บัตรผี

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้เรียบเรียง โอฬาร ถิ่นบางเตียว


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


บัตรผี หมายถึง รูปแบบการทุจริตการเลือกตั้งโดยทุจริตการเลือกตั้งด้วยการนำบัตรเลือกตั้งที่ไม่ได้ลงคะแนนโดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาหย่อนไว้ในหีบเลือกตั้งจำนวนมาก บางกรณีบัตรลงคะแนนเหล่านั้นอาจจะไม่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นบัตรปลอม หรืออาจจะเป็นบัตรไม่มีตัวตนคนลงคะแนนและผู้มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจริง กรรมวิธีในการทุจริตการเลือกตั้งด้วยวิธีการนี้จะบัตรลงคะแนนที่ได้มาโดยมิชอบนำไปใส่ในหีบบัตรคราวละมาก ๆ การทุจริตเลือกตั้งโดยใช้ “บัตรผี” นั้น ในบางครั้งก็เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ไพ่ไฟ

พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งดังกล่าว เป็นการทุจริตที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้ง กับกรรมการการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง หรือเป็นหน่วยเลือกตั้งที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งมีอิทธิพลสูงสามารถทำให้กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งให้ร่วมมือในการทุจริตการเลือกตั้งด้วยวิธีการนี้

พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งโดยวิธีการดังกล่าวมักจะอาศัยช่วงจังหวะที่ไม่มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ในหน่วยเลือกตั้งจึงมีเพียงคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ดูแลและควบคุมการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน เป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตในลักษณะดังกล่าวได้ง่าย หรืออาศัยช่วงเวลาเปิดหีบเลือกตั้งแล้วใช้เทคนิครีบนำบัตรผีหย่อนในหีบให้เร็วที่สุด หรือใกล้เวลาปิดหีบเลือกตั้งและนับคะแนนในกรณีที่นับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งก็จะมีการนำบัตรผีเข้ามานับคะแนนร่วมด้วย แต่กระบวนการทุจริตเลือกตั้งทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือจากคณะกรรมการเลือกตั้งประจำหน่วยจึงจะสามารถดำเนินการได้

พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งโดยวิธีการนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันกัน 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคเสรีมนังคศิลากับพรรคประชาธิปัตย์

พรรคเสรีมนังคศิลาเป็นพรรครัฐบาล มีจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค และพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ เป็นเลขาธิการพรรค ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน มีนายควง อภัยวงศ์ เป็นหัวหน้าพรรค

การเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 นับเป็นการเลือกตั้งที่มีการทุจริตอย่างกว้างขวางมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะจอมพล ป. พิบูลสงคราม หัวหน้าพรรคและพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ เลขาธิการ ใช้อำนาจและอิทธิพลของทหารและตำรวจบีบบังคับข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือนให้ช่วยพรรคเสรีมนังคศิลาอย่างเต็มที่

หลังการเลือกตั้งพรรคเสรีมนังคศิลาชนะพรรคประชาธิปัตย์ หนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนทุกแขนงต่างประโคมข่าวการทุจริตการเลือกตั้งอย่างขนานใหญ่ของพรรคเสรีมนังคศิลา ในขณะเดียวกันประชาชนและขบวนการนิสิตนักศึกษาต่างโจมตีการเลือกตั้งสกปรกครั้งนี้ เพราะมีการทุจริตการเลือกตั้งโดยใช้วิธีการ พลร่ม ไพ่ไฟ การเวียนเทียน การบีบบังคับข้าราชการประจำและมีการทุจริตเลือกตั้งในรูปแบบต่าง ๆ กันถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการทุจริตการเลือกตั้งที่ใช้ต่อ ๆ กันมา

พฤติกรรมการอำนาจของรัฐบาลในการทุจริตการเลือกตั้ง ยังสร้างความไม่พอใจให้กลุ่มนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รวมตัวกันประมาณ 2,000 คน ก็ได้ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะต่อต้านรัฐบาล นิสิตเหล่านี้ลดธงชาติลงครึ่งเสาซึ่งเป็นการแสดงการไว้อาลัยประชาธิปไตยที่ตายไป ประชาชนได้เดินขบวนคัดค้านการเลือกตั้งสกปรกพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ถึงแม้ตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม หัวหน้าพรรคเสรีมนังคศิลาและรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน ประชาชน และนิสิตนักศึกษา แต่ความไม่พอใจในตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม กลับเพิ่มมากขึ้น วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2500 หรือ 1 สัปดาห์หลังการเลือกตั้ง นิสิตเหล่านี้เดินขบวนไปที่กระทรวงมหาดไทยโดยการแนะนำของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกและให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยที่มีคณะกรรมการประกอบด้วยนิสิตในการควบคุมการลงคะแนน นายกรัฐมนตรีกล่าวตอบว่า การเลือกตั้งจะเป็นโมฆะก็ต่อเมื่อศาลสั่ง

ในเวลาต่อมา จอมพล ป. พิบูลสงคราม รักษาการนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองแต่กลับเพิ่มดีกรีของความรุนแรงให้มากยิ่งขึ้น การเดินขบวนประท้วงของประชาชนและนิสิตนักศึกษามุ่งหน้าจากท้องสนามหลวงสู่ทำเนียบรัฐบาล และในวันเดียวกันนี้ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและมีอำนาจบังคับบัญชาทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจได้ทั่วราชอาณาจักร

หลังการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์และหลังการรณรงค์คัดค้านการเลือกตั้งที่สกปรก คะแนนนิยมและฐานะของจอมพล ป. พิบูลสงคราม เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว พวกที่คัดค้านรัฐบาล และความเป็นเผด็จการและการใช้อำนาจผิด ๆ ของพลตำรวจเอกเผ่าก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จนถึงวันที่ 16 เดือนกันยายน พ.ศ.2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม