เกษม บุญศรี

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้แต่ง : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


เกษม บุญศรี : ประธานสภาฯ อดีตสังฆมนตรี

เมื่อเมืองไทยมีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 คือ ฉบับ พ.ศ.2489 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ปี 2489 รัฐสภาของไทยก็เปลี่ยนจากสภาเดี่ยวมาเป็นสภาคู่ โดยมีพฤฒสภาที่เป็นสภาสูงกับสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นสภาล่าง และในครั้งนั้นสภาผู้แทนราษฎรก็มีสมาชิกประเภทเดียว คือสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด และในโอกาสแรกที่สภาผู้แทนราษฎรมีสมาชิกมาจากการเลือกตั้งทั้งสภา จึงเป็นครั้งแรกที่สมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ท่านคือนายเกษม บุญศรี สามัญชน ซึ่งเป็นผู้มีคุณสมบัติทางธรรมอยู่มาก เป็นเปรียญธรรม 7 ประโยค เคยเป็นพระระดับเจ้าคุณตำแหน่งพระศรีสมโพธิ ทั้งยังเคยเป็นผู้บริหารฝ่ายสงฆ์ ตำแหน่งสังฆมนตรี มาก่อนด้วย ท่านเป็นพระภิกษุที่เคยจำพรรษาอยู่ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ที่ท่าพระจันทร์ พระนคร

นายเกษม บุญศรี เป็นคนนครสวรรค์ ท่านเกิดที่อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 เป็นบุตรนายดิน กับนางน้อม บุญศรี ในด้านการศึกษาของท่าน ในหนังสือที่พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพของท่านระบุว่า " ได้รับการศึกษาเบื้องต้นที่วัด โดยเรียนภาษาไทยก่อน แล้วจึงเรียนภาษาบาลีจนสอบไล่ได้เปรียญธรรม '7 ประโยค เมื่อ พ.ศ.2479 " สมัยที่ท่านเป็นพระนั้นมีเรื่องเล่าว่าท่านตกจากธรรมมาสน์ ความที่เล่ามีว่า

"วันปาติโมกข เป็นองค์สวดปาติโมกข สมเด็จพระวันรัต เฮง เขมจารี เป็นองค์ทานปาติโมกข อาจารย์เกษมสวดผิด 2-3 ครั้ง สมเด็จพระวันรัต โมโห ดุแบบโกรธๆ อาจารย์เกษมตกจากธรรมมาสน์ปาติโมกข อย่างไม่รู้ตัว"

ชีวิตของเกษม บุญศรี เปลี่ยนจากสงฆ์เป็นฆราวาส เมื่อท่านได้สึกจากพระในปี 2488 ตอนนั้นท่านอายุได้ 40 ปี และได้ลงสมัครเข้ารับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปที่ตามมาในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2489 ที่เขต 1 จังหวัดนครสวรรค์ ท่านลงเลือกตั้งครั้งแรกก็ได้เป็นผู้แทนราษฎรเข้าสภา นี่แสดงว่าตอนที่ท่านเป็นพระนั้น ท่านได้เป็นที่เคารพรักและเป็นที่รู้จักของผู้คนในพื้นที่บ้านเกิดของท่านเป็นอย่างดี ครั้งนั้นนครสวรรค์มีผู้แทน 2 คน ผู้แทนราษฎรอีกท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้แทนฯเขต 2 คือนายใหญ่ ศวิตชาติ ผู้ที่ต่อมาได้เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ตอนที่ลงเลือกตั้งครั้งแรกนี้ นายเกษม บุญศรี ยังไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง เมื่อมาเป็นฆราวาส ท่านก็ได้สมรสกับนางอาภาพรรณ บุญศรี

หลังการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมกราคม ปี 2489 แล้ว สภาผู้แทนราษฎรได้เลือก นายควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งรัฐบาลใหม่ แต่รัฐบาลของนายควง อภัยวงศ์ ก็มีอายุสั้น อยู่ได้ถึงเดือนมีนาคม ปีเดียวกันก็ต้องลาออก เพราะรัฐบาลแพ้เสียงในสภาฯเกี่ยวกับกฎหมายติดป้ายราคาสินค้า ต่อมาสภาฯจึงมีมติขอให้นายปรีดี พนมยงค์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนั้นสภาผู้แทนราษฎร มีพระยามานวราชเสวีเป็นประธานสภา

ครั้นมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2489 และ มีสองสภาแยกกันแล้ว ในวันที่ 3 มิถุนายน ปี 2489 ทางสภาผู้แทนราษฎรก็ได้เลือก นายเกษม บุญศรี ผู้แทนราษฎรจากจังหวัดนครสวรรค์ ที่เพิ่งจะได้รับเลือกตั้งจากประชาชนในสมัยแรกให้เป็นประธานสภา ส่วนพฤฒสภานั้นได้เลือกพันตรี วิลาศ โอสถานนท์ เป็นประธาน การเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรของนายเกษม บุญศรี จึงน่าสนใจภาระหน้าที่ของนายเกษม บุญศรี ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 6 ก็ไม่เบา เพราะหลังจากรับตำแหน่งแล้ว งานแรกก็ต้องประชุมหารือร่วมกันทั้งสองสภา เพื่อจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี เนื่องจากว่าเมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ นายกรัฐมนตรี นายปรีดี พนมยงค์ ได้ขอลาออกเพื่อให้รัฐสภาได้เลือกนายกรัฐมนตรีกันใหม่ และผลของการหารือก็มีผลให้เสนอชื่อนายปรีดี พนมยงค์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่ง การตั้งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ได้มีผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการ 2 ท่านคือ พันตรี วิลาศ โอสถานนท์ ประธานพฤฒสภา กับนายเกษม บุญศรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร

แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ทันได้ตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ปรากฏว่านวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้เสด็จสวรรคตอย่างกะทันหัน ด้วยพระแสงปืน จึงมี "การประชุมร่วมรัฐสภาเป็นพิเศษ" ที่นายกรัฐมนตรี นายปรีดี พนมยงค์ ได้มาแถลงเรื่องนี้ต่อที่ประชุมรัฐสภา และรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ อัญเชิญพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ขึ้นทรงราชย์สืบต่อไป และในวันเดียวกันนั่นเองนายกรัฐมนตรีก็ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาล วันต่อมารัฐสภาจึงต้องหารือร่วมกันอีกครั้ง และขอให้นายปรีดี พนมยงค์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะบ้านเมืองกำลังยุ่งยาก แต่นายปรีดี ก็เป็นนายกรัฐมนตรีต่อมาเพียงวันที่ 21 สิงหาคม ปีเดียวกันเท่านั้นท่านก็ได้ลาออก หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแทน เกษม บุญศรี เป็นประธานสภาฯมาจนพ้นตำแหน่งตามวาระในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ปี 2490 หลังการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2490 มีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2491 เกษม บุญศรี ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนฯจากนครสวรรค์อีกครั้ง และก็ได้รับเลือกเป็นประธานสภาฯอีกครั้งด้วย คราวนี้เป็นประธานฯอยู่มาจนถึงวันที่ 14 มิถุนายน ปี 2492 ทำงานในสภาฯกับนายกรัฐมนตรีที่ชื่อควง อภัยวงศ์ และ หลวงพิบูลสงคราม และ เกษม บุญศรี ยังได้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2492 ด้วย เกษม บุญศรี ห่างวงการเมืองไปกว่า10ปี กลับมาอีกทีเป็น ส.ส.พระนคร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2512 นับเป็นตำแหน่งสุดท้ายทางการเมือง หลังจากนั้นก็ไปทำงานวิชาการ ได้รับการยอมรับมากได้เป็นราชบัณฑิต สำนักศิลปกรรมฯท่านมีชีวิตยืนยาวอยู่นอกวงการเมือง จนถึงอสัญกรรมในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2531