ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กลุ่มนิติราษฎร์"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''ผู้เรียบเรียง :''' ฐิติกร สังข์แก้ว | |||
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :''' รศ.ดร.นิยม รัฐอมฤต | |||
| |||
== ความนำ == | == ความนำ == | ||
[[คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข]] ([[คปค.]]) ซึ่งมี[[สนธิ_บุญยรัตกลิน|พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน]] เป็นหัวหน้าคณะ และมีทหาร ตำรวจ และพลเรือน เป็นสมาชิก ได้เข้า[[ยึดอำนาจการปกครอง]]จาก[[รัฐบาล]] [[ทักษิณ_ชินวัตร|พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร]] เมื่อวันที่ [[รัฐประหาร_19_กันยายน_2549|19 กันยายน 2549]] ภายหลังการทำ[[รัฐประหาร]]แล้ว “คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ได้เปลี่ยนสภาพมาเป็น “[[คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ]]” (คมช. หรือ Council of National Security - CNS) อันเป็นไปตามบทบัญญัติ[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_(ฉบับชั่วคราว)_พ.ศ._2549]] (มาตรา 34) โดยมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงแห่งชาติ [[ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ]]มีอำนาจหน้าที่เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ แต่งตั้งและถอดถอน[[นายกรัฐมนตรี]] [[ประธานสภา]] และรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ [[สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ]] และ[[คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ]] ทั้งยังสามารถประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรีได้อีกด้วย เมื่อ คมช. ได้เข้าบริหารประเทศ สถานการณ์ของประเทศในขณะนั้นอยู่ภายใต้การบังคับใช้[[กฎหมาย]]ที่ไม่เป็นไปตาม[[หลักนิติรัฐ]] ทั้งกระบวนการบัญญัติกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายและการตีความกฎหมายล้วนไม่สอดคล้องกับหลักนิติรัฐและ[[หลักประชาธิปไตย]] จึงได้เกิดการรวมตัวของคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 5 คน โดยแสดงความเห็นเกี่ยวกับกระบวนการกฎหมายผ่านแถลงการณ์สาธารณะ การวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์และสถานการณ์การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐอย่างสม่ำเสมอ เช่น การออกแถลงการณ์คัดค้านผลต่อเนื่องจากการทำรัฐประหาร การแสดงความเห็นต่อคำวินิจฉัยคดียึดทรัพย์นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร คำพิพากษาของศาลปกครองในคดีมาบตาพุด [[คำพิพากษาในคดียุบพรรคการเมือง]] เป็นต้น <ref>“เกี่ยวกับคณะนิติราษฎร์,” นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/about>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559.</ref> จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้ง "กลุ่มนิติราษฎร์" ที่มีบทบาทนำเสนอประเด็นอภิปรายเกี่ยวด้วยข้อกฎหมายและหลักการขั้นพื้นฐานในระบอบเสรีประชาธิปไตย | |||
| |||
== จุดเริ่มต้น ที่มา และการเคลื่อนไหวของนิติราษฎร์ == | == จุดเริ่มต้น ที่มา และการเคลื่อนไหวของนิติราษฎร์ == | ||
ภายหลังจากการรวมตัวของกลุ่มคณาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 5 คน<ref>“ทั้งนี้ การรวมตัวของกลุ่มคณาจารย์ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” ปรากฏชื่อชัดเจนจากการออกแถลงการณ์สาธารณะในช่วงแรกจะใช้ชื่อดังกล่าวมาโดยตลอด</ref> | ภายหลังจากการรวมตัวของกลุ่มคณาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 5 คน<ref>“ทั้งนี้ การรวมตัวของกลุ่มคณาจารย์ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” ปรากฏชื่อชัดเจนจากการออกแถลงการณ์สาธารณะในช่วงแรกจะใช้ชื่อดังกล่าวมาโดยตลอด</ref> เพื่อแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์การบังคับใช้กฎหมายและ[[กระบวนการยุติธรรม]]ภายใต้การบริหารของ คมช. และรัฐบาล[[สุรยุทธ์_จุลานนท์|พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์]] มาเป็นระยะๆ จึงได้ออกแถลงการณ์ที่ใช้ชื่อว่า “แถลงการณ์คณาจารย์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฉบับที่ 1”<ref>“แถลงการณ์ของคณาจารย์คณะนิติฯ มธ. ฉบับที่ 1,” นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/directory/35/Statement-1.html>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559).</ref> ซึ่งแสดงให้เห็นจุดยืนทางการเมืองและทางวิชาการที่สำคัญ คือ | ||
ประการแรก | '''ประการแรก '''คัดค้านและประณามการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เพราะถือเป็นการกระทำที่ไม่เคารพและเป็นการย่ำยีอำนาจการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกผู้บริหารประเทศตามครรลองของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย | ||
ประการที่สอง | '''ประการที่สอง '''คัดค้านและประณามการยกเลิก[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พ.ศ._2540]] เพราะถือว่าเป็นการทำลายสัญญาประชาคมของประชาชนโดยวิถีทางที่มิอาจรับได้อย่างยิ่งตามกระบวนการประชาธิปไตย | ||
ประการที่สาม | '''ประการที่สาม''' คัดค้านและประณามการทำลายเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชน | ||
ประการที่สี่ | '''ประการที่สี่''' คัดค้านและประณามการจำกัดสิทธิในร่างกายของประชาชน ที่มีการจับกุมผู้ที่[[ประท้วง]]การกระทำรัฐประหารไปคุมขัง | ||
ประการที่ห้า | ประการที่ห้า เรียกร้องให้การบริหารประเทศกลับไปสู่ครรลองของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยเร็วที่สุด | ||
แถลงการณ์ดังกล่าว มีผู้ลงนามท้ายแถลงการณ์ดังกล่าว ประกอบไปด้วย | แถลงการณ์ดังกล่าว มีผู้ลงนามท้ายแถลงการณ์ดังกล่าว ประกอบไปด้วย [[วรเจตน์_ภาคีรัตน์]] [[ประสิทธิ์_ปิวาวัฒนพานิช]] [[ปิยบุตร_แสงกนกกุล]] และ[[ธีระ_สุธีวรางกูร]] จนกระทั่งวันที่ 19 กันยายน 2553 (ภายหลังเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มาแล้ว 4 ปี) กลุ่มคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดกิจกรรมเปิดตัวเว็บไซต์ “www.enlightened-jurists.com"<ref>“ภายหลังการเปิดตัวเว็บไซด์ของกลุ่มนิติราษฎร์นั้น ได้มีการนำเสนอความคิดเห็นออกสู่สังคมอย่างสม่ำเสมอซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับการเมืองไทยและสถาบันเบื้องสูง อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงปลายปี 2555 พบว่าข้อมูลบางส่วนของเว็ปไซด์ฯ คือ ประกาศคณะราษฎรฉบับที่ 1 ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ไม่สามารถเข้าถึงได้</ref> และเสวนาวิชาการในหัวข้อ “4 ปี รัฐประหาร 4 เดือนพฤษภาอำมหิต อนาคตทางสังคมไทย” ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยมีวัตถุประสงค์ให้เว็บไซต์ดังกล่าวเป็นแหล่งรวบรวมผลงานและบทวิเคราะห์ทางวิชาการ โดยมีการเปิดตัวชื่อกลุ่มในชื่อใหม่ว่า “นิติราษฎร์” ทั้งมีการออก '''ประกาศนิติราษฎร์ ฉบับที่ 1 (วรเจตน์ ภาคีรัตน์)'''<ref>“ประกาศนิติราษฎร์ ฉบับที่ 1 (วรเจตน์ ภาคีรัตน์),” นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/blog/page/16>. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559. </ref> โดยมีเนื้อหาสำคัญ คือ | ||
โดยมีเนื้อหาสำคัญ คือ | |||
''“เมื่อสมาชิกผู้ก่อตั้งกลุ่มนิติราษฎร์คิดการที่จะสร้างชุมชนทางวิชาการเล็กๆ ในทางนิติศาสตร์เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจทางกฎหมายที่ถูกต้อง เพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์ประชาธิปไตย และเพื่อเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งนิติรัฐและความยุติธรรมให้เจริญงอกงามในสังคมไทย เรื่องหนึ่งที่พวกเราคิดกันนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กล่าวมาแล้วก็คือ เว็บไซต์ที่เราจะตั้งขึ้นนั้น ควรจะมีชื่อว่าอะไร มีชื่อที่เราคิดกันหลายชื่อ ในที่สุดเราก็ได้ชื่อที่อยู่หรือที่ตั้งของเว็บไซต์ว่า www.enlightened-jurists.com”'' | ''“เมื่อสมาชิกผู้ก่อตั้งกลุ่มนิติราษฎร์คิดการที่จะสร้างชุมชนทางวิชาการเล็กๆ ในทางนิติศาสตร์เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจทางกฎหมายที่ถูกต้อง เพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์ประชาธิปไตย และเพื่อเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งนิติรัฐและความยุติธรรมให้เจริญงอกงามในสังคมไทย เรื่องหนึ่งที่พวกเราคิดกันนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กล่าวมาแล้วก็คือ เว็บไซต์ที่เราจะตั้งขึ้นนั้น ควรจะมีชื่อว่าอะไร มีชื่อที่เราคิดกันหลายชื่อ ในที่สุดเราก็ได้ชื่อที่อยู่หรือที่ตั้งของเว็บไซต์ว่า www.enlightened-jurists.com”'' | ||
จากข้อมูลในเวปไซต์ของกลุ่มนิติราษฎร์ได้แสดงให้เห็นความหมายของคำว่า "นิติราษฎร์" อันมาจากการผสมของคำว่า “นิติศาสตร์” กับ “ราษฎร” ส่วนชื่อภาษาอังกฤษใช้คำว่า “enlightened-jurists” หมายถึง | จากข้อมูลในเวปไซต์ของกลุ่มนิติราษฎร์ได้แสดงให้เห็นความหมายของคำว่า "นิติราษฎร์" อันมาจากการผสมของคำว่า “นิติศาสตร์” กับ “ราษฎร” ส่วนชื่อภาษาอังกฤษใช้คำว่า “enlightened-jurists” หมายถึง "(นักกฎหมายผู้)...ปฏิเสธความเชื่อ จารีตอันงมงายอันปรากฏในวงวิชาการนิติศาสตร์ และอยู่บนหนทางของการตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์ และท้าทายสถาบันทั้งหลายทั้งปวงในทางกฎหมายที่ไม่ตั้งอยู่บนรากฐานของเหตุผล ที่สามารถยอมรับได้"<ref>เพิ่งอ้าง.</ref>มีความหมายโดยรวมว่า นิติศาสตร์เพื่อราษฎร ด้วยมุ่งหวังให้เป็นฟันเฟืองหนึ่งในการสถาปนาอุดมการณ์กฎหมาย-การเมือง นิติรัฐ-ประชาธิปไตย เพื่อให้ “อำนาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของราษฎรทั้งหลาย” และ “มนุษย์ทั้งปวงเกิดมามีอิสระและเสมอภาคกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ”<ref>“เกี่ยวกับคณะนิติราษฎร์,” นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/about>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559. </ref> โดยนับวันที่ 19 กันยายน 2553 เป็นวันก่อตั้งนิติราษฎร์อย่างเป็นทางการ ซึ่งต่อมาเว็บไซต์ดังกล่าวถือเป็นจุดรวมตัวและจุดเคลื่อนไหวที่สำคัญของคณะนิติราษฎร์ และเป็นฐานสำคัญในการเผยแพร่แนวคิดและผลงาน ซึ่งเนื้อหาของเว็บไซต์ประกอบไปด้วย ประกาศนิติราษฎร์ บทความ รวบรวมการสัมมนาและบทสัมภาษณ์ บทความจากผู้อ่าน แถลงการณ์ เอกสารทางประวัติศาสตร์ เอกสารประกอบการสอน ประชุมกฎหมาย และไฟล์บันทึกเสียงและภาพ ทั้งนี้ ในปัจจุบัน (กุมภาพันธ์ 2559) เว็บไซต์ www.enlightened-jurists.com ได้ถูกกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระงับและจำกัดการเข้าถึงด้วยเหตุผลว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมีเนื้อหาและข้อมูลที่ไม่เหมาะสม | ||
| |||
== วรเจตน์ ภาคีรัตน์กับนิติราษฎร์ == | == วรเจตน์ ภาคีรัตน์กับนิติราษฎร์ == | ||
สมาชิกของนิติราษฎร์ในปัจจุบันประกอบด้วยกลุ่มคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 7 คน โดย รองศาสตราจารย์ ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช ซึ่งเป็นผู้ร่วมกิจกรรมในนามของคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มาตั้งแต่ต้นไม่ได้ปรากฏชื่อเป็นสมาชิกปัจจุบันของคณะนิติราษฎร์ แต่ก็ยังมีผลงานเป็นบทความทางวิชาการเผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์ของนิติราษฎร์อยู่เสมอ โดยสมาชิกปัจจุบันของนิติราษฎร์ | สมาชิกของนิติราษฎร์ในปัจจุบันประกอบด้วยกลุ่มคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 7 คน โดย รองศาสตราจารย์ ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช ซึ่งเป็นผู้ร่วมกิจกรรมในนามของคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มาตั้งแต่ต้นไม่ได้ปรากฏชื่อเป็นสมาชิกปัจจุบันของคณะนิติราษฎร์ แต่ก็ยังมีผลงานเป็นบทความทางวิชาการเผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์ของนิติราษฎร์อยู่เสมอ โดยสมาชิกปัจจุบันของนิติราษฎร์ ได้แก่ | ||
1) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จันทจิรา เอี่ยมมยุรา | 1) [[จันทจิรา_เอี่ยมมยุรา|ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จันทจิรา เอี่ยมมยุรา]] | ||
2) อาจารย์ ดร. ฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล | 2) [[ฐาปนันท์_นิพิฏฐกุล|อาจารย์ ดร. ฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล]] | ||
3) อาจารย์ธีระ สุธีวรางกูร | 3) [[ธีระ_สุธีวรางกูร|อาจารย์ธีระ สุธีวรางกูร]] | ||
4) อาจารย์ปูนเทพ ศิรินุพงศ์ | 4) [[ปูนเทพ_ศิรินุพงศ์|อาจารย์ปูนเทพ ศิรินุพงศ์]] | ||
5) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล | 5) [[ปิยบุตร_แสงกนกกุล|ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล]] | ||
6) รองศาสตราจารย์ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ | 6) [[วรเจตน์_ภาคีรัตน์|รองศาสตราจารย์ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์]] | ||
7) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สาวตรี สุขศรี | 7) [[สาวตรี_สุขศรี|ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สาวตรี สุขศรี]] | ||
สมาชิกผู้มีบทบาทสำคัญและถือเป็นผู้นำของกลุ่มนิติราษฎร์ คือ รองศาสตราจารย์ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ บทบาทของวรเจตน์ ภาคีรัตน์ เริ่มโดดเด่นและชัดเจนมากขึ้นภายหลังเป็นผู้เสนอความคิดเห็นคัดค้านการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีด้วยมาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 (ขณะนั้นยังไม่มีการจัดตั้งกลุ่มนิติราษฎร์) ในระหว่างการบรรยายพิเศษเรื่อง “หลังการเลือกตั้ง 2 เมษายน | สมาชิกผู้มีบทบาทสำคัญและถือเป็นผู้นำของกลุ่มนิติราษฎร์ คือ รองศาสตราจารย์ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ บทบาทของวรเจตน์ ภาคีรัตน์ เริ่มโดดเด่นและชัดเจนมากขึ้นภายหลังเป็นผู้เสนอความคิดเห็นคัดค้านการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีด้วยมาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 (ขณะนั้นยังไม่มีการจัดตั้งกลุ่มนิติราษฎร์) ในระหว่างการบรรยายพิเศษเรื่อง “หลังการเลือกตั้ง 2 เมษายน จะ[[ปฏิรูปการเมือง]]ครั้งใหม่อย่างไร” เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2549 มีใจความสำคัญ<ref>“ย้อนอดีตวิวาทะปม “นายกฯ ม.7” ก่อน “สุเทพ” ปัดฝุ่นเสนอใหม่,” สำนักข่าวอิสรา, (4 ธันวาคม 2556). เข้าถึงจาก <http://www.isranews.org/isranews-scoop/item/25640-article7.html>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559. </ref> ว่า | ||
''“ขณะนี้ประชาชนในประเทศแตกออกมาเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งต้องการที่จะใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 7 เพื่อขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งต้องการให้มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทั้งสองฝ่ายทำให้บ้านเมืองเกิดความไม่แน่นอนเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็มีอีกฝ่ายหนึ่งต้องการปฏิรูปทางการเมือง ทั้งนี้ในความคิดของเขานั้น การใช้มาตรา 7 เพื่อขอนายกฯพระราชทานไม่ควรทำ” | ''“ขณะนี้ประชาชนในประเทศแตกออกมาเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งต้องการที่จะใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 7 เพื่อขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งต้องการให้มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทั้งสองฝ่ายทำให้บ้านเมืองเกิดความไม่แน่นอนเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็มีอีกฝ่ายหนึ่งต้องการปฏิรูปทางการเมือง ทั้งนี้ในความคิดของเขานั้น การใช้มาตรา 7 เพื่อขอนายกฯพระราชทานไม่ควรทำ”'' | ||
'' | |||
จากนั้น วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ก็ได้ร่วมกับอาจารย์นิติศาสตร์อีก 4 คน (ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช, ธีระ สุธีวรางกูร, ฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล, และปิยบุตร แสงกนกกุล) | จากนั้น วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ก็ได้ร่วมกับอาจารย์นิติศาสตร์อีก 4 คน (ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช, ธีระ สุธีวรางกูร, ฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล, และปิยบุตร แสงกนกกุล) แสดงการคัดค้านการรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ.2549 และมีบทบาทอีกครั้งเมื่อมีการออก “แถลงการณ์ของคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฉบับที่ 5-2 เรื่องการปฏิเสธร่างรัฐธรรมนูญฉบับ[[ออกเสียงประชามติ]]” และออกแถลงการณ์อีกหลายฉบับเพื่อแสดงความเห็นแย้งต่อกรณีมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณียุบพรรคการเมือง<ref>“แถลงการณ์คณะนิติราษฎร์,” นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/directory/11/Statement-and-Petition.html>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559. </ref> บทบาทการเคลื่อนไหวที่โดดเด่นของวรเจตน์ ภาคีรัตน์ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับบุคคลบางกลุ่ม โดยวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 มีชายสองคนเข้าทำร้ายร่างกายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แต่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย<ref>“ทำร้าย ‘วรเจตน์’ กลาง มธ. รู้ตัว 2 มือชกเคยร่วมม็อบต้าน ม.112,” มติชน, (1 มีนาคม 2555), 14, 15.</ref> | ||
| |||
== ข้อเสนอของนิติราษฎร์ในการลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 : นัยยะต่อการเมืองไทย == | == ข้อเสนอของนิติราษฎร์ในการลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 : นัยยะต่อการเมืองไทย == | ||
นิติราษฎร์ ได้รออกแถลงการณ์ ประกาศ และแสดงความคิดเห็นสาธารณะออกมาอีกหลายประเด็น เช่น เรื่อง | นิติราษฎร์ ได้รออกแถลงการณ์ ประกาศ และแสดงความคิดเห็นสาธารณะออกมาอีกหลายประเด็น เช่น เรื่อง ความเห็นต่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในสมัยรัฐบาล[[อภิสิทธิ์_เวชชาชีวะ|นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ]] ความเห็นและบทวิเคราะห์ต่อคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกรณีขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ความเห็นต่อคำสั่งศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดำที่ 984/2551 ในการรับคำฟ้องกรณีแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา [[ศาลโลกพิพากษาให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา|เรื่องการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก]] และกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา เป็นต้น | ||
ครั้น วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554 ในโอกาสครบรอบการก่อตั้งนิติราษฎร์ครบ 1 ปี นิติราษฎร์ได้ ออก “แถลงการณ์คณะนิติราษฎร์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีนิติราษฎร์” เสนอความเห็นให้มีการลบล้างผลพวงของรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 การเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายภายหลังรัฐประหาร และการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยมีสาระสำคัญ<ref>“แถลงการณ์คณะนิติราษฎร์: ลบล้างผลพวงรัฐประหาร, แก้ไขมาตรา 112, เยียวยาผู้เสียหายจากรัฐประหาร และ จัดทำ รธน.ใหม่,” Siam Intelligence. เข้าถึงจาก <http://www.siamintelligence.com/nitiras-announcement-to-roll-back-19-sept-2006-coup/>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559. ดังนี้ | ครั้น วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554 ในโอกาสครบรอบการก่อตั้งนิติราษฎร์ครบ 1 ปี นิติราษฎร์ได้ ออก “แถลงการณ์คณะนิติราษฎร์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีนิติราษฎร์” เสนอความเห็นให้มีการลบล้างผลพวงของรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 การเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายภายหลังรัฐประหาร และการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยมีสาระสำคัญ<ref>“แถลงการณ์คณะนิติราษฎร์: ลบล้างผลพวงรัฐประหาร, แก้ไขมาตรา 112, เยียวยาผู้เสียหายจากรัฐประหาร และ จัดทำ รธน.ใหม่,” Siam Intelligence. เข้าถึงจาก <http://www.siamintelligence.com/nitiras-announcement-to-roll-back-19-sept-2006-coup/>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559. ดังนี้ | ||
บรรทัดที่ 93: | บรรทัดที่ 95: | ||
<references/> | <references/> | ||
==บรรณานุกรม== | ==บรรณานุกรม==</ref> ดังนี้ | ||
'''ประการที่หนึ่ง''' การลบล้างผลพวงของรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยประกาศให้[[รัฐประหาร_19_กันยายน_2549]] และการกระทำใดๆ ที่มุ่งต่อผลในทางกฎหมายของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2549 เสียเปล่าและถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นและไม่เคยมีผลในทางกฎหมายเพื่อความชอบธรรมทางประชาธิปไตย คณะนิติราษฎร์เสนอให้นำข้อเสนอดังกล่าวข้างต้นไปจัดทำเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมและนำไปให้ประชาชนออกเสียงประชามติ | |||
'''ประการที่สอง''' การยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เป็นผลพวงต่อเนื่องจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จึงมีปัญหาความชอบธรรมทางประชาธิปไตย แม้ว่ารัฐธรรมนูญดังกล่าวผ่านการออกเสียงประชามติก็ตาม แต่กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ และกระบวนการจัดให้มีการออกเสียงประชามติไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย จึงเสนอให้มีการยกเลิกและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ | |||
'''ประการที่สาม''' ตามที่คณะนิติราษฎร์ได้จัดทำข้อเสนอการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนำเสนอสู่สาธารณะตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2554 แล้วนั้นคณะนิติราษฎร์ยังยืนยันว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีปัญหาทั้งในแง่ตัวบทกฎหมาย การบังคับใช้ และอุดมการณ์ และจำเป็นต้องแก้ไข มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นเรื่องความสมดุลระหว่างความร้ายแรงของการกระทำอันเป็นความผิดกับโทษที่ผู้กระทำความผิดนั้นควรได้รับ จึงไม่เป็นไปตามหลักความพอสมควรแก่เหตุซึ่งได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเสนอให้คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในประเด็นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป | |||
นับตั้งแต่การรวมตัวกันในฐานะ “กลุ่มคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” จนมาถึง “กลุ่มนิติราษฎร์” การแสดงความคิดเห็นสาธารณะผ่านการออกประกาศ แถลงการณ์ บทความทางวิชาการ การสัมมนา และการรณรงค์เคลื่อนไหว โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้สร้างแรงกดดันให้กับผู้มีอำนาจทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะคำอธิบายและข้อคิดเห็นสาธารณะเหล่านั้นได้ถูกนำไปใช้อ้างอิงและเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียกร้องเคลื่อนไหวในหลายเรื่อง เช่น การเสนอความเห็นให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งคำอธิบายในทางวิชาการของนิติราษฎร์ ได้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) การเสนอความเห็นให้ลบล้างผลพวงของการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และรวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในช่วงสถานการณ์ทางการเมืองนับตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา | |||
| |||
'''บรรณานุกรม''' | |||
“เกี่ยวกับคณะนิติราษฎร์.” '''นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร'''. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/about>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559. | |||
“แถลงการณ์ของคณาจารย์คณะนิติฯ มธ. ฉบับที่ 1.” '''นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร'''. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/directory/35/Statement-1.html>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559). | |||
“แถลงการณ์คณะนิติราษฎร์.” '''นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร'''. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/directory/11/Statement-and-Petition.html>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559. | |||
“แถลงการณ์คณะนิติราษฎร์: ลบล้างผลพวงรัฐประหาร. แก้ไขมาตรา 112. เยียวยาผู้เสียหายจากรัฐประหาร และ จัดทำ รธน.ใหม่.” '''Siam Intelligence'''. เข้าถึงจาก <http://www.siamintelligence.com/nitiras-announcement-to-roll-back-19-sept-2006-coup/>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559. | |||
“ทำร้าย ‘วรเจตน์’ กลาง มธ. รู้ตัว 2 มือชกเคยร่วมม็อบต้าน ม.112.” '''มติชน'''. (1 มีนาคม 2555), 14, 15. | |||
“ประกาศนิติราษฎร์ ฉบับที่ 1 (วรเจตน์ ภาคีรัตน์).” '''นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร'''. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/blog/page/16>. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559. | |||
“ย้อนอดีตวิวาทะปม “นายกฯ ม.7” ก่อน “สุเทพ” ปัดฝุ่นเสนอใหม่.” '''สำนักข่าวอิสรา'''. (4 ธันวาคม 2556). เข้าถึงจาก <http://www.isranews.org/isranews-scoop/item/25640-article7.html>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559. | |||
[[Category:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 11:06, 5 พฤศจิกายน 2562
ผู้เรียบเรียง : ฐิติกร สังข์แก้ว
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รศ.ดร.นิยม รัฐอมฤต
ความนำ
คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ซึ่งมีพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ และมีทหาร ตำรวจ และพลเรือน เป็นสมาชิก ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาล พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ภายหลังการทำรัฐประหารแล้ว “คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ได้เปลี่ยนสภาพมาเป็น “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ” (คมช. หรือ Council of National Security - CNS) อันเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_(ฉบับชั่วคราว)_พ.ศ._2549 (มาตรา 34) โดยมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงแห่งชาติ ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ แต่งตั้งและถอดถอนนายกรัฐมนตรี ประธานสภา และรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งยังสามารถประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรีได้อีกด้วย เมื่อ คมช. ได้เข้าบริหารประเทศ สถานการณ์ของประเทศในขณะนั้นอยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐ ทั้งกระบวนการบัญญัติกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายและการตีความกฎหมายล้วนไม่สอดคล้องกับหลักนิติรัฐและหลักประชาธิปไตย จึงได้เกิดการรวมตัวของคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 5 คน โดยแสดงความเห็นเกี่ยวกับกระบวนการกฎหมายผ่านแถลงการณ์สาธารณะ การวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์และสถานการณ์การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐอย่างสม่ำเสมอ เช่น การออกแถลงการณ์คัดค้านผลต่อเนื่องจากการทำรัฐประหาร การแสดงความเห็นต่อคำวินิจฉัยคดียึดทรัพย์นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร คำพิพากษาของศาลปกครองในคดีมาบตาพุด คำพิพากษาในคดียุบพรรคการเมือง เป็นต้น [1] จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้ง "กลุ่มนิติราษฎร์" ที่มีบทบาทนำเสนอประเด็นอภิปรายเกี่ยวด้วยข้อกฎหมายและหลักการขั้นพื้นฐานในระบอบเสรีประชาธิปไตย
จุดเริ่มต้น ที่มา และการเคลื่อนไหวของนิติราษฎร์
ภายหลังจากการรวมตัวของกลุ่มคณาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 5 คน[2] เพื่อแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์การบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมภายใต้การบริหารของ คมช. และรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ มาเป็นระยะๆ จึงได้ออกแถลงการณ์ที่ใช้ชื่อว่า “แถลงการณ์คณาจารย์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฉบับที่ 1”[3] ซึ่งแสดงให้เห็นจุดยืนทางการเมืองและทางวิชาการที่สำคัญ คือ
ประการแรก คัดค้านและประณามการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เพราะถือเป็นการกระทำที่ไม่เคารพและเป็นการย่ำยีอำนาจการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกผู้บริหารประเทศตามครรลองของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ประการที่สอง คัดค้านและประณามการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พ.ศ._2540 เพราะถือว่าเป็นการทำลายสัญญาประชาคมของประชาชนโดยวิถีทางที่มิอาจรับได้อย่างยิ่งตามกระบวนการประชาธิปไตย
ประการที่สาม คัดค้านและประณามการทำลายเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชน
ประการที่สี่ คัดค้านและประณามการจำกัดสิทธิในร่างกายของประชาชน ที่มีการจับกุมผู้ที่ประท้วงการกระทำรัฐประหารไปคุมขัง
ประการที่ห้า เรียกร้องให้การบริหารประเทศกลับไปสู่ครรลองของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยเร็วที่สุด
แถลงการณ์ดังกล่าว มีผู้ลงนามท้ายแถลงการณ์ดังกล่าว ประกอบไปด้วย วรเจตน์_ภาคีรัตน์ ประสิทธิ์_ปิวาวัฒนพานิช ปิยบุตร_แสงกนกกุล และธีระ_สุธีวรางกูร จนกระทั่งวันที่ 19 กันยายน 2553 (ภายหลังเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มาแล้ว 4 ปี) กลุ่มคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดกิจกรรมเปิดตัวเว็บไซต์ “www.enlightened-jurists.com"[4] และเสวนาวิชาการในหัวข้อ “4 ปี รัฐประหาร 4 เดือนพฤษภาอำมหิต อนาคตทางสังคมไทย” ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยมีวัตถุประสงค์ให้เว็บไซต์ดังกล่าวเป็นแหล่งรวบรวมผลงานและบทวิเคราะห์ทางวิชาการ โดยมีการเปิดตัวชื่อกลุ่มในชื่อใหม่ว่า “นิติราษฎร์” ทั้งมีการออก ประกาศนิติราษฎร์ ฉบับที่ 1 (วรเจตน์ ภาคีรัตน์)[5] โดยมีเนื้อหาสำคัญ คือ
“เมื่อสมาชิกผู้ก่อตั้งกลุ่มนิติราษฎร์คิดการที่จะสร้างชุมชนทางวิชาการเล็กๆ ในทางนิติศาสตร์เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจทางกฎหมายที่ถูกต้อง เพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์ประชาธิปไตย และเพื่อเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งนิติรัฐและความยุติธรรมให้เจริญงอกงามในสังคมไทย เรื่องหนึ่งที่พวกเราคิดกันนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กล่าวมาแล้วก็คือ เว็บไซต์ที่เราจะตั้งขึ้นนั้น ควรจะมีชื่อว่าอะไร มีชื่อที่เราคิดกันหลายชื่อ ในที่สุดเราก็ได้ชื่อที่อยู่หรือที่ตั้งของเว็บไซต์ว่า www.enlightened-jurists.com”
จากข้อมูลในเวปไซต์ของกลุ่มนิติราษฎร์ได้แสดงให้เห็นความหมายของคำว่า "นิติราษฎร์" อันมาจากการผสมของคำว่า “นิติศาสตร์” กับ “ราษฎร” ส่วนชื่อภาษาอังกฤษใช้คำว่า “enlightened-jurists” หมายถึง "(นักกฎหมายผู้)...ปฏิเสธความเชื่อ จารีตอันงมงายอันปรากฏในวงวิชาการนิติศาสตร์ และอยู่บนหนทางของการตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์ และท้าทายสถาบันทั้งหลายทั้งปวงในทางกฎหมายที่ไม่ตั้งอยู่บนรากฐานของเหตุผล ที่สามารถยอมรับได้"[6]มีความหมายโดยรวมว่า นิติศาสตร์เพื่อราษฎร ด้วยมุ่งหวังให้เป็นฟันเฟืองหนึ่งในการสถาปนาอุดมการณ์กฎหมาย-การเมือง นิติรัฐ-ประชาธิปไตย เพื่อให้ “อำนาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของราษฎรทั้งหลาย” และ “มนุษย์ทั้งปวงเกิดมามีอิสระและเสมอภาคกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ”[7] โดยนับวันที่ 19 กันยายน 2553 เป็นวันก่อตั้งนิติราษฎร์อย่างเป็นทางการ ซึ่งต่อมาเว็บไซต์ดังกล่าวถือเป็นจุดรวมตัวและจุดเคลื่อนไหวที่สำคัญของคณะนิติราษฎร์ และเป็นฐานสำคัญในการเผยแพร่แนวคิดและผลงาน ซึ่งเนื้อหาของเว็บไซต์ประกอบไปด้วย ประกาศนิติราษฎร์ บทความ รวบรวมการสัมมนาและบทสัมภาษณ์ บทความจากผู้อ่าน แถลงการณ์ เอกสารทางประวัติศาสตร์ เอกสารประกอบการสอน ประชุมกฎหมาย และไฟล์บันทึกเสียงและภาพ ทั้งนี้ ในปัจจุบัน (กุมภาพันธ์ 2559) เว็บไซต์ www.enlightened-jurists.com ได้ถูกกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระงับและจำกัดการเข้าถึงด้วยเหตุผลว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมีเนื้อหาและข้อมูลที่ไม่เหมาะสม
วรเจตน์ ภาคีรัตน์กับนิติราษฎร์
สมาชิกของนิติราษฎร์ในปัจจุบันประกอบด้วยกลุ่มคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 7 คน โดย รองศาสตราจารย์ ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช ซึ่งเป็นผู้ร่วมกิจกรรมในนามของคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มาตั้งแต่ต้นไม่ได้ปรากฏชื่อเป็นสมาชิกปัจจุบันของคณะนิติราษฎร์ แต่ก็ยังมีผลงานเป็นบทความทางวิชาการเผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์ของนิติราษฎร์อยู่เสมอ โดยสมาชิกปัจจุบันของนิติราษฎร์ ได้แก่
1) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จันทจิรา เอี่ยมมยุรา
2) อาจารย์ ดร. ฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล
5) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล
6) รองศาสตราจารย์ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์
7) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สาวตรี สุขศรี
สมาชิกผู้มีบทบาทสำคัญและถือเป็นผู้นำของกลุ่มนิติราษฎร์ คือ รองศาสตราจารย์ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ บทบาทของวรเจตน์ ภาคีรัตน์ เริ่มโดดเด่นและชัดเจนมากขึ้นภายหลังเป็นผู้เสนอความคิดเห็นคัดค้านการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีด้วยมาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 (ขณะนั้นยังไม่มีการจัดตั้งกลุ่มนิติราษฎร์) ในระหว่างการบรรยายพิเศษเรื่อง “หลังการเลือกตั้ง 2 เมษายน จะปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่อย่างไร” เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2549 มีใจความสำคัญ[8] ว่า
“ขณะนี้ประชาชนในประเทศแตกออกมาเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งต้องการที่จะใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 7 เพื่อขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งต้องการให้มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทั้งสองฝ่ายทำให้บ้านเมืองเกิดความไม่แน่นอนเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็มีอีกฝ่ายหนึ่งต้องการปฏิรูปทางการเมือง ทั้งนี้ในความคิดของเขานั้น การใช้มาตรา 7 เพื่อขอนายกฯพระราชทานไม่ควรทำ”
จากนั้น วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ก็ได้ร่วมกับอาจารย์นิติศาสตร์อีก 4 คน (ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช, ธีระ สุธีวรางกูร, ฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล, และปิยบุตร แสงกนกกุล) แสดงการคัดค้านการรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ.2549 และมีบทบาทอีกครั้งเมื่อมีการออก “แถลงการณ์ของคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฉบับที่ 5-2 เรื่องการปฏิเสธร่างรัฐธรรมนูญฉบับออกเสียงประชามติ” และออกแถลงการณ์อีกหลายฉบับเพื่อแสดงความเห็นแย้งต่อกรณีมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณียุบพรรคการเมือง[9] บทบาทการเคลื่อนไหวที่โดดเด่นของวรเจตน์ ภาคีรัตน์ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับบุคคลบางกลุ่ม โดยวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 มีชายสองคนเข้าทำร้ายร่างกายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แต่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย[10]
ข้อเสนอของนิติราษฎร์ในการลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 : นัยยะต่อการเมืองไทย
นิติราษฎร์ ได้รออกแถลงการณ์ ประกาศ และแสดงความคิดเห็นสาธารณะออกมาอีกหลายประเด็น เช่น เรื่อง ความเห็นต่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ความเห็นและบทวิเคราะห์ต่อคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกรณีขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ความเห็นต่อคำสั่งศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดำที่ 984/2551 ในการรับคำฟ้องกรณีแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา เรื่องการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา เป็นต้น
ครั้น วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554 ในโอกาสครบรอบการก่อตั้งนิติราษฎร์ครบ 1 ปี นิติราษฎร์ได้ ออก “แถลงการณ์คณะนิติราษฎร์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีนิติราษฎร์” เสนอความเห็นให้มีการลบล้างผลพวงของรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 การเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายภายหลังรัฐประหาร และการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยมีสาระสำคัญอ้างอิงผิดพลาด: ไม่มีการปิด </ref>
สำหรับป้ายระบุ <ref>
ดังนี้
ประการที่หนึ่ง การลบล้างผลพวงของรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยประกาศให้รัฐประหาร_19_กันยายน_2549 และการกระทำใดๆ ที่มุ่งต่อผลในทางกฎหมายของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2549 เสียเปล่าและถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นและไม่เคยมีผลในทางกฎหมายเพื่อความชอบธรรมทางประชาธิปไตย คณะนิติราษฎร์เสนอให้นำข้อเสนอดังกล่าวข้างต้นไปจัดทำเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมและนำไปให้ประชาชนออกเสียงประชามติ
ประการที่สอง การยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เป็นผลพวงต่อเนื่องจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จึงมีปัญหาความชอบธรรมทางประชาธิปไตย แม้ว่ารัฐธรรมนูญดังกล่าวผ่านการออกเสียงประชามติก็ตาม แต่กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ และกระบวนการจัดให้มีการออกเสียงประชามติไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย จึงเสนอให้มีการยกเลิกและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ประการที่สาม ตามที่คณะนิติราษฎร์ได้จัดทำข้อเสนอการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนำเสนอสู่สาธารณะตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2554 แล้วนั้นคณะนิติราษฎร์ยังยืนยันว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีปัญหาทั้งในแง่ตัวบทกฎหมาย การบังคับใช้ และอุดมการณ์ และจำเป็นต้องแก้ไข มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นเรื่องความสมดุลระหว่างความร้ายแรงของการกระทำอันเป็นความผิดกับโทษที่ผู้กระทำความผิดนั้นควรได้รับ จึงไม่เป็นไปตามหลักความพอสมควรแก่เหตุซึ่งได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเสนอให้คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในประเด็นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
นับตั้งแต่การรวมตัวกันในฐานะ “กลุ่มคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” จนมาถึง “กลุ่มนิติราษฎร์” การแสดงความคิดเห็นสาธารณะผ่านการออกประกาศ แถลงการณ์ บทความทางวิชาการ การสัมมนา และการรณรงค์เคลื่อนไหว โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้สร้างแรงกดดันให้กับผู้มีอำนาจทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะคำอธิบายและข้อคิดเห็นสาธารณะเหล่านั้นได้ถูกนำไปใช้อ้างอิงและเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียกร้องเคลื่อนไหวในหลายเรื่อง เช่น การเสนอความเห็นให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งคำอธิบายในทางวิชาการของนิติราษฎร์ ได้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) การเสนอความเห็นให้ลบล้างผลพวงของการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และรวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในช่วงสถานการณ์ทางการเมืองนับตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา
บรรณานุกรม
“เกี่ยวกับคณะนิติราษฎร์.” นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/about>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559.
“แถลงการณ์ของคณาจารย์คณะนิติฯ มธ. ฉบับที่ 1.” นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/directory/35/Statement-1.html>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559).
“แถลงการณ์คณะนิติราษฎร์.” นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/directory/11/Statement-and-Petition.html>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559.
“แถลงการณ์คณะนิติราษฎร์: ลบล้างผลพวงรัฐประหาร. แก้ไขมาตรา 112. เยียวยาผู้เสียหายจากรัฐประหาร และ จัดทำ รธน.ใหม่.” Siam Intelligence. เข้าถึงจาก <http://www.siamintelligence.com/nitiras-announcement-to-roll-back-19-sept-2006-coup/>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559.
“ทำร้าย ‘วรเจตน์’ กลาง มธ. รู้ตัว 2 มือชกเคยร่วมม็อบต้าน ม.112.” มติชน. (1 มีนาคม 2555), 14, 15.
“ประกาศนิติราษฎร์ ฉบับที่ 1 (วรเจตน์ ภาคีรัตน์).” นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/blog/page/16>. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559.
“ย้อนอดีตวิวาทะปม “นายกฯ ม.7” ก่อน “สุเทพ” ปัดฝุ่นเสนอใหม่.” สำนักข่าวอิสรา. (4 ธันวาคม 2556). เข้าถึงจาก <http://www.isranews.org/isranews-scoop/item/25640-article7.html>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559.
- ↑ “เกี่ยวกับคณะนิติราษฎร์,” นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/about>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559.
- ↑ “ทั้งนี้ การรวมตัวของกลุ่มคณาจารย์ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” ปรากฏชื่อชัดเจนจากการออกแถลงการณ์สาธารณะในช่วงแรกจะใช้ชื่อดังกล่าวมาโดยตลอด
- ↑ “แถลงการณ์ของคณาจารย์คณะนิติฯ มธ. ฉบับที่ 1,” นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/directory/35/Statement-1.html>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559).
- ↑ “ภายหลังการเปิดตัวเว็บไซด์ของกลุ่มนิติราษฎร์นั้น ได้มีการนำเสนอความคิดเห็นออกสู่สังคมอย่างสม่ำเสมอซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับการเมืองไทยและสถาบันเบื้องสูง อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงปลายปี 2555 พบว่าข้อมูลบางส่วนของเว็ปไซด์ฯ คือ ประกาศคณะราษฎรฉบับที่ 1 ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ไม่สามารถเข้าถึงได้
- ↑ “ประกาศนิติราษฎร์ ฉบับที่ 1 (วรเจตน์ ภาคีรัตน์),” นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/blog/page/16>. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559.
- ↑ เพิ่งอ้าง.
- ↑ “เกี่ยวกับคณะนิติราษฎร์,” นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/about>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559.
- ↑ “ย้อนอดีตวิวาทะปม “นายกฯ ม.7” ก่อน “สุเทพ” ปัดฝุ่นเสนอใหม่,” สำนักข่าวอิสรา, (4 ธันวาคม 2556). เข้าถึงจาก <http://www.isranews.org/isranews-scoop/item/25640-article7.html>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559.
- ↑ “แถลงการณ์คณะนิติราษฎร์,” นิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร. เข้าถึงจาก <http://www.enlightened-jurists.com/directory/11/Statement-and-Petition.html>. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559.
- ↑ “ทำร้าย ‘วรเจตน์’ กลาง มธ. รู้ตัว 2 มือชกเคยร่วมม็อบต้าน ม.112,” มติชน, (1 มีนาคม 2555), 14, 15.