ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเลือกตั้ง ส.ส. และการแต่งตั้ง ส.ว. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 116: | บรรทัดที่ 116: | ||
|(13) [[พลตรี ประนิต เจริญศิริ]] ||(14) [[พันเอก ประสิทธิ์ ชื่นบุญ]] ||(15) นาย[[ประหยัด เอี่ยมศิลา]] ||(16) นาย[[ประหยัด บุรณศิริ]] | |(13) [[พลตรี ประนิต เจริญศิริ]] ||(14) [[พันเอก ประสิทธิ์ ชื่นบุญ]] ||(15) นาย[[ประหยัด เอี่ยมศิลา]] ||(16) นาย[[ประหยัด บุรณศิริ]] | ||
|- | |- | ||
|(17) [[พลตำรวจจัตวา ปราโมทย์ จงเจริญ]] ||(18) นาย[[ปานจิตต์ อเนกวนิช]] ||(19) [[หม่อมหลวงปืนไทย มาลากุล]] ||(20) [[จอมพล ผิน ชุณหะวัณ]] | |(17) [[พลตำรวจจัตวา ปราโมทย์ จงเจริญ]] ||(18) นาย[[ปานจิตต์ อเนกวนิช]] ||(19) [[หม่อมหลวงปืนไทย มาลากุล]] ||(20) [[ผิน ชุณหะวัณ|จอมพล ผิน ชุณหะวัณ]] | ||
|- | |- | ||
|(21) นาย[[เผด็จ จิราภรณ์]] ||(22) [[พลเอก พิสิฏฐ์ ฉายเหมือนวงศ์]] ||(23) [[พลตรี ไพฑูรย์ อิงคตานุวัฒน์]] ||(24) [[พระมนูเวทย์วิมลนาท]] | |(21) นาย[[เผด็จ จิราภรณ์]] ||(22) [[พลเอก พิสิฏฐ์ ฉายเหมือนวงศ์]] ||(23) [[พลตรี ไพฑูรย์ อิงคตานุวัฒน์]] ||(24) [[พระมนูเวทย์วิมลนาท]] | ||
บรรทัดที่ 142: | บรรทัดที่ 142: | ||
;จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่ม 6 คน แทนตำแหน่งที่ว่างลง ดังนี้ | ;จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่ม 6 คน แทนตำแหน่งที่ว่างลง ดังนี้ | ||
พลตรี [[พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์]] [[พลอากาศโท มุนีมหาสันทนะเวชยันตรังสฤษดิ์]] [[พระยาอรรถการีย์นิพนธ์]] [[หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล]] [[พลตรี ชาญ อังศุโชติ]] และนาย[[สนิท วิไลจิตต์]] | พลตรี [[พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์]] [[พลอากาศโท มุนีมหาสันทนะเวชยันตรังสฤษดิ์]] [[พระยาอรรถการีย์นิพนธ์]] [[ปิ่น มาลากุล|หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล]] [[พลตรี ชาญ อังศุโชติ]] และนาย[[สนิท วิไลจิตต์]] | ||
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 13:55, 16 ตุลาคม 2557
ผู้เรียบเรียง ชาย ไชยชิต และ รองศาสตราจารย์ ดร. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
ความเป็นมา
ภายหลังการปฏิวัติในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 คณะปฏิวัตินำโดยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้เข้าบริหารประเทศ และได้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญใช้เวลาในการร่างรัฐธรรมนูญจนแล้วเสร็จและนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2511 และได้มีรัฐพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511 นอกจากนั้น ยังได้มีการประกาศใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก 2 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2511 และพระราชบัญญัติเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน พ.ศ. 2511
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511 กำหนดให้รัฐสภาเป็นระบบสองสภา ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา กล่าวคือ วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ มีจำนวนสามในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิกมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 6 ปี เมื่อครบ 3 ปี แล้วให้จับสลากออกครึ่งหนึ่ง ส่วนสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎรเลือกตั้งตามอัตราส่วนประชากร 150,000 คนต่อสมาชิกสภาผู้แทน 1 คน โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้วุฒิสภามีอำนาจค่อนข้างมาก กล่าวคือ นอกจากจะสามารถยับยั้งร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว ยังมีอำนาจควบคุมฝ่ายบริหารได้เท่ากับสภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรี หรือการเสนอญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511
วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511 เวลา 19.00 นาฬิกา ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญได้เชิญสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญและคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกรรมาธิการของสภาร่างรัฐธรรมนูญทั้งหมดมารับประทานอาหารร่วมกัน ณ บริเวณพระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อแสดงความยินดีในการที่สภาร่างรัฐธรรมนูญได้ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จนเสร็จสิ้นลง หลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511 แล้ว ในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2511 จึงได้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 120 คน ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญเพื่อทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภาในรัฐสภา ดังรายชื่อต่อไปนี้
โดยมี พันเอก นายวรการบัญชา เป็นประธานวุฒิสภา และพระดุลยพากย์สุวมัณฑ์ เป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และครวญ สุทธานินท์ฅพลเอก ครวญ สุทธานินท์ เป็นรองประธานสภาคนที่ 2
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512
การเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 1512 เป็นการจัดการเลือกตั้งตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511 มาตรา 180 ซึ่งกำหนดให้ต้องมีการเลือกตั้งขึ้นภายใน 240 วัน การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งลงแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างคึกคัก เพราะเมื่อพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2511 มีผลบังคับใช้แล้ว ปรากฏว่ามีผู้ร้องขอจดทะเบียนพรรคการเมืองต่อปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองจำนวนมาก ได้แก่ พรรคสหประชาไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาชน พรรคแนวร่วมเศรษฐกร พรรคเสรีประชาธิปไตย พรรคแนวประชาธิปไตย พรรคสัมมาชีพช่วยชาวนา พรรคชาวนาชาวไร่ พรรคสยามใหม่ พรรคประชาพัฒนา พรรคแรงงาน พรรคไทธิปัตย์ พรรคอิสระธรรม พรรคชาติประชาธิปไตย เป็นต้น
การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 1512 เป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขตเรียงเบอร์ โดยถือเอาหนึ่งจังหวัดเป็นหนึ่งเขตเลือกตั้ง และเป็นการเลือกตั้งโดยตรง จำนวนผู้แทนราษฎรในแต่ละเขตคำนวณโดยถือเอาจำนวนประชาชน 150,000 คน ต่อผู้แทน 1 คน การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้แทนทั้งหมด 219 คน มีผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั้งหมด 14,820180 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 7,285,832 คน คิดเป็นร้อยละ 49.10 จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดคือ จังหวัดระนอง คิดเป็นร้อยละ 73.95 ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั้งหมด และจังหวัดพระนครมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 36.66
ผลการเลือกตั้งในครั้งนี้พบว่า แม้จะมีพรรคการเมืองจำนวนมากส่งผู้สมัครสังกัดพรรคของตนลงแข่งขันรับเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่าพรรคการเมืองที่ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกครบทุกที่นั่งมีเพียง 2 พรรคเท่านั้น คือ พรรคสหประชาไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ผลการเลือกตั้งไม่ปรากฏว่ามีพรรคใดได้เสียงข้างมากเพียงพอที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้โดยลำพัง นั่นคือต้องมีคะแนนเสียงสนับสนุนในสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทน หรือเกินกว่ากึ่งหนึ่งของ 219 คน ซึ่งเท่ากับ 110 คนขึ้นไป สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเลือกตั้งในครั้งนี้ มีผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ไม่สังกัดพรรคได้รับเลือกเข้ามามากถึง 70คน อย่างไรก็ตาม พรรคสหประชาไทยก็ได้รับการสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลได้ในที่สุด เนื่องจากพรรคนี้เป็นพรรครัฐบาลอยู่ก่อนแล้ว และได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่สังกัดพรรค และสมาชิกที่แปรพรรคมาให้การสนับสนุน
การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่มเติม วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512
เนื่องจากในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 219 คน เป็นเหตุให้ต้องมีการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่มเติมอีก 44 คน รวมเป็น 164 คน เพื่อให้มีจำนวนเท่ากับ 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511 รายชื่อผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 มีดังต่อไปนี้
การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่มเติม วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2512
เนื่องจากมีสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 6 คน ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2512 เป็นต้นไป ประกอบด้วย
นายมนูญ บริสุทธิ์ พลตำรวจโทพิชัย กุลละวณิชย์ พลโทแสวง เสนาณรงค์ นายถวิล สุนทรศารทูล พลเอก กฤษณ์ ศรีวะรา และหม่อมราชวงศ์ ทองแท่ง ทองแถม ในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2512
- จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่ม 6 คน แทนตำแหน่งที่ว่างลง ดังนี้
พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ พลอากาศโท มุนีมหาสันทนะเวชยันตรังสฤษดิ์ พระยาอรรถการีย์นิพนธ์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล พลตรี ชาญ อังศุโชติ และนายสนิท วิไลจิตต์
ที่มา
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 86 ตอนที่ 30 ลงวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2512
กระทรวงมหาดไทย, รายงานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เล่ม 2, พระนคร : โรงพิมพ์กรมมหาดไทย, 2502
ฝ่ายพัฒนาการเมืองและการปกครอง สำนักนโยบายและแผนมหาดไทย, อนุสารการเมือง, มีนาคม 2522
บุญทัน ดอกไธสง, การเปลี่ยนแปลงทางการบริหารและการเมืองไทย, กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, 2520
ขจัดภัย บุรุษพัฒน์, การเมืองและพรรคการเมืองของไทยนับแต่ยุคแรกถึงปัจจุบัน, พระนคร: สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, 2511
โคทม อารียา, สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2540) หมวดองค์กรทางการเมือง เรื่องที่ 5 ระบบการเลือกตั้ง, กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, 2544
คณิน บุญสุวรรณ, ประวัติรัฐธรรมนูญไทย, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ภูมิปัญญา, 2542
เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช, การสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมืองในประเทศไทย, วิทยานิพนธ์หลักสูตรชั้นปริญญาโท ภาค 2 ทางรัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2519
วิทยา นภาศิริกุลกิจ, ระบบพรรคการเมืองไทย: ศึกษาเชิงวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างยุคก่อนการปฏิวัติ พ.ศ. 2501 กับสมัยปัจจุบัน, วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญาโท ภาค 2 ทางรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2514