลตรีศิริ สิริโยธิน | |11. [[ศิริ สิริโยธิน|พลตรีศิริ สิริโยธิน]] | ||
|23. นายยงยุทธ ติยะไพรัช | |23. [[ยงยุทธ ติยะไพรัช|นายยงยุทธ ติยะไพรัช]] | ||
|- | |- | ||
|12.นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ | |12. [[ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์|นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์]] | ||
|24. นายชัย ชิดชอบ | |24. [[ชัย ชิดชอบ|นายชัย ชิดชอบ]] | ||
|} | |} | ||
บรรทัดที่ 163: | บรรทัดที่ 163: | ||
==หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ== | ==หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ== | ||
กิตติ เจริญยงค์. | กิตติ เจริญยงค์. '''บทบาทอำนาจหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎร.''' กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง, 2543. | ||
'''ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยของประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร.''' กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร, 2544. | '''ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยของประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร.''' กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร, 2544. | ||
ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ. | ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ. '''ชีวประวัติและผลงาน พลตรี บุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ อดีตประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร รองนายกรัฐมนตรี.''' ม.ป.ท., ม.ป.พ. 2540. | ||
'''ประธานรัฐสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา 2539 – 2543.''' | '''ประธานรัฐสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา 2539 – 2543.''' กรุงเทพฯ : กองการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2543. | ||
'''ประวัติประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 1-19.''' | '''ประวัติประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 1-19.''' กรุงเทพฯ : หอสมุดรัฐสภาสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2539. | ||
'''ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ คิด พูด เขียน.''' กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2540. | '''ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ คิด พูด เขียน.''' กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2540. | ||
พัชรินทร์ สิรสุนทร. | พัชรินทร์ สิรสุนทร. '''พึ่ง ศรีจันทร์ : นักประชาธิปไตยผู้ทรหด อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2490.''' นนทบุรี : สถาบันวิทยาศาสตร์สังคม (ประเทศไทย), 2536. | ||
'''รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 : การศึกษาการบังคับใช้.''' | '''รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 : การศึกษาการบังคับใช้.''' กรุงเทพฯ : สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551. | ||
'''สัมภาษณ์อดีตประธานสภาฯ.''' | '''สัมภาษณ์อดีตประธานสภาฯ.''' กรุงเทพฯ : กองการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ม.ป.ป. | ||
==บรรณานุกรม== | ==บรรณานุกรม== | ||
บรรทัดที่ 186: | บรรทัดที่ 186: | ||
2517. | 2517. | ||
'''รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550.''' | '''รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550.''' กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550 | ||
'''รายชื่อประธาน รองประธาน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ 2475-2519.''' | '''รายชื่อประธาน รองประธาน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ 2475-2519.''' กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา, ม.ป.ป. | ||
'''สาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธาน สภาผู้แทนราษฎร.''' กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานประธานสภา | '''สาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธาน สภาผู้แทนราษฎร.''' กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานประธานสภา | ||
ผู้แทนราษฎร, 2551. | ผู้แทนราษฎร, 2551. | ||
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''รัฐสภาไทย : จัดพิมพ์เนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช.''' | สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''รัฐสภาไทย : จัดพิมพ์เนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช.''' กรุงเทพฯ : | ||
อมรินทร์ พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง, 2539. | อมรินทร์ พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง, 2539. | ||
[[category:ประธานสภาผู้แทนราษฎร]] | |||
[[category: |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 14:28, 20 กรกฎาคม 2553
ผู้เรียบเรียง อารีรัตน์ วิชาช่าง
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง
ประธานสภาผู้แทนราษฎร คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามมติของสภาผู้แทนราษฎร มีอำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและดำเนินการให้เป็นไปตามข้อบังคับ ถือเป็นตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายนิติบัญญัติในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา และเป็นผู้นำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ความหมายและประวัติความเป็นมา
คำว่า “ประธานสภาผู้แทนราษฎร (Speaker)” มีผู้ให้ความหมายไว้หลายแบบ อาทิเช่น หมายถึง ผู้ที่เป็นประธานของที่ประชุมสภา เดิมทีเดียวคำนี้ใช้เรียกประธานสภาสามัญของอังกฤษ เนื่องจากมีอำนาจหน้าที่ “พูด” แทนสามัญชนในรัฐสภา[1] หรือ หมายถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนอกจากจะเป็นประมุขของสภาผู้แทนราษฎรแล้วยังเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ คือ รัฐสภาด้วย[2] รวมทั้งหมายถึง ผู้ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งมวล (ทุกพรรคการเมือง) ได้เลือกขึ้นมาให้เป็นประธานของพวกตน เพื่อให้ทำหน้าที่ควบคุมและจัดการประชุมให้มีประสิทธิภาพ ประธานสภาจะต้องเป็นกลางในทางการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ของตน[3]
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในวันที่ 28 มิถุนายน พุทธศักราช 2475 พระราชบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 ที่ใช้ในการปกครองประเทศขณะนั้น ได้บัญญัติ มาตรา 18 ให้สมาชิกเลือกกันขึ้นเป็นประธานของสภา 1 นาย มีหน้าที่ดำเนินการของสภา และมีรองประธาน 1 นายเป็นผู้ทำการแทน เมื่อประธานมีเหตุขัดข้องชั่วคราวที่จะทำหน้าที่ได้ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้เลือก มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายพลตรี พระยาอินทรวิชิต เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร จึงถือได้ว่าประเทศไทยได้มีผู้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเกิดขึ้นนับแต่นั้นมา
การดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรในปัจจุบันนั้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 124 กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎร มีประธานสภาคนหนึ่ง และรองประธานคนหนึ่งหรือสองคน พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากสมาชิกแห่งสภานั้น ๆ ตามมติของสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้มีบทบัญญัติแตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับอื่น คือ ในระหว่างการดำรงตำแหน่งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นกรรมการบริหารคือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองขณะเดียวกันมิได้ สำหรับการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อดำรงตำแหน่งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ที่กำหนดให้สมาชิกแต่ละคนมีสิทธิเสนอชื่อสมาชิกได้หนึ่งชื่อ การเสนอนั้นต้องมีจำนวนสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่ายี่สิบคน ถ้ามีการเสนอชื่อผู้ใดเพียงชื่อเดียว ให้ถือว่าผู้ถูกเสนอชื่อนั้นเป็นผู้ได้รับเลือก ถ้ามีการเสนอชื่อหลายชื่อให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นการลับ เมื่อเลือกประธานและรองประธานได้แล้ว ให้เลขาธิการมีหนังสือแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อนำความกราบบังคมทูล โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ[4] นอกจากนี้รัฐธรรมนูญยังกำหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรดำรงตำแหน่งจนสิ้นอายุของสภาหรือมีการยุบสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎรสามารถพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระได้แล้วแต่กรณี ดังนี้ เมื่อขาดจากสมาชิกภาพ ลาออกจากตำแหน่ง ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือข้าราชการการเมืองอื่น ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นกรณีที่คดียังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท
สำหรับการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรครั้งล่าสุด เกิดขึ้นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 1 ครั้งที่ 24 (สมัยสามัญทั่วไป) วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พุทธศักราช 2551 ณ ตึกรัฐสภา การประชุมเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.43 นาฬิกา เมื่อครบองค์ประชุมแล้วนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเปิดประชุม จากนั้นได้เสนอให้ที่ประชุมเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง[5] ในการนี้พรรคพลังประชาชนเสนอ นายชัย ชิดชอบ ส่วนพรรคฝ่ายค้านเสนอนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ซึ่งที่ประชุมได้ลงมติเลือก นายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ด้วยคะแนน 283 ต่อ 158 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง[6] ส่งผลให้นายชัย ชิดชอบ ได้รับเลือกเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 24 ของประเทศไทย
อำนาจหน้าที่และภารกิจของประธานสภาผู้แทนราษฎร
เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งแล้วประธานสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจหน้าที่หลายประการสรุปได้ ดังนี้
1.อำนาจหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
สำหรับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
เป็นประธานรัฐสภา
เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการดังต่อไปนี้
-นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี (มาตรา 171, 172 และ 173)
-นำชื่อกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ในกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงมติไม่ไว้วางใจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ (มาตรา 158 วรรคท้าย)
-ลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (มาตรา 110 )
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ผู้มีชื่ออยู่ในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองในเขตเลือกตั้งแบบสัดส่วนนั้น เลื่อนขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ตำแหน่งนั้นว่างลง (มาตรา 109 (2) )
เป็นผู้ส่งเรื่อง ส่งความเห็น เสนอเรื่องพร้อมความเห็นและส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ดังนี้
-ส่งคำร้องในกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เห็นว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลง (มาตรา 91 วรรคหนึ่ง)
-ส่งเรื่องในกรณีที่คณะกรรมการเลือกตั้งเห็นว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรคนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลงตามมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (มาตรา 91 วรรคสาม)
-ส่งร่างพระราชบัญญัติที่สภาผู้แทนราษฎรเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอหรือส่งให้พิจารณาใหม่นั้น เป็นร่างพระราชบัญญัติที่มีหลักการอย่างเดียวกันหรือคล้ายกันกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติที่ต้องยับยั้งไว้ (มาตรา 149)
-ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เห็นว่าร่างพระราชบัญญัติใดที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย มีข้อความขัดหรือแย้งหรือถูกตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ (มาตรา 154 (1))
-ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ เห็นว่าร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่สภาผู้แทนราษฎรนั้นเห็นชอบแล้ว แต่ยังมิได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีข้อความขัดหรือแย้งหรือถูกตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ (มาตรา 155)
-ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิก ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เห็นว่าความเป็นรัฐมนตรีของรัฐมนตรีคนใดคนใดหนึ่งสิ้นสุดลง (มาตรา 182 วรรคท้าย)
-ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรเข้าชื่อเสนอความเห็นก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะได้อนุมัติพระราชกำหนด ว่าพระราชกำหนดไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ เพื่อความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ หรือกรณ๊ไม่เป็นกรณ๊ฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ (มาตรา 185)
-ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผุ้แทนราษฎรมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนในกรณีที่หนังสือสัญญามีปัญหาตามมาตรา 190 วรรคสอง ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย (มาตรา 190 วรรคท้าย)
เป็นกรรมการในคณะกรรมการสรรหาบุคคลให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรต่าง ๆ
-เป็นกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (มาตรา 206)
-เป็นกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง (มาตรา 231(1))
-เป็นกรรมการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดิน (มาตรา 243)
-เป็นกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (มาตรา 146 วรรคสาม)
อำนาจหน้าที่อื่น
-ดำเนินกิจการของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้ แทนราษฎร (มาตรา 125)
-จัดให้มีการบันทึกการออกเสียงลงคะแนนของสมาชิกแต่ละคนและเปิดเผยบันทึกดังกล่าวไว้ในที่ที่ประชาชนอาจเข้าไปตรวจสอบได้ เว้นแต่กรณีการออกเสียงลงคะแนนเป็นการลับ(มาตรา 126 วรรคสี่)
-สั่งให้ปล่อยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ถูกจับขณะกระทำความผิดในระหว่างสมัยประชุม (มาตรา 131 วรรคสอง)
-ร้องขอให้ปล่อยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ซึ่งถูกคุมขังในระหว่างสอบสวนหรือพิจารณาอยู่ก่อนสมัยประชุม เมื่อถึงสมัยประชุม (มาตรา 131 วรรคห้า)
-กำหนดสัดส่วนของกรรมาธิการสามัญซึ่งแต่งตั้งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในกรณีที่ยังไม่มีข้อบังคับการประชุมสภา (มาตรา 135 วรรคท้าย)
-จัดให้มีการประชุมร่วมกันของประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานคณะกรรมาธิการ สามัญทุกคณะ ในกรณีที่สงสัยว่าร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญใดเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินที่จะต้องมีคำรับรองของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีกรณีดังกล่าว (มาตรา 143)
-สั่งให้ระงับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่สภาผู้แทนราษฎรแก้ไขเพิ่มเติมจนมีผลทำให้มีลักษณะเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินไว้ก่อน แล้วจัดให้มีการประชุมร่วมกันของประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร เพื่อวินิจฉัย ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีกรณีดังกล่าว และส่งร่างพระราชบัญญัตินั้นให้นายกรัฐมนตรีรับรอง หากการประชุมร่วมกันของประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎรวินิจฉัยว่าการแก้ไขเพิ่มเติมนั้นทำให้ร่างพระราชบัญญัติมีลักษณะเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน (มาตรา 144)
-แจ้งไปยังวุฒิสภาว่าร่างพระราชบัญญัติที่เสนอไปนั้นเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน (มาตรา 146)
-วินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติที่จะให้สภาพิจารณามีสาระสำคัญเกี่ยวกับเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือทุพพลภาพ (มาตรา 152)
-บรรจุระเบียบวารกระทู้ถามทั่วไปและกระทู้ถามสดที่สมาชิกตั้งถามรัฐมนตรีในวันที่มีการประชุมนั้นเข้าวาระการประชุม (มาตรา 156, 157)
-ร่วมปรึกษากับนายกรัฐมนตรีเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียงประชามติในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่ากิจการในเรื่องใดอาจกระทบประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติและประชาชน (มาตรา 165 (1))
-รับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนและข้อหารือของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนำเอาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่มาหารือต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แล้วพิจารณาให้ความช่วยเหลือหรือส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป (มาตรา 59)
2.อำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551
2.1 เป็นประธานของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ข้อ 8 (1))
2.2 ควบคุมและดำเนินกิจการของสภาผู้แทนราษฎร (ข้อ 8 (2))
2.3 รักษาความสงบเรียบร้อยในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรตลอดถึงบริเวณสภา(ข้อ8 (3))
2.4 เป็นผู้แทนสภาผู้แทนราษฎรในกิจการภายนอก(ข้อ 8 (4))
2.5แต่งตั้งกรรมการเพื่อดำเนินกิจการใด ๆ อันเป็นประโยชน์ต่อกิจการของสภาผู้แทนราษฎร (ข้อ 8 (5))
2.6 อำนาจและหน้าที่อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้ (ข้อ 8 (6))
3.อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518
4.อำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2552 (อำนาจของสภาผู้แทนราษฎรที่จะตราขึ้นตามมาตรา 134 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550)
5.อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า พ.ศ. 2541
ประธานสภาผู้แทนราษฎรของประเทศไทย
ประเทศไทยได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลักในการปกครองประเทศมาแล้วถึง 18 ฉบับ แต่ละฉบับจะมีหลักการใหญ่ที่คล้ายคลึงกัน และมีความแตกต่างกันไปบ้างในรายละเอียด ในบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับประธานสภาผู้แทนราษฎรก็เช่นกัน ในช่วงแรกรัฐสภามีเพียงสภาเดียว คือ สภาผู้แทนราษฎร ประธานสภาผู้แทนราษฎรจึงดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาด้วย แต่ต่อมาเมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 รัฐธรรมนูญกำหนดให้ รัฐสภาประกอบด้วย พฤฒสภาและสภาผู้แทน และให้ประธานพฤฒสภาเป็นประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนเป็นรองประธานรัฐสภา รัฐธรรมนูญหลายฉบับจากนั้นมา กำหนดให้รัฐสภาประกอบด้วยวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร โดยกำหนดให้ประธานวุฒิสภา เป็นประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 จึงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกที่แตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับอื่น คือ กำหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา ตราบจนถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่ใช้ในปัจจุบัน ก็ยังกำหนดเช่นกัน จากวันที่ประเทศไทยมีผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรก เมื่อปีพุทธศักราช 2475 ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวรวมจำนวน 24 คน มีรายนามตามลำดับ ดังนี้
1. เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) | 13. นายอุทัย พิมพ์ใจชน |
2. เจ้าพระยาพิชัยญาติ | 14. นายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ |
3. พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี (พลเรือตรี กระแส ประวาหะนาวิน) | 15. นายชวน หลีกภัย |
4. เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิต ณ สงขลา) | 16. นายปัญจะ เกสรทอง |
5. พระยามานวราชเสวี (วิเชียร ณ สงขลา) | 17. นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ |
6. นายเกษม บุญศรี | 18. นายมารุต บุนนาค |
7. นายพึ่ง ศรีจันทร์ | 19. นายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ |
8. พระราชธรรมนิเทศ (เพียร ราชธรรมนิเทศ) | 20. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา |
9. พลเอก พระประจนปัจจนึก (พุก มหาดิลก) | 21. นายพิชัย รัตตกุล |
10. พลเอก หลวงสุทธิสารรณกร (สุทธิ์ สุทธิสารรณกร) | 22. นายโภคิน พลกุล |
11. พลตรีศิริ สิริโยธิน | 23. นายยงยุทธ ติยะไพรัช |
12. นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ | 24. นายชัย ชิดชอบ |
อ้างอิง
- ↑ คณิน บุญสุวรรณ. ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทยฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548. หน้า 564.
- ↑ คณิน บุญสุวรรณ. ศัพท์รัฐสภา. กรุงเทพฯ บพิธการพิมพ์, หน้า 246-247.
- ↑ เดโช สวนานนท์. พจนานุกรมศัพท์การเมือง. กรุงเทพฯ : หน้าต่างสู่โลกกว้าง, 2547, หน้า 150.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550. หน้า 66-67.
- ↑ บันทึกการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 1 ครั้งที่ 24 (สมัยสามัญทั่วไป) วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พุทธศักราช 2551 ณ ตึกรัฐสภา (ออนไลน์) สืบค้นจาก http://www.parliament.go.th/parcy/sapa_meetings_count.php?doc_id=473 (วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552)
- ↑ “ชัย นั่งปธ. สภาพลิกโผ” เดลินิวส์ (Th) (ออนไลน์) สืบค้นจาก NEWSCenter. (วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552)
หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ
กิตติ เจริญยงค์. บทบาทอำนาจหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎร. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง, 2543.
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยของประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร, 2544.
ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ. ชีวประวัติและผลงาน พลตรี บุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ อดีตประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร รองนายกรัฐมนตรี. ม.ป.ท., ม.ป.พ. 2540.
ประธานรัฐสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา 2539 – 2543. กรุงเทพฯ : กองการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2543.
ประวัติประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 1-19. กรุงเทพฯ : หอสมุดรัฐสภาสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2539.
ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ คิด พูด เขียน. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2540.
พัชรินทร์ สิรสุนทร. พึ่ง ศรีจันทร์ : นักประชาธิปไตยผู้ทรหด อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2490. นนทบุรี : สถาบันวิทยาศาสตร์สังคม (ประเทศไทย), 2536.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 : การศึกษาการบังคับใช้. กรุงเทพฯ : สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551.
สัมภาษณ์อดีตประธานสภาฯ. กรุงเทพฯ : กองการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ม.ป.ป.
บรรณานุกรม
ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์. รัฐสภาไทยในรอบสี่สิบสองปี (พ.ศ. 2475 – 2517). กรุงเทพฯ : ช.ชุมนุมช่าง 2517.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550
รายชื่อประธาน รองประธาน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ 2475-2519. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา, ม.ป.ป.
สาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธาน สภาผู้แทนราษฎร. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานประธานสภา ผู้แทนราษฎร, 2551.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รัฐสภาไทย : จัดพิมพ์เนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช. กรุงเทพฯ : อมรินทร์ พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง, 2539.