สมาชิกพฤฒสภา
ผู้เรียบเรียง : มานะ ทองไพบูรณ์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายจเร พันธุ์เปรื่อง
ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ในห้วงเวลาเริ่มต้นของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ รัฐธรรมนูญสองฉบับแรกกำหนดรูปแบบระบบรัฐสภาให้มีสภาเดียวคือ สภาผู้แทนราษฎร จนกระทั่งได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่สาม คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2489 รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทยที่ได้กำหนดรูปแบบระบบรัฐสภาให้มีสองสภาคือ สภาผู้แทนกับพฤฒสภา (ในรัฐธรรมนูญใช้คำว่า “สภาผู้แทน” ไม่มีคำว่า “ราษฎร”) หลังจากที่ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวได้เพียงไม่กี่วัน ก็ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกพฤฒสภาขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในวันที่ 24 พฤษภาคม 2489
เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มีห้วงเวลาแห่งการบังคับใช้ที่สั้นมาก เพียง 1 ปี 5 เดือน 29 วัน (10 พฤษภาคม 2489 – 8 พฤศจิกายน 2490) ก็ต้องถูกยกเลิกโดยคณะรัฐประหารเป็นผลให้สมาชิกพฤฒสภาต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพโดยปริยาย สมาชิกพฤฒสภาจึงดำรงตำแหน่งเพียง 1 ปี 5 เดือน 16 วัน (24 พฤษภาคม 2489 – 8 พฤศจิกายน 2490) ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2490 จึงได้เปลี่ยนชื่อ “พฤฒสภา” เป็น “วุฒิสภา” และรัฐธรรมนูญฉบับต่อ ๆ มาจนถึงฉบับปัจจุบันก็ไม่ปรากฏคำว่า “พฤฒสภา” อีกเลย
ที่มาของสมาชิกพฤฒสภา
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 กำหนดให้รัฐสภาประกอบด้วยพฤฒสภาและสภาผู้แทน[1] พฤฒสภาประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 80 คน ซึ่งราษฎรเป็นผู้เลือกตั้ง แต่เป็นการเลือกตั้งทางอ้อม[2] เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีพฤฒสภา ซึ่งเปรียบเสมือนสภาสูง จึงต้องให้สมาชิกพฤฒสภามีคุณสมบัติที่แสดงถึงความอาวุโสสูงกว่าสมาชิกสภาผู้แทน คือ จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบปีบริบูรณ์ นอกจากนี้ยังต้องมีวิทยฐานะ ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่ามาแล้วไม่ต่ำกว่าห้าปี หรือเคยดำรงตำแหน่งทางราชการมาแล้วไม่ต่ำกว่าหัวหน้ากองหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทน หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว[3] ส่วนวาระในการดำรงตำแหน่งนั้นรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีวาระ 6 ปี และในวาระเริ่มแรกเมื่อครบกำหนด 3 ปี ให้สมาชิกพ้นจากตำแหน่งกึ่งหนึ่งโดยวิธีการจับฉลาก แต่ผู้ที่พ้นจากตำแหน่งมีสิทธิได้รับเลือกตั้งทางอ้อมกลับเข้ามาอีก[4]
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐธรรมนูญจะกำหนดอายุของสมาชิกพฤฒสภาไว้สูงถึง 40 ปีบริบูรณ์ แต่ในวาระเริ่มแรกของการเลือกตั้งสมาชิกพฤฒสภา บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญได้มีข้อยกเว้นโดยลดอายุของผู้สมัครรับเลือกตั้งเหลือ 35 ปี แต่ยังคงคุณสมบัติด้านอื่นดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว สำหรับวิธีการเลือกตั้งสมาชิกพฤฒสภานั้น องค์การเลือกตั้งสมาชิกพฤฒสภาซึ่งประกอบด้วย ผู้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ในวันสุดท้ายก่อนใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 เป็นผู้กำหนดวิธีการเลือกตั้งขึ้น[5] และการเลือกตั้งตามบทเฉพาะกาลในวาระเริ่มแรกดังกล่าวเป็นการเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งโดยสมาชิกสภาผู้แทนซึ่งได้มีขึ้น ณ สำนักงานเลขาธิการองค์การเลือกตั้ง พระที่นั่งอนันตสมาคม ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2489 เวลา 09.00 นาฬิกาถึงเวลา 16.00 นาฬิกา ที่ดำเนินการจัดการเลือกตั้งโดยเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยดำเนินการทุกขั้นตอนเสมือนเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย และได้สมาชิกพฤฒสภาครบถ้วน จำนวน 80 คนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด[6] ต่อมาในวันที่ 1 มิถุนายน 2489 ได้มีการประชุมสมาชิกพฤฒสภาครั้งแรก ณ พระที่นั่งอภิเษกดุสิต[7] โดยที่ประชุมได้มีมติในวันที่ 4 มิถุนายน 2489 เลือกนายวิลาศ โอสถานนท์ เป็นประธานพฤฒสภา และนายไต๋ ปาณิกบุตร เป็นรองประธานพฤฒสภา[8] ต่อมานายวิลาศ โอสถานนท์ ลาออกจากตำแหน่ง เพราะได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ประชุมพฤฒสภาจึงได้มีมติเลือกพลเรือตรี กระแส ประวาหะนาวิน ศรยุทธเสนีเป็นประธานพฤฒสภา ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2490[9] องค์ประกอบขององค์กรพฤฒสภา ซึ่งมีสมาชิกพฤฒสภาเป็นผู้ดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญจึงมีความสมบูรณ์ตั้งแต่มีการเลือกประธานและรองประธานเป็นต้นไป
บทบาทและอำนาจหน้าที่ของสมาชิกพฤฒสภาตามรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 ได้กำหนดบทบาทและอำนาจหน้าที่ของสมาชิกพฤฒสภา ไว้หลายกรณี เช่น
การเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย
รัฐธรรมนูญได้บัญญัติรับรองความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นผู้แทนของประชาชน โดยรัฐธรรมนูญกำหนดว่า สมาชิกสภาผู้แทนและสมาชิกพฤฒสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ตามความเห็นของตนโดยบริสุทธิ์ใจ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย[10]
การร้องขอให้มีการประชุมวิสามัญ
นอกจากรัฐธรรมนูญจะกำหนดให้พฤฒสภามีสมัยประชุมสามัญประจำปีแล้ว[11] สมาชิกพฤฒสภายังมีสิทธิที่จะเข้าชื่อจำนวนไม่ต่ำกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งสองสภา โดยสมาชิกพฤฒสภาอาจเข้าชื่อกันเองหรือเข้าชื่อร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนก็ได้ เพื่อร้องขอให้มีการประชุมวิสามัญ[12]
การตราข้อบังคับการประชุม
พฤฒสภามีอำนาจในการตราข้อบังคับการประชุมและการปรึกษาของพฤฒสภาในการดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ[13] ซึ่งข้อบังคับการประชุมของพฤฒสภานี้นอกจากจะเป็นกรอบการดำเนินงานของสมาชิกพฤฒสภาแล้ว ยังเป็นกรอบการดำเนินงานในการประชุมร่วมกันของสมาชิกรัฐสภาด้วย[14] และในการประชุมร่วมกันของสมาชิกรัฐสภานี้รัฐธรรมนูญกำหนดให้ประธานพฤฒสภาเป็นประธานของที่ประชุม[15]
การกลั่นกรองกฎหมาย
แม้ว่าตามรัฐธรรมนูญจะมิได้ให้อำนาจแก่สมาชิกพฤฒสภาในการเสนอร่างพระราชบัญญัติ[16] แต่ก็มีอำนาจในการพิจารณากลั่นกรองร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนแล้ว โดยพฤฒสภาอาจลงมติ ไม่เห็นชอบด้วยกับร่างพระราชบัญญัติหรือให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติ และส่งร่างพระราชบัญญัตินั้นกลับคืนมาให้สภาผู้แทนพิจารณาใหม่ และถ้าสภาผู้แทนเห็นชอบตามที่พฤฒสภาได้ลงมติไม่เห็นชอบ ก็ให้ร่างพระราชบัญญัตินั้นตกไป ส่วนในกรณีที่สภาผู้แทนเห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติของพฤฒสภา ก็ให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยต่อไป[17] ร่างพระราชบัญญัติที่สมาชิกพฤฒสภาได้พิจารณากลั่นกรองตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญก่อนที่รัฐธรรมนูญจะถูกยกเลิก เช่น
ในการประชุมพฤฒสภา สมัยวิสามัญ ชุดที่ 1 ครั้งที่ 1/2489 ถึงครั้งที่ 19/2489 วันพุธที่ 21 สิงหาคม 2489 ถึง วันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2489 มีร่างพระราชบัญญัติที่เสนอต่อพฤฒสภา รวมทั้งสิ้น 38 ฉบับ อาทิ (1) ร่างพระราชบัญญัติจัดสรรทุนสำรองเงินตราเพื่อบูรณะประเทศ พ.ศ. 2489 (2) ร่างพระราชบัญญัติกู้เงินเพื่อการบูรณะประเทศ พ.ศ. 2489 (3) ร่างพระราชบัญญัติการค้าข้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489 (4) ร่างพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน พ.ศ. 2489 (5) ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกเงินช่วยชาติในภาวะคับขันและภาษีอากรบางประเภท พ.ศ. 2489 เป็นต้น[18]
และในการประชุมพฤฒสภา สมัยสามัญ ชุดที่ 1 ครั้งที่ 1/2490 ถึงครั้งที่ 14/2490 วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2490 ถึง วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม 2490 มีร่างพระราชบัญญัติที่เสนอต่อพฤฒสภา รวมทั้งสิ้น 27 ฉบับ อาทิ (1) ร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนให้ใช้ไปพลางก่อน พ.ศ. 2490 (2) ร่างพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 (3) ร่างพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ. 2490 (4) ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นสินค้าบางอย่าง พ.ศ. 2490 (5) ร่างพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 เป็นต้น[19]
อนึ่ง กรณีการเสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แม้รัฐธรรมนูญจะมิให้อำนาจแก่สมาชิกพฤฒสภาที่จะนำเสนอ แต่ก็ให้อำนาจสมาชิกพฤฒสภาในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา[20]
การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน
แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะไม่มีบทบัญญัติให้สมาชิกพฤฒสภามีสิทธิเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลหรือทั้งคณะ แต่ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเฉพาะกรณีที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้รัฐสภาไว้ใจในการดำเนินนโยบายการบริหารราชการ สมาชิกพฤฒสภามีสิทธิที่จะไม่ให้ความไว้ใจร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทน อันจะมีผลให้รัฐมนตรีทั้งคณะต้องออกจากตำแหน่ง[21] นอกจากการลงมติไม่ไว้วางใจดังกล่าว สมาชิกพฤฒสภายังมีสิทธิที่จะตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีเกี่ยวกับการงานในหน้าที่ในที่ประชุมของพฤฒสภา[22] และพฤฒสภายังมีอำนาจเลือกสมาชิกพฤฒสภาตั้งเป็นคณะกรรมาธิการสามัญและวิสามัญ เพื่อกระทำกิจการหรือพิจารณาสอบสวนฝ่ายบริหาร[23]
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทยที่ได้กำหนด ให้รัฐสภามีสองสภาคือ สภาผู้แทนกับพฤฒสภา แม้ว่าในรัฐธรรมนูญฉบับต่อ ๆ มาจะเปลี่ยนชื่อพฤฒสภาเป็นวุฒิสภา แต่ก็ยังคงหลักการสำคัญของระบบรัฐสภาในรูปแบบของการมีสองสภาไว้ และนับได้ว่าการมีพฤฒสภาคู่กับสภาผู้แทนเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาองค์กรนิติบัญญัติในรูปแบบของสภาคู่ของประเทศไทย วุฒิสภาที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับจะมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาสาระตามสภาพสังคมและการเมืองในแต่ละยุคสมัย โดยเฉพาะเนื้อหาสาระเกี่ยวกับเรื่องที่มา คุณสมบัติและอำนาจหน้าที่ แม้ในปัจจุบันก็ยังเป็นข้อสนทนาถกเถียงกันในทางวิชาการไม่จบสิ้น
อ้างอิง
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 17
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 24
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 25
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 26
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 90
- ↑ ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์. รัฐสภาไทยในรอบสี่สิบสองปี (พ.ศ. 2475 – 2517). กรุงเทพฯ : ช.ชุมนุมช่าง, 2517. หน้า 528
- ↑ “พระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมพฤฒสภาและสภาผู้แทน พุทธศักราช 2489,” ราชกิจจานุเบกษา 63, 35 (28 พฤษภาคม 2489), หน้า 394.
- ↑ “ประกาศตั้งประธานและรองประธานพฤฒสภา,” ราชกิจจานุเบกษา 63, 40 (11 มิถุนายน 2489), หน้า 398.
- ↑ รายงานการประชุมพฤฒสภา ชุดที่ ๑ สมัยสามัญครั้งที่ 1 – 8 (13 พฤษภาคม 2490 – 6 สิงหาคม 2490), หน้า 698.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 36
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 44 และมาตรา 45
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 48
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 61
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 64
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 63
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 22 และมาตรา 53
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 52
- ↑ รายงานการประชุมพฤฒสภา ชุดที่ 1 สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 1 - 15 (21 สิงหาคม 2489 – 4 ธันวาคม 2489), หน้า (5) – (10). และรายงานการประชุมพฤฒสภา ชุดที่ 1 สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 16 – 19 (13 ธันวาคม 2489 – 31 ธันวาคม 2489), หน้า (10) – (14).
- ↑ รายงานการประชุมพฤฒสภา ชุดที่ 1 สมัยสามัญ ครั้งที่ 1 - 8 (13 พฤษภาคม 2490 – 6 สิงหาคม 2490), หน้า (16) – (19). และรายงานการประชุมพฤฒสภา ชุดที่ 1 สมัยสามัญ ครั้งที่ 9 – 14 (14 สิงหาคม 2490 – 30 สิงหาคม 2490), หน้า (19) – (23).
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 85
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 70 และมาตรา 69
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 57
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 มาตรา 59
หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ
1. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. การรัฐประหารในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ 2550.
2. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ประวัติการเลือกตั้ง สมาชิกรัฐสภาไทย. กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ 2548.
บรรณานุกรม
1. ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์. รัฐสภาไทยในรอบสี่สิบสองปี (พ.ศ. 2475 – 2517), กรุงเทพฯ : ช.ชุมนุมช่าง, 2517.
2. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489. ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 63 ตอนที่ 30 วันที่ 10 พฤษภาคม 2489.