ศรีอารยเมตไตรย
ผู้เรียบเรียง นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
พรรคศรีอารยเมตไตรย
พรรคศรีอารยเมตไตรย เป็นพรรคการเมืองที่จดทะเบียนจัดตั้งตามพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2498 โดยได้ยื่นจดทะเบียนต่อปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2500 ทะเบียนเลขที่ 1/2500 โดยมีนายเฉียบ อัมพุนันท์ เป็นหัวหน้าพรรค นายโกลิต พันธโกศล เป็นเลขาธิการพรรค
นโยบายของพรรคศรีอารยเมตไตรย
นโยบายเกี่ยวกับสันติภาพและสงคราม พรรคศรีอารยเมตไตรยจะมุ่งส่งเสริมให้สันติภาพดำรงอยู่อย่างถาวร พรรคจะคัดค้านและต่อสู้อธรรมสงคราม สนับสนุนธรรมสงคราม คัดค้านสนธิสัญญาทางทหาร ไม่ว่าในรูปแบบใด ๆ อันเป็นการท้าทายสงคราม
นโยบายทางการเมือง พรรคศรีอารยเมตไตรย จะขจัดระบบศักดินาอันเป็นเหตุกระทำให้ชาติต้องล้าหลังให้สูญสิ้นไปจากผืนแผ่นดินสยาม จะต่อสู้ลัทธิจักรวรรดินิยม จะต่อสู้ลัทธิเผด็จการ จะดำเนินการให้ได้มาซึ่งรัฐบาลของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นประชาธิปไตยของราษฎรโดยจัดตั้งรัฐบาลผสมระหว่างชนชั้นกรรมกร ชาวนา นายทุนน้อย และนายทุนอุตสาหกรรม เพื่อที่จะได้มีเอกราชสมบูรณ์ทั้งทางการเมือง การเศรษฐกิจและการทหาร
พรรคศรีอารยเมตไตรยจะส่งเสริมให้ทุกชาติอยู่ด้วยกันอย่างเสมอภาค จะปลุกและส่งเสริมความรักชาติอย่างร้อนแรง เทอดทูนผลประโยชน์ของชาติเหนือสิ่งอื่นใด พรรคศรีอารยเมตไตรยจะดำเนินตามแนวทาง “สากลนิยม” ต่อต้านความคิด “ชาตินิยม” ที่หลงชาติยกชาติตนเหนือชาติอื่น โดยคิดว่าชาติตนนั้นเป็นเชื้อชาติสูง จะให้สิทธิแก่ “ชนชาติส่วนน้อย” ในการปกครองตนเองซึ่งขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง ให้สิทธิแก่บุคคลสองสัญชาติในการเลือกสัญชาติได้ตามสมัครใจเมื่อบรรลุนิติภาวะ
นโยบายด้านการต่างประเทศ พรรคศรีอารยเมตไตรย จะส่งเสริมให้ประเทศเล็กหรือใหญ่คงอยู่ร่วมกันอย่างเสมอภาค จะถือนโยบายเป็นกลาง ผูกมิตรกับนานาประเทศทั่วโลก โดยถือหลัก “ปัญจศีลา” คือ เคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนซึ่งกันและกัน ไม่รุกรานซึ่งกันและกสัน ไม่แทรกแซงการเมืองภายในซึ่งกันและกัน ให้ประโยชน์แก่กันและคงอยู่ร่วมกันอย่างสันติแม้ระบบการเมืองจะต่างกัน จะถอนตัวออกจากสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันแห่งอาเซียตะวันออกเฉียงใต้ สนับสนุนอุดมการณ์แห่งสหประชาชาติ ไม่เป็นศัตรูต่อคนต่างด้าว จะไม่อนุญาติให้คนต่างด้าวเข้าเมืองเพื่อการกดขี่ขูดรีดสังคมสยามเพิ่มเติมขึ้นอีก เว้นแต่ถูกข่มเหงจากพวกถอยหลังเข้าคลอง เพราะได้ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์แห่งความเป็นธรรม เพราะได้ต่อสู้เพื่อสันติภาพ เพราะเนื่องจากผลแห่งการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ หรือเข้ามาในฐานะผู้เชี่ยวชาญเพื่อการสร้างสรรค์สังคมสยาม จะได้สถาปนาการฑูตกับทุกประเทศทั่วโลก เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน จะสนับสนุนทุกประเทศทั่วโลก ให้เข้าเป็นสมาชิกในองค์การสหประชาชาติ ไม่รับ “การช่วยเหลือ” จากต่างประเทศโดยการมีเงื่อนไข แต่จะรับการช่วยเหลือจากทุกประเทศที่ปราศจากเงื่อนไข
นโยบายด้านเศรษฐกิจ พรรคศรีอารยเมตไตรยจะดำเนินการเศรษฐกิจหลายแบบ โดยให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการเอง รัฐและเอกชนร่วมกันดำเนินการ และแบบสหกรณ์ควบคู่พร้อมกันไป และในที่สุดจะค่อย ๆ ปรับปรุงให้เศรษฐกิจส่วนใหญ่เป็นเศรษฐกิจของรัฐโดยตลอดในบั้นปลาย จะจัดสร้างอุตสาหกรรมเบาและอุตสาหกรรมหนักอย่างเร่งรีบ เพื่อให้มีผลิตผลพอใช้ในประเทศและเหลือใช้ส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
พรรคศรีอารยเมตไตรย จะดำเนินการส่งเสริมการเกษตรกรรมโดยใช้วิธีสหการภายใต้วิทยาการใหม่ ด้านการพาณิชย์จะได้ทำการกับนานาประเทศทั่วโลก ทุกคนมีสิทธิที่จะดำเนินทางไปประเทศใด ๆ ได้โดยเสรีในการประกอบการค้านั้น ๆ จะดำเนินการปรับปรุงที่ดินใหม่ให้ราษฎรที่ต้องการที่ดินได้มีที่ดินเป็นของตนเองโดยทั่วถึง ไม่ส่งเสริมวิธีการนำประเทศไปเป็นลูกหนี้โดยการกู้เงินจากต่างประเทศ จะลดดอกเบี้ยและลดค่าเช่า จะยกเลิกระบบเรียกเงินกินเปล่า จะเลิกการจำหน่ายฝิ่นโดยรัฐทันที จะเลิกจำหน่ายสลากกินแบ่งและอบายมุขทั้งปวงทันที ซึ่งจะนำประชาชนไปสู่ความยากจนข้นแค้น จะไม่ให้มีหญิงนครโสเภณีและคนขอทาน จะได้ทำการกวาดล้างการทุจริตในวงราชการอย่างขนานใหญ่ จะไม่ยอมให้ข้าราชการผู้หนึ่งผู้ใดกินสินบน สินน้ำใจ หรือของกำนัลอย่างเด็ดขาด จะเลิกอภิสิทธิ์อย่างจริงจังไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม
พรรคศรีอารยเมตไตรยจะส่งเสริมให้ประชาชนมีสิทธิในเสรีภาพในร่างกาย ในเคหสถาน ในทรัพย์สิน ในความคิด ในการเขียน ในการตีพิมพ์ ในการตั้งสมาคม ในการสื่อสาร ในการชุมนุมสาธารณะ ในการเดินขบวนภายในบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และจะให้ประชาชนมีเสรีภาพในการนับถือศาสนาหรือลัทธิใด ๆ ได้โดยเสรี
นโยบายด้านศีลธรรมและวัฒนธรรม พรรคศรีอารยเมตไตรยจะต่อต้านการทำลายล้างศีลธรรมและวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีเลิศของชาติที่สืบต่อเนื่องมาจากโบราณกาล จะต่อต้านการกดขี่ที่จะเอากรรมกรลงเป็นกรรมกรทาส จะต่อต้านการเอาหญิงเป็นกองกลาง จะต่อต้านการริบทรัพย์ของสาธุชน จะต่อต้านลัทธิมิให้ลูกนับถือพ่อแม่ จะต้องดำรงไว้และฟื้นฟูศีลธรรม วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีเลิศของราษฎรซึ่งถูกทอดทิ้ง และจะได้จัดวางระเบียบให้เป็นปึกแผ่น อีกทั้งให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรณมอันดีระหว่างประเทศเพื่อก้าวไปสู่การมีวัฒนธรรมใหม่
นโยบายด้านการทหารและการตำรวจ พรรคศรีอารยเมตไตรยจะสร้างกองทัพให้เข้มแข็งเพียงพอเพื่อป้องกันการรุกรานจากนอกประเทศ ถือว่าเป็น “ทหารของราษฎร” และจำเป็นที่จะต้องให้มีการศึกษาทางการเมืองแก่ทหารและตำรวจทุกคน เพื่อมิให้หลงผิดไปเป็นเครื่องมือของนักการเมืองที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวหรือส่วนคณะ การตำรวจจะต้องบริการประชาชนโดยสุจริตใจ โดยถือคติว่า “ประชาชนนั้นคือพ่อแม่ของตน”
นโยบายด้านการศึกษา พรรคศรีอารยเมตไตรย จะเร่งแก้ไขปัญหาสถานที่เรียนและปัญหาครูให้เพียงพอโดยเร็วที่สุด รัฐจะต้องเป็นผู้ดำเนินการเองโดยตลอด โดยค่อย ๆ ยกเลิกโรงเรียนราษฎร์ที่ดำนเนินการขูดรีดเป็นการค้าเพื่อหากำไรนั้นเสีย ไม่เก็บค่าเล่าเรียนทั้งชั้นประถมศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา โดยเฉพาะชั้นอุดมศึกษานั้น รัฐจะได้เลี้ยงดูนักศึกษาที่ยากจนเป็นพิเศษด้วย โดยจ่ายค่าอาหาร ค่าตำรา ค่าเครื่องนุ่งห่ม และค่าใช้จ่ายทุกประเภทในการครองชีพให้ด้วย
พรรคศรีอารยเมตไตรยได้ส่งผู้สมัครของพรรคลงแข่งขันรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 แต่ผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคศรีอารยเมตไตรยไม่ได้รับเลือกตั้งแม้แต่คนเดียว
ที่มา
ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 75 ตอนที่ 8 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 หน้า 217-223
สุจิต บุญบงการ,การพัฒนาการเมืองของไทย: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างทหาร สถาบันทางการเมือง และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2531
เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช, การสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมืองในประเทศไทย, วิทยานิพนธ์หลักสูตรชั้นปริญญาโท ภาค 2 ทางรัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2519
ขจัดภัย บุรุษพัฒน์, การเมืองและพรรคการเมืองไทยนับแต่ยุคแรกถึงปัจจุบัน, พระนคร: สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, 2511
ส่วนการทะเบียนและการเลือกตั้ง กรมมหาดไทย, รายงานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของกระทรวงมหาดไทย เล่ม 1, พระนคร: โรงพิมพ์กระดาษไทย, 2500