การเวียนเทียน

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้เรียบเรียง โอฬาร ถิ่นบางเตียว และ รศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


การเวียนเทียน หมายถึง พฤติกรรมในการทุจริตการเลือกตั้งโดยการใช้บัตรประชาชนใบเดียวเวียนกันไปใช้สิทธิเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งซ้ำกันหลาย ๆ รอบ ซึ่งมักปรากฏหน่วยเลือกตั้งที่มีทหารมาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นหลัก พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นการทุจริตที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้งกับกรรมการการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง หรือเป็นหน่วยเลือกตั้งที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งมีอิทธิพลสูง สามารถทำให้กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งให้ร่วมมือในการทุจริตการเลือกตั้ง หรือการวางยุทธศาสตร์โดยให้คนของผู้สมัครรับเลือกตั้งเข้าไปเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง


พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งโดยวิธีการดังกล่าว มักจะกระทำในเขตเลือกตั้งที่อยู่ห่างไกลจากชุมชน หรือเป็นเขตเลือกตั้งที่มีกลุ่มผู้ใช้สิทธิจำกัด เช่น หน่วยเลือกตั้งที่มีทหารมาใช้สิทธิจำนวนมาก เป็นต้น ซึ่งประชาชนไม่สนใจติดตามการลงคะแนนใช้สิทธิเลือกตั้ง ในหน่วยเลือกตั้งจึงมีเพียงคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ดูแลและควบคุมการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตในลักษณะดังกล่าวได้ง่าย และอาศัยช่วงเวลาที่ผู้มาใช้สิทธิไม่มากโดยเฉพาะช่วงเปิดหีบเลือกตั้งใหม่ ๆ หรือใกล้เวลาปิดหีบเลือกตั้ง

พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งโดยวิธีการนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันกัน 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคเสรีมนังคศิลา กับพรรคประชาธิปัตย์

พรรคเสรีมนังคศิลาเป็นพรรครัฐบาล มีจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค และพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ เป็นเลขาธิการพรรค ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน มีนายควง อภัยวงศ์ เป็นหัวหน้าพรรค

การเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 นับเป็นการเลือกตั้งที่มีการทุจริตมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะจอมพล ป. พิบูลสงคราม หัวหน้าพรรค และพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ เลขาธิการ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า มีการใช้อำนาจและอิทธิพลของทหารและตำรวจบีบบังคับข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือนให้ช่วยพรรคเสรีมนังคศิลาอย่างเต็มที่

หลังการเลือกตั้งพรรคเสรีมนังคศิลาชนะพรรคประชาธิปัตย์ แต่หนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนทุกแขนงต่างประโคมข่าวการทุจริตการเลือกตั้งอย่างขนานใหญ่ของพรรคเสรีมนังคศิลา ในขณะเดียวกันประชาชนและขบวนการนิสิตนักศึกษาต่างโจมตีการเลือกตั้งสกปรกครั้งนี้ โดยเฉพาะกรณีการทุจริตการเลือกตั้งโดยใช้วิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น พลร่ม ไพ่ไฟ การเวียนเทียน การบีบบังคับข้าราชการประจำ การทุจริตเลือกตั้งในรูปแบบต่าง ๆ ดังกล่าวที่ปรากฏในครั้งนั้น ถือกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการทุจริตการเลือกตั้งที่ใช้ต่อ ๆ กันมา

พฤติกรรมการอำนาจของรัฐบาลในการทุจริตการเลือกตั้งดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยนิสิตนักศึกษาได้รวมตัวกันประมาณ 2,000 คน ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะต่อต้านรัฐบาล นิสิตเหล่านี้ลดธงชาติลงครึ่งเสาซึ่งเป็นการแสดงการไว้อาลัยประชาธิปไตยที่ตายไป ในขณะที่ประชาชนมีการเดินขบวนคัดค้านการเลือกตั้งสกปรก ส่วนพรรคประชาธิปัตย์แสดงการคัดค้านโดยประกาศไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ถึงแม้ตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม หัวหน้าพรรคเสรีมนังคศิลาและรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน ประชาชน และนิสิตนักศึกษา แต่ความไม่พอใจในตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม กลับเพิ่มมากขึ้น

วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2500 หรือ 1 สัปดาห์หลังการเลือกตั้ง นิสิตเหล่านี้เดินขบวนไปที่กระทรวงมหาดไทยโดยการแนะนำของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกและให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยที่มีคณะกรรมการประกอบด้วยนิสิตในการควบคุมการลงคะแนน นายกรัฐมนตรีกล่าวตอบว่า การเลือกตั้งจะเป็นโมฆะก็ต่อเมื่อศาลสั่ง

จอมพล ป. พิบูลสงคราม รักษาการนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่กลับเพิ่มดีกรีของความรุนแรงให้มากยิ่งขึ้น การเดินขบวนประท้วงของประชาชนและนิสิตนักศึกษามุ่งหน้าจากท้องสนามหลวงสู่ทำเนียบรัฐบาล และในวันเดียวกันนี้ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีอำนาจบังคับบัญชาทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจได้ทั่วราชอาณาจักร

หลังการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 และหลังการรณรงค์คัดค้านการเลือกตั้งที่สกปรก คะแนนนิยมและฐานะของจอมพล ป. พิบูลสงคราม เสื่อมคลายลงอย่างรวดเร็ว กระทั่งในวันที่ 16 เดือนกันยายน พ.ศ.2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม