การเลือกตั้ง ส.ส. และการแต่งตั้ง ส.ว. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511
บทความนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยโดยผู้ืทรงคุณวุฒิ
ผู้เรียบเรียง ชาย ไชยชิต และ รองศาสตราจารย์ ดร. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
ความเป็นมา
ภายหลังการปฏิวัติในวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ คณะปฏิวัตินำโดยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้เข้าบริหารประเทศ และได้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นเมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๒ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญใช้เวลาในการร่างรัฐธรรมนูญจนแล้วเสร็จและนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๑ และได้มีรัฐพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญในวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑ นอกจากนั้น ยังได้มีการประกาศใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก ๒ ฉบับ คือ พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๑๑ และพระราชบัญญัติเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน พ.ศ. ๒๕๑๑
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๑๑ กำหนดให้รัฐสภาเป็นระบบสองสภา ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา กล่าวคือ วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ มีจำนวนสามในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิกมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ ๖ ปี เมื่อครบ ๓ ปี แล้วให้จับสลากออกครึ่งหนึ่ง ส่วนสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎรเลือกตั้งตามอัตราส่วนประชากร ๑๕๐,๐๐๐ คนต่อสมาชิกสภาผู้แทน ๑ คน โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้วุฒิสภามีอำนาจค่อนข้างมาก กล่าวคือ นอกจากจะสามารถยับยั้งร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว ยังมีอำนาจควบคุมฝ่ายบริหารได้เท่ากับสภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรี หรือการเสนอญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑
วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑ เวลา ๑๙.๐๐ นาฬิกา ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญได้เชิญสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญและคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกรรมาธิการของสภาร่างรัฐธรรมนูญทั้งหมดมารับประทานอาหารร่วมกัน ณ บริเวณพระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อแสดงความยินดีในการที่สภาร่างรัฐธรรมนูญได้ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๒ จนเสร็จสิ้นลง หลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๑๑ แล้ว ในวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ จึงได้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา จำนวน ๑๒๐ คน ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญเพื่อทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภาในรัฐสภา ดังรายชื่อต่อไปนี้
โดยมี พันเอก นายวรการบัญชา เป็นประธานวุฒิสภา และพระดุลยพากย์สุวมัณฑ์ เป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ ๑ และพลเอก ครวญ สุทธานินท์ เป็นรองประธานสภาคนที่ ๒
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๒
การเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๑๕๑๒ เป็นการจัดการเลือกตั้งตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๑๘๐ ซึ่งกำหนดให้ต้องมีการเลือกตั้งขึ้นภายใน ๒๔๐ วัน การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งลงแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างคึกคัก เพราะเมื่อพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๑๑ มีผลบังคับใช้แล้ว ปรากฏว่ามีผู้ร้องขอจดทะเบียนพรรคการเมืองต่อปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองจำนวนมาก ได้แก่ พรรคสหประชาไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาชน พรรคแนวร่วมเศรษฐกร พรรคเสรีประชาธิปไตย พรรคแนวประชาธิปไตย พรรคสัมมาชีพช่วยชาวนา พรรคชาวนาชาวไร่ พรรคสยามใหม่ พรรคประชาพัฒนา พรรคแรงงาน พรรคไทธิปัตย์ พรรคอิสระธรรม พรรคชาติประชาธิปไตย เป็นต้น
การเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๑๕๑๒ เป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขตเรียงเบอร์ โดยถือเอาหนึ่งจังหวัดเป็นหนึ่งเขตเลือกตั้ง และเป็นการเลือกตั้งโดยตรง จำนวนผู้แทนราษฎรในแต่ละเขตคำนวณโดยถือเอาจำนวนประชาชน ๑๕๐,๐๐๐ คน ต่อผู้แทน ๑ คน การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้แทนทั้งหมด ๒๑๙ คน มีผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั้งหมด ๑๔,๘๒๐๑๘๐ คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ๗,๒๘๕,๘๓๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๙.๑๐ จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดคือ จังหวัดระนอง คิดเป็นร้อยละ ๗๓.๙๕ ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั้งหมด และจังหวัดพระนครมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ ๓๖.๖๖
ผลการเลือกตั้งในครั้งนี้พบว่า แม้จะมีพรรคการเมืองจำนวนมากส่งผู้สมัครสังกัดพรรคของตนลงแข่งขันรับเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่าพรรคการเมืองที่ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกครบทุกที่นั่งมีเพียง ๒ พรรคเท่านั้น คือ พรรคสหประชาไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ผลการเลือกตั้งไม่ปรากฏว่ามีพรรคใดได้เสียงข้างมากเพียงพอที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้โดยลำพัง นั่นคือต้องมีคะแนนเสียงสนับสนุนในสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทน หรือเกินกว่ากึ่งหนึ่งของ ๒๑๙ คน ซึ่งเท่ากับ ๑๑๐ คนขึ้นไป สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเลือกตั้งในครั้งนี้ มีผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ไม่สังกัดพรรคได้รับเลือกเข้ามามากถึง ๗๐คน อย่างไรก็ตาม พรรคสหประชาไทยก็ได้รับการสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลได้ในที่สุด เนื่องจากพรรคนี้เป็นพรรครัฐบาลอยู่ก่อนแล้ว และได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่สังกัดพรรค และสมาชิกที่แปรพรรคมาให้การสนับสนุน
การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่มเติม วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๒
เนื่องจากในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๒ มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน ๒๑๙ คน เป็นเหตุให้ต้องมีการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่มเติมอีก ๔๔ คน รวมเป็น ๑๖๔ คน เพื่อให้มีจำนวนเท่ากับ ๓ ใน ๔ ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๑๑ รายชื่อผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาเมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๒ มีดังต่อไปนี้
การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่มเติม วันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๒
เนื่องจากมีสมาชิกวุฒิสภาจำนวน ๖ คน ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาตั้งแต่วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ เป็นต้นไป ประกอบด้วย
นายมนูญ บริสุทธิ์ พลตำรวจโทพิชัย กุลละวณิชย์ พลโทแสวง เสนาณรงค์ นายถวิล สุนทรศารทูล พลเอก กฤษณ์ ศรีวะรา และหม่อมราชวงศ์ ทองแท่ง ทองแถม ในวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๒
- จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่ม ๖ คน แทนตำแหน่งที่ว่างลง ดังนี้
พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ พลอากาศโท มุนีมหาสันทนะเวชยันตรังสฤษดิ์ พระยาอรรถการีย์นิพนธ์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล พลตรี ชาญ อังศุโชติ และนายสนิท วิไลจิตต์
อ้างอิง
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๘๖ ตอนที่ ๓๐ ลงวันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๒
กระทรวงมหาดไทย, รายงานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เล่ม 2, พระนคร : โรงพิมพ์กรมมหาดไทย, 2502
ฝ่ายพัฒนาการเมืองและการปกครอง สำนักนโยบายและแผนมหาดไทย, อนุสารการเมือง, มีนาคม 2522
บุญทัน ดอกไธสง, การเปลี่ยนแปลงทางการบริหารและการเมืองไทย, กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, 2520
ขจัดภัย บุรุษพัฒน์, การเมืองและพรรคการเมืองของไทยนับแต่ยุคแรกถึงปัจจุบัน, พระนคร: สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, 2511
โคทม อารียา, สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. ๒๕๔๐) หมวดองค์กรทางการเมือง เรื่องที่ ๕ ระบบการเลือกตั้ง, กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, ๒๕๔๔
คณิน บุญสุวรรณ, ประวัติรัฐธรรมนูญไทย, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ภูมิปัญญา, ๒๕๔๒
เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช, การสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมืองในประเทศไทย, วิทยานิพนธ์หลักสูตรชั้นปริญญาโท ภาค ๒ ทางรัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๑๙
วิทยา นภาศิริกุลกิจ, ระบบพรรคการเมืองไทย: ศึกษาเชิงวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างยุคก่อนการปฏิวัติ พ.ศ. ๒๕๐๑ กับสมัยปัจจุบัน, วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญาโท ภาค ๒ ทางรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๑๔