ธรรมนูญ เทียนเงิน

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้เรียบเรียง : ผศ.ดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :  ศ.นรนิติ เศรษฐบุตร


 “ไอ้จอมพลเพื่อนผมคนนี้
มันคือ สมเด็จเจ้าพระยาจอมพลประภาส
จารุเสถียร มเหี้ยมมหึมา”

นายธรรมนูญ เทียนเงิน[1]

          “นักเลงเก้ายอด” เป็นสมญาและภาพจำของนักการเมืองผู้มีลีลาการปราศรัยที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ นั่นคือ “นายธรรมนูญ เทียนเงิน” นักการเมืองคนสำคัญของการเมืองไทย ที่เติบโตมาจากการเป็นนักเลง กระทั่งเข้าสู่เส้นทางการเมือง และเติบใหญ่ในเส้นทางสายนี้ จนได้เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงปี พ.ศ. 2513 – 2518 นายธรรมนูญ เทียนเงิน ถือเป็นนักปราศรัยคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมักจะปราศรัยโจมตีรัฐบาลทหารของจอมพล ถนอม กิตติขจร และจอมพล ประภาส จารุเสถียร อยู่เสมอ จนกระทั่งรัฐบาลทหารต้องออกจากอำนาจด้วยพลังของนิสิต นักศึกษา และประชาชน ในเหตุการณ์ “วันมหาวิปโยค_14_ตุลาคม_พ.ศ._2516” หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านพ้นไป นายธรรมนูญ เทียนเงิน ก็ยังคงมีบทบาททางการเมืองอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงต้นปี พ.ศ. 2518 ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้ว นายธรรมนูญ เทียนเงินได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และเป็น “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง”

ประวัติการศึกษาและชีวิตครอบครัว

          นายธรรมนูญ เทียนเงิน เกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2456 ที่จังหวัดชลบุรี บุตรของหลวงธรรมโสภิณ (บำรุง เทียนเงิน) กับ นางแดง เทียนเงิน สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมบริบูรณ์ จากโรงเรียนเทพศิรินทร์ ในปี พ.ศ. 2474 ต่อมาระหว่างปี พ.ศ. 2475 – 2480 ถูกเนรเทศไปอยู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องจากรัฐบาลในขณะนั้น มีการกวาดล้างผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาล ซึ่งนายธรรมนูญ เทียนเงิน เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องสงสัยดังกล่าว และเมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาของการถูกเนรเทศ นายธรรมนูญ เทียนเงิน ได้เข้าศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง จนกระทั่งสำเร็จการศึกษาธรรมศาสตรบัณฑิต วิชากฎหมาย ในปี พ.ศ. 2485[2]

          นายธรรมนูญ เทียนเงิน สมรสครั้งแรกกับนางสมพร เทียนเงิน มีบุตร-ธิดา ด้วยกัน 3 คน คือ นายทิษณุ เทียนเงิน นางพรทิพย์ ชวนเวช และนายธรรมศักดิ์ เทียนเงิน ต่อมาได้สมรสครั้งที่สองกับนางองค์อร เทียนเงิน มีบุตร-ธิดา ด้วยกัน 3 คน คือ นางเอกเอื้อย แสงหิรัญ นายอานนท์ เทียนเงิน และนายอรพงศ์ เทียนเงิน[3] นายธรรมนูญ เทียนเงิน ถึงแก่กรรมด้วยอาการโลหิตเป็นพิษ ที่โรงพยาบาลสมิติเวช เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 เวลา 22.00 น. สิริรวมอายุ 76 ปี[4]

หน้าที่การงานและตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญ

          นายธรรมนูญ เทียนเงิน เริ่มงานครั้งแรกในตำแหน่งเลขานุการ ในบริษัทไทยประกันชีวิต ในปี พ.ศ. 2486 และต่อมาได้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ ต่อมาในปี พ.ศ.2487 ได้ย้ายไปเป็นเลขานุการธนาคารกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากผู้จัดการบริษัทไทยประกันชีวิตได้เปิดธนาคารขึ้นใหม่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2491 ได้รับตำแหน่งหัวหน้ากองกลางธนาคารกรุงศรีอยุธยาเพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่ง และในปี พ.ศ. 2501 ได้ย้ายจากตำแหน่งเลขานุการธนาคารและหัวหน้ากองกลาง ไปเป็นผู้ตรวจการธนาคาร และในปี พ.ศ. 2502 ธนาคารได้ยุบตำแหน่งผู้ตรวจการธนาคาร ส่งผลให้นายธรรมนูญ เทียนเงินต้องออกจากการทำงานในธนาคาร[5]

          นายธรรมนูญ เทียนเงิน เริ่มต้นงานการเมืองด้วยการลงสมัครและได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี ถึง 2 สมัย ต่อมาในการเลือกตั้งวันที่ 10_กุมภาพันธ์_พ.ศ._2512 นายธรรมนูญ เทียนเงิน ได้เข้าร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนคร แต่ก็อยู่ในตำแหน่งได้เพียง 2 ปี เท่านั้น เนื่องจากมีการยึดอำนาจตัวเองของจอมพล ถนอม กิตติขจร นอกจากนี้นายธรรมนูญ เทียนเงิน ยังได้รับการเลือกตั้งให้เป็น “เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์” ในระหว่างปี พ.ศ. 2513 – 2518 โดยเป็นเลขาธิการพรรคคนที่ 5 ของพรรคประชาธิปัตย์[6] เมื่อสิ้นสุดตำแหน่งเลขาธิการพรรคแล้วนั้น นายธรรมนูญ เทียนเงินได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในปี พ.ศ. 2518 ต่อมามีการเลือกตั้งวันที่ 26_มกราคม_พ.ศ._2518 นายธรรมนูญ เทียนเงิน ไม่ได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเสียงข้างมาก และสามารถจัดตั้งรัฐบาล โดยมีหม่อมราชวงศ์เสนีย์_ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายธรรมนูญ เทียนเงิน ได้เข้าร่วมคณะรัฐมนตรีชุดนี้ด้วย โดยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่คณะรัฐมนตรีชุดนี้มีอายุอยู่เพียง 1 เดือนเท่านั้น เนื่องจากคณะรัฐมนตรีของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร[7]

          ต่อมาในช่วงกลางปี พ.ศ. 2518 มีการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครขึ้นเป็นครั้งแรก พรรคประชาธิปัตย์จึงมีมติส่งนายธรรมนูญ เทียนเงิน ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับการเลือกตั้งเป็น “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” นับว่าเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง[8] และพ้นจากตำแหน่งในปี พ.ศ. 2520[9] นับเป็นการสิ้นสุดบทบาททางการเมืองของนายธรรมนูญ เทียนเงินอีกด้วย นอกจากนี้นายธรรมนูญ เทียนเงิน ยังคงมีตำแหน่ง “ผู้อำนวยการลูกเสือชาวบ้านพระนคร” ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์วันที่ 6_ตุลาคม_พ.ศ._2519[10]

ผลงานที่สำคัญในทางการเมือง

          นายธรรมนูญ เทียนเงิน เป็นนักการเมืองที่มีลีลาการปราศรัยถูกใจประชาชน สามารถสร้างความนิยมให้ประชาชนได้ โดยในสมัยแรกนายธรรมนูญ เทียนเงินได้ปราศรัยโจมตีรัฐบาลจอมพล ถนอม กิตติขจร โดยเฉพาะการโจมตีจอมพล ประภาส จารุเสถียร ที่เป็นไปอย่างดุเดือด แต่ทั้งนี้นายธรรมนูญ เทียนเงิน และจอมพล ประภาส เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันมาในวัยเยาว์ดังที่นายธรรมนูญ เทียนเงินมักจะเรียกจอมพลประภาสว่า “เพื่อนของผม”[11] การปราศรัยโจมตีรัฐบาลทหารอยู่บ่อยครั้งเช่นนี้ ส่งผลให้ในที่สุดจอมพล ถนอม กิตติขจร ได้ตัดสินใจทำการยึดอำนาจตนเอง ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 โดยให้เหตุผลว่า “นักการเมืองด่าว่าหัวหน้ารัฐบาลอย่างรุนแรง”[12]

          เมื่อรัฐบาลทหารของจอมพล ถนอม กิตติขจร พ้นจากอำนาจภายหลังเหตุการณ์วันมหาวิปโยค วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ส่งผลให้จอมพล ถนอม กิตติขจร ต้องเดินทางออกไปต่างประเทศ ระหว่างนั้นนายธรรมนูญ เทียนเงิน ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จนกระทั่งมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในปี พ.ศ. 2518 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเป็นครั้งแรก โดยนายธรรมนูญ เทียนเงินลงสมัครในเขต 1 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเขตทหาร แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้นายธรรมนูญ เทียนเงิน ไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในกลางปี พ.ศ. 2518 นายธรรมนูญ เทียนเงิน ได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคประชาธิปัตย์ โดยเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง[13]    

          ในช่วงเวลาที่นายธรรมนูญ เทียนเงิน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอยู่นั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับเหตุการณ์ทางการเมืองมีความร้อนแรงอย่างยิ่ง โดยในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2519 กลุ่มนักศึกษาและประชาชนได้มีกระแสต่อต้านการเข้ามาของจอมพล ถนอม กิตติขจร ซึ่งบวชเป็นพระภิกษุเข้ามายังวัดบวรนิเวศวิหาร ขณะเดียวกัน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์แตกออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มปีกซ้ายประชาธิปัตย์ อันประกอบด้วย นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ นายชวน หลีกภัย นายสุรินทร์ มาศดิตถ์ ฯลฯ และกลุ่มปีกขวาประชาธิปัตย์ อันประกอบด้วย นายธรรมนูญ เทียนเงิน นายสมบุญ ศิริธร นายสมัคร สุนทรเวช ฯลฯ ทั้งนี้ นายธรรมนูญ เทียนเงิน ซึ่งมีตำแหน่งทั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการลูกเสือชาวบ้านพระนคร มีภาพที่ชัดเจนในการเป็นคู่ขัดแย้งกับ ส.ส. กลุ่มปีกซ้ายประชาธิปัตย์[14]

          เมื่อเหตุการณ์ได้ลุกลามไปจนเกิดการชุมนุมประท้วงของนักศึกษาและประชาชน กระทั่งนำมาสู่การล้อมปราบที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 นายธรรมนูญ เทียนเงิน มีบทบาทสำคัญในฐานะผู้อำนวยการลูกเสือชาวบ้านพระนคร ซึ่งกลุ่มลูกเสือชาวบ้าน เป็น 1 ในกลุ่มของฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่เข้ามาล้อมปราบนักศึกษาในครั้งนี้ด้วย โดยในช่วงเย็นของวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งให้นายธรรมนูญ เทียนเงิน เข้าเฝ้าฯ และมีรับสั่งเกี่ยวกับการที่มีลูกเสือชาวบ้านจากต่างจังหวัดนับหมื่นคนมาชุมนุม โดยให้นายธรรมนูญ เทียนเงิน ชี้แจงแก่ลูกเสือชาวบ้านให้สลายตัว ต่อมาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกุฏราชกุมาร ได้เสด็จพร้อมกับนายธรรมนูญ เทียนเงิน มายังที่ชุมนุมลูกเสือชาวบ้าน และมีพระราชดำรัสให้ลูกเสือชาวบ้านสลายการชุมนุม[15]

          นายธรรมนูญ เทียนเงิน ยังมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับนายสมัคร สุนทรเวช เมื่อครั้งที่นายสมัคร ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายธรรมนูญ เทียนเงิน มีศักดิ์เป็นอาของนายสมัคร สุนทรเวช และเป็นที่มาให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น เรียกขานนายธรรมนูญ เทียนเงิน ด้วยความเคารพว่า “คุณอา”[16] นอกจากนี้นายธรรมนูญ เทียนเงิน ได้รับฉายาว่า “นักเลงเก้ายอด” เนื่องจากพฤติกรรมในช่วงวัยรุ่นนั้น มีลักษณะของการเป็นนักเลงที่ผ่านการทะเลาะวิวาทมามากมายในสมัยวัยรุ่น จนกระทั่งได้รับการกล่าวขานว่า “เก้ายอด” ซึ่งถือว่าเป็นที่สุดของวงการนักเลง[17] 

บรรณานุกรม

ทองทิว สุวรรณฑัต, วิญญาณมีจริงหรือไม่ ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ นายธรรมนูญ  เทียนเงิน, (ม.ป.ท. : ม.ป.พ., 2532).

ธรรมนูญยืนยันไม่ยอมอ่อนข้อ, ประชาธิปไตย (2 กันยายน 2519).

สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ, สายธารประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทย, (กรุงเทพฯ : มูลนิธิสายธาร  ประชาธิปไตย, 2551).

เว็บไซต์

ประวัติพรรคประชาธิปัตย์, เข้าถึงจาก <http://www.democrat.or.th/th/about/history/> เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559.

นักเรียนเก่า ที่มีชื่อเสียง โรงเรียนเทพศิรินทร์, เข้าถึงจาก <http://www.debsirin.ac.th/about-us/detail-student.php?id=622> เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559.

อ้างอิง

[1] ทองทิว สุวรรณฑัต, วิญญาณมีจริงหรือไม่ ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ นายธรรมนูญ เทียนเงิน, (ม.ป.ท. : ม.ป.พ., 2532), น. 13.

[2] เพิ่งอ้าง, น. 4.

[3] เพิ่งอ้าง, น. 4.

[4] เพิ่งอ้าง, น. 5.

[5] เพิ่งอ้าง, น. 4.

[6] ประวัติพรรคประชาธิปัตย์, เข้าถึงจาก http://www.democrat.or.th/th/about/history/ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559.

[7] ทองทิว สุวรรณฑัต, อ้างแล้ว, น. 5.

[8] ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร, เข้าถึงจาก http://www.bangkok.go.th/info/ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559.

[9] เพิ่งอ้าง.

[10] สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ, สายธารประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทย,(กรุงเทพฯ : มูลนิธิสายธารประชาธิปไตย, 2551), น. 156-157.

[11] ทองทิว สุวรรณฑัต, อ้างแล้ว, น. 13.

[12] เพิ่งอ้าง, น. 5.

[13] เพิ่งอ้าง, น. 5.

[14] ธรรมนูญยืนยันไม่ยอมอ่อนข้อ, ประชาธิปไตย (2 กันยายน 2519), น. 1.

[15] นักเรียนเก่า ที่มีชื่อเสียง โรงเรียนเทพศิรินทร์, เข้าถึงจาก http://www.debsirin.ac.th/about-us/detail-student.php?id=622 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559.

[16] ทองทิว สุวรรณฑัต, อ้างแล้ว, น. 17.

[17] เพิ่งอ้าง, น. 10.