พรรคก้าวล่วง
ผู้เรียบเรียง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ดร.สติธร ธนานิธิโชติ
พรรคก้าวล่วง (ชื่อภาษาอังกฤษ: Advance Forward Party) เป็นการรณรงค์เคลื่อนไหวทางการเมืองจากฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ประยุทธ์_จันทร์โอชา ก่อตั้งขึ้นในช่วงต้น ปี 2564 โดยมีที่มาจาก อรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองจากขอนแก่น อรรถพลร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มขอนแก่นพอกันที และ กลุ่มราษฎรโขง ชี มูล โดยในภายหลังอรรถพลได้เป็นตัวแทนกล่าวปราศรัยในการชุมนุมที่กรุงเทพฯ และร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่ม “คณะราษฎร”
อรรถพลเป็นที่รู้จักจากการปราศรัยที่เป็นเอกลักษณ์ เนื้อหาเสียดสี ตลกขบขัน รวมถึงการปราศรัยที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์[1] ซึ่งการสื่อสารด้วยอารมณ์ขัน หรือ “ปั่น” นี้เองที่ถูกนำมาใช้เป็นลักษณะของการเคลื่อนไหวและการสื่อสารของพรรคก้าวล่วง พรรคก้าวล่วงไม่ได้จดทะเบียนอย่างเป็นทางการ ซึ่งอรรถพลได้ระบุไว้ในแถลงการณ์พรรคฯ ฉบับแรกในเดือนเมษายน 2564 ว่าพรรคก้าวล่วงไม่ใช่พรรคการเมือง หากแต่เป็นกลุ่มทางการเมืองที่เป็น “พรรคพวก” ของผู้ที่ต้องการให้สังคมและประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้า รวมถึงมุ่งสร้างและขยายฐานแนวคิดประชาธิปไตยสากลให้แพร่หลายกว้างขวางในสังคมไทย[2]
อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวล่วงนำเสนอนโยบายและแนวคิดทางการเมือง พร้อมทั้งมีการเคลื่อนไหวนอกพื้นที่ออนไลน์ ทั้งนี้การใช้ชื่อ “ก้าวล่วง” เป็นชื่อของกลุ่ม สะท้อนให้เห็นถึงบริบททางการเมืองไทยที่สถาบันกษัตริย์ถูกกล่าวถึงและนำมาเป็นประเด็นทางการเมืองในเชิงต่อต้านอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 โดยเฉพาะหลังจากการเกิดปรากฏการณ์ “ทะลุเพดาน” ในช่วงปลาย ปี 2563 ซึ่งทำให้ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล
การก่อตั้ง
เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 อรรถพล บัวพัฒน์ ได้เผยแพร่แถลงการณ์พรรคก้าวล่วง ฉบับที่ 1/2564 ผ่านแฟนเพจของพรรคก้าวล่วง โดยมีเนื้อหาอธิบายถึงที่มาและหลักการของพรรคก้าวล่วง เช่น การระบุว่าพรรคก้าวล่วงไม่ใช่พรรคการเมืองรวมถึงจุดมุ่งหมายของพรรคดังที่กล่าวไว้ในบทนำ แนวทาง “ไม่ว่าใครจะเดินเร็วหรือเดินช้า เราจะเดินล่วงหน้าไปปักธงประชาธิปไตยไว้รอ” และคำขวัญของพรรคที่ว่า “ก้าวให้ลุล่วงเพื่อปวงประชา ก้าวให้ล่วงหน้า เพื่อประชาธิปไตย”[3]
ต่อมาได้มีการประกาศนโยบายหลักของพรรคก้าวล่วง 8 ข้อ ได้แก่
1. การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ โดยการปรับลดและตรวจสอบงบประมาณสถาบันฯ ยุบเลิกกองกำลังส่วนพระองค์ จัดสรรทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้แยกจากทรัพย์สินส่วนพระองค์ ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้กฎหมายคุ้มครองประมุขตามหลักสากล และทำให้สถาบันฯ อยู่เหนือการเมืองโดยแท้จริงโดยป้องกันไม่ให้สถาบันฯ และเครือข่ายแทรกแซงการเมืองและระบบราชการ
2. การปฏิรูปกองทัพ ให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งควบคุมกองทัพ ลดงบประมาณให้เหมาะสมและให้ตรวจสอบได้ ลดจำนวนนายพล และยกเลิกระบบเกณฑ์ทหาร
3. ดำเนินคดีและลงโทษผู้นำคณะรัฐประหารและคณะรวมถึงผู้เกี่ยวข้อง ทั้งในอดีตและปัจจุบันและให้คดีการทำรัฐประหาร-กบฏ ไม่มีอายุความ
4. สถาปนารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยและมีที่มาจากประชาชน
5. แยกอำนาจของรัฐออกจากศาสนา โดยให้รัฐเป็นรัฐฆราวาส (secular state) ที่เป็นกลางทางศาสนา ให้เสรีภาพและความเสมอภาคไม่ว่าจะนับถือศาสนาหรือไม่ก็ตาม ยกเลิกองค์กรศาสนาของรัฐ ให้ดำเนินการโดยเอกชนและยกเลิกกฎหมายศาสนาทุกศาสนาและทุกฉบับ โดยรัฐให้ความคุ้มครองโดยเสมอภาคตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ
6. ทลายทุนผูกขาด โดยการส่งเสริมกิจการ-ธุรกิจขนาดเล็ก (SME) ขยายโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนและเปิดโอกาสการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
7. รัฐสวัสดิการถ้วนหน้า เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
8. ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง จัดสรรภาษีให้ท้องถิ่นและลดอำนาจส่วนกลางเพื่อให้ท้องถิ่นได้กำหนดนโยบายเพื่อท้องถิ่นมากขึ้น[4]
ทั้งนี้ ยังได้มีการเปลี่ยนชื่อกลุ่มเฟสบุ๊ค “ครูใหญ่ อรรถพล FC” ซึ่งแต่เดิมเป็นกลุ่มสำหรับให้กำลังใจและสนับสนุนการเคลื่อนไหวของอรรถพลและแนวร่วม เป็นกลุ่มพรรคก้าวล่วง[5] พร้อมทั้งได้ประกาศเชิญชวนให้ “สมาชิกพรรค” ทุกคนได้เชิญชวนเพื่อนเข้ามาในกลุ่มเพื่อร่วมสนับสนุนและขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวล่วง[6]
ในกลุ่มเฟสบุ๊คนี้ได้อธิบายถึงที่มาและความหมายของตราสัญลักษณ์พรรคก้าวล่วงว่ามีที่มาจากสัญลักษณ์พรรคอนาคตใหม่ สัญลักษณ์พรรคพลังประชารัฐ และหมุดคณะราษฎร โดยหมุดคณะราษฎรสื่อถึงการสืบสานอุดมการณ์ของคณะราษฎร ในขณะที่ลักษณะที่มาจากพรรคอนาคตใหม่ถูกอธิบายว่า “‘อนาคตใหม่’ คือผู้คนและการเดินทาง ส่วน ‘พรรคก้าวล่วง’ คือผู้คนที่ล่วงหน้าไปรออยู่ปลายทาง” และรูปร่าง-การจัดวางองค์ประกอบที่คล้ายกับสัญลักษณ์พรรคพลังประชารัฐ ถูกระบุว่ามาจากแผนการซื้อพรรคพลังประชารัฐ[7]

ตราสัญลักษณ์พรรคก้าวล่วง จากแฟนเพจเฟสบุ๊คของพรรค
การเคลื่อนไหวของพรรคก้าวล่วง
พรรคก้าวล่วงได้มีการเคลื่อนไหวหรือกล่าวถึงโดยอรรถพลทั้งในและนอกพื้นที่ออนไลน์มาก่อนหน้าที่จะมีแถลงการณ์ตั้งพรรคก้าวล่วงแล้ว โดยสามารถย้อนได้ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ในการชุมนุมหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ซึ่งในครั้งนั้น อรรถพลได้ปราศรัยเชิญชวนให้ผู้คนเข้าร่วมกับพรรค “ก้าวล่วง” ซึ่งมีนโยบาย 3 ข้อ ได้แก่
1. ประยุทธ์ จันทร์โอชาและเครือข่ายบุคคลที่เกี่ยวข้องยุติบทบาททางการเมือง
2. ร่างรัฐธรรมนูญที่มีที่มาจากประชาชน และ
3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ รวมถึงเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112[8]
ในเดือนมีนาคม อรรถพลได้ใช้คำว่า “พรรคก้าวล่วง” ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่น การประกาศรับสมัคร “สมาชิก” รุ่นแรกของพรรคฯ จำนวน 1,112 คน เมื่อวันที่ 20 มีนาคม[9] ในวันเดียวกับการนัดชุมนุมที่สนามหลวงโดยกลุ่มเยาวชนปลดแอก นอกจากนั้นยังได้มีการผลิตและแจกจ่ายสติกเกอร์ของพรรคก้าวล่วงที่มีลักษณะเป็นข้อความตัวอักษร ชื่อพรรค และตราสัญลักษณ์ของพรรค และปรากฏว่ามีการนำสติกเกอร์พรรคก้าวล่วงไปติดในสถานที่หรือตามสิ่งของต่าง ๆ เช่น โล่ตำรวจควบคุมฝูงชน[10] รถตำรวจ[11] หรือในสถานที่ราชการ[12] รวมถึงรถยนต์ของสำนักข่าว[13] การเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคก้าวล่วงในภายหลัง ยังได้มีการแจกขันน้ำพลาสติกสีส้มที่มีตราสัญลักษณ์ของพรรคก้าวล่วงและชื่อ พร้อมลายเซ็นของ อรรถพล บัวพัฒน์ ในการชุมนุม “24 มิถุนา ตื่นเช้ามาสานต่อภารกิจคณะราษฎร” เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564[14] ในลักษณะที่คล้ายกับการแจกขันแดงของพรรคเพื่อไทยที่มีคำอวยพรและลายเซ็นของ ทักษิณ_ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี 2559 และขันน้ำพลาสติกจากพรรคพลังประชารัฐ ที่มีชื่อประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีการแจกในช่วงเดือนเมษายน 2564
พรรคก้าวล่วงได้ใช้แฟนเพจของพรรคฯ ในการสื่อสารทางการเมือง เช่น การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เช่น สถาบันกษัตริย์ แนวคิดรัฐฆราวาส การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล หรือการพูดถึงเรื่องการเมืองในเชิงตลกขบขัน รวมถึงประชาสัมพันธ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองต่าง ๆ เช่น การเปิดรับบริจาคค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือค่าใช้จ่ายจากการดำเนินคดีต่อแนวร่วมการชุมนุม หรือการเปิดรับบริจาคค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ โดยร่วมกับกลุ่มการเมืองฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอื่น ๆ
พรรคก้าวล่วงในฐานะการเคลื่อนไหวทางการเมือง
จะเห็นได้ว่าพรรคก้าวล่วงไม่ได้ดำเนินการจดทะเบียนพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ สื่อความหมายว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างไม่เป็นทางการมากกว่าจะนำไปสู่การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง แต่ก็ชวนตั้งคำถามถึงกรอบกฎหมายที่กำหนดให้พรรคการเมืองต้องจดทะเบียนจัดตั้งตามเงื่อนไขและข้อบังคับทางกฎหมาย ซึ่งในด้านหนึ่งการรวมตัวทางการเมืองก็มองได้ว่าเป็นสิทธิตามธรรมชาติของมนุษย์ การเคลื่อนไหวของพรรคก้าวล่วงจึงเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่แยกไม่ออกจากการรับรู้และแรงกดดันของสังคมว่า พรรคการเมืองคืออะไร ควรมีหน้าที่อย่างไร และที่สำคัญที่สุดพรรคการเมืองควรจะถูกควบคุมโดยรัฐหรือไม่อย่างไร ซึ่งเป็นคำถามทางรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง
อ้างอิง
[1] อรรถพล บัวพัฒน์, ใน ศุภาวรรณ คงสุวรรณ์, “‘อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของประชาชนคือความจริง’ – ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์,” The 101, (23 เมษายน 2564). เข้าถึงจาก https://www.the101.world/attapon-buapat-interview/. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
[2] พรรคก้าวล่วง : Advance Forward Party, “แถลงการณ์พรรคก้าวล่วง ฉบับที่ 1/2564,” Facebook, (7 เมษายน 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=106677641532757&id=106672294866625. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564; ทั้งนี้ อรรถพลได้ใช้เฟสบุ๊คส่วนตัวโพสต์แถลงการณ์ฉบับเดียวกันนี้ลงในกลุ่มเฟสบุ๊คของพรรคก้าวล่วง ซึ่งเป็นกลุ่มปิด ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน.
[3] อ้างแล้ว.
[4] พรรคก้าวล่วง : Advance Forward Party, “นโยบายหลักพรรคก้าวล่วง,” Facebook, (10 เมษายน 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=109576934576161&id=106672294866625. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
[5] พรรคก้าวล่วง, Facebook, เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/groups/384785895983884/about. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
[6] พรรคก้าวล่วง : Advance Forward Party, “แถลงการณ์พรรคก้าวล่วง ฉบับที่ 1/2564,”.
[7] พรรคก้าวล่วง : Advance Forward Party, “เผยที่มาและความหมายของโลโกพรรคก้าวล่วง,” Facebook, (11 เมษายน 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=109824094551445&id=106672294866625. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
[8] “‘ครูใหญ่’ อภิปรายหน้าสภา ปล่อยมุขชวนเข้า ‘พรรคก้าวล่วง’ นโยบาย 3 ข้อ แซวปารีณาพรรค ‘พลังประชาขัด’,” มติชนออนไลน์, (20 กุมภาพันธ์ 2564). เข้าถึงจาก https://www.matichon.co.th/politics/news_2588553. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
[9] ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ – Attapon Buapat, Facebook, (17 มีนาคม 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=1053918111762717&id=423082394846295. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
[10] ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ – Attapon Buapat, Facebook, (22 มีนาคม 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=1056898701464658&id=423082394846295. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
[11] ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ – Attapon Buapat, Facebook, (21 มีนาคม 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=1056429941511534&id=423082394846295. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
[12] ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ – Attapon Buapat, Facebook, (22 มีนาคม 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=1056798818141313&id=423082394846295. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
[13] ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ – Attapon Buapat, Facebook, (27 มีนาคม 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=1060039781150550&id=423082394846295. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
[14] สำนักข่าวราษฎร – Ratsadorn News, Facebook, (24 มิถุนายน 2564) เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/RatsadonNews/photos/a.106955498064842/175633431197048/. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.