ผลต่างระหว่างรุ่นของ "11 ตุลาคม พ.ศ. 2540"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 6: บรรทัดที่ 6:


----
----
วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2540 เป็นวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 16 ของประเทศไทย และเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 ที่ยกร่างขึ้นโดยมี[[สภาร่างรัฐธรรมนูญ]] ขณะที่มีการประกาศใช้นั้นอยู่ในสมัยของ[[รัฐบาล]]ที่มี [[ชวลิต  ยงใจยุทธ|พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ]] เป็น[[นายกรัฐมนตรี]] และมีนายวัน มูฮัมหมัด นอร์มะทา เป็นประธานรัฐสภา รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้มีกระบวนการจัดทำที่ให้ประชาชนเลือก[[สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ]]จากแต่ละจังหวัดเข้ามาด้วย และในขณะดำเนินการยกร่างก็ได้ออกไปฟังความคิดเห็นของประชาชนมากกว่าที่เคยมีมาก่อน จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนเลยทีเดียว
 
วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2540 เป็นวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 16 ของประเทศไทย และเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 ที่ยกร่างขึ้นโดยมี[[สภาร่างรัฐธรรมนูญ]] ขณะที่มีการประกาศใช้นั้นอยู่ในสมัยของ[[รัฐบาล]]ที่มี [[ชวลิต  ยงใจยุทธ|พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ]] เป็น[[นายกรัฐมนตรี]] และมี[[วัน มูฮัมหมัด นอร์มะทา|นายวัน มูฮัมหมัด นอร์มะทา]] เป็นประธานรัฐสภา รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้มีกระบวนการจัดทำที่ให้ประชาชนเลือก[[สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ]]จากแต่ละจังหวัดเข้ามาด้วย และในขณะดำเนินการยกร่างก็ได้ออกไปฟังความคิดเห็นของประชาชนมากกว่าที่เคยมีมาก่อน จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนเลยทีเดียว


ที่มาของ[[รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540]] นี้มาจากการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองหลังจากที่ใช้[[รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534]] ที่มีคนมองว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากคณะทหารที่ยึดอำนาจ แม้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 จะเป็นรัฐธรรมนูญที่มีข้อดีที่สำคัญคือการกำหนดจำนวน[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]ตายตัวเอาไว้ ส่วนข้อด้อยทั้งหลายก็ได้มีการแก้ไขไปอย่างมากแล้วใน พ.ศ. 2535 และผู้คนมองกันว่าเมื่อกันทหารออกไปจากการเมืองแล้วให้นักการเมืองที่มาจาก[[การเลือกตั้ง]]เข้ามามีอำนาจเต็มที่ นักการเมืองเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้การเมืองดีขึ้น ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2538 [[พรรคชาติไทย]] ของ[[บรรหาร ศิลปอาชา|นายบรรหาร ศิลปอาชา]] ได้ชูนโยบาย[[ปฏิรูปการเมือง]]ที่ต้องทำให้มีการร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่โดยไม่ให้นักการเมืองเป็นผู้ร่าง เมื่อผลการเลือกตั้งครั้งนั้นพรรคชาติไทยชนะ และได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ที่มีนายบรรหาร ศิลปะอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี การปฏิรูปจึงเริ่มขึ้นโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนั้นให้สามารถมีสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาและให้รัฐสภามีหน้าที่เพียงรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นเท่านั้น
ที่มาของ[[รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540]] นี้มาจากการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองหลังจากที่ใช้[[รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534]] ที่มีคนมองว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากคณะทหารที่ยึดอำนาจ แม้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 จะเป็นรัฐธรรมนูญที่มีข้อดีที่สำคัญคือการกำหนดจำนวน[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]ตายตัวเอาไว้ ส่วนข้อด้อยทั้งหลายก็ได้มีการแก้ไขไปอย่างมากแล้วใน พ.ศ. 2535 และผู้คนมองกันว่าเมื่อกันทหารออกไปจากการเมืองแล้วให้นักการเมืองที่มาจาก[[การเลือกตั้ง]]เข้ามามีอำนาจเต็มที่ นักการเมืองเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้การเมืองดีขึ้น ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2538 [[พรรคชาติไทย]] ของ[[บรรหาร ศิลปอาชา|นายบรรหาร ศิลปอาชา]] ได้ชูนโยบาย[[ปฏิรูปการเมือง]]ที่ต้องทำให้มีการร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่โดยไม่ให้นักการเมืองเป็นผู้ร่าง เมื่อผลการเลือกตั้งครั้งนั้นพรรคชาติไทยชนะ และได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ที่มีนายบรรหาร ศิลปะอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี การปฏิรูปจึงเริ่มขึ้นโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนั้นให้สามารถมีสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาและให้รัฐสภามีหน้าที่เพียงรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นเท่านั้น


สภาร่างรัฐธรรมนูญที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 นี้ ประกอบด้วยตัวแทนจังหวัดละ 1 คน รวม 76 คน ร่วมกับตัวแทนนักวิชาการอีก 23 คน รวมเป็น 99 คน เมื่อได้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแล้วสภาร่างรัฐธรรมนูญจึงเลือก[[อุทัย  พิมพ์ใจชน|นายอุทัย  พิมพ์ใจชน]] เป็นประธานสภาและเลือก[[อานันท์ ปันยารชุน|นายอานันท์ ปันยารชุน]] เป็น[[ประธานคณะกรรมาธิการยกร่าง]] สภาร่างได้ดำเนินการยกร่างเสร็จเรียบร้อย เสนอต่อรัฐสภาผ่านออกมาใช้แทนรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 ในวันที่ [[11 ตุลาคม พ.ศ. 2540]] โดยมีประชาชนชื่นชมและสนับสนุน
สภาร่างรัฐธรรมนูญที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 นี้ ประกอบด้วยตัวแทนจังหวัดละ 1 คน รวม 76 คน ร่วมกับตัวแทนนักวิชาการอีก 23 คน รวมเป็น 99 คน เมื่อได้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแล้วสภาร่างรัฐธรรมนูญจึงเลือก[[อุทัย  พิมพ์ใจชน|นายอุทัย  พิมพ์ใจชน]] เป็นประธานสภาและเลือก[[อานันท์ ปันยารชุน|นายอานันท์ ปันยารชุน]] เป็น[[ประธานคณะกรรมาธิการยกร่าง]] สภาร่างได้ดำเนินการยกร่างเสร็จเรียบร้อย เสนอต่อรัฐสภาผ่านออกมาใช้แทนรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 ในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2540 โดยมีประชาชนชื่นชมและสนับสนุน


รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ฉบับนี้มิได้เปลี่ยนโครงสร้างของรูปแบบรัฐบาล คือ ยังเป็นระบบรัฐสภา และมี 2 สภาได้แก่ [[สภาผู้แทนราษฎร]] และ[[วุฒิสภา]]ที่มาจากการเลือกตั้งเหมือนกัน แต่รัฐธรรมนูญนี้มีเป้าหมายที่จะเอื้อให้เกิดรัฐบาลที่เข้มแข็งและ[[พรรคการเมือง]]ใหญ่ที่เข้มแข็งขึ้นด้วย จึงกำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนฯ ที่ต้องสังกัดพรรคการเมือง ย้ายพรรคการเมืองได้ยากมาก และกำหนดให้มีสมาชิกสภาผู้แทนฯ ประเภทที่มาจาก[[บัญชีรายชื่อ]]ของพรรคการเมืองทั้งหมดถึง 100 คน โดยพรรคใหญ่จะได้เปรียบเพราะกำหนดคะแนนขั้นต่ำของพรรคการเมืองที่จะได้ผู้แทนราษฎรประเภทนี้จากคะแนนรวมของพรรคทั้งประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของผู้มาออกเสียงเลือกตั้ง
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ฉบับนี้มิได้เปลี่ยนโครงสร้างของรูปแบบรัฐบาล คือ ยังเป็นระบบรัฐสภา และมี 2 สภาได้แก่ [[สภาผู้แทนราษฎร]] และ[[วุฒิสภา]]ที่มาจากการเลือกตั้งเหมือนกัน แต่รัฐธรรมนูญนี้มีเป้าหมายที่จะเอื้อให้เกิดรัฐบาลที่เข้มแข็งและ[[พรรคการเมือง]]ใหญ่ที่เข้มแข็งขึ้นด้วย จึงกำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนฯ ที่ต้องสังกัดพรรคการเมือง ย้ายพรรคการเมืองได้ยากมาก และกำหนดให้มีสมาชิกสภาผู้แทนฯ ประเภทที่มาจาก[[บัญชีรายชื่อ]]ของพรรคการเมืองทั้งหมดถึง 100 คน โดยพรรคใหญ่จะได้เปรียบเพราะกำหนดคะแนนขั้นต่ำของพรรคการเมืองที่จะได้ผู้แทนราษฎรประเภทนี้จากคะแนนรวมของพรรคทั้งประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของผู้มาออกเสียงเลือกตั้ง
บรรทัดที่ 18: บรรทัดที่ 19:
องค์กรอิสระที่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เช่น [[ศาลรัฐธรรมนูญ]] [[คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ]] [[คณะกรรมการการเลือกตั้ง]] เป็นต้น ซึ่งการมีองค์กรอิสระเหล่านี้นับว่าได้เป็นของใหม่ในวงการเมืองไทย และดูจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนโดยทั่วไป แต่ฝ่ายการเมืองนั้นดูจะไม่ชอบใจนัก กระนั้นก็ยังยอมรับการเปลี่ยนแปลง
องค์กรอิสระที่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เช่น [[ศาลรัฐธรรมนูญ]] [[คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ]] [[คณะกรรมการการเลือกตั้ง]] เป็นต้น ซึ่งการมีองค์กรอิสระเหล่านี้นับว่าได้เป็นของใหม่ในวงการเมืองไทย และดูจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนโดยทั่วไป แต่ฝ่ายการเมืองนั้นดูจะไม่ชอบใจนัก กระนั้นก็ยังยอมรับการเปลี่ยนแปลง


หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับนี้แล้ว มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกใน พ.ศ. 2544 [[พรรคไทยรักไทย]] ที่มี [[พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร]] เป็น[[หัวหน้าพรรค]] ชนะได้เสียงเป็นอันดับหนึ่งและใกล้เคียงกับจำนวนกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดในสภาผู้แทนฯ จึงได้จัดตั้งรัฐบาลที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ใช้ต่อมารวมแล้วประมาณ 9 ปี จนถึงวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2 คณะทหารก็ได้ยึดอำนาจการปกครอง ยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 นี้
หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับนี้แล้ว มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกใน พ.ศ. 2544 [[พรรคไทยรักไทย]] ที่มี [[ทักษิณ  ชินวัตร|พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร]] เป็น[[หัวหน้าพรรค]] ชนะได้เสียงเป็นอันดับหนึ่งและใกล้เคียงกับจำนวนกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดในสภาผู้แทนฯ จึงได้จัดตั้งรัฐบาลที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ใช้ต่อมารวมแล้วประมาณ 9 ปี จนถึงวันที่ [[19 กันยายน พ.ศ. 2549 ]] สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2 คณะทหารก็ได้ยึดอำนาจการปกครอง ยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 นี้




[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]]
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 12:16, 16 ตุลาคม 2557

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2540 เป็นวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 16 ของประเทศไทย และเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 ที่ยกร่างขึ้นโดยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ขณะที่มีการประกาศใช้นั้นอยู่ในสมัยของรัฐบาลที่มี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายวัน มูฮัมหมัด นอร์มะทา เป็นประธานรัฐสภา รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้มีกระบวนการจัดทำที่ให้ประชาชนเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจากแต่ละจังหวัดเข้ามาด้วย และในขณะดำเนินการยกร่างก็ได้ออกไปฟังความคิดเห็นของประชาชนมากกว่าที่เคยมีมาก่อน จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนเลยทีเดียว

ที่มาของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 นี้มาจากการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองหลังจากที่ใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 ที่มีคนมองว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากคณะทหารที่ยึดอำนาจ แม้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 จะเป็นรัฐธรรมนูญที่มีข้อดีที่สำคัญคือการกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตายตัวเอาไว้ ส่วนข้อด้อยทั้งหลายก็ได้มีการแก้ไขไปอย่างมากแล้วใน พ.ศ. 2535 และผู้คนมองกันว่าเมื่อกันทหารออกไปจากการเมืองแล้วให้นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามามีอำนาจเต็มที่ นักการเมืองเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้การเมืองดีขึ้น ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2538 พรรคชาติไทย ของนายบรรหาร ศิลปอาชา ได้ชูนโยบายปฏิรูปการเมืองที่ต้องทำให้มีการร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่โดยไม่ให้นักการเมืองเป็นผู้ร่าง เมื่อผลการเลือกตั้งครั้งนั้นพรรคชาติไทยชนะ และได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ที่มีนายบรรหาร ศิลปะอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี การปฏิรูปจึงเริ่มขึ้นโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนั้นให้สามารถมีสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาและให้รัฐสภามีหน้าที่เพียงรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นเท่านั้น

สภาร่างรัฐธรรมนูญที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 นี้ ประกอบด้วยตัวแทนจังหวัดละ 1 คน รวม 76 คน ร่วมกับตัวแทนนักวิชาการอีก 23 คน รวมเป็น 99 คน เมื่อได้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแล้วสภาร่างรัฐธรรมนูญจึงเลือกนายอุทัย พิมพ์ใจชน เป็นประธานสภาและเลือกนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานคณะกรรมาธิการยกร่าง สภาร่างได้ดำเนินการยกร่างเสร็จเรียบร้อย เสนอต่อรัฐสภาผ่านออกมาใช้แทนรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 ในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2540 โดยมีประชาชนชื่นชมและสนับสนุน

รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ฉบับนี้มิได้เปลี่ยนโครงสร้างของรูปแบบรัฐบาล คือ ยังเป็นระบบรัฐสภา และมี 2 สภาได้แก่ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งเหมือนกัน แต่รัฐธรรมนูญนี้มีเป้าหมายที่จะเอื้อให้เกิดรัฐบาลที่เข้มแข็งและพรรคการเมืองใหญ่ที่เข้มแข็งขึ้นด้วย จึงกำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนฯ ที่ต้องสังกัดพรรคการเมือง ย้ายพรรคการเมืองได้ยากมาก และกำหนดให้มีสมาชิกสภาผู้แทนฯ ประเภทที่มาจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองทั้งหมดถึง 100 คน โดยพรรคใหญ่จะได้เปรียบเพราะกำหนดคะแนนขั้นต่ำของพรรคการเมืองที่จะได้ผู้แทนราษฎรประเภทนี้จากคะแนนรวมของพรรคทั้งประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของผู้มาออกเสียงเลือกตั้ง

สาระสำคัญอีก 2 ประการในรัฐธรรมนูญก็คือ หนึ่งการบัญญัติถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนไว้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาก่อน ทั้งนี้ เพราะต้องการให้ประชาชนมีความเข้มแข็งมากเช่นกันเพื่อจะได้ทันกับความเข้มแข็งของรัฐบาล อีกอย่างก็คือการกำหนดให้มีองค์กรอิสระที่ไม่ขึ้นกับอำนาจนิติบัญญัติ บริหารหรือตุลาการ จนมีบางคณะเรียกว่าเป็น “อำนาจที่ 4” ขึ้นมาตรวจสอบรัฐบาลและองค์กรอำนาจอื่น ๆ ได้ เพราะทราบกันดีว่าในระบบรัฐสภานั้นสภาจะตรวจสอบรัฐบาลได้ไม่มากนัก

องค์กรอิสระที่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นต้น ซึ่งการมีองค์กรอิสระเหล่านี้นับว่าได้เป็นของใหม่ในวงการเมืองไทย และดูจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนโดยทั่วไป แต่ฝ่ายการเมืองนั้นดูจะไม่ชอบใจนัก กระนั้นก็ยังยอมรับการเปลี่ยนแปลง

หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับนี้แล้ว มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกใน พ.ศ. 2544 พรรคไทยรักไทย ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค ชนะได้เสียงเป็นอันดับหนึ่งและใกล้เคียงกับจำนวนกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดในสภาผู้แทนฯ จึงได้จัดตั้งรัฐบาลที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ใช้ต่อมารวมแล้วประมาณ 9 ปี จนถึงวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2 คณะทหารก็ได้ยึดอำนาจการปกครอง ยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 นี้