การเลือกตั้ง ส.ส. และการแต่งตั้ง ส.ว. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

บทความนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยโดยผู้ืทรงคุณวุฒิ



ผู้เรียบเรียง ชาย ไชยชิต และ รองศาสตราจารย์ ดร. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์



ความเป็นมา

ภายหลังการปฏิวัติในวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ คณะปฏิวัตินำโดยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้เข้าบริหารประเทศ และได้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นเมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๒ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญใช้เวลาในการร่างรัฐธรรมนูญจนแล้วเสร็จและนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๑ และได้มีรัฐพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญในวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑ นอกจากนั้น ยังได้มีการประกาศใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก ๒ ฉบับ คือ พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๑๑ และพระราชบัญญัติเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน พ.ศ. ๒๕๑๑


รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๑๑ กำหนดให้รัฐสภาเป็นระบบสองสภา ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา กล่าวคือ วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ มีจำนวนสามในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิกมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ ๖ ปี เมื่อครบ ๓ ปี แล้วให้จับสลากออกครึ่งหนึ่ง ส่วนสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎรเลือกตั้งตามอัตราส่วนประชากร ๑๕๐,๐๐๐ คนต่อสมาชิกสภาผู้แทน ๑ คน โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้วุฒิสภามีอำนาจค่อนข้างมาก กล่าวคือ นอกจากจะสามารถยับยั้งร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว ยังมีอำนาจควบคุมฝ่ายบริหารได้เท่ากับสภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรี หรือการเสนอญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา


การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑

วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑ เวลา ๑๙.๐๐ นาฬิกา ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญได้เชิญสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญและคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกรรมาธิการของสภาร่างรัฐธรรมนูญทั้งหมดมารับประทานอาหารร่วมกัน ณ บริเวณพระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อแสดงความยินดีในการที่สภาร่างรัฐธรรมนูญได้ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๒ จนเสร็จสิ้นลง หลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๑๑ แล้ว ในวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ จึงได้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา จำนวน ๑๒๐ คน ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญเพื่อทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภาในรัฐสภา ดังรายชื่อต่อไปนี้

(๑) พลอากาศเอก กมล เดชะตุงคะ (๒) พันเอก กมล พิจิตรคดีพล (๓) นายกมล วรรณประภา (๔) พลเรือตรี กมล สีตกะลิน
(๕) พลเอก กฤช ปุณณกันต์ (๖) พลโท กฤษณ์ สีวะรา (๗) พลเรือโท กวี สิงหะ (๘) พลเรือเอก หม่อมเจ้ากาฬวรรณดิศ ดิศกุล
(๙) พลตรี เกรียงไกร อัตตะนันท์ (๑๐) พลโท เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ (๑๑) นายเกษม อุทยานิน (๑๒) พลเอก ครวญ สุทธานินทร์
(๑๓) หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช (๑๔) พลเรือเอก จรูญ เฉลิมเตียรณ (๑๕) พลโท จำเป็น จารุเสถียร (๑๖) พลตำรวจโท จำรัส มัณฑุกานนท์
(๑๗) พันเอก จิตต์ ธนะโชติ (๑๘) พลตำรวจโท จิตต์ สุนทานนท์ (๑๙) พันเอก จิตต์กวี เกษะโกมล (๒๐) พันเอก จินดา ณ สงขลา
(๒๑) พลโท เฉลิมชัย จารุวัสตร์ (๒๒) พลเรือโท เฉิดชาย ถมยา (๒๓) พลตำรวจตรี ชัช ชยางกูร (๒๔) พลตำรวจเอก หลวงชาติตระการโกศล
(๒๕) พลเรือเอก หลวงชำนาญอรรถยุทธ์ (๒๖) พลตำรวจตรี ชุมพล โลหะชาละ (๒๗) พลอากาศตรี ชู สุทธิโชติ (๒๘) พลตรี เชิดชัย ทองสิงห์
(๒๙) พลโท โชติ หิรัญยัษฐิติ (๓๐) พระดุลยพากย์สุวมัณฑ์ (๓๑) นายดุสิต บุญธรรม (๓๒) พลตำรวจโท ต่อศักดิ์ ยมนาค
(๓๓) พระตีรณสารวิศกรรม (๓๔) พลเอก ถนอม ปัทมานนท์ (๓๕) พลเรือเอก ถวิล รายนานนท์ (๓๖) หลวงถวิลเศรษฐพณิชย์การ
(๓๗) นายถวิล สุนทรศารทูล (๓๘) พลเอกทวนชัย โกศินานนท์ (๓๙) พลโท ทวิช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา (๔๐) หม่อมราชวงศ์ ทองแท่ง ทองแถม
(๔๑) พันเอก ขุนทยานราญรอน (๔๒) พันโท ธงเจิม ศังขวณิช (๔๓) พลเรือเอก นัย นพคุณ (๔๔) พลเอก เนตรี เขมะโยธิน
(๔๕) พลโท บุญชัย บำรุงพงศ์ (๔๖) พลอากาศเอก บุญชู จันทรุเบกษา (๔๗) พลตรี บุญมาก เทศบุตรี (๔๘) นายบุญรอด บิณฑสันต์
(๔๙) พลโท บุญเรือน เครือคงคา (๕๐) หลวงประกอบนิติสาร (๕๑) พันเอก ประคัลภ์ เครือคงคา (๕๒) พลตรี ประจวบ สุนทรางกูร
(๕๓) พลโท ประชุม ประสิทธิสรจักร (๕๔) พันเอกประเทียบ เทศวิศาล (๕๕) พลเอก ประพันธ์ กุลพิจิตร (๕๖) นายประยูร กาญจนดุล
(๕๗) นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ (๕๘) นายประสิทธิ์ จุลละเกศ (๕๙) พลโท ประเสริฐ สุดบรรทัด (๖๐) นายประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์
(๖๑) พลตรี ประเสริฐ ธรรมศิริ (๖๒) พันเอก เปรม ติณสูลานนท์ (๖๓) พันเอก พงศ์ เภกะนันทน์ (๖๔) พลตำรวจโท พจน์ เภกะนันท์
(๖๕) พลตรี พร ธนะภูมิ (๖๖) นายพรหม สูตรสุคนธ์ (๖๗) นายพ่วง สุวรรณรัฐ (๖๘) พลตำรวจโท พิชัย กุลละวณิชย์
(๖๙) พลอากาศโท พิชิต บุณยเสนา (๗๐) หลวงพิณพากยพิทยาเภท (๗๑) พันโท ไพศาล รุ่งแสง (๗๒) นายมนูญ บริสุทธิ์
(๗๓) นายมาลัย หุวะนันท์ (๗๔) พลตรี ยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา (๗๕) พันเอก ยุทธศักดิ์ คล่องตรวจโรค (๗๖) พลตำรวจโท เยื้อน ประภาวัต
(๗๗) นายเรณู สุวรรณสิทธิ์ (๗๘) พลโท หม่อมราชวงศ์ลาภ หัสดินทร (๗๙) พันเอก นายวรการบัญชา (๘๐) พลโท วิชัย พงศ์อนันต์
(๘๑) นายวิทย์ ศิวะศริยานนท์ (๘๒) พลเรือโท ศรี ดาวราย (๘๓) พลตำรวจตรี ศรีสุข มหินทรเทพ (๘๔) พลเรือเอก ศิริ กระจ่างเนตร
(๘๕) พลอากาศเอก ศิริ เมืองมณี (๘๖) พลเรือโท สงัด ชลออยู่ (๘๗) พลตำรวจตรี สง่า กิตติขจร (๘๘) พันเอกสนอง ถมังรักษ์สัตว์
(๘๙) พันเอก สม ขัตพันธ์ (๙๐) พลโท สมบูรณ์ วิจิตรานุช (๙๑) นายสมภพ โหตระกิตย์ (๙๒) พันเอก สมศักดิ์ ปัญจมานนท์
(๙๓) พลอากาศเอก สวัสดิ์ พรชำนิ (๙๔) พันเอก สัมผัส พาสนยงภิญโญ (๙๕) นายสานนท์ สายสว่าง (๙๖) พลโท สายหยุด เกิดผล
(๙๗) พลโทสำราญ แพทยกุล (๙๘) พันเอก สิงห์ นาควัชระ (๙๙) พันเอก สิทธิ์ ศิลปสุขุม (๑๐๐) พลโท สุข เปรุนาวิน
(๑๐๑) พระยาสุนทร พิพิธ (๑๐๒) พลเอก สุรกิจ มัยลาภ (๑๐๓) นายสุรพงษ์ ตรีรัตน์ (๑๐๔) พันเอกสุรินทร์ ผลประไพ
(๑๐๕) พลเรือตรี โอภาส จามิกรณ์ (๑๐๖) นายสุวรรณ รื่นยศ (๑๐๗) นายสกล บุณยัษฐิติ (๑๐๘) พันเอก แสวง ขมะสุนทร
(๑๐๙) พันเอก แสวง จามรจันทร์ (๑๑๐) พลโทแสวง เสนาณรงค์ (๑๑๑) พลโท ไสว ดวงมณี (๑๑๒) พลอากาศเอก หะริน หงสกุล
(๑๑๓) พลเรือเอก อนันต์ เนตรโรจน์ (๑๑๔) พลตรีอร่าม เมนะคงคา (๑๑๕) พันเอก อรุณ ทวาทศิน (๑๑๖) พลเอก อวบ อาสาณรงค์
(๑๑๗) พลโท อ่อง โพธิกนิษฐ์ (๑๑๘) พลโท อัมพร จินตกานนท์ (๑๑๙) นายอินทรี จันทรสถิตย์ (๑๒๐) พันเอก เอื้อม จิรพงศ์


โดยมี พันเอก นายวรการบัญชา เป็นประธานวุฒิสภา และพระดุลยพากย์สุวมัณฑ์ เป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ ๑ และพลเอก ครวญ สุทธานินท์ เป็นรองประธานสภาคนที่ ๒



การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๒

การเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๑๕๑๒ เป็นการจัดการเลือกตั้งตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๑๘๐ ซึ่งกำหนดให้ต้องมีการเลือกตั้งขึ้นภายใน ๒๔๐ วัน การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งลงแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างคึกคัก เพราะเมื่อพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๑๑ มีผลบังคับใช้แล้ว ปรากฏว่ามีผู้ร้องขอจดทะเบียนพรรคการเมืองต่อปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองจำนวนมาก ได้แก่ พรรคสหประชาไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาชน พรรคแนวร่วมเศรษฐกร พรรคเสรีประชาธิปไตย พรรคแนวประชาธิปไตย พรรคสัมมาชีพช่วยชาวนา พรรคชาวนาชาวไร่ พรรคสยามใหม่ พรรคประชาพัฒนา พรรคแรงงาน พรรคไทธิปัตย์ พรรคอิสระธรรม พรรคชาติประชาธิปไตย เป็นต้น


การเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๑๕๑๒ เป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขตเรียงเบอร์ โดยถือเอาหนึ่งจังหวัดเป็นหนึ่งเขตเลือกตั้ง และเป็นการเลือกตั้งโดยตรง จำนวนผู้แทนราษฎรในแต่ละเขตคำนวณโดยถือเอาจำนวนประชาชน ๑๕๐,๐๐๐ คน ต่อผู้แทน ๑ คน การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้แทนทั้งหมด ๒๑๙ คน มีผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั้งหมด ๑๔,๘๒๐๑๘๐ คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ๗,๒๘๕,๘๓๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๙.๑๐ จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดคือ จังหวัดระนอง คิดเป็นร้อยละ ๗๓.๙๕ ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั้งหมด และจังหวัดพระนครมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ ๓๖.๖๖


ผลการเลือกตั้งในครั้งนี้พบว่า แม้จะมีพรรคการเมืองจำนวนมากส่งผู้สมัครสังกัดพรรคของตนลงแข่งขันรับเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่าพรรคการเมืองที่ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกครบทุกที่นั่งมีเพียง ๒ พรรคเท่านั้น คือ พรรคสหประชาไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ผลการเลือกตั้งไม่ปรากฏว่ามีพรรคใดได้เสียงข้างมากเพียงพอที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้โดยลำพัง นั่นคือต้องมีคะแนนเสียงสนับสนุนในสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทน หรือเกินกว่ากึ่งหนึ่งของ ๒๑๙ คน ซึ่งเท่ากับ ๑๑๐ คนขึ้นไป สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเลือกตั้งในครั้งนี้ มีผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ไม่สังกัดพรรคได้รับเลือกเข้ามามากถึง ๗๐คน อย่างไรก็ตาม พรรคสหประชาไทยก็ได้รับการสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลได้ในที่สุด เนื่องจากพรรคนี้เป็นพรรครัฐบาลอยู่ก่อนแล้ว และได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่สังกัดพรรค และสมาชิกที่แปรพรรคมาให้การสนับสนุน


การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่มเติม วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๒

เนื่องจากในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๒ มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน ๒๑๙ คน เป็นเหตุให้ต้องมีการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่มเติมอีก ๔๔ คน รวมเป็น ๑๖๔ คน เพื่อให้มีจำนวนเท่ากับ ๓ ใน ๔ ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๑๑ รายชื่อผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาเมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๒ มีดังต่อไปนี้


(๑) พลโท เจริญ พงษ์พานิช (๒) นายเฉลิม วุฒิโฆสิต (๓) นายดุสิต พานิชพัฒน์ (๔) พลเอก เต็ม หมอเศรษฐี
(๕) พันเอก ถวัลย์ โหติการ (๖) พันเอก เทียนชัย ศิริสัมพันธ์ (๗) นายธำรง บัวศรี (๘) นายนินาท ชินะโชติ
(๙) พลอากาศตรี บัญชา เฆษวิชัย (๑๐) พลตรี บุญ รังคะรัตน (๑๑) พลเอก บุลศักดิ์ วรรณมาศ (๑๒) พลเรือเอก ประชุม ธรรมโมกขะเวส
(๑๓) พลตรี ประนิต เจริญศิริ (๑๔) พันเอก ประสิทธิ์ ชื่นบุญ (๑๕) นายประหยัด เอี่ยมศิลา (๑๖) นายประหยัด บุรณศิริ
(๑๗) พลตำรวจจัตวา ปราโมทย์ จงเจริญ (๑๘) นายปานจิตต์ อเนกวนิช (๑๙) หม่อมหลวง ปืนไทย มาลากุล (๒๐) จอมพล ผิน ชุณหะวัณ
(๒๑) นายเผด็จ จิราภรณ์ (๒๒) พลเอกพิสิฏฐ์ ฉายเหมือนวงศ์ (๒๓) พลตรี ไพฑูรย์ อิงคตานุวัฒน์ (๒๔) พระมนูเวทย์วิมลนาท
(๒๕) นายเยื่อ สุสายัณห์ (๒๖) นายเล็ก วนิชอังกูร (๒๗) พันเอก วันชัย ฉ่ำเฉลิม (๒๘) นายสุริยน ไรวา
(๒๙) พลอากาศตรี ศรีศักดิ์ สุจริตธรรม (๓๐) พลโท เสริม ณ นคร (๓๑) พลตำรวจโท สงวน จิตตาลาน (๓๒) พันเอก แสง จุละจาริตต์
(๓๓) พลเรือตรี สมุทร์ สหนาวิน (๓๔) พลตรี สะอาด ศิริรักษ์ (๓๕) นายแสวง พูลสุข (๓๖) นายหล่อ รีละชาติ
(๓๗) พลตรี หิรัญ ศิริวัฒน์ (๓๘) นายอดุล บินสะอาด (๓๙) พันเอก อัมพร ศรีแสง (๔๐) พันเอก อาจศึก ดวงสว่าง
(๔๑) พันเอก อารมณ์ ทับทิมไทย (๔๒) พันโท อำนวย ไชยโรจน์ (๔๓) นายอุทัย วุฒิกุล (๔๔) นายโอสถ โกศิน


การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่มเติม วันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๒

เนื่องจากมีสมาชิกวุฒิสภาจำนวน ๖ คน ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาตั้งแต่วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ เป็นต้นไป ประกอบด้วย

นายมนูญ บริสุทธิ์ พลตำรวจโทพิชัย กุลละวณิชย์ พลโทแสวง เสนาณรงค์ นายถวิล สุนทรศารทูล พลเอก กฤษณ์ ศรีวะรา และหม่อมราชวงศ์ ทองแท่ง ทองแถม ในวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๒


จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่ม ๖ คน แทนตำแหน่งที่ว่างลง ดังนี้

พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ พลอากาศโท มุนีมหาสันทนะเวชยันตรังสฤษดิ์ พระยาอรรถการีย์นิพนธ์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล พลตรี ชาญ อังศุโชติ และนายสนิท วิไลจิตต์



อ้างอิง

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๘๖ ตอนที่ ๓๐ ลงวันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๒

กระทรวงมหาดไทย, รายงานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เล่ม 2, พระนคร : โรงพิมพ์กรมมหาดไทย, 2502

ฝ่ายพัฒนาการเมืองและการปกครอง สำนักนโยบายและแผนมหาดไทย, อนุสารการเมือง, มีนาคม 2522

บุญทัน ดอกไธสง, การเปลี่ยนแปลงทางการบริหารและการเมืองไทย, กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, 2520

ขจัดภัย บุรุษพัฒน์, การเมืองและพรรคการเมืองของไทยนับแต่ยุคแรกถึงปัจจุบัน, พระนคร: สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, 2511

โคทม อารียา, สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. ๒๕๔๐) หมวดองค์กรทางการเมือง เรื่องที่ ๕ ระบบการเลือกตั้ง, กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, ๒๕๔๔

คณิน บุญสุวรรณ, ประวัติรัฐธรรมนูญไทย, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ภูมิปัญญา, ๒๕๔๒

เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช, การสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมืองในประเทศไทย, วิทยานิพนธ์หลักสูตรชั้นปริญญาโท ภาค ๒ ทางรัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๑๙

วิทยา นภาศิริกุลกิจ, ระบบพรรคการเมืองไทย: ศึกษาเชิงวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างยุคก่อนการปฏิวัติ พ.ศ. ๒๕๐๑ กับสมัยปัจจุบัน, วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญาโท ภาค ๒ ทางรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๑๔


ดูเพิ่มเติม