สภาผู้แทนราษฎร
ผู้เรียบเรียง ตวงรัตน์ เลาหัตถพงษ์ภูริ
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง
เมื่อใดที่มีการกล่าวถึง “สภาผู้แทนราษฎร” เป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นสถานที่มีผู้แทนราษฎรมาร่วมชุมนุมกันกระทำกิจกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อประโยชน์ของประเทศ[1] แต่เนื่องจากการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยนั้น การที่จะให้ประชาชนของประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองทั้งหมดเป็นสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปได้ในทุกกรณี จึงจำเป็นต้องใช้ระบบผู้แทนโดยประชาชนจะมอบหมายให้ผู้แทนที่ประชาชนเป็นผู้เลือกตั้งเข้าไปใช้อำนาจอธิปไตยแทนในด้านต่าง ๆ โดยรัฐสภาเป็นองค์กรผู้ใช้อำนาจอธิปไตยด้านนิติบัญญัติ เมื่อสภาผู้แทนราษฎรเป็นส่วนหนึ่งของรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎรจึงเป็นสถาบันการเมืองที่เป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยด้านนิติบัญญัติ ซึ่งถือว่าเป็นสถาบันการเมืองที่สำคัญยิ่งในการออกกฎหมายมาให้ประชาชนต้องปฏิบัติตาม
ที่มาของสภาผู้แทนราษฎร
การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาโดยหลักการแล้วสภาผู้แทนราษฎรจะประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งประเทศ แต่วิธีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาจจะเป็นการเลือกตั้งโดยตรงหรือโดยอ้อมก็ได้สุดแล้วแต่รัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศจะกำหนดไว้
การเลือกตั้งโดยตรง หมายถึง การเลือกตั้งที่ให้ประชาชนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งให้ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้แทนโดยตรง[2]
การเลือกตั้งโดยอ้อม หมายถึง การเลือกตั้งที่ให้ประชาชนไปเลือกตั้งผู้ที่จะไปทำการเลือกตั้งแทนตนในภายหลัง[3]
สำหรับสภาผู้แทนราษฎรของประเทศไทยตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบันสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีทั้งที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงและโดยอ้อมทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับจะกำหนดไว้ ยกเว้นสภาผู้แทนราษฎรชุดแรกที่มาจากการแต่งตั้งตามพระธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 รัฐธรรมนูญที่กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉะบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ส่วนรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกตั้งโดยอ้อม ได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 โดยให้ราษฎรเลือกผู้แทนตำบลก่อนแล้วให้ผู้แทนตำบลไปเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกทีหนึ่ง
จำนวนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรส่วนจะมีจำนวนเท่าใดขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับจะกำหนดไว้ รัฐธรรมนูญที่ไม่ได้กำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ตายตัวแต่ให้คำนวณจากจำนวนราษฎรเป็นเกณฑ์ โดยถือเกณฑ์ราษฎรจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นคนให้เลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 1 คน ถ้าเศษที่เหลือเกินเจ็ดหมื่นห้าพันคนให้มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มได้อีก 1 คน ได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุธศักราช 2521
ส่วนรัฐธรรมนูญที่มีการกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ตายตัว เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 กำหนดให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าสองร้อยสี่สิบคนแต่ไม่เกินสามร้อยคน และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 กำหนดให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนสามร้อยหกสิบคน
นอกจากนี้ในรัฐธรรมนูญบางฉบับยังมีการแบ่งประเภทของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งด้วยนับจากที่ประเทศไทยได้มีการปฏิรูปทางการเมืองเมื่อปี พ.ศ. 2540 มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 กำหนดประเภทของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งไว้ 2 ประเภท คือ ประเภทที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเขตละหนึ่งคนจำนวนสี่ร้อยคน และประเภทที่มาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อจำนวนหนึ่งร้อยคน และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ฉบับปัจจุบันกำหนดประเภทของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ 2 ประเภทเช่นกัน คือ ประเภทที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเขตละไม่เกินสามคนจำนวนสี่ร้อยคน และประเภทที่มาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วนจำนวนแปดสิบคน
อำนาจหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร
รัฐธรรมนูญของประเทศไทยตั้งแต่ฉบับแรกเป็นต้นมาได้กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจหน้าที่ในการตราพระราชบัญญัติออกใช้บังคับและมีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล เว้นแต่ในบางช่วงที่ใช้ธรรมนูญการปกครองประเทศ จะไม่มีการกำหนดให้สถาบันการเมืองที่ธรรมนูญการปกครองประเทศในช่วงนั้นกำหนดให้เป็นองค์กรผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติมีหน้าที่ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลเหมือนที่กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในช่วงที่ใช้รัฐธรรมนูญ
อำนาจหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนุญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ฉบับปัจจุบัน พอสรุปได้ดังต่อไปนี้[4]
1. อำนาจหน้าที่ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือร่างพระราชบัญญัติซึ่งต้องเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรก่อน ถ้าสภาผู้แทนราษฎรไม่ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือร่างพระราชบัญญัตินั้นก็จะตกไป แต่ถ้าสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบจึงเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไปได้[5]
2. อำนาจหน้าที่ในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน โดยการตั้งกระทู้ถามทั่วไป กระทู้ถามสด การเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และการเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล การตั้งคณะกรรมาธิการ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี
3. อำนาจหน้าที่ในการตราข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการเลือกและการปฏิบัติหน้าที่ของประธานสภา รองประธานสภา เรื่องหรือกิจการอันเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการสามัญแต่ละชุด การปฏิบัติหน้าที่และองค์ประชุมของคณะกรรมาธิการ วิธีการประชุม การเสนอแนะและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ การเสนอญัตติ การปรึกษา การอภิปราย การลงมติ การบันทึกการลงมติ การเปิดเผยการลงมติ การตั้งกระทู้ถาม การเปิดอภิปรายทั่วไป การรักษาระเบียบและความเรียบร้อย ประมวลจริยธรรมของสมาชิกและกรรมาธิการ และกิจการอื่นๆ เพื่อดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ[6]
4. อำนาจหน้าที่ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องกระทำโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผยในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและมติที่เห็นชอบด้วยในการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร[7]
5. อำนาจหน้าที่ในการพิจารณาอนุมัติพระราชกำหนดกรณีเพื่อรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ[8] และพิจารณาอนุมัติพระราชกำหนดกรณีมีความจำเป็นต้องมีกฎหมายเกี่ยวด้วยภาษีอากรหรือเงินตรา ซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและลับเพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดิน ในระหว่างสมัยประชุม[9]
6. อำนาจหน้าที่ในการเข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าพระราชกำหนดนั้นมิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะหรือมิได้เป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้[10]
7. อำนาจหน้าที่ในการประชุมร่วมกับวุฒิสภาเพื่อทำหน้าที่รัฐสภาในกรณีต่อไปนี้[11]
1) การให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
2) การปฏิญาณตนของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต่อรัฐสภา
3) การรับทราบการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467
4) การรับทราบหรือให้ความเห็นชอบในการสืบราชสมบัติ
5) การมีมติให้รัฐสภาพิจารณาเรื่องอื่นในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติได้
6) การให้ความเห็นชอบในการปิดสมัยประชุม
7) การเปิดประชุมรัฐสภา
8) การตราข้อบังคับการประชุมรัฐสภา
9) การให้ความเห็นชอบให้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือร่างพระราชบัญญัติ
10) การปรึกษาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือร่างพระราชบัญญัติใหม่
11) การให้ความเห็นชอบให้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือร่างพระราชบัญญัติต่อไป
12) การแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
13) การเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อฟังความคิดเห็นโดยไม่มีการลงมติ
14) การให้ความเห็นชอบในการประกาศสงคราม
15) การรับฟังคำชี้แจงและการให้ความเห็นชอบหนังสือสัญญา
16) การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
อายุของสภาผู้แทนราษฎร
อายุของสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญส่วนใหญ่มีกำหนดไว้คราวละสี่ปีนับแต่วันเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 กำหนดไว้คราวละสี่ปีเช่นกันแต่ให้นับแต่วันเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรก ยกเว้นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 ที่กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ในตำแหน่งได้คราวละห้าปีนับแต่วันเลือกตั้งทั่วไป
ในประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของประเทศไทยมีสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงที่อยู่ครบสี่ปีจำนวน 2 ชุด คือ สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 8 ซึ่งมาจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495 และสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 22 ที่มาจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2548
การสิ้นสุดของสภาผู้แทนราษฎร
สภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงในกรณีต่อไปนี้
1. เมื่ออายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง พระมหากษัตริย์จะได้ทรงตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่อายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง[12]
2. เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรต้องกำหนดวันเลือกตั้งใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปภายในเวลาไม่น้อยกว่าสี่สิบห้าวันแต่ไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันยุบสภาผู้แทนราษฎรและวันเลือกตั้งนั้นต้องกำหนดเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร[13]
3. เมื่อมีการยึดอำนาจการปกครองประเทศ
สภาผู้แทนราษฎรของประเทศไทย
นับแต่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 มีสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 24 ชุด ดังต่อไปนี้
ชุดที่ | ประเภท | ที่มา | จำนวน สมาชิก (คน) |
ระยะเวลา | สาเหตุของการสิ้นสุด |
---|---|---|---|---|---|
1 | สภาผู้แทนราษฎร | แต่งตั้ง | 70 | 28 มิ.ย. 2475 – 15 พ.ย. 2476 | มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 |
2 |
สมาชิกประเภทที่ 1 สมาชิกประเภทที่ 2 |
เลือกตั้งโดยอ้อม แต่งตั้ง |
78 78 |
15 พ.ย. 2476 – 9 ธ.ค. 2480 9 ธ.ค. 2476 |
พ้นจากตำแหน่งตามวาระ 4 ปี คงอยู่ในตำแหน่งต่อไป |
3 |
สมาชิกประเภทที่ 1 สมาชิกประเภทที่ 2 |
เลือกตั้งโดยตรง แต่งตั้ง (เพิ่มอีก 13 คน) |
91 91 |
7 พ.ย. 2480 – 11 ก.ย. 2481 9 ธ.ค. 2476 |
มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร คงอยู่ในตำแหน่งต่อไป |
4 |
สมาชิกประเภทที่ 1 สมาชิกประเภทที่ 2 |
เลือกตั้งโดยตรง แต่งตั้ง |
91 91 |
12 พ.ย. 2481 – 15 ต.ค. 2488 9 ธ.ค. 2476 |
มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร คงอยู่ในตำแหน่งต่อไป |
5 |
สมาชิกประเภทที่ 1 สมาชิกประเภทที่ 2 |
เลือกตั้งโดยตรง แต่งตั้ง (เพิ่มอีก 5 คน) |
96 96 |
6 ม.ค. 2489 – 8 พ.ย. 2490 9 ธ.ค. 2476 – 10 พ.ค. 2489 |
ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เมื่อ 10 พ.ค. 2489 ให้คงอยู่ในตำแหน่งต่อไป และมีการยึดอำนาจ การปกครองประเทศเมื่อ 8 พ.ย. 2490 ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เมื่อ 10 พ.ค. 2489 |
6 | สภาผู้แทน | เลือกตั้งโดยตรง | 178 | 6 ม.ค. 2489 – 8 พ.ย. 2490 | มีการยึดอำนาจการปกครองประเทศ |
7 | สภาผู้แทนราษฎร | เลือกตั้งโดยตรง | 99 | 29 ม.ค. 2491 – 29 พ.ย. 2494 | มีการยึดอำนาจการปกครองประเทศ |
8 |
สมาชิกประเภทที่ 1 สมาชิกประเภทที่ 2 |
เลือกตั้งโดยตรง แต่งตั้ง |
123 123 |
26 ก.พ. 2495 – 25 ก.พ. 2500 30 พ.ย. 2494 |
พ้นจากตำแหน่งตามวาระ 4 ปี คงอยู่ในตำแหน่งต่อไป |
9 |
สมาชิกประเภทที่ 1 สมาชิกประเภทที่ 2 |
เลือกตั้งโดยตรง แต่งตั้ง |
160 123 |
26 ก.พ. 2500 – 16 ก.ย. 2500 30 พ.ย. 2494 – 16 ก.ย. 2500 |
มีการยึดอำนาจการปกครองประเทศ มีการยึดอำนาจการปกครองประเทศ |
10 |
สมาชิกประเภทที่ 1 สมาชิกประเภทที่ 2 |
เลือกตั้งโดยตรง แต่งตั้ง |
186 121 |
15 ธ.ค. 2500 – 20 ต.ค. 2501 18 ก.ย. 2500 – 20 ต.ค. 2501 |
มีการยึดอำนาจการปกครองประเทศ มีการยึดอำนาจการปกครองประเทศ |
11 | สภาผู้แทน | เลือกตั้งโดยตรง | 219 | 10 ก.พ. 2512 – 17 พ.ย. 2514 | มีการยึดอำนาจการปกครองประเทศ |
12 | สภาผู้แทนราษฎร | เลือกตั้งโดยตรง | 269 | 26 ม.ค. 2518 – 12 ม.ค. 2519 | มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร |
13 | สภาผู้แทนราษฎร | เลือกตั้งโดยตรง | 279 | 4 เม.ย. 2519 – 6 ต.ค. 2519 | มีการยึดอำนาจการปกครองประเทศ |
14 | สภาผู้แทนราษฎร | เลือกตั้งโดยตรง | 301 | 22 เม.ย. 2522 – 19 มี.ค. 2526 | มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร |
15 | สภาผู้แทนราษฎร | เลือกตั้งโดยตรง | 324 | 18 เม.ย. 2526 – 1 พ.ค. 2529 | มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร |
16 | สภาผู้แทนราษฎร | เลือกตั้งโดยตรง | 347 | 27 ก.ค. 2529 – 29 เม.ย. 2531 | มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร |
17 | สภาผู้แทนราษฎร | เลือกตั้งโดยตรง | 357 | 24 ก.ค. 2531 – 23 ก.พ. 2534 | มีการยึดอำนาจการปกครองประเทศ |
18 | สภาผู้แทนราษฎร | เลือกตั้งโดยตรง | 360 | 22 มี.ค. 2535 – 30 มิ.ย. 2535 | มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร |
19 | สภาผู้แทนราษฎร | เลือกตั้งโดยตรง | 360 | 13 ก.ย. 2535 – 19 พ.ค. 2538 | มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร |
20 | สภาผู้แทนราษฎร | เลือกตั้งโดยตรง | 391 | 2 ก.ค. 2538 – 27 ก.ย. 2539 | มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร |
21 | สภาผู้แทนราษฎร | เลือกตั้งโดยตรง | 393 | 17 พ.ย. 2539 – 9 พ.ย. 2543 | มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร |
22 |
สภาผู้แทนราษฎร |
เลือกตั้งโดยตรง - แบ่งเขตเลือกตั้ง - บัญชีรายชื่อ |
400 100 |
6 ม.ค. 2544 – 5 ม.ค. 2548 |
พ้นจากตำแหน่งตามวาระ 4 ปี |
23 |
สภาผู้แทนราษฎร |
เลือกตั้งโดยตรง - แบ่งเขตเลือกตั้ง - บัญชีรายชื่อ |
400 100 |
6 ก.พ. 2548 – 24 ก.พ. 2549 |
มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ต่อมาวันที่ 19 ก.ย. 2549 มีการยึดอำนาจการปกครองประเทศ |
24 |
สภาผู้แทนราษฎร |
เลือกตั้งโดยตรง - แบ่งเขตเลือกตั้ง - สัดส่วน |
400 80 |
23 ธ.ค. 2550 – ปัจจุบัน |
- |
ที่มา กลุ่มงานพิพิธภัณฑ์และจดหมายเหตุ, กลุ่มงานบริการวิชาการ 1 สำนักวิชาการ
อ้างอิง
- ↑ สถาบันพระปกเกล้า, สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2540) หมวดองค์กรทางการเมืองเรื่องสภาผู้แทนราษฎร. (กรุงเทพมหานคร : องค์การค้าคุรุสภา, 2544), หน้า 4.
- ↑ สิริวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์, กฎหมายรัฐธรรมนูญ, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง, 2524), หน้า 53.
- ↑ เรื่องเดียวกัน, หน้าเดียวกัน.
- ↑ คณิน บุญสุวรรณ, ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทยฉบับสมบูรณ์ (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ตถาตา พับลิเคชั่น, 2548), หน้า 921-922.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 140 มาตรา 142 มาตรา 145 มาตรา 146.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 134.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 172.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 184.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 186.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 185.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 136.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 107.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 108.
บรรณานุกรม
คณิน บุญสุวรรณ. ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทยฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพมหานคร โรงพิมพ์ตถาตา พับลิเคชั่น. 2548.
สถาบันพระปกเกล้า. สารานุกรม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2540) หมวดองค์กรทางการเมืองเรื่องสภาผู้แทนราษฎร. กรุงเทพมหานคร : องค์การค้าของคุรุสภา, 2544.
สิริวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์. กฎหมายรัฐธรรมนูญ. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง. 2524.
สำนักงานเลขาธิการสภาผุ้แทนราษฎร. สำนักประชาสัมพันธ์. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย. กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. 2551.
ดูเพิ่มเติม
- สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. “รัฐสภาไทยกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร.” กรุงเทพมหานคร : องค์การทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์, 2548. (หนังสือที่ระลึกในวโรกาสที่พลเอกหญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จทรงนำคณะอาจารย์และนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 4 และชั้นปีที่ 5 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า วิชาหัวข้อพิเศษทางประวัติศาสตร์ : เปรียบเทียบพัฒนาการประชาธิปไตยในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ทัศนศึกษารัฐสภา ห้องสมุดรัฐสภา และพิพิธภัณฑ์รัฐสภา วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พุทธศักราช 2548).
- สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักวิชาการ กลุ่มงานบริการวิชาการ 1. สรุปเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศและต่างประเทศ 2, 1. (มกราคม – มีนาคม 2548 (ฉบับพิเศษ))