ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าด้วย " ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์ ผู้ทรงคุณว..."
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:


ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์
ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :  ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :  ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


----
----
บรรทัดที่ 8: บรรทัดที่ 8:
<br/> '''พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์'''
<br/> '''พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์'''


พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ [https://th.wikipedia.org/wiki/องคมนตรี องคมนตรี] [https://th.wikipedia.org/wiki/นายกรัฐมนตรีไทย นายกรัฐมนตรี]คนที่ 24 เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ[https://th.wikipedia.org/wiki/กระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย] [https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารสูงสุด] [https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารบก] สมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้ที่มีภาพลักษณ์ของความเป็นนายทหารมืออาชีพ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือแนวทางสมานฉันท์ ดำรงชีวิตอย่างสมถะและให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ[[#_ftn1|<sup><sup>[1]</sup></sup>]]<br/> <br/> '''&nbsp;ประวัติ'''
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ [https://th.wikipedia.org/wiki/องคมนตรี องคมนตรี] [https://th.wikipedia.org/wiki/นายกรัฐมนตรีไทย นายกรัฐมนตรี]คนที่ 24 เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ[https://th.wikipedia.org/wiki/กระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย] [https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารสูงสุด] [https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารบก] [[สมาชิกวุฒิสภา]] เป็นผู้ที่มีภาพลักษณ์ของความเป็นนายทหารมืออาชีพ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือแนวทางสมานฉันท์ ดำรงชีวิตอย่างสมถะและให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ[[#_ftn1|<sup><sup>[1]</sup></sup>]]<br/> <br/> '''&nbsp;ประวัติ'''


พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2486 ที่บ้านพักนายทหารในค่ายจักรพงษ์ เป็นบุตรคนที่ 3 ของพันโทพโยม จุลานนท์ กับนาง[https://th.wikipedia.org/w/index.php?title=อัมโภช_จุลานนท์&action=edit&redlink=1 อัมโภช จุลานนท์] (สกุลเดิม ท่าราบ)[[#_ftn2|<sup><sup>[2]</sup></sup>]] พันโทพโยมผู้เป็นบิดาเป็นนายทหารที่มีบทบาทสูงทั้งในกองทัพและการเมือง เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบุรี เป็นนายทหารที่ใกล้ชิดกับจอมพล ป.พิบูลสงครามและมีส่วนร่วมในการรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2490 ภายหลังพันโทพโยมได้ขัดแย้งกับพล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์รวมถึงจอมพล ป.พิบูลสงครามจึงได้เข้าร่วมกบฎเสนาธิการร่วมกับ พลตรีสมบูรณ์ ศรานุชิตและพ.ตรีเนตร เขมะโยธิน แต่ถูกปราบปรามในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2491[[#_ftn3|<sup><sup>[3]</sup></sup>]] ทำให้พันโทพโยมต้องหลบหนีออกนอกประเทศในขณะที่พลเอกสุรยุทธ์มีอายุได้เพียง 6 ขวบ[[#_ftn4|<sup><sup>[4]</sup></sup>]] และต่อมาได้เป็นแกนนำคนสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย[[#_ftn5|<sup><sup>[5]</sup></sup>]]ขณะที่มารดาเป็นบุตรสาวคนโตพันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น ท่าราบ) เสนาธิการของ”คณะกู้บ้านกูเมือง”หรือกบฎบวรเดชที่ถูกยิงเสียชีวิตในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2476[[#_ftn6|<sup><sup>[6]</sup></sup>]]
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2486 ที่บ้านพักนายทหารในค่ายจักรพงษ์ เป็นบุตรคนที่ 3 ของพันโทพโยม จุลานนท์ กับนาง[https://th.wikipedia.org/w/index.php?title=อัมโภช_จุลานนท์&action=edit&redlink=1 อัมโภช จุลานนท์] (สกุลเดิม ท่าราบ)[[#_ftn2|<sup><sup>[2]</sup></sup>]] พันโทพโยมผู้เป็นบิดาเป็นนายทหารที่มีบทบาทสูงทั้งในกองทัพและการเมือง เคยเป็น[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]จังหวัดเพชรบุรี เป็นนายทหารที่ใกล้ชิดกับจอมพล ป.พิบูลสงครามและมีส่วนร่วมในการ[[รัฐประหาร]] [[8_พฤศจิกายน_พ.ศ.2490]] ภายหลังพันโทพโยมได้ขัดแย้งกับพล.ต.อ.[[เผ่า_ศรียานนท์]]รวมถึง[[จอมพล_แปลก_พิบูลสงคราม|จอมพล ป.พิบูลสงคราม]]จึงได้เข้าร่วม[[กบฎเสนาธิการ]]ร่วมกับ พลตรี[[สมบูรณ์_ศรานุชิต]]และพ.ตรี[[เนตร_เขมะโยธิน]] แต่ถูกปราบปรามในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2491[[#_ftn3|<sup><sup>[3]</sup></sup>]] ทำให้พันโทพโยมต้องหลบหนีออกนอกประเทศในขณะที่พลเอกสุรยุทธ์มีอายุได้เพียง 6 ขวบ[[#_ftn4|<sup><sup>[4]</sup></sup>]] และต่อมาได้เป็นแกนนำคนสำคัญของ[[พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย]][[#_ftn5|<sup><sup>[5]</sup></sup>]]ขณะที่มารดาเป็นบุตรสาวคนโตพันเอก[[พระยาศรีสิทธิสงคราม]] ([[ดิ่น_ท่าราบ]]) เสนาธิการของ”[[คณะกู้บ้านกูเมือง]]”หรือ[[กบฎบวรเดช]]ที่ถูกยิงเสียชีวิตในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2476[[#_ftn6|<sup><sup>[6]</sup></sup>]]


&nbsp; ด้านการศึกษา พลเอกสุรยุทธ์ เข้ารับการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์คอนแวนต์ เรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ใน พ.ศ. 2500 จากนั้นสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 1 ในปี พ.ศ. 2501 และเข้าศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 12 จบการศึกษาปี พ.ศ. 2508 [[#_ftn7|<sup><sup>[7]</sup></sup>]] เมื่อเข้ารับราชการแล้วได้ศึกษาหลักสูตรด้านการทหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น หลักสูตรนายร้อยเหล่าทหารราบ หลักสูตรส่งกำลังทางอากาศจู่โจม หลักสูตรชั้นนายพันเหล่าทหารราบ สหรัฐอเมริกา หลักสูตรเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 52 (สอบได้ที่ 1) หลักสูตรเสนาธิการทหารบกสหรัฐอเมริกา หลักสูตรการบริหารทรัพยากร กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา และหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 36 (พ.ศ.2536)
&nbsp; ด้านการศึกษา พลเอกสุรยุทธ์ เข้ารับการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์คอนแวนต์ เรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ใน พ.ศ. 2500 จากนั้นสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 1 ในปี พ.ศ. 2501 และเข้าศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 12 จบการศึกษาปี พ.ศ. 2508 [[#_ftn7|<sup><sup>[7]</sup></sup>]] เมื่อเข้ารับราชการแล้วได้ศึกษาหลักสูตรด้านการทหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น หลักสูตรนายร้อยเหล่าทหารราบ หลักสูตรส่งกำลังทางอากาศจู่โจม หลักสูตรชั้นนายพันเหล่าทหารราบ สหรัฐอเมริกา หลักสูตรเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 52 (สอบได้ที่ 1) หลักสูตรเสนาธิการทหารบกสหรัฐอเมริกา หลักสูตรการบริหารทรัพยากร กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา และหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 36 (พ.ศ.2536)
บรรทัดที่ 22: บรรทัดที่ 22:
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ารับราชการทหารในยศร้อยตรีเมื่อพ.ศ. 2508 โดยประจำศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ ภายหลังจากที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรผู้บังคับหมวดโดยมีผลการศึกษาสอบได้เป็นลำดับที่ 3 จึงมีสิทธิ์ที่จะเลือกหน่วยไปปฏิบัติราชการพลเอกสุรยุทธฺขอเลือกไปอยู่กรมผสมที่ 13 จังหวัดอุดรธานี แต่กองทัพบกกลับรรจุเป็นผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 1 กรมผสมที่ 31 โดยให้เหตุผลว่าห้ามไม่ให้ไปอยู่พื้นที่ชายแดนเพราะเป็นลูกของแกนนำคนสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ทำให้พลเอกสุรยุทธ์รู้สึกว่าเส้นทางเดินในชีวิจรับราชการทหารคงไม่ราบรื่น[[#_ftn9|<sup><sup>[9]</sup></sup>]] ต่อมาได้ย้ายไปเป็นผู้บังคับหมู่หมวดอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 1 กรมผสมที่ 31 เป็นนายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึกกองร้อยรบพิเศษ(พลร่ม) ที่ 2 เป็นครูโรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ และอาจารย์สอนวิชายุทธวิธีโรงเรียนเสนาธิการทหารบก จากนั้นรับราชการตำแหน่งผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมผสมที่ 23 ต่อมาได้เป็นเสนาธิการกรมทหาราบที่ 23และเป็นหัวหน้ากองยุทธการทหารบก รองเสนาธิการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ และผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ารับราชการทหารในยศร้อยตรีเมื่อพ.ศ. 2508 โดยประจำศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ ภายหลังจากที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรผู้บังคับหมวดโดยมีผลการศึกษาสอบได้เป็นลำดับที่ 3 จึงมีสิทธิ์ที่จะเลือกหน่วยไปปฏิบัติราชการพลเอกสุรยุทธฺขอเลือกไปอยู่กรมผสมที่ 13 จังหวัดอุดรธานี แต่กองทัพบกกลับรรจุเป็นผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 1 กรมผสมที่ 31 โดยให้เหตุผลว่าห้ามไม่ให้ไปอยู่พื้นที่ชายแดนเพราะเป็นลูกของแกนนำคนสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ทำให้พลเอกสุรยุทธ์รู้สึกว่าเส้นทางเดินในชีวิจรับราชการทหารคงไม่ราบรื่น[[#_ftn9|<sup><sup>[9]</sup></sup>]] ต่อมาได้ย้ายไปเป็นผู้บังคับหมู่หมวดอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 1 กรมผสมที่ 31 เป็นนายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึกกองร้อยรบพิเศษ(พลร่ม) ที่ 2 เป็นครูโรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ และอาจารย์สอนวิชายุทธวิธีโรงเรียนเสนาธิการทหารบก จากนั้นรับราชการตำแหน่งผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมผสมที่ 23 ต่อมาได้เป็นเสนาธิการกรมทหาราบที่ 23และเป็นหัวหน้ากองยุทธการทหารบก รองเสนาธิการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ และผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1


พลเอกสุรยุทธ์ติดยศพลตรีในตำแหน่งนายทหารคนสนิทนายกรัฐมนตรี (พลเอกเปรม ติณสูลานนท์) ในพ.ศ.2529 จากนั้นจึงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 ในปี พ.ศ.2532 ต่อจากนั้นเป็นรองผู้บัญชาการสงครามพิเศษในปี พ.ศ. 2533 ได้รับยศพลโทในตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษใน ปี พ.ศ.2535 ย้ายไปดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ปี พ.ศ.2537 ได้รับยศพลเอกในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบกและขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกในปี พ.ศ.2541 และขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดในปี พ.ศ.2545
พลเอกสุรยุทธ์ติดยศพลตรีในตำแหน่งนายทหารคนสนิทนายกรัฐมนตรี (พลเอก[[เปรม_ติณสูลานนท์]]) ในพ.ศ.2529 จากนั้นจึงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 ในปี พ.ศ.2532 ต่อจากนั้นเป็นรองผู้บัญชาการสงครามพิเศษในปี พ.ศ. 2533 ได้รับยศพลโทในตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษใน ปี พ.ศ.2535 ย้ายไปดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ปี พ.ศ.2537 ได้รับยศพลเอกในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบกและขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกในปี พ.ศ.2541 และขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดในปี พ.ศ.2545


&nbsp; พลเอกสุรยุทธ์ตำแหน่งพิเศษอื่นๆ เช่น ราชองค์รักษ์พิเศษ นายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ และเป็นสมาชิกวุฒิสภา 2 ครั้ง ในปีพ.ศ. 2546 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งองคมนตรีในเดือนพฤศจิกายน[[#_ftn10|<sup><sup>[10]</sup></sup>]]
&nbsp; พลเอกสุรยุทธ์ตำแหน่งพิเศษอื่นๆ เช่น ราชองค์รักษ์พิเศษ นายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ และเป็นสมาชิกวุฒิสภา 2 ครั้ง ในปีพ.ศ. 2546 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งองคมนตรีในเดือนพฤศจิกายน[[#_ftn10|<sup><sup>[10]</sup></sup>]]
บรรทัดที่ 34: บรรทัดที่ 34:
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้นำกองทัพเข้าสู่เวทีระดับโลกด้วยบทบาทใหม่ในการรักษาสันติภาพ (Peace-keeping) โดยเป็นผู้ริเริ่มการจัดประชุม "ผบ.ทบ.อาเซียน" (ASEAN CHIEF OF ARMIES MULTILATERAL MEETING หรือ ACAMM) เพื่อกระชับความสัมพันธ์และเพื่อแก้ไขปัญหาในภูมิภาคด้วยสันติและร่วมมือทางทหารกันใกล้ชิดมากขึ้น อันเป็นการวางรากฐานให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในการต่อต้านการก่อการร้ายในเวลาต่อมา นิตยสาร “ไทม์” ได้ยกย่องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ารับตำแหน่ง “ผู้นำอาเซียนแห่งปี” (ASIAN HERO OF THE YEAR) เมื่อปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2546[[#_ftn12|<sup><sup>[12]</sup></sup>]]&nbsp; และเดือนมิถุนายน พ.ศ.2545 ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร ASIAN Defence Journal ในด้านการปราบปรามยาเสพติดในการสกัดกั้นการลักลอบส่งออกและนำเข้า เป็นรวมทั้งยังมีบทบาทสำคัญด้านการต่อต้านก่อการร้าย[[#_ftn13|<sup><sup>[13]</sup></sup>]]
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้นำกองทัพเข้าสู่เวทีระดับโลกด้วยบทบาทใหม่ในการรักษาสันติภาพ (Peace-keeping) โดยเป็นผู้ริเริ่มการจัดประชุม "ผบ.ทบ.อาเซียน" (ASEAN CHIEF OF ARMIES MULTILATERAL MEETING หรือ ACAMM) เพื่อกระชับความสัมพันธ์และเพื่อแก้ไขปัญหาในภูมิภาคด้วยสันติและร่วมมือทางทหารกันใกล้ชิดมากขึ้น อันเป็นการวางรากฐานให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในการต่อต้านการก่อการร้ายในเวลาต่อมา นิตยสาร “ไทม์” ได้ยกย่องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ารับตำแหน่ง “ผู้นำอาเซียนแห่งปี” (ASIAN HERO OF THE YEAR) เมื่อปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2546[[#_ftn12|<sup><sup>[12]</sup></sup>]]&nbsp; และเดือนมิถุนายน พ.ศ.2545 ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร ASIAN Defence Journal ในด้านการปราบปรามยาเสพติดในการสกัดกั้นการลักลอบส่งออกและนำเข้า เป็นรวมทั้งยังมีบทบาทสำคัญด้านการต่อต้านก่อการร้าย[[#_ftn13|<sup><sup>[13]</sup></sup>]]


พ.ศ. 2543 การช่วยเหลือตัวประกันจากเหตุการณ์กองกำลังกะเหรี่ยงก๊อดส์อาร์มี่รวม 10 คน บุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี จับตัวประกันชาวไทย 130 คน นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้งพลเอกสุรยุทธ์ให้เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ โดยพลเอกสุรยุทธ์ได้ตัดสินใจปฏิบัติการจู่โจมหลังการเจรจาร่วม 24 ชั่วโมงไม่ประสบผลสำเร็จ สามารถช่วยตัวประกันได้อย่างปลอดภัย ใน พ.ศ. 2546 เกิดเหตุการณ์จลาจลในกรุงพนมเปญและบุกเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา พลเอกสุรยุทธ์ได้วางแผนในการรับคนไทยกลับประเทศด้วยความปลอดภัย [[#_ftn14|<sup><sup>[14]</sup></sup>]]
พ.ศ. 2543 การช่วยเหลือตัวประกันจากเหตุการณ์กองกำลังกะเหรี่ยงก๊อดส์อาร์มี่รวม 10 คน บุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี จับตัวประกันชาวไทย 130 คน นาย[[ชวน_หลีกภัย]] นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้งพลเอกสุรยุทธ์ให้เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ โดยพลเอกสุรยุทธ์ได้ตัดสินใจปฏิบัติการจู่โจมหลังการเจรจาร่วม 24 ชั่วโมงไม่ประสบผลสำเร็จ สามารถช่วยตัวประกันได้อย่างปลอดภัย ใน พ.ศ. 2546 เกิดเหตุการณ์จลาจลในกรุงพนมเปญและบุกเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา พลเอกสุรยุทธ์ได้วางแผนในการรับคนไทยกลับประเทศด้วยความปลอดภัย [[#_ftn14|<sup><sup>[14]</sup></sup>]]


พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้รับการขึ้นทำเนียบหอเกียรติศักดิ์ ประกาศชื่อเป็นศิษย์เก่าดีเด่นของโรงเรียนเสนาธิการทหารบก สหรัฐอเมริกา หลังจบการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหารบกที่ค่ายลิแวนเวิร์ท และกลับมาทำงานในหน่วยรบต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ ในการนำชื่อของพลเอกสุรยุทธ์เข้าสู่ทำเนียบหอเกียรติศักดิ์ ทางโรงเรียนเสนาธิการทหารบกสหรัฐกล่าวว่า พลเอกสุรยุทธ์ได้ใช้เวลาอันยาวนานในการพิสูจน์การสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตย[[#_ftn15|<sup><sup>[15]</sup></sup>]]
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้รับการขึ้นทำเนียบหอเกียรติศักดิ์ ประกาศชื่อเป็นศิษย์เก่าดีเด่นของโรงเรียนเสนาธิการทหารบก สหรัฐอเมริกา หลังจบการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหารบกที่ค่ายลิแวนเวิร์ท และกลับมาทำงานในหน่วยรบต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ ในการนำชื่อของพลเอกสุรยุทธ์เข้าสู่ทำเนียบหอเกียรติศักดิ์ ทางโรงเรียนเสนาธิการทหารบกสหรัฐกล่าวว่า พลเอกสุรยุทธ์ได้ใช้เวลาอันยาวนานในการพิสูจน์การสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตย[[#_ftn15|<sup><sup>[15]</sup></sup>]]
บรรทัดที่ 42: บรรทัดที่ 42:
หลังจากที่[https://th.wikipedia.org/wiki/คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข] (ค.ป.ค.) ซึ่งมีพลเอก[https://th.wikipedia.org/wiki/สนธิ_บุญยรัตกลิน สนธิ บุญยรัตกลิน] ผู้บัญชาการทหารบก ร่วมมือกับผู้นำเหล่าทัพต่างๆ รวมทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลรักษาการของนาย[https://th.wikipedia.org/wiki/ทักษิณ_ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร]ในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2549 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 [[#_ftn17|<sup><sup>[17]</sup></sup>]]
หลังจากที่[https://th.wikipedia.org/wiki/คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข] (ค.ป.ค.) ซึ่งมีพลเอก[https://th.wikipedia.org/wiki/สนธิ_บุญยรัตกลิน สนธิ บุญยรัตกลิน] ผู้บัญชาการทหารบก ร่วมมือกับผู้นำเหล่าทัพต่างๆ รวมทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลรักษาการของนาย[https://th.wikipedia.org/wiki/ทักษิณ_ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร]ในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2549 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 [[#_ftn17|<sup><sup>[17]</sup></sup>]]


&nbsp; หลังจากพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551 พลเอกสุรยุทธ์ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯให้กลับดำรงตำแหน่ง องคมนตรีเป็นครั้งที่สองในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551 พลเอกสุรยุทธ์ ได้รับรางวัล คนดีของแผ่นดินจากมูลนิธิรัฐบุรุษในพ.ศ.2543 และเป็นประธาน “มูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” เนื่องจากเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และเป็นผู้ที่นิยมการเดินป่า เป็นกรรมการ “โครงการสานใจไทยสู่ใจใต้” ของมูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ริเริ่มโครงการครอบครัวอุปถัมภ์ หรือโครงการนำเด็กและเยาวชนมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาอยู่กับครอบครัวมุสลิมในต่างพื้นที่เป็นเวลา 20 วัน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต[[#_ftn18|<sup><sup>[18]</sup></sup>]]
&nbsp; หลังจากพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551 พลเอกสุรยุทธ์ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯให้กลับดำรงตำแหน่ง องคมนตรีเป็นครั้งที่สองในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551 พลเอกสุรยุทธ์ ได้รับรางวัล คนดีของแผ่นดินจาก[[มูลนิธิรัฐบุรุษ]]ในพ.ศ.2543 และเป็นประธาน “มูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” เนื่องจากเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และเป็นผู้ที่นิยมการเดินป่า เป็นกรรมการ “โครงการสานใจไทยสู่ใจใต้” ของมูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ริเริ่มโครงการครอบครัวอุปถัมภ์ หรือโครงการนำเด็กและเยาวชนมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาอยู่กับครอบครัวมุสลิมในต่างพื้นที่เป็นเวลา 20 วัน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต[[#_ftn18|<sup><sup>[18]</sup></sup>]]


&nbsp;
&nbsp;
บรรทัดที่ 48: บรรทัดที่ 48:
'''บรรณานุกรม'''
'''บรรณานุกรม'''


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, '''ประวัติการเมืองไทยสยาม พ.ศ.2475-2500''', (กรุงเทพมหานคร :มูลนิธิโครงการตำรามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์,2549,พิมพ์ครั้งที่ 6).
ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, '''ประวัติการเมืองไทยสยาม พ.ศ.2475-2500''', (กรุงเทพมหานคร&nbsp;:มูลนิธิโครงการตำรามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์,2549,พิมพ์ครั้งที่ 6).


วาสนา นาน่วม, '''เส้นทางเหล็ก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 24''', (กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มติชน,2549).
วาสนา นาน่วม, '''เส้นทางเหล็ก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 24''', (กรุงเทพมหานคร&nbsp;: สำนักพิมพ์มติชน,2549).


วีรชาติ ชุ่มสนิท, (2549), '''24 นายกรัฐมนตรีไทย''', กรุงเทพมหานคร: บริษัทออลบุ๊คพับลิสซิ่ง จำกัด.
วีรชาติ ชุ่มสนิท, (2549), '''24 นายกรัฐมนตรีไทย''', กรุงเทพมหานคร: บริษัทออลบุ๊คพับลิสซิ่ง จำกัด.


วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,'''สุรยุทธ์ จุลานนท์''', 1 กรกฏาคม 2559, เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org=1 กรกฏาคม 2559 เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2559
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,'''สุรยุทธ์ จุลานนท์''', 1 กรกฏาคม 2559, เข้าถึงจาก [https://th.wikipedia.org=1 https://th.wikipedia.org=1] กรกฏาคม 2559 เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2559


&nbsp;
&nbsp;
บรรทัดที่ 60: บรรทัดที่ 60:
'''หนังสือแนะนำ'''
'''หนังสือแนะนำ'''


วาสนา นาน่วม, (2549), '''เส้นทางเหล็ก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 24''',กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มติชน.
วาสนา นาน่วม, (2549), '''เส้นทางเหล็ก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 24''',กรุงเทพมหานคร&nbsp;: สำนักพิมพ์มติชน.


วีรชาติ ชุ่มสนิท, (2549), '''24 นายกรัฐมนตรีไทย''', กรุงเทพมหานคร: บริษัทออลบุ๊คพับลิสซิ่ง จำกัด.
วีรชาติ ชุ่มสนิท, (2549), '''24 นายกรัฐมนตรีไทย''', กรุงเทพมหานคร: บริษัทออลบุ๊คพับลิสซิ่ง จำกัด.
บรรทัดที่ 70: บรรทัดที่ 70:
----
----
<div id="ftn1">
<div id="ftn1">
[[#_ftnref1|<sup><sup>[1]</sup></sup>]] วาสนา นาน่วม, '''เส้นทางเหล็ก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 24''', (กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มติชน,2549), หน้า 25
[[#_ftnref1|<sup><sup>[1]</sup></sup>]] วาสนา นาน่วม, '''เส้นทางเหล็ก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 24''', (กรุงเทพมหานคร&nbsp;: สำนักพิมพ์มติชน,2549), หน้า 25
</div> <div id="ftn2">
</div> <div id="ftn2">
[[#_ftnref2|<sup><sup>[2]</sup></sup>]] วาสนา นาน่วม, หน้า 25
[[#_ftnref2|<sup><sup>[2]</sup></sup>]] วาสนา นาน่วม, หน้า 25
</div> <div id="ftn3">
</div> <div id="ftn3">
[[#_ftnref3|<sup><sup>[3]</sup></sup>]] ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, '''ประวัติการเมืองไทยสยาม พ.ศ.2475-2500''', (กรุงเทพมหานคร :มูลนิธิโครงการตำรามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์,2549,พิมพ์ครั้งที่ 6), หน้า 472
[[#_ftnref3|<sup><sup>[3]</sup></sup>]] ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, '''ประวัติการเมืองไทยสยาม พ.ศ.2475-2500''', (กรุงเทพมหานคร&nbsp;:มูลนิธิโครงการตำรามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์,2549,พิมพ์ครั้งที่ 6), หน้า 472
</div> <div id="ftn4">
</div> <div id="ftn4">
[[#_ftnref4|<sup><sup>[4]</sup></sup>]] วาสนา นาน่วม, หน้า 37
[[#_ftnref4|<sup><sup>[4]</sup></sup>]] วาสนา นาน่วม, หน้า 37
บรรทัดที่ 84: บรรทัดที่ 84:
[[#_ftnref7|<sup><sup>[7]</sup></sup>]]วาสนา นาน่วม, หน้า 50
[[#_ftnref7|<sup><sup>[7]</sup></sup>]]วาสนา นาน่วม, หน้า 50
</div> <div id="ftn8">
</div> <div id="ftn8">
[[#_ftnref8|<sup><sup>[8]</sup></sup>]] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,'''สุรยุทธ์ จุลานนท์''', 1 กรกฏาคม 2559, เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org=1 กรกฏาคม 2559 เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2559
[[#_ftnref8|<sup><sup>[8]</sup></sup>]] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,'''สุรยุทธ์ จุลานนท์''', 1 กรกฏาคม 2559, เข้าถึงจาก [https://th.wikipedia.org=1 https://th.wikipedia.org=1] กรกฏาคม 2559 เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2559
</div> <div id="ftn9">
</div> <div id="ftn9">
[[#_ftnref9|<sup><sup>[9]</sup></sup>]] วาสนา นาน่วม, หน้า 61-62
[[#_ftnref9|<sup><sup>[9]</sup></sup>]] วาสนา นาน่วม, หน้า 61-62
</div> <div id="ftn10">
</div> <div id="ftn10">
[[#_ftnref10|<sup><sup>[10]</sup></sup>]] วีรชาติ ชุ่มสนิท, '''24 นายกรัฐมนตรีไทย''', (กรุงเทพมหานคร : บริษัทออลบุ๊คพับลิสซิ่ง จำกัด,2549), หน้า 210-211
[[#_ftnref10|<sup><sup>[10]</sup></sup>]] วีรชาติ ชุ่มสนิท, '''24 นายกรัฐมนตรีไทย''', (กรุงเทพมหานคร&nbsp;: บริษัทออลบุ๊คพับลิสซิ่ง จำกัด,2549), หน้า 210-211
</div> <div id="ftn11">
</div> <div id="ftn11">
[[#_ftnref11|<sup><sup>[11]</sup></sup>]] วาสนา นาน่วม, หน้า 144-149
[[#_ftnref11|<sup><sup>[11]</sup></sup>]] วาสนา นาน่วม, หน้า 144-149
บรรทัดที่ 104: บรรทัดที่ 104:
[[#_ftnref17|<sup><sup>[17]</sup></sup>]] วาสนา นาน่วม, หน้า 278-279
[[#_ftnref17|<sup><sup>[17]</sup></sup>]] วาสนา นาน่วม, หน้า 278-279
</div> <div id="ftn18">
</div> <div id="ftn18">
[[#_ftnref18|<sup><sup>[18]</sup></sup>]] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,'''สุรยุทธ์ จุลานนท์''', 1 กรกฏาคม 2559, เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org=1 กรกฏาคม 2559 เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2559
[[#_ftnref18|<sup><sup>[18]</sup></sup>]] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,'''สุรยุทธ์ จุลานนท์''', 1 กรกฏาคม 2559, เข้าถึงจาก [https://th.wikipedia.org=1 https://th.wikipedia.org=1] กรกฏาคม 2559 เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2559
</div> </div>  
</div> </div>  
[[Category:บุคคลสำคัญทางการเมือง]]
[[Category:บุคคลสำคัญทางการเมือง]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:54, 3 สิงหาคม 2561

ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :  ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร



พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี นายกรัฐมนตรีคนที่ 24 เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก สมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้ที่มีภาพลักษณ์ของความเป็นนายทหารมืออาชีพ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือแนวทางสมานฉันท์ ดำรงชีวิตอย่างสมถะและให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ[1]

 ประวัติ

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2486 ที่บ้านพักนายทหารในค่ายจักรพงษ์ เป็นบุตรคนที่ 3 ของพันโทพโยม จุลานนท์ กับนางอัมโภช จุลานนท์ (สกุลเดิม ท่าราบ)[2] พันโทพโยมผู้เป็นบิดาเป็นนายทหารที่มีบทบาทสูงทั้งในกองทัพและการเมือง เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบุรี เป็นนายทหารที่ใกล้ชิดกับจอมพล ป.พิบูลสงครามและมีส่วนร่วมในการรัฐประหาร 8_พฤศจิกายน_พ.ศ.2490 ภายหลังพันโทพโยมได้ขัดแย้งกับพล.ต.อ.เผ่า_ศรียานนท์รวมถึงจอมพล ป.พิบูลสงครามจึงได้เข้าร่วมกบฎเสนาธิการร่วมกับ พลตรีสมบูรณ์_ศรานุชิตและพ.ตรีเนตร_เขมะโยธิน แต่ถูกปราบปรามในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2491[3] ทำให้พันโทพโยมต้องหลบหนีออกนอกประเทศในขณะที่พลเอกสุรยุทธ์มีอายุได้เพียง 6 ขวบ[4] และต่อมาได้เป็นแกนนำคนสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย[5]ขณะที่มารดาเป็นบุตรสาวคนโตพันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น_ท่าราบ) เสนาธิการของ”คณะกู้บ้านกูเมือง”หรือกบฎบวรเดชที่ถูกยิงเสียชีวิตในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2476[6]

  ด้านการศึกษา พลเอกสุรยุทธ์ เข้ารับการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์คอนแวนต์ เรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ใน พ.ศ. 2500 จากนั้นสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 1 ในปี พ.ศ. 2501 และเข้าศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 12 จบการศึกษาปี พ.ศ. 2508 [7] เมื่อเข้ารับราชการแล้วได้ศึกษาหลักสูตรด้านการทหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น หลักสูตรนายร้อยเหล่าทหารราบ หลักสูตรส่งกำลังทางอากาศจู่โจม หลักสูตรชั้นนายพันเหล่าทหารราบ สหรัฐอเมริกา หลักสูตรเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 52 (สอบได้ที่ 1) หลักสูตรเสนาธิการทหารบกสหรัฐอเมริกา หลักสูตรการบริหารทรัพยากร กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา และหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 36 (พ.ศ.2536)

ชีวิตครอบครัว พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ สมรสครั้งแรกกับนางสาวดวงพร รัตนกรี มีบุตรชาย 1 คน คือ ร้อยเอก นนท์ จุลานนท์ สมรสครั้งที่สองกับ พันเอกหญิง ท่านผู้หญิงจิตรวดี จุลานนท์ (สันทัดเวช) มีบุตรชาย 2 คน คือ นายสันต์ จุลานนท์ (ข้าว) และ นายจุล จุลานนท์ (น้ำ) พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นผู้นิยมการเดินป่าชมธรรมชาติ เป็นประธานมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเป็นที่ปรึกษาของเยาวชนกลุ่ม รักษ์เขาใหญ่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2535 ในชื่อลุงแอ้ด[8]

 

ผลงานที่สำคัญ

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ารับราชการทหารในยศร้อยตรีเมื่อพ.ศ. 2508 โดยประจำศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ ภายหลังจากที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรผู้บังคับหมวดโดยมีผลการศึกษาสอบได้เป็นลำดับที่ 3 จึงมีสิทธิ์ที่จะเลือกหน่วยไปปฏิบัติราชการพลเอกสุรยุทธฺขอเลือกไปอยู่กรมผสมที่ 13 จังหวัดอุดรธานี แต่กองทัพบกกลับรรจุเป็นผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 1 กรมผสมที่ 31 โดยให้เหตุผลว่าห้ามไม่ให้ไปอยู่พื้นที่ชายแดนเพราะเป็นลูกของแกนนำคนสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ทำให้พลเอกสุรยุทธ์รู้สึกว่าเส้นทางเดินในชีวิจรับราชการทหารคงไม่ราบรื่น[9] ต่อมาได้ย้ายไปเป็นผู้บังคับหมู่หมวดอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 1 กรมผสมที่ 31 เป็นนายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึกกองร้อยรบพิเศษ(พลร่ม) ที่ 2 เป็นครูโรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ และอาจารย์สอนวิชายุทธวิธีโรงเรียนเสนาธิการทหารบก จากนั้นรับราชการตำแหน่งผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมผสมที่ 23 ต่อมาได้เป็นเสนาธิการกรมทหาราบที่ 23และเป็นหัวหน้ากองยุทธการทหารบก รองเสนาธิการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ และผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1

พลเอกสุรยุทธ์ติดยศพลตรีในตำแหน่งนายทหารคนสนิทนายกรัฐมนตรี (พลเอกเปรม_ติณสูลานนท์) ในพ.ศ.2529 จากนั้นจึงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 ในปี พ.ศ.2532 ต่อจากนั้นเป็นรองผู้บัญชาการสงครามพิเศษในปี พ.ศ. 2533 ได้รับยศพลโทในตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษใน ปี พ.ศ.2535 ย้ายไปดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ปี พ.ศ.2537 ได้รับยศพลเอกในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบกและขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกในปี พ.ศ.2541 และขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดในปี พ.ศ.2545

  พลเอกสุรยุทธ์ตำแหน่งพิเศษอื่นๆ เช่น ราชองค์รักษ์พิเศษ นายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ และเป็นสมาชิกวุฒิสภา 2 ครั้ง ในปีพ.ศ. 2546 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งองคมนตรีในเดือนพฤศจิกายน[10]

 

เหตุกาณ์สำคัญ

พลเอกสุรยุทธ์มีบทบาทสำคัญในการนำกองทัพถอยห่างจากการเมืองและเป็นทหารอาชีพไม่ฝักใฝ่ผู้มีอำนาจทางการเมือง ทันทีที่นังเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบก พลเอกสุรยุทธ์ตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับการแต่งตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 โดยให้เหตุผลว่าการที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองจะทำให้การทำงานของกองทัพเกิดความยุ่งยาก และต้องการทำให้เห็นว่าทหารจะไม่ข้องเกี่ยวกับการเมือง[11]

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้นำกองทัพเข้าสู่เวทีระดับโลกด้วยบทบาทใหม่ในการรักษาสันติภาพ (Peace-keeping) โดยเป็นผู้ริเริ่มการจัดประชุม "ผบ.ทบ.อาเซียน" (ASEAN CHIEF OF ARMIES MULTILATERAL MEETING หรือ ACAMM) เพื่อกระชับความสัมพันธ์และเพื่อแก้ไขปัญหาในภูมิภาคด้วยสันติและร่วมมือทางทหารกันใกล้ชิดมากขึ้น อันเป็นการวางรากฐานให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในการต่อต้านการก่อการร้ายในเวลาต่อมา นิตยสาร “ไทม์” ได้ยกย่องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ารับตำแหน่ง “ผู้นำอาเซียนแห่งปี” (ASIAN HERO OF THE YEAR) เมื่อปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2546[12]  และเดือนมิถุนายน พ.ศ.2545 ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร ASIAN Defence Journal ในด้านการปราบปรามยาเสพติดในการสกัดกั้นการลักลอบส่งออกและนำเข้า เป็นรวมทั้งยังมีบทบาทสำคัญด้านการต่อต้านก่อการร้าย[13]

พ.ศ. 2543 การช่วยเหลือตัวประกันจากเหตุการณ์กองกำลังกะเหรี่ยงก๊อดส์อาร์มี่รวม 10 คน บุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี จับตัวประกันชาวไทย 130 คน นายชวน_หลีกภัย นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้งพลเอกสุรยุทธ์ให้เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ โดยพลเอกสุรยุทธ์ได้ตัดสินใจปฏิบัติการจู่โจมหลังการเจรจาร่วม 24 ชั่วโมงไม่ประสบผลสำเร็จ สามารถช่วยตัวประกันได้อย่างปลอดภัย ใน พ.ศ. 2546 เกิดเหตุการณ์จลาจลในกรุงพนมเปญและบุกเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา พลเอกสุรยุทธ์ได้วางแผนในการรับคนไทยกลับประเทศด้วยความปลอดภัย [14]

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้รับการขึ้นทำเนียบหอเกียรติศักดิ์ ประกาศชื่อเป็นศิษย์เก่าดีเด่นของโรงเรียนเสนาธิการทหารบก สหรัฐอเมริกา หลังจบการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหารบกที่ค่ายลิแวนเวิร์ท และกลับมาทำงานในหน่วยรบต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ ในการนำชื่อของพลเอกสุรยุทธ์เข้าสู่ทำเนียบหอเกียรติศักดิ์ ทางโรงเรียนเสนาธิการทหารบกสหรัฐกล่าวว่า พลเอกสุรยุทธ์ได้ใช้เวลาอันยาวนานในการพิสูจน์การสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตย[15]

14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้แต่งตั้งพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งองคมนตรีในเดือนพฤศจิกายน เมื่อทำหน้าที่องคมนตรีได้สักระยะได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตลาอุปสมบทเป็นเวลา 1 พรรษา ณ วัดป่าดานวิเวก ตำบลศรีชมภู อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย มีฉายาว่า สุรยุทโธ หลังจากลาสิกขาจึงกลับมารับตำแหน่งองคมนตรีอีกครั้ง[16]    

หลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ค.ป.ค.) ซึ่งมีพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ร่วมมือกับผู้นำเหล่าทัพต่างๆ รวมทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลรักษาการของนายทักษิณ ชินวัตรในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2549 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 [17]

  หลังจากพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551 พลเอกสุรยุทธ์ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯให้กลับดำรงตำแหน่ง องคมนตรีเป็นครั้งที่สองในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551 พลเอกสุรยุทธ์ ได้รับรางวัล คนดีของแผ่นดินจากมูลนิธิรัฐบุรุษในพ.ศ.2543 และเป็นประธาน “มูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” เนื่องจากเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และเป็นผู้ที่นิยมการเดินป่า เป็นกรรมการ “โครงการสานใจไทยสู่ใจใต้” ของมูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ริเริ่มโครงการครอบครัวอุปถัมภ์ หรือโครงการนำเด็กและเยาวชนมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาอยู่กับครอบครัวมุสลิมในต่างพื้นที่เป็นเวลา 20 วัน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต[18]

 

บรรณานุกรม

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, ประวัติการเมืองไทยสยาม พ.ศ.2475-2500, (กรุงเทพมหานคร :มูลนิธิโครงการตำรามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์,2549,พิมพ์ครั้งที่ 6).

วาสนา นาน่วม, เส้นทางเหล็ก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 24, (กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มติชน,2549).

วีรชาติ ชุ่มสนิท, (2549), 24 นายกรัฐมนตรีไทย, กรุงเทพมหานคร: บริษัทออลบุ๊คพับลิสซิ่ง จำกัด.

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,สุรยุทธ์ จุลานนท์, 1 กรกฏาคม 2559, เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org=1 กรกฏาคม 2559 เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2559

 

หนังสือแนะนำ

วาสนา นาน่วม, (2549), เส้นทางเหล็ก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 24,กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มติชน.

วีรชาติ ชุ่มสนิท, (2549), 24 นายกรัฐมนตรีไทย, กรุงเทพมหานคร: บริษัทออลบุ๊คพับลิสซิ่ง จำกัด.

 

อ้างอิง


[1] วาสนา นาน่วม, เส้นทางเหล็ก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 24, (กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มติชน,2549), หน้า 25

[2] วาสนา นาน่วม, หน้า 25

[3] ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, ประวัติการเมืองไทยสยาม พ.ศ.2475-2500, (กรุงเทพมหานคร :มูลนิธิโครงการตำรามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์,2549,พิมพ์ครั้งที่ 6), หน้า 472

[4] วาสนา นาน่วม, หน้า 37

[5] วาสนา นาน่วม, หน้า 39

[6] ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, หน้า 159

[7]วาสนา นาน่วม, หน้า 50

[8] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,สุรยุทธ์ จุลานนท์, 1 กรกฏาคม 2559, เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org=1 กรกฏาคม 2559 เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2559

[9] วาสนา นาน่วม, หน้า 61-62

[10] วีรชาติ ชุ่มสนิท, 24 นายกรัฐมนตรีไทย, (กรุงเทพมหานคร : บริษัทออลบุ๊คพับลิสซิ่ง จำกัด,2549), หน้า 210-211

[11] วาสนา นาน่วม, หน้า 144-149

[12] วาสนา นาน่วม, หน้า 164-166

[13] วาสนา นาน่วม, หน้า 173

[14] วาสนา นาน่วม, หน้า 208-213

[15] วีรชาติ ชุ่มสนิท, หน้า 212

[16] วาสนา นาน่วม, หน้า 275-276

[17] วาสนา นาน่วม, หน้า 278-279

[18] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,สุรยุทธ์ จุลานนท์, 1 กรกฏาคม 2559, เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org=1 กรกฏาคม 2559 เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2559