โกหกสีขาว

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้เรียบเรียง ฐิติกร สังข์แก้ว และดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ ศาสตราจารย์ นรนิติ เศรษฐบุตร


ความหมาย

โกหกสีขาว (white lie) หมายถึงการพูดโกหก หรือไม่พูดความจริง หรือพูดความจริงบางส่วนด้วยเจตนาดีเพื่อถนอมรักษาน้ำใจผู้ฟัง หรือเพื่อปกปิดสิ่งที่จะก่อให้เกิดผลเสียหายตามมา หรือมุ่งหวังที่จะให้การโกหกนั้นนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เป็นคุณประโยชน์ในระยะยาว อันถือเป็นศิลปะการพูดของผู้พูดที่ยึดกุมความจริงทั้งหมดไว้ ในทางการเมืองโกหกสีขาวถือเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งของผู้ปกครองในอันที่จะหลีกเลี่ยงความโกลาหลทางการเมืองของประเทศ ดังนั้นจึงถือว่าผู้ถูกปกครองไม่ควรรับรู้ทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องที่สุ่มเสียงต่อความมั่นคงของประเทศ สำหรับการเมืองไทย “โกหกสีขาว” ถูกพูดถึงโดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในสมัยรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวในงานสัมมนา "1 ปี ยิ่งลักษณ์กับอนาคตเศรษฐกิจไทย" เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2555 ว่าเป้าการส่งออกของไทยในปี พ.ศ. 2555 เติบโตไม่ถึงร้อยละ 15 [1]อย่างที่ตนเคยได้กล่าวไว้กับนักลงทุน ทั้งนี้การไม่พูดความจริงก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ จึงถือเป็นการ "โกหกสีขาว" (white lie) เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ยอมรับอย่างเปิดเผยถึงการปกปิดความจริงดังกล่าว ก็ถูกฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองและสื่อมวลชนจำนวนมากวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของผู้ดำรงตำแหน่ง "หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ" ของประเทศ

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กับการ “โกหกสีขาว”

การโกหกสีขาวของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ได้ปรากฏขึ้น 2 ครั้ง ในช่วงปี 2555 และ 2556 โดยครั้งแรกนั้นขณะที่ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ได้ออกมายอมรับว่าการส่งออกของไทยประจำปี พ.ศ. 2555 ไม่เป็นไปตามเป้าหมายซึ่งตั้งไว้ให้ขยายตัวร้อยละ 15 ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลังในขณะนั้นได้คาดว่าอย่างดีที่สุดการส่งออกจะขยายตัวเพียงประมาณร้อยละ 5-7 เท่านั้น [2] อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงรายละเอียดของการโกหกสีขาว หรือ White lie ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ในงานสัมมนา "1 ปี ยิ่งลักษณ์กับอนาคตเศรษฐกิจไทย" และคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ชี้แจงซึ่งสรุปได้ว่ายอดการส่งออกร้อยละ 15 นั้นเป็นเพียงการตั้ง “เป้าหมาย” ทางเศรษฐกิจของรัฐบาลเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงรัฐบาลไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ทั้งนี้ นายกิตติรัตน์ ยังมีการชี้แจงความเห็นส่วนตัวไว้ว่าก่อนตั้งเป้าหมายการส่งออกร้อยละ 15 นั้น มีความเชื่อว่าถึงที่สุดแล้วยอดการส่งออกของไทยก็คงไม่ถึงตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถกล่าวเช่นนั้นได้ เพราะหากเปิดเผยต่อสาธารณชนไปมีแต่จะส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาของต่างประเทศและกลุ่มทุน ดังนั้น ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของประเทศจึงสงวนสิทธิส่วนตัวดังกล่าวที่จะไม่พูดเรื่องนี้ออกไปและการกระทำดังกล่าวไม่มีความประสงค์ที่จะโกหกแต่อย่างใด[3]

สำหรับครั้งต่อมาคือกรณีโครงการรับจำนำข้าวในปี พ.ศ. 2556 [4] กล่าวคือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น จะทำการกู้เงินเป็นจำนวน 1.3 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการโครงการรับจำนำข้าวในฤดูการผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2556-2557 ในกรณีดังกล่าวนี้ ได้มีคำถามแสดงความกังวลถึงความเหมาะสมว่ารัฐบาลรักษาการจะสามารถกระทำการกู้เงินได้หรือไม่ และอาจจะเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ (ฉบับปี พ.ศ. 2550) ทั้งนี้ นายกิตตรัตน์ ได้ชี้แจงว่าการกู้เงินดังกล่าวสามารถกระทำได้โดยไม่ถือว่าเป็นการก่อหนี้ใหม่หากแต่เป็นโครงการต่อเนื่องของโครงการและกรอบวงเงินเดิมที่เคยได้อนุมัติไว้แล้ว ด้วยความพยายามเช่นนี้ ของรัฐบาลรักษาการ แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังได้เปิดเผยว่าเป็น “โกหกคำโต” อันเนื่องมาจากการรู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องที่ไม่อาจทำได้ แต่ก็ยังดึงดันเสนอคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่ออนุมัติ และถูกขนานนามว่าเป็น white lie อีกครั้งหนึ่งของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง

เสียงสะท้อนจากภาคสังคม

จากกรณีดังกล่าวข้างต้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีโกหกสีขาวกับเป้าหมายการส่งออกของไทย ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ตัวอย่างเช่น ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายเกียรติ สิทธีอมร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้นได้อภิปรายว่า การโกหกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนั้นเป็นสิ่งที่กระทำไม่ได้ในทางการเมือง และมีการยกผลการศึกษาเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่าการโกหกเพื่อให้ตนเองได้รับผลประโยชน์และส่งผลเสียหายต่อคนอื่นนั้นถือเป็นการ “โกหกขนานแท้” หรือเป็น selfish black lie หรือ true lie พร้อมกันนั้น นายเกียรติ สิทธีอมร ยังแสดงความคิดว่าการกระทำดังกล่าวของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นการกระทำที่ขัดต่อประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาล์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกร้องให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ทั้งกรณีเป้าหมายการส่งออกและโครงการรับจำนำข้าวซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างมาก พร้อมทั้งได้กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อการโกหกสีขาวไว้ว่า “ผมมองว่าเรื่องโกหกดังกล่าวไม่ใช่เรื่องการโกหกสีขาว อีกทั้งหากจะเรียกว่าการพูดเท็จเช่นนี้เป็นการโกหกสีขาว ต้องรอให้พวกท่านชุดนี้ตายก่อน พวกผมถึงจะเรียกว่าการโกหกสีขาว” [5]

ขณะที่สื่อดังของอังกฤษอย่าง Financial Times รายงานว่าสังคมไทยมีความรู้สึกกังวลกับคำพูดของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่กล่าวไว้ว่า “การเป็นรัฐมนตรีการคลังในบางครั้งก็จำต้องพูดโกหกเพื่อสร้างความรู้สึกที่ดี” นอกจากนี้ Financial Times ยังได้ระบุว่าลักษณะการโกหกสีขาวนั้นมักเกิดบ่อยครั้งในเวทีระหว่างประเทศ แต่มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการกระทำของนายกิตติรัตน์ที่ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อการวางแผนทางธุรกิจของผู้ประกอบการจำนวนมากซึ่งมีความจำเป็นต้องคาดการณ์บนพื้นฐานของความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือได้ [6] ในขณะเดียวกัน ด้านสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ โดย ดร. นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการฯ เปิดผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่องความกังวลของสาธารณชนต่อการโกหกสีขาวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.4 ระบุว่าการกระทำดังกล่าวทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนชาวต่างชาติลดลง และเมื่อสำรวจด้านมาตรฐานทางคุณธรรม จริยธรรมของนักการเมืองไทยพบว่าร้อยละ 84.3 เห็นว่าคุณธรรม จริยธรรมของนักการเมืองไทยตกต่ำลง ที่สำคัญก็คือ ประชาชนผู้ตอบแบบสอบถามถึงร้อยละ 83.5 เรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับผิดชอบด้วยการลาออก [7]

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมานายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ผู้ช่วยผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และนางสาวมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบจริยธรรมคุณธรรมของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง สำหรับผลการพิจารณา นายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการและโฆษกผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ชี้แจงว่าการกระทำของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นั้น ไม่ขัดต่อ “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2551” อันเนื่องด้วยการคาดการณ์เป้าหมายตัวเลขทางเศรษฐกิจถือเป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลจะสามารถกระทำได้ แต่กระนั้นก็ตาม ได้มีการแจ้งไปยังนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ในฐานะผู้บังคับบัญชาให้กำชับต่อรัฐมนตรีในการให้ข้อมูลต่อสาธารณชนซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทยได้ [8]

สำหรับความเห็นต่อกรณีดังกล่าวของนักวิชาการ เช่น ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.อัมมาร์ สยามวาลา นักวิชาการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า “white lie ใช้สำหรับการโกหกเล็กๆ น้อยๆ แต่หากนักบริหารนำมาใช้จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ซึ่งข้าราชการและนักการเมืองไทยไม่ควรโกหกแต่ต้องพูดจริงทำจริง เพราะนักลงทุนและประชาชนไม่สนใจว่า รัฐบาลพูดอย่างไร แต่สนใจว่าทำจริงหรือไม่” ด้านศาสตราจารย์ ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ นักวิชาการรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เห็นว่า “นักการเมืองสามารถใช้กุศโลบายทางการเมืองได้บางกรณี แต่ไม่ใช้ในกรณีสร้างความเชื่อมั่น และการโกหกไม่มีสีขาวมีแต่สีดำ ซึ่งในสังคมการเมืองประชาธิปไตย นักการเมืองที่ดีไม่ควรโกหก” [9]

กล่าวโดยสรุป จากกรณีการโกหกสีขาวข้างต้น ในมุมมองของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เห็นว่าการโกหกเรื่องเป้าหมายการส่งออกนั้นมีความจำเป็นในทางการเมืองเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศชาติเป็นประการสำคัญ ประการถัดมา นายกิตติรัตน์ ได้ให้เหตุผลเป้าหมายการส่งออกร้อยละ 15 ของรัฐบาลนั้นเป็นเพียงการคาดการณ์ตามปกติเท่านั้น ในขณะเดียวกัน จากมุมมองอื่นในภาคสังคมกลับมองว่าการกระทำของนายกิตติรัตน์ เป็นการกระทำที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงอันเนื่องด้วยขัดต่อจริยธรรมคุณธรรมของนักการเมืองที่ควรจะเป็น และเป็นการกระทำที่โน้มนำไปสู่การสร้างความเสียหาย สั่นคลอนต่อความเชื่อมั่นในสายตาชาวต่างชาติและกลุ่มทุน

ตัวอย่าง “โกหกสีขาว” ในต่างประเทศ

สำหรับการ “โกหกสีขาว” ในต่างประเทศที่สำคัญ ดังเห็นได้จาก กรณีศาลสูงสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินด้วยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ให้กฎหมายว่าด้วยระบบหลักประกันคุณภาพ Patient Protection and Affordable Care Act” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Obamacare” ซึ่งถูกผลักดันโดย นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดี แห่งสหรัฐอเมริกา ว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแต่ประการใด อย่างไรก็ตาม Obamacare ก็ถูกต่อต้านจากพรรคฝ่ายค้านอย่างรีพับลิกัน เพราะเห็นว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวจะคุ้มครองและให้สิทธิลดหย่อนภาษีแก่ชาวอเมริกันเพียง 16 รัฐ เท่านั้น แต่ในเวลาต่อมา ศาลสูงของสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินและตีความว่า Obamacare ได้ให้ความคุ้มครองและลดหย่อนภาษีชาวอเมริกันในทุกรัฐอย่างเท่าเทียมกัน จากคำตัดสินเช่นว่านี้ของศาลสูงสหรัฐอเมริกาถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญทางการเมืองของประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า และพรรคเดโมแครต ทั้งนี้ ได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เชิงประชดประชันว่ากฎหมายฉบับนี้สมควรถูกเรียกว่า SCOTUS-Care ซึ่งย่อมาจาก Supreme Court of the United States นั่นเอง และเหตุการณ์ครั้งนี้จึงถือเป็นการโกหกสีขาวครั้งสำคัญของศาลสูงสหรัฐอเมริกา[10] อันเนื่องด้วยคำตัดสินนั้นได้ตีความกฎหมายที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงในประเด็นของการคุ้มครองและให้สิทธิลดหย่อนภาษีแก่ชาวอเมริกันจาก 16 รัฐเป็นครอบคลุมในทุกรัฐ นอกจากนี้ คำตัดสินดังกล่าวยังมีจุดประสงค์ที่สำคัญในทางการเมือง คือ การปกป้องประธานาธิบดีบารัค โอบามา และพรรคเดโมแครต

บรรณานุกรม

“กระทู้ถามสดกรณีโกหกสีขาว.” (13 กันยายน 2555). [Video file]. เข้าถึงจาก <https://www.youtube.com/watch?v=qX39VN-B-Xc>. เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558.

“กิตติรัตน์ ณ ระนอง white lie โกหกสีขาว (อีกแล้ว) กรณีเงินกู้โปะจำนำข้าว 1.3 แสนล้าน.” ThaiPublica. (10 มกราคม 2557). เข้าถึงจาก <http://thaipublica.org/2014/01/kittiratt-white-lie>. เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558.

““กิตติรัตน์” โกหกโดยหน้าที่ !.” (23 สิงหาคม 2555). [Video file]. เข้าถึงจาก <https://www.youtube.com/watch?v=Lf0Yh3iF6K8>. เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558.

“โฆษกปชป. จี้ “กิตติรัตน์” ลาออก รับผิดชอบโกหกสีขาว.” เว็ปไซต์พรรคประชาธิปัตย์. (26 สิงหาคม 2555). เข้าถึงจาก <http://www.democrat.or.th/th/news-activity/news/detail.php?ELEMENT_ID=12694&SECTION_ID=29>. เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558.

“ผลโพลกดดัน กิตติรัตน์ออก.” ไทยรัฐ. (3 กันยายน 2555), 19.

“ผู้ตรวจฯสรุปโต้งไวต์ลายไม่ขัดจริยธรรมแต่อย่าบ่อย." ผู้จัดการรายวัน. (4 ตุลาคม 2556), 8.

“ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. "ภาวะเศรษฐกิจสำคัญในรอบสัปดาห์." Weekly Review. ปีที่ 1 ฉบับที่ 11 (ช่วงวันที่ 11-14 กันยายน 2555).

“หลายความเห็นต่อคำ "โกหก" ของ "กิตติรัตน์" เรื่องเป้าหมายส่งออก.” ไทยพีบีเอสออนไลน์. (24 สิงหาคม 2555). เข้าถึงจาก <http://news.thaipbs.or.th/node/107159>. เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558.

Robinson, Gwen. “Thai uproar over minister’s ‘white lie.” Financial Times online. (August 27, 2012). Available <http://www.ft.com/intl/cms/s/0/4f908900-f045-11e1-93fa-00144feabdc0.html#axzz3gt816wA1>. July 15, 2015.

Saunders, Debra. "Supreme Court's White Lie on Obamacare." Real Clear Politics. (June 28, 2015).Available <http://www.realclearpolitics.com/articles/2015/06/28/supreme_courts_white_lie_on_obamacare_127160.html>. July 10, 2015.

อ้างอิง

  1. โปรดดู คำรับสารภาพของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ใน ““กิตติรัตน์” โกหกโดยหน้าที่ !,” (23 สิงหาคม 2555), [Video file]. เข้าถึงจาก <https://www.youtube.com/watch?v=Lf0Yh3iF6K8,/>. เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558.
  2. ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, "ภาวะเศรษฐกิจสำคัญในรอบสัปดาห์," Weekly Review, ปีที่ 1 ฉบับที่ 11 (ช่วงวันที่ 11-14 กันยายน 2555), 1.
  3. โปรดดู การชี้แจงในคราวการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ใน “กระทู้ถามสดกรณีโกหกสีขาว,” (13 กันยายน 2555), [Video file]. เข้าถึงจาก <https://www.youtube.com/watch?v=qX39VN-B-Xc>. เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558.
  4. “กิตติรัตน์ ณ ระนอง white lie โกหกสีขาว (อีกแล้ว) กรณีเงินกู้โปะจำนำข้าว 1.3 แสนล้าน,” ThaiPublica, (10 มกราคม 2557). เข้าถึงจาก <http://thaipublica.org/2014/01/kittiratt-white-lie>. เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558.
  5. “โฆษกปชป. จี้ “กิตติรัตน์” ลาออก รับผิดชอบโกหกสีขาว,” เว็ปไซต์พรรคประชาธิปัตย์, (26 สิงหาคม 2555). เข้าถึงจาก <http://www.democrat.or.th/th/news-activity/news/detail.php?ELEMENT_ID=12694&SECTION_ID=29>. เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558.
  6. Gwen Robinson, “Thai uproar over minister’s ‘white lie,” Financial Times online, (August 27, 2012). Available <http://www.ft.com/intl/cms/s/0/4f908900-f045-11e1-93fa-00144feabdc0.html#axzz3gt816wA1>. July 15, 2015.
  7. "ผลโพลกดดัน กิตติรัตน์ออก,” ไทยรัฐ, (3 กันยายน 2555), 19.
  8. "ผู้ตรวจฯสรุปโต้งไวต์ลายไม่ขัดจริยธรรมแต่อย่าบ่อย," ผู้จัดการรายวัน, (4 ตุลาคม 2556), 8.
  9. “หลายความเห็นต่อคำ "โกหก" ของ "กิตติรัตน์" เรื่องเป้าหมายส่งออก,” ไทยพีบีเอสออนไลน์, (24 สิงหาคม 2555). เข้าถึงจาก <http://news.thaipbs.or.th/node/107159>. เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558.
  10. Debra Saunders, "Supreme Court's White Lie on Obamacare," Real Clear Politics, (June 28, 2015). Available http://www.realclearpolitics.com/articles/2015/06/28/supreme_courts_white_lie_on_obamacare_127160.html>. July 10, 2015.