ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 14 วันที่ 22 เมษายน 2522"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Tora (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าใหม่: {{รอผู้ทรง}} ---- '''ผู้เรียบเรียง''' ชาย ไชยชิต และ รองศาสตราจา...
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
(ไม่แตกต่าง)

รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:02, 19 กรกฎาคม 2553

บทความนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยโดยผู้ืทรงคุณวุฒิ



ผู้เรียบเรียง ชาย ไชยชิต และ รองศาสตราจารย์ ดร. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์



ความเป็นมา

เมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๒๑ ในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๑ แล้ว รัฐบาลของพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒ การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการแข่งขันระหว่าง กลุ่มการเมืองและผู้สมัครอิสระต่าง ๆ เพราะบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๒๑ ยังไม่อนุญาตให้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคการเมืองได้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มการเมืองต่าง ๆ ที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเหล่านั้นก็คือบรรดาพรรคการเมืองเก่าที่สำคัญ ๆ ซึ่งมีบทบาททางการเมืองในช่วงก่อนการยึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินเสียเป็นส่วนมาก


ผลการเลือกตั้ง

การเลือกตั้งในวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นการเลือกตั้งทางตรง โดยวิธีการเลือกตั้งแบบรวมเขตเรียงเบอร์ แต่ละเขตเลือกตั้งมีผู้แทนราษฎรได้ไม่เกิน ๓ คน จำนวนผู้แทนในแต่ละเขตถือเอาจำนวนประชาชน ๑๕๐,๐๐๐ คนต่อผู้แทนราษฎร ๑ คน การเลือกตั้งออกเป็น ๑๒๖ เขต มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด ๓๐๑ คน โดยในกรุงเทพมหานคร มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน ๓๒ คน ผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ ปรากฏผลในลักษณะคล้ายกับผลการเลือกตั้งทั่วไปในครั้งที่ผ่านมา นั่นคือไม่มีกลุ่มการเมืองใดมีเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภาผู้แทนราษฎรเพียงพอจะจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นรัฐบาลจึงเป็นรัฐบาลผสมระหว่างบุคคลในคณะของ พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ กลุ่มเกษตรสังคม กลุ่มเสรีธรรม กลุ่มกิจประชาธิปไตย กลุ่มชาติประชาชน กลุ่มรวมไทย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่สังกัดกลุ่มใด


ผลกระทบจากการเลือกตั้ง

ผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ทำให้รัฐบาลผสมภายใต้การนำของพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ต้องประสบกับปัญหาเรื่องเสถียรภาพในการทำหน้าที่รัฐบาลอย่างมาก นอกจากความไม่เป็นเอกภาพภายในสมาชิกสภากลุ่มต่าง ๆ ที่เข้าร่วมตั้งรัฐบาลแล้ว ยังประสบกับแรงกดดันภายนอกที่สำคัญ ได้แก่ ปัญหาภาวะน้ำมันขาดแคลน และรัฐบาลต้องขึ้นราคาน้ำมันอย่างสูง ทำให้ราคาสินค้าต่าง ๆ แพงขึ้นด้วย ซึ่งก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็มีแรงกดดันจากปัญหาการส่งออกผลผลิตทางการเกษตรในตลาดโลก เป็นต้น รัฐบาลจึงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันทั้งจากประชาชนและแรงกดดันภายในสภาผู้แทนราษฎรให้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยเร่งด่วน


พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ จึงตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๓ ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นอันมาก เพราะในคณะรัฐมนตรีชุดปรับใหม่นี้มีรัฐมนตรีที่มาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียง ๓ คนเท่านั้น ทำให้เสียงสนับสนุนรัฐบาลในสภามีน้อยลง แม้ว่ารัฐบาลจะมีเสียงสนับสนุนจากวุฒิสภาก็ตาม แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร ยังผลให้พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่แถลงนโยบายต่อสภา


เมื่อรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ลาออก ก็มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ผู้บัญชาการทหารบก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นรัฐบาลผสม ระหว่างบุคคลในกลุ่มของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พรรคกิจสังคม พรรคชาติไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติประชาชน โดยหัวหน้าพรรคต่าง ๆ ดังกล่าวได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ได้แก่ พลตรี ประมาณ อดิเรกสาร หัวหน้าพรรคชาติไทย พลเอก ถนัด คอมันตร์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายบุญชู โรจนเสถียร รองหัวหน้าพรรคกิจสังคม


อ้างอิง

ฝ่ายพัฒนาการเมืองและการปกครอง สำนักนโยบายและแผนมหาดไทย, อนุสารการเมือง, มีนาคม 2522

โคทม อารียา, สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. ๒๕๔๐) หมวดองค์กรทางการเมือง เรื่องที่ ๕ ระบบการเลือกตั้ง, กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, ๒๕๔๔

พรศักดิ์ ผ่องแผ้ว, บทบาทของพรรคการเมืองไทยในการจัดตั้งรัฐบาลผสม, รายงานการวิจัยเสนอต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๔๑

กระมล ทองธรรมชาติ, สมบูรณ์ สุขสำราญ และปรีชา หงษ์ไกรเลิศ, การเลือกตั้ง พรรคการเมือง และเสถียรภาพของรัฐบาล, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๓๑

คณิน บุญสุวรรณ, ประวัติรัฐธรรมนูญไทย, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ภูมิปัญญา, ๒๕๔๒

ฝ่ายพัฒนาการเมืองและการปกครอง สำนักนโยบายและแผนมหาดไทย, อนุสารการเมือง, มีนาคม 2522


ดูเพิ่มเติม