ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จำลอง ศรีเมือง"
สร้างหน้าด้วย " ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์ ผู้ทรงคุ..." |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์ | ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์ | ||
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร | ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร | ||
---- | ---- | ||
บรรทัดที่ 8: | บรรทัดที่ 8: | ||
'''พลตรีจำลอง ศรีเมือง''' | '''พลตรีจำลอง ศรีเมือง''' | ||
''' พลตรีจำลอง ศรีเมือง '''อดีตรองนายกรัฐมนตรี | ''' พลตรีจำลอง ศรีเมือง '''อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตเลขาธิการ[[นายกรัฐมนตรี]] (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์) อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 2 สมัย ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าพรรค[[พลังธรรม_(พ.ศ._2531)|พลังธรรม]] เป็นแกนนำกลุ่มทหารหนุ่มหรือยังเติร์ก แกนนำของผู้ชุมนุมในเหตุการณ์ [[พฤษภาทมิฬ]] ปี พ.ศ. 2535และแกนนำ[[กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย]] อดีต[[สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ]] [[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]] [[สมาชิกวุฒิสภา|สมาชิกวุฒิสภา ]] | ||
'''ประวัติ''' | '''ประวัติ''' | ||
พลตรีจำลอง ศรีเมือง เกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2478 ที่บริเวณซึ่งปัจจุบันเป็นโรงพยาบาลทหารเรือถนนตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี เป็นบุตรของนายฮะเสียว แซ่โล้วหรือนายสมนึก ชุนรัตน์ เป็นชาวจีนมีอาชีพขายปลาอยู่ที่ตลาดเจริญพาสน์ ฝั่งธนบุรี มารดาชื่อนางบุญเรือน เป็นแม่ค้าหาบเร่หาบของจากฝั่งธนบุรีไปขายยังฝั่งพระนคร บิดาได้เสียชีวิตลงตั้งแต่พลตรีจำลองยังเป็นเด็กแบเบาะ ต่อมามารดาได้แต่งงานใหม่กับนายโชตน์ ศรีเมืองซึ่งมีอาชีพเป็นบุรุษไปรษณีย์ ซึ่งได้รับพลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นบุตรบุญธรรม จึงทำให้พลตรีจำลองใช้นามสกุล “ศรีเมือง” | พลตรีจำลอง ศรีเมือง เกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2478 ที่บริเวณซึ่งปัจจุบันเป็นโรงพยาบาลทหารเรือถนนตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี เป็นบุตรของนายฮะเสียว แซ่โล้วหรือนายสมนึก ชุนรัตน์ เป็นชาวจีนมีอาชีพขายปลาอยู่ที่ตลาดเจริญพาสน์ ฝั่งธนบุรี มารดาชื่อนางบุญเรือน เป็นแม่ค้าหาบเร่หาบของจากฝั่งธนบุรีไปขายยังฝั่งพระนคร บิดาได้เสียชีวิตลงตั้งแต่พลตรีจำลองยังเป็นเด็กแบเบาะ ต่อมามารดาได้แต่งงานใหม่กับนายโชตน์ ศรีเมืองซึ่งมีอาชีพเป็นบุรุษไปรษณีย์ ซึ่งได้รับพลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นบุตรบุญธรรม จึงทำให้พลตรีจำลองใช้นามสกุล “ศรีเมือง”[1] | ||
พลตรีจำลองเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนเทศบาล 27 วัดราชวรินทร์ สำเหร่ ซึ่งปัจจุบันคือโรงเรียนวัดราชวรินทร์ สังกัดกรุงเทพมหานครจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เมื่อปี พ.ศ.2490 จึงได้สอบคัดเลือกเข้าโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของฝั่งธนบุรีในขณะนั้น โดยสามารถสอบคัดเลือกได้ที่ 1 และสามารถสอบไล่ได้ที่ 1 ทุกปีจนจบระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 เมื่อปี พ.ศ. 2496 พลตรีจำลอง ศรีเมืองได้สอบเข้าระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนสวนกุหลาบ โรงเรียนเตรียมนายร้อยและโรงเรียนเตรียมนายเรือ ซึ่งพลตรีจำลอง ศรีเมืองสามารถสอบเข้าได้ทั้ง 3 แห่ง โดยเฉพาะที่โรงเรียนสวนกุหลาบสามารถสอบเข้าได้ที่ 1 แต่ด้วยการเรียนที่โรงเรียนเตรียมนายร้อยจะประหยัดกว่า เพราะเป็นนักเรียนนายร้อยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งค่าเล่าเรียน ค่าอาหาร ค่าเครื่องแต่งกาย รวมถึงถ้าเรียนเก่งก็จะได้รับเงินเดือนด้วย พลตรีจำลอง ศรีเมือง จึงเลือกเข้าศึกษาที่โรงเรียนเตรียมนายร้อยและต่อด้วยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 7 | พลตรีจำลองเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนเทศบาล 27 วัดราชวรินทร์ สำเหร่ ซึ่งปัจจุบันคือโรงเรียนวัดราชวรินทร์ สังกัดกรุงเทพมหานครจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เมื่อปี พ.ศ.2490 จึงได้สอบคัดเลือกเข้าโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของฝั่งธนบุรีในขณะนั้น โดยสามารถสอบคัดเลือกได้ที่ 1 และสามารถสอบไล่ได้ที่ 1 ทุกปีจนจบระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 เมื่อปี พ.ศ. 2496 พลตรีจำลอง ศรีเมืองได้สอบเข้าระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนสวนกุหลาบ โรงเรียนเตรียมนายร้อยและโรงเรียนเตรียมนายเรือ ซึ่งพลตรีจำลอง ศรีเมืองสามารถสอบเข้าได้ทั้ง 3 แห่ง โดยเฉพาะที่โรงเรียนสวนกุหลาบสามารถสอบเข้าได้ที่ 1 แต่ด้วยการเรียนที่โรงเรียนเตรียมนายร้อยจะประหยัดกว่า เพราะเป็นนักเรียนนายร้อยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งค่าเล่าเรียน ค่าอาหาร ค่าเครื่องแต่งกาย รวมถึงถ้าเรียนเก่งก็จะได้รับเงินเดือนด้วย พลตรีจำลอง ศรีเมือง จึงเลือกเข้าศึกษาที่โรงเรียนเตรียมนายร้อยและต่อด้วยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 7[2] | ||
ระหว่างที่พลตรีจำลอง ศรีเมืองเป็นนายร้อยชั้นปีที่ 1 และชั้นปีที่ 2 สอบได้ที่ 1 ติดต่อกัน 2 ปีจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “หัวหน้าตอน” และได้รับเงินเดือน ๆ ละ 105 บาท หลังจากนั้นพลตรีจำลอง ศรีเมือง ก็สามารถสอบไล่ได้ในอันดับที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 สลับกัน จนได้รับเกียรติจารึกในโล่เกียรติยศของโรงเรียน | ระหว่างที่พลตรีจำลอง ศรีเมืองเป็นนายร้อยชั้นปีที่ 1 และชั้นปีที่ 2 สอบได้ที่ 1 ติดต่อกัน 2 ปีจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “หัวหน้าตอน” และได้รับเงินเดือน ๆ ละ 105 บาท หลังจากนั้นพลตรีจำลอง ศรีเมือง ก็สามารถสอบไล่ได้ในอันดับที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 สลับกัน จนได้รับเกียรติจารึกในโล่เกียรติยศของโรงเรียน[3] | ||
เมื่อพลตรีจำลอง ศรีเมืองเป็นนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 5 ได้รับการคัดเลือกจากคณาจารย์ ผู้บังคับบัญชาและนักเรียนนายร้อยให้รับตำแหน่ง “ หัวหน้านักเรียนนายร้อย” มีอำนาจปกครองบังคับบัญชานักเรียนนายร้อยทั้งโรงเรียน ได้รับเงินเดือนๆ ละ 240 บาท | เมื่อพลตรีจำลอง ศรีเมืองเป็นนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 5 ได้รับการคัดเลือกจากคณาจารย์ ผู้บังคับบัญชาและนักเรียนนายร้อยให้รับตำแหน่ง “ หัวหน้านักเรียนนายร้อย” มีอำนาจปกครองบังคับบัญชานักเรียนนายร้อยทั้งโรงเรียน ได้รับเงินเดือนๆ ละ 240 บาท[4] ในระหว่างที่เป็นหัวหน้านักเรียนได้เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นเมื่อคณะกรรมการจัดงานหาทุนซื้อเครื่องดนตรี เครื่องกีฬาได้จัดฉายภาพยนตร์รอบพิเศษ เรื่อง “สลี้บปิ้งบิวตี้”ที่[[ศาลาเฉลิมไทย]] โดยกำไรทั้งหมดจะนำมาซื้อเครื่องดนตรี เครื่องกีฬา และวิทยุเครื่องใหญ่มอบให้กับสโมสรนักเรียนนายร้อย ซึ่งโรงเรียนนายร้อยฯได้ออกหนังสือชมเชยว่าประกอบคุณงามความดีให้กับโรงเรียน แต่ในบ่ายวันเดียวกันโรงเรียนได้มีคำสั่งปลดพลตรีจำลองและกรรมการทุกคนออกจากตำแหน่งนักเรียนผู้บังคับบัญชามาเป็นนักเรียนลูกแถว เหตุเพราะจอมพล[[จอมพล_สฤษดิ์_ธนะรัชต์|สฤษดิ์ ธนะรัชต์]] ผู้บัญชาการทหารบกได้เคยออกคำสั่งห้ามนักเรียนนายร้อยจัดฉายหนังรอบพิเศษ แต่โดยเหตุที่พลตรีจำลองมีผลการเรียนดีเด่นและมีความประพฤติดี จึงถูกลงโทษโดยให้รับกระบี่หลังจบ 3 เดือน พลตรีจำลองได้บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ว่า “เมื่อเกิดเรื่องขึ้นมา จอมพลสฤษดิ์ท่านเห็นใจ ฝากพระกริ่ง ผ่านอนุศาสนาจารย์ ไปให้พวกเรา คนละองค์ เพื่อปลอบใจ และให้บำเหน็จพิเศษ คนละขั้น ซึ่งที่จริง จะต้องงด บำเหน็จ เพราะออกรับกระบี่หลังเพื่อนๆ ทำงานไม่เต็มปีเคยใหญ่ที่สุด ต้องกลับมาเล็กที่สุด มาเป็นลูกแถว เพื่อนจบ เป็นนายทหารไปแล้ว เราต้องเป็น นักเรียนถูกแถว ต่ออีกถึง 3 เดือน เพื่อนได้เงินเดือน 1,050บาท ผมและคณะ ได้เบี้ยเลี้ยงวันละ 10 บาท เดือนกุมภาพันธ์ปีนั้น เกิดมี 28 วัน เลยได้แค่ 280 บาทเหมือนกัน เมื่อครบกำหนดโทษ พวกเราทั้ง 10 คน รับกระบี่อย่างเงียบๆ เศร้าซึมๆ จากรองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อย รับเสร็จแล้วก็เดินลงบันใดไป ไม่มีใครไปแสดงความยินดี ไม่มีพิธีฉลองกระบี่”[5] | ||
ขณะมียศพันตรีได้ผ่านการคัดเลือกจากกองบัญชาการทหารสูงสุดให้ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโททางการบริหาร (MANAGEMENT) ที่เมืองมอนเตอเร รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางวิชาการบริหาร | ขณะมียศพันตรีได้ผ่านการคัดเลือกจากกองบัญชาการทหารสูงสุดให้ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโททางการบริหาร (MANAGEMENT) ที่เมืองมอนเตอเร รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางวิชาการบริหาร[6] | ||
| ชีวิตครอบครัวสมรสกับพันตรีหญิง ศิริลักษณ์ เขียวละออ โดยที่ไม่มีบุตรด้วยกัน ภายหลังได้ร่วมกันทำกิจกรรมสังคมทั้งด้านการปฏิบัติธรรม การกินอาหารมังสวิรัติ ดูแลสุนัขจรจัด การส่งเสริมไร่นาส่วนผสมแบบธรรมชาติ การฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมถึงจัดตั้งโรงเรียนผู้นำ [7] | ||
| | ||
บรรทัดที่ 28: | บรรทัดที่ 28: | ||
'''ผลงานที่สำคัญ''' | '''ผลงานที่สำคัญ''' | ||
พลตรีจำลองเริ่มรับราชการ โดยเลือกเหล่าทหารสื่อสาร โดยให้เหตุผลว่า “เลือกเป็นนายทหารเหล่าสื่อสาร เพราะมีโอกาสจะก้าวหน้าเพราะตอนนั้นสหรัฐอเมริกาสนับสนุนกองทัพไทยเต็มที่ มีทุนไปนอกมาก สำหรับทหารราบมีแต่หลักสูตรสั้นๆ เพียงห้าหกเดือนเท่านั้น สู้ทหารสื่อสารไม่ได้ เป็นทหารสื่อสารได้ไม่นาน ก็สอบคัดเลือกไปเรียนเมืองนอก ปีแรกก็ได้ที่ 1 สมดังความตั้งใจ โดยไปเรียนที่นิวเจอร์ซีก่อน แล้วไปต่อที่ มลรัฐจอร์เจีย” | พลตรีจำลองเริ่มรับราชการ โดยเลือกเหล่าทหารสื่อสาร โดยให้เหตุผลว่า “เลือกเป็นนายทหารเหล่าสื่อสาร เพราะมีโอกาสจะก้าวหน้าเพราะตอนนั้นสหรัฐอเมริกาสนับสนุนกองทัพไทยเต็มที่ มีทุนไปนอกมาก สำหรับทหารราบมีแต่หลักสูตรสั้นๆ เพียงห้าหกเดือนเท่านั้น สู้ทหารสื่อสารไม่ได้ เป็นทหารสื่อสารได้ไม่นาน ก็สอบคัดเลือกไปเรียนเมืองนอก ปีแรกก็ได้ที่ 1 สมดังความตั้งใจ โดยไปเรียนที่นิวเจอร์ซีก่อน แล้วไปต่อที่ มลรัฐจอร์เจีย”[8] | ||
กลับจากต่างประเทศมาประจำกองร้อยทหารสื่อสาร โดยมีพลเอก | กลับจากต่างประเทศมาประจำกองร้อยทหารสื่อสาร โดยมีพลเอก [[ชวลิต_ยงใจยุทธ]] เป็นผู้บังคับกองร้อย ตอนเย็นได้ทำงานพิเศษที่ฝ่ายเทคนิคสถานีโทรทัศน์ กองทัพบกช่อง 5 ได้เงินเดือนพิเศษ เพิ่มอีกเดือนละ 300บาท บางครั้งก็ติดตาม [[พันเอกการุณ_เก่งระดม]]ยิงไปติดตั้งเครื่องถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ | ||
พลตรีจำลองได้ไปปฏิบัติราชการพิเศษในต่างประเทศ 2 แห่ง คือ ในประเทศลาวและเวียดนาม โดยในพ.ศ.2509 ขณะมียศร้อยเอกเป็นผู้บังคับกองร้อยสื่อสาร พลตรีจำลองได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการในประเทศลาว ในกองบังคับการหน่วยผสม 333 โดยเป็นหัวหน้า ทีมแซต-16 ที่ภูผาที | พลตรีจำลองได้ไปปฏิบัติราชการพิเศษในต่างประเทศ 2 แห่ง คือ ในประเทศลาวและเวียดนาม โดยในพ.ศ.2509 ขณะมียศร้อยเอกเป็นผู้บังคับกองร้อยสื่อสาร พลตรีจำลองได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการในประเทศลาว ในกองบังคับการหน่วยผสม 333 โดยเป็นหัวหน้า ทีมแซต-16 ที่ภูผาที [9] และเป็นผู้ช่วยหัวหน้ายุทธการกองพลอาสาสมัครไทยในเวียดนาม[10] | ||
พลตรีจำลองยังมีบทบาทในการตั้งกลุ่มทหารหนุ่มในปลายปี 2516 ต่อต้นปี 2517 | พลตรีจำลองยังมีบทบาทในการตั้งกลุ่มทหารหนุ่มในปลายปี 2516 ต่อต้นปี 2517 ภายหลัง[[14_ตุลาคม_พ.ศ._2516|เหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516]] กองทัพบกตกอยู่ในสภาวะไร้ผู้นำ พลตรีจำลองซึ่งขณะนั้นครองยศพันตรี ประจำกองแผนและโครงการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ได้หารือกับเพื่อนร่วมรุ่น จปร.7 เช่น พันตรี[[มนูญ_รูปขจร]] จาก กองพันทหารม้าที่ 4 พันตรีชูพงศ์ มัทวพันธ์ จากกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ พันตรีชาญบูรณ์ เพ็ญตระกูล จาก กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ พันตรีแสงศักดิ์ มังคละศิริ จากกรมการทหารช่างและพันตรีปรีดี รามสูตร จากกรมกำลังพลทหารบก ก่อตั้งกลุ่ม[[ทหารหนุ่ม]]หรือ[[ทหารยังเติร์กกับการเมืองไทย|ยังเติร์ก]]ขึ้น มองว่าสภาพการณ์ทางการเมืองที่กองทัพมีสถานภาพและเกียรติภูมิที่ตกต่ำลง สืบเนื่องจากในอดีตที่ผู้นำกองทัพเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจการค้ามากจนเป็นผลเสียต่อเกียรติภูมิและการพัฒนากองทัพ ทำให้นายทหารกลุ่มนี้ต้องการที่จะกอบกู้เกียรติภูมิของกองทัพให้กลับคืนมา เพราะนั่นเป็นจุดแรกที่จะทำให้ทหารสามารถกลับมามีบทบาททางการเมืองได้อีก[11] | ||
ก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 กลุ่มทหารหนุ่มได้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง 3 เหตุการณ์ คือ 1.คัดค้านการที่รัฐบาลไทยจะถอนสถานีเรดาร์ ที่เกาะคา จังหวัดลำปาง ในปี 2519 2.เข้าพบนายกรัฐมนตรี | ก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 กลุ่มทหารหนุ่มได้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง 3 เหตุการณ์ คือ 1.คัดค้านการที่รัฐบาลไทยจะถอนสถานีเรดาร์ ที่เกาะคา จังหวัดลำปาง ในปี 2519 2.เข้าพบนายกรัฐมนตรี หม่อมราชวงศ์[[เสนีย์_ปราโมช]]ในวันที่ 13 เมษายน 2519 เพื่อคัดค้านการแต่งตั้งพลเอก[[กฤษณ์_สีวะรา]] เป็น[[รัฐมนตรี]]กลาโหม 3.จัดนิทรรศการประชาธิปไตยในวันที่ 27 มิถุนายน 2519 ที่สนามไชยในวันเดียวกับที่[[ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย]]จัดนิทรรศการจีนแดงที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2519 พลตรีจำลองได้แสวงหาความสนับสนุนจากกลุ่มพลังอื่นเพื่อต่อต้าน “กระแสซ้าย” ซึ่งเป็นกระแสที่แรงมากในขณะนั้น [12] | ||
ในฐานะแกนนำกลุ่มทหารหนุ่ม | ในฐานะแกนนำกลุ่มทหารหนุ่ม พลตรีจำลองได้รับการแต่งตั้งเป็น[[วุฒิสมาชิก]]ระหว่าง พ.ศ. 2522-2526และได้รับการแต่งตั้งจากพลเอก[[เปรม_ติณสูลานนท์]] [[นายกรัฐมนตรี]]ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระหว่าง พ.ศ.2523-2524 และได้มีโอกาสทำงานในคณะกรรมการต่างๆ เช่น กรรมการพัฒนาชนบทแห่งชาติ กรรมการสร้างงานในชนบท กรรมการและเลขานุการนโยบายข้าว | ||
วันที่ 1 ตุลาคม 2528 หลังจากได้รับพระราชทานยศพลตรีได้เพียง 2 วัน | วันที่ 1 ตุลาคม 2528 หลังจากได้รับพระราชทานยศพลตรีได้เพียง 2 วัน พลตรีจำลองได้ลาออกจากราชการเพื่อไปสมัครรับเลือกตั้งเป็น[[ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร]]ในนาม[[กลุ่มรวมพลัง|กลุ่มรวมพลัง ]]ได้รับเลือกเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานครด้วยคะแนนเสียง 408,233 คะแนน โดยดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 17 พฤศจิกายน 2528 ถึง 14 พฤศจิกายน 2532 | ||
ในปี พ.ศ.2531 | ในปี พ.ศ.2531 พลตรีจำลองได้ตั้งพรรค[[พลังธรรม_(พ.ศ._2531)|พลังธรรม]] โดยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค สมาชิกก่อตั้งส่วนใหญ่มาจากกลุ่มสันติอโศก[13]และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานครครั้งที่ 2 ใน พ.ศ.2533 โดยชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนน 703,671 คะแนน โดยในสมัยที่ 2 ได้ดำรงตำแหน่งเพียง 2 ปี พลตรีจำลองได้ลาออกในเดือน มีนาคม 2535 เพื่อไปสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและพรรคพลังธรรมได้รับการเลือกตั้งเป็น[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]จำนวน 41 ที่นั่ง[14] โดยชนะการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานครถึง 32 คนจากจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานครทั้งหมด 35 คน[15] | ||
| ภายหลังจากที่พลเอก[[สุจินดา_คราประยูร]] ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 ท่ามกลางกระแสเรียกร้อง "นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง"ทำให้มีประชาชนมาชุมนุม[[ประท้วง]] โดยเริ่มจากการ อดข้าวของเรืออากาศตรี[[ฉลาด_วรฉัตร]] ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2535 ในช่วงเช้าของวันที่ 9 เมษายน พรรคพลังธรรม ได้แถลงข่าวที่[[รัฐสภา]] คัดค้านนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2535 พลตรีจำลองได้ประกาศอดข้าวประท้วง [16] | ||
วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2535 พลตรีจำลองได้ขอมติผู้ชุมนุมเพื่อยุติการอดข้าวประท้วงและมาเป็นแกนนำผู้ชุมนุมพร้อมกับการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังธรรม[[ | วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2535 พลตรีจำลองได้ขอมติผู้ชุมนุมเพื่อยุติการอดข้าวประท้วงและมาเป็นแกนนำผู้ชุมนุมพร้อมกับการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังธรรม[17] การชุมนุม[[ทวีความรุนแรง]]มากขึ้น และพลตรีจำลองถูกจับกุมในบ่ายวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2535ในระหว่างสลายการชุมนุม[18] | ||
วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ศาสตราจารย์ | วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ศาสตราจารย์ [[สัญญา_ธรรมศักดิ์]] ประธาน[[คณะองคมนตรี|องคมนตรี]] พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีและ[[รัฐบุรุษ]] นำพลเอกสุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี และพลตรีจำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อยุติการชุมนุม[19] โดยพลเอกสุจินดาได้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมาและนาย[[อานันท์_ปันยารชุน]] ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและให้มีการ[[ยุบสภา]]ผู้แทนราษฎร | ||
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535 พรรคพลังธรรมได้รับการเลือกตั้งจำนวน 46 ที่นั่ง[[ | [[การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป]] กันยายน พ.ศ. 2535 พรรคพลังธรรมได้รับการเลือกตั้งจำนวน 46 ที่นั่ง[20] นาย[[ชวน_หลีกภัย|ชวน หลีกภัย ]]ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ต่อมาเมื่อเกิดกรณีการมอบเอกสารสิทธิ์ สปก. 4-01 จังหวัดภูเก็ต [[พรรคร่วมฝ่ายค้าน]]ได้ยื่น[[ญัตติ]]ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีทั้งคณะในวันที่ 17-18 พฤษภาคม 2538 และมี[[การลงมติ]]ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2538 พรรคพลังธรรมได้มีมติ[[งดออกเสียง]]โดยรัฐมนตรีของพรรคทุกคนจะลาออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลว่ารัฐบาลก่อนการเลือกตั้งไม่สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาของพรรคฝ่ายค้านให้ชัดเจนได้จึงเป็นเหตุที่ทำให้นายกรัฐมนตรีได้ประกาศ[[ยุบสภา]]ผู้แทนราษฎร[21] | ||
พ.ศ. 2539 ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นสมัยที่ 3 ผลปรากฎว่า | พ.ศ. 2539 ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นสมัยที่ 3 ผลปรากฎว่า นาย[[พิจิตต_รัตตกุล]]ได้รับเลือกด้วยคะแนน 768,994 คะแนน ขณะที่ พล.ต.จำลอง ที่เคยชนะมาแล้วอย่างถล่มทลายเมื่อปี พ.ศ. 2528 และ พ.ศ. 2533 ได้คะแนน 514,401 คะแนน[22] เป้นผู้แพ้การเลือกตั้ง | ||
หลังจากนั้นพลตรีจำลองมีบทบาทในทางการเมืองน้อยลง จนกระทั่งมีการชุมนุมทางการเมืองเพื่อเรียกร้องกดดันให้ ดร. | หลังจากนั้นพลตรีจำลองมีบทบาทในทางการเมืองน้อยลง จนกระทั่งมีการชุมนุมทางการเมืองเพื่อเรียกร้องกดดันให้ ดร.[[ทักษิณ_ชินวัตร]]ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยก่อตั้ง[[กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย]]ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 พลตรีจำลองได้เข้ามาเป็นแกนนำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอันได้แก่ นาย[[สนธิ_ลิ้มทองกุล]] นาย[[สมศักดิ์_โกศัยสุข]] นาย[[สมเกียรติ_พงษ์ไพบูลย์]] และนาย[[พิภพ_ธงไชย]] ต่อมากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังชุมนุมทางการเมืองเพื่อเรียกร้องกดดันให้นาย[[สมัคร_สุนทรเวช]]และนาย[[สมชาย_วงศ์สวัสดิ์]]ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใน พ.ศ.2551 [23] ด้วย | ||
| | ||
บรรทัดที่ 64: | บรรทัดที่ 64: | ||
ปี 2535 ได้รับรางวัลแมกไซไซ สาขาการให้บริการของรัฐ (GOVERNMENT SERVICE) ซึ่งได้รับการพิจารณาในขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร | ปี 2535 ได้รับรางวัลแมกไซไซ สาขาการให้บริการของรัฐ (GOVERNMENT SERVICE) ซึ่งได้รับการพิจารณาในขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร | ||
งานเขียนของพลตรีจำลอง ศรีเมือง คือ หนังสือทางสามแพร่งเล่ม 1 ทางสามแพร่งเล่ม 2 ทางสามแพร่งเล่ม 3 และหนังสือร่วมกันสู้ | งานเขียนของพลตรีจำลอง ศรีเมือง คือ หนังสือทางสามแพร่งเล่ม 1 ทางสามแพร่งเล่ม 2 ทางสามแพร่งเล่ม 3 และหนังสือร่วมกันสู้ [24] | ||
| | ||
บรรทัดที่ 72: | บรรทัดที่ 72: | ||
จำลอง ศรีเมือง,'''นิยายภาพ “ชีวิตจำลอง”,''' (กรุงเทพฯ: มูลนิธิจำลอง,2538), หน้า จ-ซ | จำลอง ศรีเมือง,'''นิยายภาพ “ชีวิตจำลอง”,''' (กรุงเทพฯ: มูลนิธิจำลอง,2538), หน้า จ-ซ | ||
บัญชร ชวาลศิลป์, กว่าจะเป็นนายพล (ก้าวที่ 2), (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน,2553). | บัญชร ชวาลศิลป์, กว่าจะเป็นนายพล (ก้าวที่ 2), (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน,2553). | ||
ผู้จัดการออนไลน์,'''สถิติการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร วันที่ 2 มิถุนายน 2539''', เข้าถึงจาก [http://www.manager.co.th/politics/electionBK3.aspx http://www.manager.co.th/politics/electionBK3.aspx] | ผู้จัดการออนไลน์,'''สถิติการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร วันที่ 2 มิถุนายน 2539''', เข้าถึงจาก [http://www.manager.co.th/politics/electionBK3.aspx http://www.manager.co.th/politics/electionBK3.aspx] เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559. | ||
สถาบันพระปกเกล้า,'''สปก.4-01,'''เข้าถึงจาก http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=สปก. _4-01 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559. | สถาบันพระปกเกล้า,'''สปก.4-01,'''เข้าถึงจาก [http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=สปก http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=สปก]. _4-01 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559. | ||
สถาบันพระปกเกล้า,'''พลังธรรม (พ.ศ. 2531),'''เข้าถึงจาก http:/wiki.kpi.ac.th/ index.php?title=พลังธรรม_(พ.ศ._2531) เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559. | สถาบันพระปกเกล้า,'''พลังธรรม (พ.ศ. 2531),'''เข้าถึงจาก http:/wiki.kpi.ac.th/ index.php?title=พลังธรรม_(พ.ศ._2531) เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559. | ||
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,'''การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535''', เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org/wiki/การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป_กันยายน_พ.ศ. | วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,'''การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535''', เข้าถึงจาก [https://th.wikipedia.org/wiki/การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป_กันยายน_พ.ศ._2535เมื่อวันที่ https://th.wikipedia.org/wiki/การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป_กันยายน_พ.ศ._2535เมื่อวันที่] 24 กรกฎาคม 2559. | ||
อุเชนทร์ เชียงเสน, '''พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย''',เข้าถึงจาก /index.php/พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, | อุเชนทร์ เชียงเสน, '''พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย''',เข้าถึงจาก /index.php/พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.24 กรกฎาคม 2559. | ||
จำลอง ศรีเมือง. '''นายร้อยห้อยกระบี่''',เข้าถึงจาก [http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/ http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/ | จำลอง ศรีเมือง. '''นายร้อยห้อยกระบี่''',เข้าถึงจาก [http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl08.html http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl08.html], เมื่อ 15 มิถุนายน 2559 | ||
จำลอง ศรีเมือง.'''ไม่ถึงคราว''',เข้าถึงจาก http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl10.html, เมื่อ 15 มิถุนายน 2559 | จำลอง ศรีเมือง.'''ไม่ถึงคราว''',เข้าถึงจาก [http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl10.html http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl10.html], เมื่อ 15 มิถุนายน 2559 | ||
จำลอง ศรีเมือง.'''สมใจนึก''',เข้าถึงจาก http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl11.html, เมื่อ 15 มิถุนายน 2559 | จำลอง ศรีเมือง.'''สมใจนึก''',เข้าถึงจาก [http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl11.html http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl11.html], เมื่อ 15 มิถุนายน 2559 | ||
<div>'''อ้างอิง''' | <div>'''อ้างอิง''' | ||
---- | ---- | ||
<div id="ftn1"> | <div id="ftn1"> | ||
[1]จำลอง ศรีเมือง,'''นิยายภาพ “ชีวิตจำลอง”,''' (กรุงเทพฯ: มูลนิธิจำลอง,2538), หน้า จ-ซ | |||
</div> <div id="ftn2"> | </div> <div id="ftn2"> | ||
[2] จำลอง ศรีเมือง,หน้า จ-ซ | |||
</div> <div id="ftn3"> | </div> <div id="ftn3"> | ||
[3] จำลอง ศรีเมือง. '''นายร้อยห้อยกระบี่''',เข้าถึงจาก [http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl08.html http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl08.html], เมื่อ 15 มิถุนายน 2559 | |||
</div> <div id="ftn4"> | </div> <div id="ftn4"> | ||
[4] จำลอง ศรีเมือง, หน้า จ-ซ | |||
</div> <div id="ftn5"> | </div> <div id="ftn5"> | ||
[5] จำลอง ศรีเมือง. '''นายร้อยห้อยกระบี่''',เข้าถึงจาก [http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl08.html http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl08.html], เมื่อ 15 มิถุนายน 2559 | |||
</div> <div id="ftn6"> | </div> <div id="ftn6"> | ||
[6]จำลอง ศรีเมือง,หน้า จ-ซ | |||
</div> <div id="ftn7"> | </div> <div id="ftn7"> | ||
[7]จำลอง ศรีเมือง,หน้า จ-ซ | |||
</div> <div id="ftn8"> | </div> <div id="ftn8"> | ||
[8] จำลอง ศรีเมือง.'''นายทหารใหม่''',เข้าถึงจาก [http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl09.html http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl09.html], เมื่อ 15 มิถุนายน 2559 | |||
</div> <div id="ftn9"> | </div> <div id="ftn9"> | ||
[9] จำลอง ศรีเมือง.'''ไม่ถึงคราว''',เข้าถึงจาก [http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl10.html http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl10.html], เมื่อ 15 มิถุนายน 2559 | |||
</div> <div id="ftn10"> | </div> <div id="ftn10"> | ||
[10]จำลอง ศรีเมือง.'''สมใจนึก''',เข้าถึงจาก [http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl11.html http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl11.html], เมื่อ 15 มิถุนายน 2559 | |||
</div> <div id="ftn11"> | </div> <div id="ftn11"> | ||
[11] บัญชร ชวาลศิลป์, กว่าจะเป็นนายพล (ก้าวที่ 2), (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน,2553), หน้า 170-171. | |||
</div> <div id="ftn12"> | </div> <div id="ftn12"> | ||
[12] บัญชร ชวาลศิลป์, หน้า 172 - 173. | |||
</div> <div id="ftn13"> | </div> <div id="ftn13"> | ||
[13] สถาบันพระปกเกล้า,'''พลังธรรม (พ.ศ. 2531),'''เข้าถึงจาก http:/wiki.kpi.ac.th/ index.php?title=พลังธรรม_(พ.ศ._2531) เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559. | |||
</div> <div id="ftn14"> | </div> <div id="ftn14"> | ||
[14] จำลอง ศรีเมือง,หน้า จ-ซ. | |||
</div> <div id="ftn15"> | </div> <div id="ftn15"> | ||
[15] สถาบันพระปกเกล้า,'''พลังธรรม (พ.ศ. 2531),'''เข้าถึงจาก http:/wiki.kpi.ac.th/ index.php?title=พลังธรรม_(พ.ศ._2531) เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559. | |||
</div> <div id="ftn16"> | </div> <div id="ftn16"> | ||
[16] จำลอง ศรีเมือง,'''ร่วมกันสู้,''' (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ธีระการพิมพ์, 2535 พิมพ์ครั้งที่ 2), หน้า 50, 75. | |||
</div> <div id="ftn17"> | </div> <div id="ftn17"> | ||
[17] จำลอง ศรีเมือง,หน้า 111. | |||
</div> <div id="ftn18"> | </div> <div id="ftn18"> | ||
[18] จำลอง ศรีเมือง,หน้า 111. | |||
</div> <div id="ftn19"> | </div> <div id="ftn19"> | ||
[19] จำลอง ศรีเมือง,หน้า 188. | |||
</div> <div id="ftn20"> | </div> <div id="ftn20"> | ||
[20] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,'''การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535''', เข้าถึงจาก [https://th.wikipedia.org/wiki/การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป_กันยายน_พ.ศ._2535เมื่อวันที่ https://th.wikipedia.org/wiki/การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป_กันยายน_พ.ศ._2535เมื่อวันที่] 24 กรกฎาคม 2559. | |||
</div> <div id="ftn21"> | </div> <div id="ftn21"> | ||
[21] สถาบันพระปกเกล้า,'''สปก.4-01,'''เข้าถึงจาก [http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=สปก http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=สปก]. _4-01 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559. | |||
</div> <div id="ftn22"> | </div> <div id="ftn22"> | ||
[22] ผู้จัดการออนไลน์,'''สถิติการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร วันที่ 2 มิถุนายน 2539''', เข้าถึงจาก [http://www.manager.co.th/politics/electionBK3.aspx http://www.manager.co.th/politics/electionBK3.aspx] เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559. | |||
</div> <div id="ftn23"> | </div> <div id="ftn23"> | ||
[23] อุเชนทร์ เชียงเสน, '''พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย''',เข้าถึงจาก /index.php/พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.24 กรกฎาคม 2559. | |||
</div> <div id="ftn24"> | </div> <div id="ftn24"> | ||
[24] จำลอง ศรีเมือง,หน้า จ-ซ. | |||
</div> </div> | </div> </div> | ||
[[Category:บุคคลสำคัญทางการเมือง]] | [[Category:บุคคลสำคัญทางการเมือง]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:29, 4 กรกฎาคม 2561
ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
พลตรีจำลอง ศรีเมือง
พลตรีจำลอง ศรีเมือง อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์) อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 2 สมัย ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าพรรคพลังธรรม เป็นแกนนำกลุ่มทหารหนุ่มหรือยังเติร์ก แกนนำของผู้ชุมนุมในเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ ปี พ.ศ. 2535และแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา
ประวัติ
พลตรีจำลอง ศรีเมือง เกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2478 ที่บริเวณซึ่งปัจจุบันเป็นโรงพยาบาลทหารเรือถนนตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี เป็นบุตรของนายฮะเสียว แซ่โล้วหรือนายสมนึก ชุนรัตน์ เป็นชาวจีนมีอาชีพขายปลาอยู่ที่ตลาดเจริญพาสน์ ฝั่งธนบุรี มารดาชื่อนางบุญเรือน เป็นแม่ค้าหาบเร่หาบของจากฝั่งธนบุรีไปขายยังฝั่งพระนคร บิดาได้เสียชีวิตลงตั้งแต่พลตรีจำลองยังเป็นเด็กแบเบาะ ต่อมามารดาได้แต่งงานใหม่กับนายโชตน์ ศรีเมืองซึ่งมีอาชีพเป็นบุรุษไปรษณีย์ ซึ่งได้รับพลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นบุตรบุญธรรม จึงทำให้พลตรีจำลองใช้นามสกุล “ศรีเมือง”[1]
พลตรีจำลองเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนเทศบาล 27 วัดราชวรินทร์ สำเหร่ ซึ่งปัจจุบันคือโรงเรียนวัดราชวรินทร์ สังกัดกรุงเทพมหานครจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เมื่อปี พ.ศ.2490 จึงได้สอบคัดเลือกเข้าโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของฝั่งธนบุรีในขณะนั้น โดยสามารถสอบคัดเลือกได้ที่ 1 และสามารถสอบไล่ได้ที่ 1 ทุกปีจนจบระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 เมื่อปี พ.ศ. 2496 พลตรีจำลอง ศรีเมืองได้สอบเข้าระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนสวนกุหลาบ โรงเรียนเตรียมนายร้อยและโรงเรียนเตรียมนายเรือ ซึ่งพลตรีจำลอง ศรีเมืองสามารถสอบเข้าได้ทั้ง 3 แห่ง โดยเฉพาะที่โรงเรียนสวนกุหลาบสามารถสอบเข้าได้ที่ 1 แต่ด้วยการเรียนที่โรงเรียนเตรียมนายร้อยจะประหยัดกว่า เพราะเป็นนักเรียนนายร้อยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งค่าเล่าเรียน ค่าอาหาร ค่าเครื่องแต่งกาย รวมถึงถ้าเรียนเก่งก็จะได้รับเงินเดือนด้วย พลตรีจำลอง ศรีเมือง จึงเลือกเข้าศึกษาที่โรงเรียนเตรียมนายร้อยและต่อด้วยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 7[2]
ระหว่างที่พลตรีจำลอง ศรีเมืองเป็นนายร้อยชั้นปีที่ 1 และชั้นปีที่ 2 สอบได้ที่ 1 ติดต่อกัน 2 ปีจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “หัวหน้าตอน” และได้รับเงินเดือน ๆ ละ 105 บาท หลังจากนั้นพลตรีจำลอง ศรีเมือง ก็สามารถสอบไล่ได้ในอันดับที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 สลับกัน จนได้รับเกียรติจารึกในโล่เกียรติยศของโรงเรียน[3]
เมื่อพลตรีจำลอง ศรีเมืองเป็นนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 5 ได้รับการคัดเลือกจากคณาจารย์ ผู้บังคับบัญชาและนักเรียนนายร้อยให้รับตำแหน่ง “ หัวหน้านักเรียนนายร้อย” มีอำนาจปกครองบังคับบัญชานักเรียนนายร้อยทั้งโรงเรียน ได้รับเงินเดือนๆ ละ 240 บาท[4] ในระหว่างที่เป็นหัวหน้านักเรียนได้เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นเมื่อคณะกรรมการจัดงานหาทุนซื้อเครื่องดนตรี เครื่องกีฬาได้จัดฉายภาพยนตร์รอบพิเศษ เรื่อง “สลี้บปิ้งบิวตี้”ที่ศาลาเฉลิมไทย โดยกำไรทั้งหมดจะนำมาซื้อเครื่องดนตรี เครื่องกีฬา และวิทยุเครื่องใหญ่มอบให้กับสโมสรนักเรียนนายร้อย ซึ่งโรงเรียนนายร้อยฯได้ออกหนังสือชมเชยว่าประกอบคุณงามความดีให้กับโรงเรียน แต่ในบ่ายวันเดียวกันโรงเรียนได้มีคำสั่งปลดพลตรีจำลองและกรรมการทุกคนออกจากตำแหน่งนักเรียนผู้บังคับบัญชามาเป็นนักเรียนลูกแถว เหตุเพราะจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบกได้เคยออกคำสั่งห้ามนักเรียนนายร้อยจัดฉายหนังรอบพิเศษ แต่โดยเหตุที่พลตรีจำลองมีผลการเรียนดีเด่นและมีความประพฤติดี จึงถูกลงโทษโดยให้รับกระบี่หลังจบ 3 เดือน พลตรีจำลองได้บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ว่า “เมื่อเกิดเรื่องขึ้นมา จอมพลสฤษดิ์ท่านเห็นใจ ฝากพระกริ่ง ผ่านอนุศาสนาจารย์ ไปให้พวกเรา คนละองค์ เพื่อปลอบใจ และให้บำเหน็จพิเศษ คนละขั้น ซึ่งที่จริง จะต้องงด บำเหน็จ เพราะออกรับกระบี่หลังเพื่อนๆ ทำงานไม่เต็มปีเคยใหญ่ที่สุด ต้องกลับมาเล็กที่สุด มาเป็นลูกแถว เพื่อนจบ เป็นนายทหารไปแล้ว เราต้องเป็น นักเรียนถูกแถว ต่ออีกถึง 3 เดือน เพื่อนได้เงินเดือน 1,050บาท ผมและคณะ ได้เบี้ยเลี้ยงวันละ 10 บาท เดือนกุมภาพันธ์ปีนั้น เกิดมี 28 วัน เลยได้แค่ 280 บาทเหมือนกัน เมื่อครบกำหนดโทษ พวกเราทั้ง 10 คน รับกระบี่อย่างเงียบๆ เศร้าซึมๆ จากรองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อย รับเสร็จแล้วก็เดินลงบันใดไป ไม่มีใครไปแสดงความยินดี ไม่มีพิธีฉลองกระบี่”[5]
ขณะมียศพันตรีได้ผ่านการคัดเลือกจากกองบัญชาการทหารสูงสุดให้ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโททางการบริหาร (MANAGEMENT) ที่เมืองมอนเตอเร รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางวิชาการบริหาร[6]
ชีวิตครอบครัวสมรสกับพันตรีหญิง ศิริลักษณ์ เขียวละออ โดยที่ไม่มีบุตรด้วยกัน ภายหลังได้ร่วมกันทำกิจกรรมสังคมทั้งด้านการปฏิบัติธรรม การกินอาหารมังสวิรัติ ดูแลสุนัขจรจัด การส่งเสริมไร่นาส่วนผสมแบบธรรมชาติ การฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมถึงจัดตั้งโรงเรียนผู้นำ [7]
ผลงานที่สำคัญ
พลตรีจำลองเริ่มรับราชการ โดยเลือกเหล่าทหารสื่อสาร โดยให้เหตุผลว่า “เลือกเป็นนายทหารเหล่าสื่อสาร เพราะมีโอกาสจะก้าวหน้าเพราะตอนนั้นสหรัฐอเมริกาสนับสนุนกองทัพไทยเต็มที่ มีทุนไปนอกมาก สำหรับทหารราบมีแต่หลักสูตรสั้นๆ เพียงห้าหกเดือนเท่านั้น สู้ทหารสื่อสารไม่ได้ เป็นทหารสื่อสารได้ไม่นาน ก็สอบคัดเลือกไปเรียนเมืองนอก ปีแรกก็ได้ที่ 1 สมดังความตั้งใจ โดยไปเรียนที่นิวเจอร์ซีก่อน แล้วไปต่อที่ มลรัฐจอร์เจีย”[8]
กลับจากต่างประเทศมาประจำกองร้อยทหารสื่อสาร โดยมีพลเอก ชวลิต_ยงใจยุทธ เป็นผู้บังคับกองร้อย ตอนเย็นได้ทำงานพิเศษที่ฝ่ายเทคนิคสถานีโทรทัศน์ กองทัพบกช่อง 5 ได้เงินเดือนพิเศษ เพิ่มอีกเดือนละ 300บาท บางครั้งก็ติดตาม พันเอกการุณ_เก่งระดมยิงไปติดตั้งเครื่องถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์
พลตรีจำลองได้ไปปฏิบัติราชการพิเศษในต่างประเทศ 2 แห่ง คือ ในประเทศลาวและเวียดนาม โดยในพ.ศ.2509 ขณะมียศร้อยเอกเป็นผู้บังคับกองร้อยสื่อสาร พลตรีจำลองได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการในประเทศลาว ในกองบังคับการหน่วยผสม 333 โดยเป็นหัวหน้า ทีมแซต-16 ที่ภูผาที [9] และเป็นผู้ช่วยหัวหน้ายุทธการกองพลอาสาสมัครไทยในเวียดนาม[10]
พลตรีจำลองยังมีบทบาทในการตั้งกลุ่มทหารหนุ่มในปลายปี 2516 ต่อต้นปี 2517 ภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 กองทัพบกตกอยู่ในสภาวะไร้ผู้นำ พลตรีจำลองซึ่งขณะนั้นครองยศพันตรี ประจำกองแผนและโครงการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ได้หารือกับเพื่อนร่วมรุ่น จปร.7 เช่น พันตรีมนูญ_รูปขจร จาก กองพันทหารม้าที่ 4 พันตรีชูพงศ์ มัทวพันธ์ จากกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ พันตรีชาญบูรณ์ เพ็ญตระกูล จาก กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ พันตรีแสงศักดิ์ มังคละศิริ จากกรมการทหารช่างและพันตรีปรีดี รามสูตร จากกรมกำลังพลทหารบก ก่อตั้งกลุ่มทหารหนุ่มหรือยังเติร์กขึ้น มองว่าสภาพการณ์ทางการเมืองที่กองทัพมีสถานภาพและเกียรติภูมิที่ตกต่ำลง สืบเนื่องจากในอดีตที่ผู้นำกองทัพเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจการค้ามากจนเป็นผลเสียต่อเกียรติภูมิและการพัฒนากองทัพ ทำให้นายทหารกลุ่มนี้ต้องการที่จะกอบกู้เกียรติภูมิของกองทัพให้กลับคืนมา เพราะนั่นเป็นจุดแรกที่จะทำให้ทหารสามารถกลับมามีบทบาททางการเมืองได้อีก[11]
ก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 กลุ่มทหารหนุ่มได้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง 3 เหตุการณ์ คือ 1.คัดค้านการที่รัฐบาลไทยจะถอนสถานีเรดาร์ ที่เกาะคา จังหวัดลำปาง ในปี 2519 2.เข้าพบนายกรัฐมนตรี หม่อมราชวงศ์เสนีย์_ปราโมชในวันที่ 13 เมษายน 2519 เพื่อคัดค้านการแต่งตั้งพลเอกกฤษณ์_สีวะรา เป็นรัฐมนตรีกลาโหม 3.จัดนิทรรศการประชาธิปไตยในวันที่ 27 มิถุนายน 2519 ที่สนามไชยในวันเดียวกับที่ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยจัดนิทรรศการจีนแดงที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2519 พลตรีจำลองได้แสวงหาความสนับสนุนจากกลุ่มพลังอื่นเพื่อต่อต้าน “กระแสซ้าย” ซึ่งเป็นกระแสที่แรงมากในขณะนั้น [12]
ในฐานะแกนนำกลุ่มทหารหนุ่ม พลตรีจำลองได้รับการแต่งตั้งเป็นวุฒิสมาชิกระหว่าง พ.ศ. 2522-2526และได้รับการแต่งตั้งจากพลเอกเปรม_ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระหว่าง พ.ศ.2523-2524 และได้มีโอกาสทำงานในคณะกรรมการต่างๆ เช่น กรรมการพัฒนาชนบทแห่งชาติ กรรมการสร้างงานในชนบท กรรมการและเลขานุการนโยบายข้าว
วันที่ 1 ตุลาคม 2528 หลังจากได้รับพระราชทานยศพลตรีได้เพียง 2 วัน พลตรีจำลองได้ลาออกจากราชการเพื่อไปสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามกลุ่มรวมพลัง ได้รับเลือกเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานครด้วยคะแนนเสียง 408,233 คะแนน โดยดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 17 พฤศจิกายน 2528 ถึง 14 พฤศจิกายน 2532
ในปี พ.ศ.2531 พลตรีจำลองได้ตั้งพรรคพลังธรรม โดยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค สมาชิกก่อตั้งส่วนใหญ่มาจากกลุ่มสันติอโศก[13]และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานครครั้งที่ 2 ใน พ.ศ.2533 โดยชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนน 703,671 คะแนน โดยในสมัยที่ 2 ได้ดำรงตำแหน่งเพียง 2 ปี พลตรีจำลองได้ลาออกในเดือน มีนาคม 2535 เพื่อไปสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและพรรคพลังธรรมได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 41 ที่นั่ง[14] โดยชนะการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานครถึง 32 คนจากจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานครทั้งหมด 35 คน[15]
ภายหลังจากที่พลเอกสุจินดา_คราประยูร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 ท่ามกลางกระแสเรียกร้อง "นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง"ทำให้มีประชาชนมาชุมนุมประท้วง โดยเริ่มจากการ อดข้าวของเรืออากาศตรีฉลาด_วรฉัตร ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2535 ในช่วงเช้าของวันที่ 9 เมษายน พรรคพลังธรรม ได้แถลงข่าวที่รัฐสภา คัดค้านนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2535 พลตรีจำลองได้ประกาศอดข้าวประท้วง [16]
วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2535 พลตรีจำลองได้ขอมติผู้ชุมนุมเพื่อยุติการอดข้าวประท้วงและมาเป็นแกนนำผู้ชุมนุมพร้อมกับการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังธรรม[17] การชุมนุมทวีความรุนแรงมากขึ้น และพลตรีจำลองถูกจับกุมในบ่ายวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2535ในระหว่างสลายการชุมนุม[18]
วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ศาสตราจารย์ สัญญา_ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีและรัฐบุรุษ นำพลเอกสุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี และพลตรีจำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อยุติการชุมนุม[19] โดยพลเอกสุจินดาได้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมาและนายอานันท์_ปันยารชุน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและให้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535 พรรคพลังธรรมได้รับการเลือกตั้งจำนวน 46 ที่นั่ง[20] นายชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ต่อมาเมื่อเกิดกรณีการมอบเอกสารสิทธิ์ สปก. 4-01 จังหวัดภูเก็ต พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีทั้งคณะในวันที่ 17-18 พฤษภาคม 2538 และมีการลงมติในวันที่ 19 พฤษภาคม 2538 พรรคพลังธรรมได้มีมติงดออกเสียงโดยรัฐมนตรีของพรรคทุกคนจะลาออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลว่ารัฐบาลก่อนการเลือกตั้งไม่สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาของพรรคฝ่ายค้านให้ชัดเจนได้จึงเป็นเหตุที่ทำให้นายกรัฐมนตรีได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร[21]
พ.ศ. 2539 ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นสมัยที่ 3 ผลปรากฎว่า นายพิจิตต_รัตตกุลได้รับเลือกด้วยคะแนน 768,994 คะแนน ขณะที่ พล.ต.จำลอง ที่เคยชนะมาแล้วอย่างถล่มทลายเมื่อปี พ.ศ. 2528 และ พ.ศ. 2533 ได้คะแนน 514,401 คะแนน[22] เป้นผู้แพ้การเลือกตั้ง
หลังจากนั้นพลตรีจำลองมีบทบาทในทางการเมืองน้อยลง จนกระทั่งมีการชุมนุมทางการเมืองเพื่อเรียกร้องกดดันให้ ดร.ทักษิณ_ชินวัตรลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 พลตรีจำลองได้เข้ามาเป็นแกนนำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอันได้แก่ นายสนธิ_ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์_โกศัยสุข นายสมเกียรติ_พงษ์ไพบูลย์ และนายพิภพ_ธงไชย ต่อมากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังชุมนุมทางการเมืองเพื่อเรียกร้องกดดันให้นายสมัคร_สุนทรเวชและนายสมชาย_วงศ์สวัสดิ์ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใน พ.ศ.2551 [23] ด้วย
ผลงานอื่นๆ
พลตรีจำลอง ศรีเมือง เคยได้รับรางวัลดีเด่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เป็นบุคคลแห่งปี รางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ “สังข์เงิน” รางวัลนักสิ่งแวดล้อมดีเด่น และรางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น เป็นต้น
ปี 2535 ได้รับรางวัลแมกไซไซ สาขาการให้บริการของรัฐ (GOVERNMENT SERVICE) ซึ่งได้รับการพิจารณาในขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
งานเขียนของพลตรีจำลอง ศรีเมือง คือ หนังสือทางสามแพร่งเล่ม 1 ทางสามแพร่งเล่ม 2 ทางสามแพร่งเล่ม 3 และหนังสือร่วมกันสู้ [24]
บรรณานุกรม
จำลอง ศรีเมือง,นิยายภาพ “ชีวิตจำลอง”, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิจำลอง,2538), หน้า จ-ซ
บัญชร ชวาลศิลป์, กว่าจะเป็นนายพล (ก้าวที่ 2), (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน,2553).
ผู้จัดการออนไลน์,สถิติการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร วันที่ 2 มิถุนายน 2539, เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/politics/electionBK3.aspx เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.
สถาบันพระปกเกล้า,สปก.4-01,เข้าถึงจาก http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=สปก. _4-01 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.
สถาบันพระปกเกล้า,พลังธรรม (พ.ศ. 2531),เข้าถึงจาก http:/wiki.kpi.ac.th/ index.php?title=พลังธรรม_(พ.ศ._2531) เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535, เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org/wiki/การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป_กันยายน_พ.ศ._2535เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.
อุเชนทร์ เชียงเสน, พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย,เข้าถึงจาก /index.php/พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.24 กรกฎาคม 2559.
จำลอง ศรีเมือง. นายร้อยห้อยกระบี่,เข้าถึงจาก http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl08.html, เมื่อ 15 มิถุนายน 2559
จำลอง ศรีเมือง.ไม่ถึงคราว,เข้าถึงจาก http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl10.html, เมื่อ 15 มิถุนายน 2559
จำลอง ศรีเมือง.สมใจนึก,เข้าถึงจาก http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl11.html, เมื่อ 15 มิถุนายน 2559
[1]จำลอง ศรีเมือง,นิยายภาพ “ชีวิตจำลอง”, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิจำลอง,2538), หน้า จ-ซ
[2] จำลอง ศรีเมือง,หน้า จ-ซ
[3] จำลอง ศรีเมือง. นายร้อยห้อยกระบี่,เข้าถึงจาก http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl08.html, เมื่อ 15 มิถุนายน 2559
[4] จำลอง ศรีเมือง, หน้า จ-ซ
[5] จำลอง ศรีเมือง. นายร้อยห้อยกระบี่,เข้าถึงจาก http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl08.html, เมื่อ 15 มิถุนายน 2559
[6]จำลอง ศรีเมือง,หน้า จ-ซ
[7]จำลอง ศรีเมือง,หน้า จ-ซ
[8] จำลอง ศรีเมือง.นายทหารใหม่,เข้าถึงจาก http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl09.html, เมื่อ 15 มิถุนายน 2559
[9] จำลอง ศรีเมือง.ไม่ถึงคราว,เข้าถึงจาก http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl10.html, เมื่อ 15 มิถุนายน 2559
[10]จำลอง ศรีเมือง.สมใจนึก,เข้าถึงจาก http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/jumlonglife/jl11.html, เมื่อ 15 มิถุนายน 2559
[11] บัญชร ชวาลศิลป์, กว่าจะเป็นนายพล (ก้าวที่ 2), (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน,2553), หน้า 170-171.
[12] บัญชร ชวาลศิลป์, หน้า 172 - 173.
[13] สถาบันพระปกเกล้า,พลังธรรม (พ.ศ. 2531),เข้าถึงจาก http:/wiki.kpi.ac.th/ index.php?title=พลังธรรม_(พ.ศ._2531) เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.
[14] จำลอง ศรีเมือง,หน้า จ-ซ.
[15] สถาบันพระปกเกล้า,พลังธรรม (พ.ศ. 2531),เข้าถึงจาก http:/wiki.kpi.ac.th/ index.php?title=พลังธรรม_(พ.ศ._2531) เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.
[16] จำลอง ศรีเมือง,ร่วมกันสู้, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ธีระการพิมพ์, 2535 พิมพ์ครั้งที่ 2), หน้า 50, 75.
[17] จำลอง ศรีเมือง,หน้า 111.
[18] จำลอง ศรีเมือง,หน้า 111.
[19] จำลอง ศรีเมือง,หน้า 188.
[20] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535, เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org/wiki/การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป_กันยายน_พ.ศ._2535เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.
[21] สถาบันพระปกเกล้า,สปก.4-01,เข้าถึงจาก http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=สปก. _4-01 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.
[22] ผู้จัดการออนไลน์,สถิติการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร วันที่ 2 มิถุนายน 2539, เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/politics/electionBK3.aspx เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.
[23] อุเชนทร์ เชียงเสน, พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย,เข้าถึงจาก /index.php/พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.24 กรกฎาคม 2559.
[24] จำลอง ศรีเมือง,หน้า จ-ซ.