มังกร สามเสน

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:00, 1 ธันวาคม 2562 โดย Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ผู้เรียบเรียง : ผศ.ดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :  ศ.นรนิติ เศรษฐบุตร


“ถ้าเราจัดการบ้านเมืองของเรา เจริญเท่าเทียมเขาแล้ว
แลกกันกินกันใช้ในบ้านเมืองของเรา ก็ทรงชีพอยู่ได้
เพราะความจำเป็นของมนุษย์นั้น อยู่ที่การมีอาหารการกิน
มีเครื่องนุ่งห่มให้ร่างกายอบอุ่น มีที่อยู่และมีอนามัยไม่เจ็บไข้
อิสรภาพเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”

นายมังกร สามเสน[1]

          “โครงการเศรษฐกิจ” “แผนเศรษฐกิจ” หรือ “นโยบายเศรษฐกิจ” สุดแท้แต่ผู้คนจะนิยมใช้คำใด แต่จุดมุ่งหมาย ก็เป็นไปเพื่อสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับคนในประเทศโดยรวมทั้งสิ้น แม้ว่าแนวทางที่จะนำไปสู่ความกินดีอยู่ดีนั้น จะแตกต่างกันตามสำนักเศรษฐศาสตร์ที่สมาทาน ซึ่งนับตั้งแต่ประเทศไทย มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง วันที่ 27_มิถุนายน_พ.ศ._2475 โดยคณะราษฎร ถือเป็นการ “ปฏิวัติ” เปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมไปในแทบทุกด้าน และด้านหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงไป นั่นคือ “เศรษฐกิจ” ซึ่งถือเป็น 1 ในหลัก 6 ประการ ของคณะราษฎร แต่กระนั้น ผู้คนทั้งหลายมักเข้าใจว่า การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์ “ปฏิวัติสยาม_พ.ศ._2475” นั้น มาจากเค้าโครงการเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์มนูญธรรม (นายปรีดี พนมยงค์) ซึ่งถือเป็นความเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง เนื่องจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับแรกนั้น ถูกเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 โดย “นายมังกร สามเสน” คหบดีที่มีธุรกิจหลากหลาย อาทิเช่น ค้าข้าว ค้าไม้ ทำโรงสี และอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดแรก ถือเป็นนักการเมืองคนสำคัญที่โลดแล่นอยู่บนเวทีการเมืองในช่วงแรก หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ไม่นานนัก

ประวัติการศึกษาและชีวิตครอบครัว

          นายมังกร สามเสน เกิดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2431 ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 8 ปีกุน ณ บ้านปากคลองสามเสน อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร เป็นบุตรชายคนแรกของนายเก็งซัน สามเสน และนางปอ สามเสน[2] 

          นายมังกร สามเสน เข้ารับการศึกษาภาษาไทยเบื้องต้นในโรงเรียนวัดเบญจมบพิตร จนสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงธรรมการ ต่อมาได้ศึกษาภาษาอังกฤษเบื้องต้นที่โรงเรียนวัดชนะสงคราม นอกจากนี้นายมังกร สามเสน ยังได้ศึกษาภาษาจีน โดยจ้างครูชาวจีนมาสอนที่บ้านเป็นการพิเศษ จากนั้นได้เข้าศึกษาในโรงเรียนกฎหมาย เพื่อศึกษาวิชากฎหมาย และสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2451 ขณะที่มีอายุได้ 20 ปี[3]

          นายมังกร สามเสน ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่  6 มกราคม พ.ศ. 2490 สิริรวมอายุได้ 59 ปี มีการตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ วัดมกุฏกษัตริยาราม และมีการฌาปนกิจในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2490[4]

หน้าที่การงานและตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญ

          เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว นายมังกร สามเสน ได้เริ่มต้นอาชีพด้วยการรับราชการเป็นพนักงานอัยการ จังหวัดนครปฐม ในปี พ.ศ. 2451 ต่อมาได้ย้ายไปเป็นพนักงานแพ่ง จังหวัดพิจิตร ในปี พ.ศ. 2453 และย้ายไปดำรงตำแหน่งยกกระบัตร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งยกกระบัตร จังหวัดกาญจนบุรี และเพชรบุรี ตามลำดับ ก่อนจะลาออกจากราชการ เพื่อประกอบอาชีพส่วนตัว โดยตำแหน่งทางราชการสุดท้ายคือ “ยกกระบัตร จังหวัดเพชรบุรี”[5]

          เมื่อลาออกจากราชการแล้ว นายมังกร สามเสน ได้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวด้วยการเป็นทนายความ ในครั้งแรกนั้น นายมังกร สามเสน ร่วมกับมิสเตอร์ปรุ๊ก ทนายความชาวต่างประเทศ เปิดสำนักงานอยู่ด้วยกัน ต่อมาภายหลัง นายมังกร สามเสน ได้แยกตัวออกมาตั้งสำนักงานทนายความเป็นของตัวเอง โดยตั้งสำนักอยู่บริเวณบ้านปากคลองสามเสน และดำเนินกิจการเรื่อยมา จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2486 จึงได้ล้มเลิกกิจการไป[6]

          นายมังกร สามเสน ยังมีกิจการอื่น ๆ อีกมาก ทำให้ชื่อของนายมังกร สามเสน เป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจคนสำคัญแห่งยุคสมัย ซึ่งนายมังกร สามเสน ได้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมหลายชนิด ประกอบด้วย กิจการค้าไม้และทำป่าไม้ ที่อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร กิจการโรงงานอัดน้ำมันมะพร้าว ที่ปากคลองสามเสน ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2462

          สำหรับตำแหน่งทางการเมืองนั้น นายมังกร สามเสน เริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมืองด้วยการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีการแต่งตั้งขึ้นภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดยนายมังกร สามเสน ถือเป็น 1 ใน 3 คน จาก “กลุ่มพ่อค้าไทย” ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสมาชิกทั้ง 3 คน ที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มพ่อค้าไทย” ประกอบด้วย นายมังกร สามเสน นายมานิต วสุวัต และนายซุ่นใช้ คูตระกูล[7] และเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับถาวร เมื่อวันที่ 10_ธันวาคม_พ.ศ._2475 นายมังกร สามเสน ก็ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 2 เรื่อยมา จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2482 ก็มีเหตุให้สิ้นสุดสมาชิกภาพ[8] ตลอดระยะเวลาร่วม 7 ปีที่นายมังกร สามเสน ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น ได้สร้างสีสันให้กับสภาผู้แทนราษฎรอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นผู้ที่มีแนวคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอ และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียงคนเดียว (จากจำนวน 3 คน) ที่เหลืออยู่ของ “กลุ่มพ่อค้าไทย”[9]

ผลงานที่สำคัญในทางการเมือง

          เนื่องจากนายมังกร สามเสน เป็นพ่อค้าที่อยู่ในระดับกลาง ผลงานที่สำคัญทางการเมืองของท่าน จึงมักจะมีความเกี่ยวเนื่องกับประเด็นทางเศรษฐกิจ ซึ่งนายมังกร สามเสน มีบทบาทในการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลมาตั้งแต่ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ซึ่งในสมัยนั้น รัฐบาลมีลักษณะเป็นรัฐบาลสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อำนาจได้รวมศูนย์อยู่ที่พระมหากษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ และขุนนางผู้ใหญ่ ขณะที่นายมังกรเอง ก็เป็นพ่อค้าระดับรอง ๆ ลงมา ไม่ใช่พ่อค้าใหญ่ในประเทศแต่ประการใด โดยในปี พ.ศ. 2471 นายมังกร สามเสน ได้ทำหนังสือรายงานเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์ถึงปัญหาการแข่งขันระหว่างพ่อค้าข้าวชาวจีนกับพ่อค้าข้าวชาวตะวันตก ส่งผลให้ราคาข้าวของสยามถูกตัดราคาลง[10]

          แต่กระนั้น ข้อเสนอของนายมังกร สามเสน ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2473 นายมังกร สามเสน ได้เสนอให้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงระบบตลาดการรับซื้อข้าว แต่ก็ไม่ได้รับการสนองอีกเช่นเคย โดยในที่ประชุมคณะอภิรัฐมนตรีได้มีความเห็นว่า “รัฐบาลที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้าของราษฎร ก็มีแต่รัฐบาลโซเวียตกับรัฐบาลญี่ปุ่น”[11] เมื่อเป็นดังนั้น ส่งผลให้นายมังกร สามเสน มีภาพลักษณ์ที่อยู่ในฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลโดยสิ้นเชิง

          ภายหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 แล้วนั้น นายมังกร สามเสน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และได้เสนอ “โครงการ เศรษฐกิจ พาณิชยการ กสิกรรม และอุตสาหกรรม” โดยมีการเสนอญัตติต่อสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2475[12] ถือเป็นโครงการเศรษฐกิจ/แผนเศรษฐกิจ แผนแรกภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยเนื้อหาที่นายมังกร สามเสน นำเสนอนั้น ในส่วนแรกได้สะท้อนข้อมูลของประเทศในขณะนั้น อาทิเช่น จำนวนประชากร ลักษณะอาชีพ เป็นต้น ส่วนต่อมาได้นำเสนอปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนายมังกร สามเสน ได้สรุปข้อตกต่ำทางเศรษฐกิจเอาไว้ 6 ประการ[13] ประกอบด้วย (1) อาชีพของราษฎรถูกบีบจนหมดกำลัง (2) สยามขาดพ่อค้าที่เป็นคนไทย (3) สยามขาดโรงงานอุตสาหกรรม (4) สยามยังไม่มีธนาคารของประเทศ (5) สยามบกพร่องในความช่วยเหลืออุดหนุนตัวเอง และ (6) เงินสยามสูงมากเป็นเหตุให้ราคาสินค้าตกต่ำ

          โครงการเศรษฐกิจของนายมังกร_สามเสน ยังเสนอแนวทางสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจของชาติเอาไว้ โดยเสนอไว้ 19 ประการ[14] ประกอบด้วย (1) ตั้งธนาคารของชาติขึ้น (2) ขอให้ตั้งบริษัทรับซื้อของดิบ (3) ตั้งบริษัทกสิกรรมขึ้น (4) ตั้งบริษัทรับจ้างไถนาสูบน้ำ (5) ตั้งบริษัทคอกสัตว์ (6) ตั้งบริษัทโรงงานโรงสี (7) ตั้งบริษัทค้าไม้ (8) ตั้งบริษัททอกระสอบป่าน (9) ตั้งโรงงานทอผ้า (10) โรงงานทำถ้วยชาม (11) ตั้งบริษัทยาสูบ (12) ตั้งบริษัททำน้ำตาล (13) ตั้งบริษัทบดแป้งสาลี (14) สินค้าน้ำมันมะพร้าวและละหุ่ง (15) ตั้งโรงทำกระดาษ (16) ควรตั้งกองทุนอุดหนุนศิลปวิทยา (17) วางหลักสูตรการศึกษาของนักเรียนให้ช่วยเศรษฐกิจ (18) ควรออกกฎหมายช่วย และ (19) วางหลักทางราชการส่งเสริมเศรษฐกิจ ซึ่งจากข้อเสนอของนายมังกร สามเสน จะเห็นได้ว่า มีข้อบางประการสอดคล้องกับข้อเสนอเค้าโครงการเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์มนูญธรรม (นายปรีดี พนมยงค์) หรือข้อเสนอบางประการได้นำไปสู่การเกิดขึ้นจริงในภายหลัง อาทิเช่น การตั้งธนาคารแห่งประเทศไทย การตั้งโรงงานยาสูบ การตั้งบริษัทข้าวไทย เป็นต้น

          แม้ว่าข้อเสนอของนายมังกร สามเสน ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลในขณะนั้น ซึ่งมีพระยามโนปกรณ์นิติธาดาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ต่อมาเมื่อมีการเสนอเค้าโครงการเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์มนูญธรรม (นายปรีดี พนมยงค์) นายมังกร สามเสน ได้แสดงความคิดเห็นไว้ในลักษณะที่เห็นด้วยกับแนวทางของหลวงประดิษฐ์มนูญธรรม (นายปรีดี พนมยงค์) แต่ไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมด โดยนายมังกร สามเสน ต้องการให้รัฐบาลมีบทบาทในการจัดการเศรษฐกิจ แต่ไม่ต้องการให้รัฐบาลมีบทบาทแบบสหกรณ์ครบรูปตามแนวทางของหลวงประดิษฐ์มนูญธรรม (นายปรีดี พนมยงค์)[15] นอกจากนี้ นายมังกร สามเสน ในฐานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้อภิปรายปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลต่าง ๆ ในสภาผู้แทนราษฎรอย่างดุเดือดอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงรัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์_พหลโยธิน) และนายมังกร สามเสน ยังได้เป็นกรรมาธิการคณะต่าง ๆ อาทิเช่น กรรมาธิการควบคุมนโยบายจำกัดแร่ กรรมาธิการควบคุมนโยบายจำกัดยาง กรรมาธิการสภาเศรษฐกิจ เป็นต้น ประเด็นดังกล่าวจึงทำให้นายมังกร สามเสน สามารถมีข้อมูลในการอภิปรายรัฐบาลได้อยู่สม่ำเสมอ[16]

          นอกจากนี้ นายมังกร สามเสน ยังมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ “นายถวัติ_ฤทธิเดชฟ้องร้องคดีพระปกเกล้าฯ” โดยยื่นคำฟ้องกับนายมังกร สามเสน เหตุเกิดเมื่อนายถวัติ ฤทธิเดชยื่นฟ้องร้องพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวต่อสภาผู้แทนราษฎร ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2476 โดยอ้างว่าพระปกเกล้าหมิ่นประมาทตน เพราะในบันทึก “พระบรมราชวินิจฉัยเค้าโครงการเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐมนูธรรม” ที่มีการแจกจ่ายระหว่างเกิดวิกฤตการณ์เรื่องเค้าโครงการเศรษฐกิจเมื่อเดือนมีนาคม - เมษายน พ.ศ. 2476 นั้น มีข้อความตอนหนึ่งพาดพิงถึงผู้นำกรรมกรรถรางว่า “การที่กรรมกรรถรางหยุดงานนั้น หาใช่เกิดการหยุดเพราะความเดือดร้อนจริงจังอันใดไม่ ที่เกิดเป็นดังนี้นั้นก็เพราะมีคนยุให้เกิดการหยุดงานขึ้น เพื่อจะได้เป็นโอกาสให้ตั้งสมาคมคนงาน และตนจะได้เป็นหัวหน้า และได้รับเงินเดือนกินสบายไปเท่านั้น”[17] แต่นายมังกร สามเสน ได้ส่งคำฟ้องกลับคืนมา โดยอ้างว่าขัดต่อมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ. 2475 ที่ระบุว่า “องค์พระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการ ผู้ใดจะละเมิดมิได้” ต่อมานายถวัติ ฤทธิเดช ได้ถอนฟ้องและทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว[18]

          ด้วยเหตุที่นายมังกร สามเสน มีการอภิปรายในสภาที่ดุเดือด ดังนั้น เมื่อจอมพล ป. พิบูลสงคราม ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้มีการกวาดล้างศัตรูทางการเมืองครั้งสำคัญ เหตุการณ์ในครั้งนี้รู้จักกันในชื่อ “กบฏพระยาทรงสุรเดช” หรือ “กบฏ_18_ศพ[19] โดยมีการจับกุมนายมังกร สามเสนไปด้วย ส่งผลให้นายมังกร สามเสน หมดบทบาททางการเมืองลงอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

บรรณานุกรม

นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, การปฏิวัติสยาม พ.ศ. '2475,' (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน, 2553).

ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์, รัฐสภาไทยในรอบสี่สิบสองปี, (กรุงเทพฯ : ช. ชุมนุมช่าง, 2517).

มังกร สามเสน, โครงการณ์ เศรษฐกิจ พาณิชยการ กสิกรรม และอุตสาหกรรม, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ใต้เชียง, 2490).

วีณา มโนพิโมกษ์, ความขัดแย้งภายในคณะราษฎร, (วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2520).

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, ตำนานพุทธเจดีย์ ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ นายมังกร  สามเสน, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ไทยพิทยา, 2490).

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล, “กรณี ถวัติ ฤทธิเดช ฟ้อง พระปกเกล้า”, ใน ศิลปวัฒนธรรม, (พฤษภาคม, 2548).

อ้างอิง

[1] มังกร สามเสน, โครงการณ์ เศรษฐกิจ พาณิชยการ กสิกรรม และอุตสาหกรรม, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ใต้เชียง, 2490), น.  39-40.

[2] สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, ตำนานพุทธเจดีย์ ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ นายมังกร สามเสน, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ไทยพิทยา, 2490), น. (ค).

[3] เพิ่งอ้าง.

[4] มังกร สามเสน, อ้างแล้ว, น. (ค).

[5]สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, อ้างแล้ว, น. (ง).

[6] เพิ่งอ้าง.

[7] ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์, รัฐสภาไทยในรอบสี่สิบสองปี, (กรุงเทพฯ : ช. ชุมนุมช่าง, 2517), น.5-7.

[8] มังกร สามเสน, อ้างแล้ว, น. (ข).

[9] นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475, (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน, 2553), น. 401.

[10] เพิ่งอ้าง, น. 133.

[11] เพิ่งอ้าง, น. 134.

[12] มังกร สามเสน, อ้างแล้ว, น. 40.

[13] เพิ่งอ้าง, น. 4-12.

[14] เพิ่งอ้าง, น. 12-39.

[15] นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, อ้างแล้ว, น. 364.

[16] มังกร สามเสน, อ้างแล้ว, น. (ข)-(ค).

[17] สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล, “กรณี ถวัติ ฤทธิเดช ฟ้อง พระปกเกล้า”, ใน ศิลปวัฒนธรรม, พฤษภาคม 2548, หน้า 100-120.

[18] เพิ่งอ้าง.

[19] วีณา มโนพิโมกษ์, ความขัดแย้งภายในคณะราษฎร (วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2520), น. 115-135.