ผลต่างระหว่างรุ่นของ "บัตรผี"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Tora (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Teeraphan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 7 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 2 คน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
{{รอผู้ทรง}}
'''ผู้เรียบเรียง''' โอฬาร  ถิ่นบางเตียว 
----


'''ผู้เรียบเรียง''' โอฬาร  ถิ่นบางเตียว
----
----


'''บัตรผี''' หมายถึง รูปแบบการทุจริตการเลือกตั้งโดยทุจริตการเลือกตั้งด้วยการนำบัตรเลือกตั้งที่ไม่ได้ลงคะแนนโดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาหย่อนไว้ในหีบเลือกตั้งจำนวนมาก บางกรณีบัตรลงคะแนนเหล่านั้นอาจจะไม่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นบัตรปลอม หรืออาจจะเป็นบัตรไม่มีตัวตนคนลงคะแนนและผู้มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจริง  กรรมวิธีในการทุจริตการเลือกตั้งด้วยวิธีการนี้จะบัตรลงคะแนนที่ได้มาโดยมิชอบนำไปใส่ในหีบบัตรคราวละมากๆ
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


----
'''บัตรผี''' หมายถึง รูปแบบ[[การทุจริตการเลือกตั้ง]]โดยทุจริตการเลือกตั้งด้วยการนำ[[บัตรเลือกตั้ง]]ที่ไม่ได้[[ลงคะแนน]]โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาหย่อนไว้ในหีบเลือกตั้งจำนวนมาก บางกรณีบัตรลงคะแนนเหล่านั้นอาจจะไม่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นบัตรปลอม หรืออาจจะเป็นบัตรไม่มีตัวตนคนลงคะแนนและผู้มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจริง กรรมวิธีในการทุจริตการเลือกตั้งด้วยวิธีการนี้จะบัตรลงคะแนนที่ได้มาโดยมิชอบนำไปใส่ใน[[หีบบัตร]]คราวละมาก ๆ การทุจริตเลือกตั้งโดยใช้ “บัตรผี” นั้น ในบางครั้งก็เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “[[ไพ่ไฟ]]”


พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นการทุจริตที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้งกับกรรมการการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง  หรือเป็นหน่วยเลือกตั้งที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งมีอิทธิพลสูงสามารถ ทำให้กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งให้ร่วมมือในการทุจริตการเลือกตั้งด้วยวิธีการนี้
พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งดังกล่าว เป็นการทุจริตที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้ง กับ[[กรรมการการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง]] หรือเป็น[[หน่วยเลือกตั้ง]]ที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งมีอิทธิพลสูงสามารถทำให้กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งให้ร่วมมือในการทุจริตการเลือกตั้งด้วยวิธีการนี้
 


พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งโดยวิธีการดังกล่าวมักจะอาศัยช่วงจังหวะที่ไม่มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ในหน่วยเลือกตั้งจึงมีเพียงคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ดูแลและควบคุมการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน เป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตในลักษณะดังกล่าวได้ง่าย หรืออาศัยช่วงเวลาเปิดหีบเลือกตั้งแล้วใช้เทคนิครีบนำบัตรผีหย่อนในหีบให้เร็วที่สุด หรือใกล้เวลาปิดหีบเลือกตั้งและนับคะแนนในกรณีที่นับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งก็จะมีการนำบัตรผีเข้ามานับคะแนนร่วมด้วย  แต่กระบวนการทุจริตเลือกตั้งทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือจากคณะกรรมการเลือกตั้งประจำหน่วยจึงจะสามารถดำเนินการได้
พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งโดยวิธีการดังกล่าวมักจะอาศัยช่วงจังหวะที่ไม่มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ในหน่วยเลือกตั้งจึงมีเพียงคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ดูแลและควบคุมการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน เป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตในลักษณะดังกล่าวได้ง่าย หรืออาศัยช่วงเวลาเปิดหีบเลือกตั้งแล้วใช้เทคนิครีบนำบัตรผีหย่อนในหีบให้เร็วที่สุด หรือใกล้เวลาปิดหีบเลือกตั้งและนับคะแนนในกรณีที่นับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งก็จะมีการนำบัตรผีเข้ามานับคะแนนร่วมด้วย  แต่กระบวนการทุจริตเลือกตั้งทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือจากคณะกรรมการเลือกตั้งประจำหน่วยจึงจะสามารถดำเนินการได้


พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งโดยวิธีการนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยรัฐบาลจอมพล [[ป. พิบูลสงคราม]]  ในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันกัน 2 พรรคใหญ่ คือ [[พรรคเสรีมนังคศิลา]]กับ[[พรรคประชาธิปัตย์]]
พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งโดยวิธีการนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัย[[รัฐบาล]][[แปลก พิบูลสงคราม|จอมพล ป. พิบูลสงคราม]]  ในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันกัน 2 พรรคใหญ่ คือ พรรค[[เสรีมนังคศิลา]]กับพรรค[[ประชาธิปัตย์]]  
 
 
[[พรรคเสรีมนังคศิลา]]เป็นพรรครัฐบาล มีจอมพล [[ป. พิบูลสงคราม]] นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค และพลตำรวจเอก[[เผ่า ศรียานนท์]] อธิบดีกรมตำรวจ เป็นเลขาธิการพรรค ในขณะที่
พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน มีนาย[[ควง อภัยวงศ์]] เป็นหัวหน้าพรรค
 
 
การเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 นับเป็นการเลือกตั้งที่สกปรกมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะจอมพล [[ป. พิบูลสงคราม]] หัวหน้าพรรคและพลตำรวจเอก[[เผ่า ศรียานนท์]] เลขาธิการ ใช้อำนาจและอิทธิพลของทหารและตำรวจบีบบังคับข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือนให้ช่วยพรรคเสรีมนังคศิลาอย่างเต็มที่
 
 
หลังการเลือกตั้ง[[พรรคเสรีมนังคศิลา]]ชนะ[[พรรคประชาธิปัตย์]] แต่หนังสือพิมพ์ สื่อมวลชนทุกแขนงต่างประโคมข่าวการทุจริตการเลือกตั้งอย่างขนานใหญ่ของพรรคเสรีมนังคศิลา ประชาชนและขบวนการนิสิตนักศึกษาต่างโจมตีการเลือกตั้งสกปรกครั้งนี้ เพราะมีการทุจริตการเลือกตั้งโดยใช้วิธีการ [[พลร่ม]] [[ไพ่ไฟ]] [[การเวียนเทียน]] การบีบบังคับข้าราชการประจำและมีการทุจริตเลือกตั้งในรูปแบบต่างๆ กันถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการทุจริตการเลือกตั้งที่ใช้ต่อๆกันมา
 


พฤติกรรมการอำนาจของรัฐบาลในการทุจริตการเลือกตั้ง  สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รวมตัวกันประมาณ 2,000 คน ก็ได้ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะต่อต้านรัฐบาล นิสิตเหล่านี้ลดธงชาติลงครึ่งเสาซึ่งเป็นการแสดงการไว้อาลัยประชาธิปไตยที่ตายไป ประชาชนได้เดินขบวนคัดค้านการเลือกตั้งสกปรกพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ถึงแม้ตัวจอมพล [[ป. พิบูลสงคราม]] หัวหน้า[[พรรคเสรีมนังคศิลา]]และรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน ประชาชน และนิสิตนักศึกษา แต่ความไม่พอใจในตัวจอมพล [[ป. พิบูลสงคราม]] กลับเพิ่มมากขึ้น วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2500 หรือ 1 สัปดาห์หลังการเลือกตั้ง
พรรคเสรีมนังคศิลาเป็นพรรครัฐบาล มีจอมพล ป. พิบูลสงคราม [[นายกรัฐมนตรี]] เป็น[[หัวหน้าพรรค]] และ[[เผ่า ศรียานนท์|พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์]] อธิบดีกรมตำรวจ เป็น[[เลขาธิการพรรค]] ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน มีนาย[[ควง อภัยวงศ์]] เป็นหัวหน้าพรรค


การเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 นับเป็นการเลือกตั้งที่มีการทุจริตอย่างกว้างขวางมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะจอมพล ป. พิบูลสงคราม หัวหน้าพรรคและพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ เลขาธิการ ใช้อำนาจและอิทธิพลของทหารและตำรวจบีบบังคับข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือนให้ช่วยพรรคเสรีมนังคศิลาอย่างเต็มที่


นิสิตเหล่านี้เดินขบวนไปที่กระทรวงมหาดไทยโสยการแนะนำของจอมพล[[สฤษดิ์ ธนะรัชต์]] เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกและให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยที่มีคณะกรรมการประกอบด้วยนิสิตในการควบคุมการลงคะแนน นายกรัฐมนตรีกล่าวตอบว่า การเลือกตั้งจะเป็นโมฆะก็ต่อเมื่อศาลสั่ง นิสิตสลายตัวเมื่อจอมพล[[สฤษดิ์ ธนะรัชต์]] ขอให้สลายตัว และสฤษดิ์ได้กล่าวคำคมในประวัติศาสตร์ไว้ที่สะพานมัฆวานว่า “พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ”
หลังการเลือกตั้งพรรคเสรีมนังคศิลาชนะพรรคประชาธิปัตย์ หนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนทุกแขนงต่างประโคมข่าวการทุจริตการเลือกตั้งอย่างขนานใหญ่ของพรรคเสรีมนังคศิลา ในขณะเดียวกันประชาชนและขบวนการนิสิตนักศึกษาต่างโจมตีการเลือกตั้งสกปรกครั้งนี้ เพราะมีการทุจริตการเลือกตั้งโดยใช้วิธีการ [[พลร่ม]] [[ไพ่ไฟ]] [[การเวียนเทียน]] การบีบบังคับข้าราชการประจำและมีการทุจริตเลือกตั้งในรูปแบบต่าง ๆ กันถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการทุจริตการเลือกตั้งที่ใช้ต่อ ๆ กันมา


พฤติกรรมการอำนาจของรัฐบาลในการทุจริตการเลือกตั้ง ยังสร้างความไม่พอใจให้กลุ่มนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รวมตัวกันประมาณ 2,000 คน ก็ได้ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะต่อต้านรัฐบาล นิสิตเหล่านี้ลดธงชาติลงครึ่งเสาซึ่งเป็นการแสดงการไว้อาลัยประชาธิปไตยที่ตายไป ประชาชนได้เดินขบวน[[คัดค้านการเลือกตั้ง]]สกปรกพรรค[[ประชาธิปัตย์]]ไม่ยอมรับผล[[การเลือกตั้ง]] ถึงแม้ตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม หัวหน้าพรรคเสรีมนังคศิลาและรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน ประชาชน และนิสิตนักศึกษา แต่ความไม่พอใจในตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม กลับเพิ่มมากขึ้น วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2500 หรือ 1 สัปดาห์หลังการเลือกตั้ง นิสิตเหล่านี้เดินขบวนไปที่กระทรวงมหาดไทยโดยการแนะนำของ[[สฤษดิ์ ธนะรัชต์|จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์]] เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกและให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยที่มีคณะกรรมการประกอบด้วยนิสิตในการควบคุมการลงคะแนน นายกรัฐมนตรีกล่าวตอบว่า การเลือกตั้งจะเป็นโมฆะก็ต่อเมื่อ[[ศาล]]สั่ง


จอมพล [[ป. พิบูลสงคราม]] รักษาการนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองแต่กลับเพิ่มดีกรีของความรุนแรงให้มากยิ่งขึ้น การเดินขบวนประท้วงของประชาชนและนิสิตนักศึกษามุ่งหน้าจากท้องสนามหลวงสู่ทำเนียบรัฐบาล และในวันเดียวกันนี้ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้จอมพล[[สฤษดิ์ ธนะรัชต์]] เป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและมีอำนาจบังคับบัญชาทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจได้ทั่วราชอาณาจักร  
ในเวลาต่อมา จอมพล ป. พิบูลสงคราม รักษาการนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองแต่กลับเพิ่มดีกรีของความรุนแรงให้มากยิ่งขึ้น การเดินขบวนประท้วงของประชาชนและนิสิตนักศึกษามุ่งหน้าจากท้องสนามหลวงสู่[[ทำเนียบรัฐบาล]] และในวันเดียวกันนี้ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยตาม[[ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน]]และมีอำนาจบังคับบัญชาทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจได้ทั่วราชอาณาจักร  


หลังการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์และหลังการรณรงค์คัดค้านการเลือกตั้งที่สกปรก คะแนนนิยมและฐานะของจอมพล ป. พิบูลสงคราม เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว พวกที่คัดค้านรัฐบาล และความเป็นเผด็จการและการใช้อำนาจผิด ๆ ของพลตำรวจเอกเผ่าก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จนถึงวันที่ 16 เดือนกันยายน พ.ศ.2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงทำ[[รัฐประหาร]][[ยึดอำนาจ]]จาก[[รัฐบาล]]จอมพล ป. พิบูลสงคราม


หลังการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์และหลังการรณรงค์คัดค้านการเลือกตั้งที่สกปรก คะแนนนิยมและฐานะของจอมพล [[ป. พิบูลสงคราม]] เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว พวกที่คัดค้านรัฐบาล และความเป็นเผด็จการและการใช้อำนาจผิด ๆ ของพลตำรวจเอกเผ่าก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จนถึงวันที่ 16 เดือนกันยายน พ.ศ.2500 จอมพล[[สฤษดิ์ ธนะรัชต์]] จึงทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลจอมพล [[ป. พิบูลสงคราม]]


[[category:กิจกรรมทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง]]
[[category:กิจกรรมทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:19, 16 สิงหาคม 2556

ผู้เรียบเรียง โอฬาร ถิ่นบางเตียว


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


บัตรผี หมายถึง รูปแบบการทุจริตการเลือกตั้งโดยทุจริตการเลือกตั้งด้วยการนำบัตรเลือกตั้งที่ไม่ได้ลงคะแนนโดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาหย่อนไว้ในหีบเลือกตั้งจำนวนมาก บางกรณีบัตรลงคะแนนเหล่านั้นอาจจะไม่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นบัตรปลอม หรืออาจจะเป็นบัตรไม่มีตัวตนคนลงคะแนนและผู้มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจริง กรรมวิธีในการทุจริตการเลือกตั้งด้วยวิธีการนี้จะบัตรลงคะแนนที่ได้มาโดยมิชอบนำไปใส่ในหีบบัตรคราวละมาก ๆ การทุจริตเลือกตั้งโดยใช้ “บัตรผี” นั้น ในบางครั้งก็เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ไพ่ไฟ

พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งดังกล่าว เป็นการทุจริตที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้ง กับกรรมการการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง หรือเป็นหน่วยเลือกตั้งที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งมีอิทธิพลสูงสามารถทำให้กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งให้ร่วมมือในการทุจริตการเลือกตั้งด้วยวิธีการนี้

พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งโดยวิธีการดังกล่าวมักจะอาศัยช่วงจังหวะที่ไม่มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ในหน่วยเลือกตั้งจึงมีเพียงคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ดูแลและควบคุมการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน เป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตในลักษณะดังกล่าวได้ง่าย หรืออาศัยช่วงเวลาเปิดหีบเลือกตั้งแล้วใช้เทคนิครีบนำบัตรผีหย่อนในหีบให้เร็วที่สุด หรือใกล้เวลาปิดหีบเลือกตั้งและนับคะแนนในกรณีที่นับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งก็จะมีการนำบัตรผีเข้ามานับคะแนนร่วมด้วย แต่กระบวนการทุจริตเลือกตั้งทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือจากคณะกรรมการเลือกตั้งประจำหน่วยจึงจะสามารถดำเนินการได้

พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งโดยวิธีการนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันกัน 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคเสรีมนังคศิลากับพรรคประชาธิปัตย์

พรรคเสรีมนังคศิลาเป็นพรรครัฐบาล มีจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค และพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ เป็นเลขาธิการพรรค ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน มีนายควง อภัยวงศ์ เป็นหัวหน้าพรรค

การเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 นับเป็นการเลือกตั้งที่มีการทุจริตอย่างกว้างขวางมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะจอมพล ป. พิบูลสงคราม หัวหน้าพรรคและพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ เลขาธิการ ใช้อำนาจและอิทธิพลของทหารและตำรวจบีบบังคับข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือนให้ช่วยพรรคเสรีมนังคศิลาอย่างเต็มที่

หลังการเลือกตั้งพรรคเสรีมนังคศิลาชนะพรรคประชาธิปัตย์ หนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนทุกแขนงต่างประโคมข่าวการทุจริตการเลือกตั้งอย่างขนานใหญ่ของพรรคเสรีมนังคศิลา ในขณะเดียวกันประชาชนและขบวนการนิสิตนักศึกษาต่างโจมตีการเลือกตั้งสกปรกครั้งนี้ เพราะมีการทุจริตการเลือกตั้งโดยใช้วิธีการ พลร่ม ไพ่ไฟ การเวียนเทียน การบีบบังคับข้าราชการประจำและมีการทุจริตเลือกตั้งในรูปแบบต่าง ๆ กันถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการทุจริตการเลือกตั้งที่ใช้ต่อ ๆ กันมา

พฤติกรรมการอำนาจของรัฐบาลในการทุจริตการเลือกตั้ง ยังสร้างความไม่พอใจให้กลุ่มนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รวมตัวกันประมาณ 2,000 คน ก็ได้ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะต่อต้านรัฐบาล นิสิตเหล่านี้ลดธงชาติลงครึ่งเสาซึ่งเป็นการแสดงการไว้อาลัยประชาธิปไตยที่ตายไป ประชาชนได้เดินขบวนคัดค้านการเลือกตั้งสกปรกพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ถึงแม้ตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม หัวหน้าพรรคเสรีมนังคศิลาและรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน ประชาชน และนิสิตนักศึกษา แต่ความไม่พอใจในตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม กลับเพิ่มมากขึ้น วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2500 หรือ 1 สัปดาห์หลังการเลือกตั้ง นิสิตเหล่านี้เดินขบวนไปที่กระทรวงมหาดไทยโดยการแนะนำของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกและให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยที่มีคณะกรรมการประกอบด้วยนิสิตในการควบคุมการลงคะแนน นายกรัฐมนตรีกล่าวตอบว่า การเลือกตั้งจะเป็นโมฆะก็ต่อเมื่อศาลสั่ง

ในเวลาต่อมา จอมพล ป. พิบูลสงคราม รักษาการนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองแต่กลับเพิ่มดีกรีของความรุนแรงให้มากยิ่งขึ้น การเดินขบวนประท้วงของประชาชนและนิสิตนักศึกษามุ่งหน้าจากท้องสนามหลวงสู่ทำเนียบรัฐบาล และในวันเดียวกันนี้ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและมีอำนาจบังคับบัญชาทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจได้ทั่วราชอาณาจักร

หลังการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์และหลังการรณรงค์คัดค้านการเลือกตั้งที่สกปรก คะแนนนิยมและฐานะของจอมพล ป. พิบูลสงคราม เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว พวกที่คัดค้านรัฐบาล และความเป็นเผด็จการและการใช้อำนาจผิด ๆ ของพลตำรวจเอกเผ่าก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จนถึงวันที่ 16 เดือนกันยายน พ.ศ.2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม