ความคิดริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้เรียบเรียงพัชร์ นิยมศิลป


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ ศาสตราจารย์ ดร. ไชยวัฒน์ ค้ำชู


ข้อมูลพื้นฐานและความหมาย

นับแต่การลงนามของรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ทั้งห้าประเทศ คือ ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศมาเลเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศสิงคโปร์ ประเทศไทย ในปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) เพื่อจัดตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ในวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1967 อาเซียนมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมความร่วมมือภายในภูมิภาคในด้านต่างๆมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจของอาเซียน ซึ่งได้มีพัฒนาการในด้านเศรษฐกิจภายในภูมิภาคมาโดยตลอด เช่น ความตกลงว่าด้วยการใช้อัตราภาษีพิเศษที่เท่ากันสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน (Agreement on the Common Effective Preferential Tariff: CEPT) การจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area) การจัดตั้งเขตการลงทุนอาเซียน (ASEAN Investment Area: AIA) กรอบความตกลงด้านการค้าบริหาร (AFAS) ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement: ATIGA) เป็นต้น แต่อย่างไรก็ดี อาเซียนได้ตระหนักถึงช่องว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศที่ด้อยพัฒนาในภูมิภาค ประเทศต่างๆจึงได้มีความเห็นตรงกันให้มี ความคิดริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน (IAI) เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ประวัติความเป็นมา

แม้การได้รับเอกราชจะเป็นผลดีในด้านความมั่นคงและการเมืองต่อประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ยกเว้นประเทศไทยและสิงคโปร์) แต่เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ภายใต้โครงสร้างอำนาจหรืออยู่ภายใต้อิทธิพลชองเจ้าของกิจการที่เป็นเจ้าอาณานิคมเดิม ในขณะที่ประเทศเหล่านี้มีรายได้หลักจากภาคเกษตรกรรมแต่ต้องนำเข้าสินค้าประเภทอุตสาหกรรมและสินค้าประเภทอุปโภคและบริโภคมาจากต่างประเทศ ประชาชนจึงประสบปัญหาความยากจนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ก็ต้องมีการปรับโครงสร้างด้านเศรษฐกิจภายในภูมิภาค ฉะนั้นอาเซียนจึงได้นำประเด็นการพัฒนาทางเศรษฐกิจมาบรรจุไว้ภายในวัตถุประสงค์ของปฏิญญากรุงเทพ จนในช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 อาเซียนได้พัฒนานโยบายทางเศรษฐกิจจากการส่งเสริมการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า จนนำไปสู่การผลิตเพื่อการส่งออกในที่สุด โดยระหว่าง ค.ศ. 1983-1999 อาเซียนได้มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ใน ค.ศ.1992 การจัดตั้งสามเหลี่ยมเศรษฐกิจระหว่างประเทศต่างๆ ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เป็นต้น

ปลายยุคทศวรรษที่ ค.ศ. 1990 เมื่อกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนามได้เข้าเป็นสมาชิกอาเซียนโดยสมบูรณ์ อาเซียนก็ประกอบด้วยประเทศสมาชิกทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ข้อท้าทายต่อไปในประเด็นทางเศรษฐกิจของอาเซียน คือจะทำอย่างไรให้ช่องว่างทางเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนนั้นลดลงน้อยที่สุด จากข้อท้าทายดังกล่าวทำให้ผู้นำอาเซียนได้มีความเห็นชอบในความคิดริเริ่มเพื่อการรวมตัวกันของอาเซียน (IAI) ประกอบกับการลดช่องว่างของการพัฒนา (Narrowing the Development Gap (NDG) ในการประชุมสุดยอดอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่สี่ ในวันที่ 22-25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000 ณ ประเทศสิงคโปร์ เพื่อลดช่องว่างทางเศรษฐกิจอันเป็นอุปสรรคที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของอาเซียน โดยอาเซียนนั้นก็ได้เล็งเห็นถึงปัญหาในข้อนี้ตลอดมา ต่อมาในปี ค.ศ. 2009 อาเซียนก็ได้รับรอง แผนงาน "ข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน ฉบับที่สอง ค.ศ. 2009-2015" ซึ่งเป็นแผนงานที่สานต่อ ข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียนฉบับแรก ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 14 ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม ค.ศ. 2009 อันเป็นการยืนยันถึงวัตถุประสงค์ในการลดช่องว่างทางเศรษฐกิจ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างมั่นคงและยั่งยืน

วัตถุประสงค์และเป้าหมาย

ความคิดริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียนนั้นเกิดจากการที่อาเซียนมีสมาชิกอยู่สองกลุ่ม คือ สมาชิกเดิมหกประเทศ คือ ประเทศบรูไน ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศมาเลเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศสิงคโปร์ และ ประเทศไทย (ASEAN 6) และสมาชิกใหม่สี่ประเทศ คือ ประเทศกัมพูชา ประเทศลาว ประเทศเมียนมาร์ และ ประเทศเวียดนาม ซึ่งเรียกว่า กลุ่ม CLMV โดยกลุ่มสมาชิกใหม่นั้นเป็นกลุ่มประเทศที่ด้อยพัฒนาในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ดังนั้นเพื่อเป็นการลดช่องว่างด้านการพัฒนา ระหว่างกลุ่มประเทศทั้งสองกลุ่ม ให้มีศักยภาพที่ใกล้เคียงกันจึงจำต้องเพิ่มขีดความสามารถให้กับกลุ่มประเทศ CLMV อันเป็นเป้าหมายสำคัญต่อการพัฒนา ซึ่ง IAI นี้ ยังมีวัตถุประสงค์หลัก ในการแก้ไขปัญหาความยากจนในภูมิภาค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรในกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึง มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบข้าราชการและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจให้กับกลุ่มประเทศเหล่านี้ด้วย

เนื้อหาสาระและแผนงาน

จากแนวความคิดริเริ่มการรวมตัวของอาเซียน ที่ให้กลุ่มประเทศ ASEAN6 ร่วมกันให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศ CLMV โดยร่วมกันจัดทำโครงการให้มีความครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน คือทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และด้านการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ อันจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถแก่ประเทศ CLMV เพื่อลดช่องว่างการพัฒนาของกลุ่มประเทศดังกล่าว ให้มีการพัฒนาในด้านเศรษฐกิจที่ดีขึ้น อันจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน ในปัจจุบันแผนงาน IAI ได้แบ่งเป็นสองระยะคือ

1.แผนงาน IAI ในระยะแรก (ระหว่าง ค.ศ. 2002-2008) : แผนงานดังกล่าวได้มีการรับรองจากผู้นำอาเซียน ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่แปด ณ เมืองพนมเปญ ในประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 4-5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 โดยเรื่องที่มีความสำคัญที่จะต้องดำเนินการ ได้แก่ 1.โครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและพลังงาน 2.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ 3.ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 4.การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค 5.การท่องเที่ยว 6.การลดความยากจน ซึ่งในระยะนี้ได้มีการเสนอโครงการทั้งสิ้น 258 โครงการ โดยดำเนินการช่วยเหลือนั้นจะใช้กลไกในการจับคู่ (Co-Shepherd Mechanism) ในการให้ความช่วยเหลือ เช่น ในด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและพลังงาน ประเทศไทยให้การช่วยเหลือด้านการขนส่งและประเทศอินโดนีเซียให้ความช่วยเหลือในด้านพลังงาน โดยมีประเทศกัมพูชาเป็นผู้ประสานงานดังกล่าว หรือใน การลดปัญหาความยากจน ประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาเลเซียก็เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือหลัก ซึ่งประเทศลาวเป็นประเทศผู้ประสานงาน เป็นต้น

2.แผนงาน IAI ในระยะที่สอง (ระหว่างปี 2009-2015) : แผนงานดังกล่าวได้มีการรับรองจากที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 14 เมื่อระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม ค.ศ. 2009 ที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นแผนงานที่สานต่อจากแผนงานฉบับแรก โดยในระยะนี้จะมุ่งเน้นการเสริมสร้างขีดความสามารถของกลุ่มประเทศ CLMV ให้สอดคล้องกับแผนการจัดตั้งประชาคมอาเซียนทั้ง 3 เสาหลัก ทั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน และโดยเฉพาะประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่มีเป้าหมายในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม แต่อย่างไรก็ดี แผนงาน IAI ในอนาคตนั้นไม่ได้มุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกลุ่ม CLMV เป็นการเฉพาะเท่านั้น แต่เป้าหมายของแผนงานดังกล่าว จะมีขึ้นเพื่อเป็นกลไกในความร่วมมือของประเทศอาเซียนทั้งหลายโดยรวม

ความท้าทาย

แม้ว่าความคิดริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน (IAI) จะเป็นแผนงานที่ดีต่อการช่วยลดช่องว่างทางเศรษฐกิจของอาเซียน เพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนมีความเป็นหนึ่งเดียวกันทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากมองไปยังผลสุดท้าย ภูมิภาคอาเซียนก็จะเป็นภูมิภาคที่มีการเจริญเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน สามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่นๆได้อย่างเต็มตัว แต่ทั้งนี้อาเซียนยังต้องฝ่าฟันอุปสรรคและปัญหาในการดำเนินการ ยกตัวอย่างเช่น การทำธุรกิจระหว่างกันในอาเซียน ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ทำธุรกิจด้วยกันนั้นกลับไม่มีความรู้สึกว่าทำธุรกิจกับประเทศอาเซียนด้วยกันเลย จากปัญหาดังกล่าวทำให้ การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ นั้นประสบปัญหา เพราะการทำธุรกิจในลักษณะนี้จะประสงค์แต่การมุ่งค้าหากำไรเป็นสำคัญ มิได้มองถึงความรู้สึกในการเกื้อหนุนทางการค้าแก่ประเทศสมาชิกอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งในปัจจุบันนี้พบว่ายังมีการแข่งขันทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องระหว่างประเทศสมาชิกอยู่มาก หรือในกรณีของปัญหาความขัดแย้งของกลไกการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกับกลไกการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนที่มักมีความขัดแย้งกันในการแก้ไขปัญหาการลดช่องว่างทางเศรษฐกิจอยู่เสมอ แม้ว่ารัฐมนตรีเศรษฐกิจจะได้เน้น IAI เช่นเดียวกับกรอบของรัฐมนตรีต่างประเทศ ที่ได้จัดทำปฏิญญา เพื่อลดช่องว่างทางเศรษฐกิจในปี 2001 แต่การดำเนินงานของที่ประชุมสองแห่งนี้เป็นไปในลักษณะต่างคนต่างทำ ไม่ได้มีการประสานงานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากต้องการให้ IAI ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกภาคส่วนของอาเซียนทั้งภาครัฐและเอกชน จะต้องมีความร่วมมือกันอย่างจริงจังในการดำเนินการตามแผนงานดังกล่าว มิเช่นนั้นแล้ว แผนงาน IAI ก็จะไร้ความหมายหรือดำเนินการได้ไม่เกิดประโยชน์ต่ออาเซียนเท่าทีควร

เอกสารอ้างอิง

กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ .2557. “ความริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน.” : เอกสารเผยแพร่ภาษาไทย. http://www.mfa.go.th/asean/contents/files/asean-media-center-20121218-095324-481007.pdf. (accessed June 15 ,2014).

กรมอาเซียน กระทรวงต่างประเทศ . บันทึกการเดินทางอาเซียน. กรุงเทพฯ : กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ., 2552.

กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ. ASEAN Mini book . กรุงเทพฯ : กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ,2556.

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ .2557. ยุทธศาสตร์ : การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน. www.thaifta.com/trade/aec/aec_strategy.pdf(accessed June 17 ,2014).

กองเศรษฐกิจ กรมอาเซียน .2557. “ข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน.” www.mfa.go.th/asean/contents/files/other-20140606-105258-532465.pdf (accessed June 18 ,2014).

ณรงค์ โพธิ์พฤกษานันท์. อาเซียนศึกษา . กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แมคกรอ-ฮิล ., 2556.

ประภัสสร์ เทพชาตรี .ประชาคมอาเซียน. กรุงเทพฯ : เสมาธรรม., 2554.

ไพศาล หรูพานิชกิจ. เอเชียตะวันออก บนเส้นทางสู่การเป็นประชาคม. กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.2553.

วิทย์ บัณฑิตกุล . รู้จักประชาคมอาเซียน. กรุงเทพ ฯ : วีพริ้นท์(1991)., 2555.

ศูนย์ข้อมูลอาเซียน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา.2557. “สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.”ayutthaya.go.th/Ayuaseancenter/Know/DOCU4000024821.pdf (accessed June 13 ,2014).

สุรเกียรติ์ เสถียรไทย. ประชาคมอาเซียนในมุมมองของศาสตราจารย์ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย . กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์เดือนตุลา., 2555.

สำนักความร่วมมือ เพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ . 2556.กรอบอนุภูมิภาค: กรอบASEAN-IAI. http://tica.thaigov.net/main/th/aid/3252/38067-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A-ASEAN---IAI-(ASEAN---Initiative-for-ASEAN-Int.html (accessed June 17 ,2014).

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร .การก้าวสู่ประชาคมอาเซียน. กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.,2555.

Donald E. Weatherbee . อาเซียน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. กรุงเทพฯ : แปลนพริ้นท์ติ้ง., 2556.