ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สุเทพ เทือกสุบรรณ"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าด้วย " ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์ ผู้ทรงคุณว..."
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:


ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์
ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :  รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :  รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


----
----
บรรทัดที่ 8: บรรทัดที่ 8:
'''นายสุเทพ เทือกสุบรรณ'''
'''นายสุเทพ เทือกสุบรรณ'''


          นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)
          นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [[เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข]] ([[กปปส.]])


 
 
บรรทัดที่ 22: บรรทัดที่ 22:
'''เหตุการณ์สำคัญ'''
'''เหตุการณ์สำคัญ'''


          นายสุเทพ เทือกสุบรรณได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานี สมัยแรกเมื่อ พ.ศ. 2522 และหลังจากนั้นได้เป็น ส.ส. อย่างต่อเนื่องถึง 12 สมัย โดยเป็น ส.ส.เขต 9 สมัยในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2522, 2526, 2529, 2531, 2535/1, 2535/2, 2538, 2539, 2554 และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 3 สมัยในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2544, 2548, 2551
          นายสุเทพ เทือกสุบรรณได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]จังหวัดสุราษฎร์ธานี สมัยแรกเมื่อ พ.ศ. 2522 และหลังจากนั้นได้เป็น ส.ส. อย่างต่อเนื่องถึง 12 สมัย โดยเป็น ส.ส.เขต 9 สมัยในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2522, 2526, 2529, 2531, 2535/1, 2535/2, 2538, 2539, 2554 และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 3 สมัยใน[[เลือกตั้งทั่วไป|การเลือกตั้งทั่วไป]] พ.ศ.2544, 2548, 2551


          นายสุเทพ เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 สมัย สมัยแรกในวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2529 ถึง 3 สิงหาคม พ.ศ. 2531 ในรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และสมัยที่ 2 ในวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2535 ถึง 7 ธันวาคม พ.ศ. 2537 ในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย โดยการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 นายสุเทพได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และเกิดกรณีปัญหาขึ้น โดยในวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2537 นายสุเทพได้เป็นประธานแจกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 ให้กับผู้ได้รับจำนวน 486 ราย ในจำนวนนี้เศรษฐีและคหบดีในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 10 ตระกูล โดยรวมถึงนายทศพร เทพบุตร สามีนางอัญชลี วาณิช เทพบุตร ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับด้วย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่านายสุเทพทำผิดเจตนารมณ์ของกฎหมายปฏิรูปที่ดินซึ่งต้องการให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินได้มีเอกสารสิทธิ ซึ่งทำให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2537และนายนิพนธ์ พร้อมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลาออกในวันที่ 13 ธันวาคม แต่เรื่องราวยังไม่สิ้นสุดเพราะพรรคฝ่ายค้านยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้งคณะในวันที่ 17-18พฤษภาคม พ.ศ.2538 โดยยกประเด็นนี้เป็นประเด็นหลัก ในวันลงมติวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2538 พรรคพลังธรรมซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลงดออกเสียงและประกาศถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 19 พฤษภาคม 2538[[#_ftn2|[2]]]
          นายสุเทพ เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 สมัย สมัยแรกในวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2529 ถึง 3 สิงหาคม พ.ศ. 2531 ในรัฐบาลพลเอก[[เปรม_ติณสูลานนท์]] และสมัยที่ 2 ในวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2535 ถึง 7 ธันวาคม พ.ศ. 2537 ในรัฐบาลนาย[[ชวน_หลีกภัย]] โดยการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 นายสุเทพได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และเกิดกรณีปัญหาขึ้น โดยในวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2537 นายสุเทพได้เป็นประธานแจกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 ให้กับผู้ได้รับจำนวน 486 ราย ในจำนวนนี้เศรษฐีและคหบดีในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 10 ตระกูล โดยรวมถึงนาย[[ทศพร_เทพบุตร]] สามีนาง[[อัญชลี_วาณิช_เทพบุตร]] ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับด้วย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่านายสุเทพทำผิดเจตนารมณ์ของกฎหมายปฏิรูปที่ดินซึ่งต้องการให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินได้มีเอกสารสิทธิ ซึ่งทำให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2537และนาย[[นิพนธ์_พร้อมพันธ์]] รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลาออกในวันที่ 13 ธันวาคม แต่เรื่องราวยังไม่สิ้นสุดเพราะพรรค[[ฝ่ายค้าน]]ยื่น[[ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้งคณะ]]ในวันที่ 17-18พฤษภาคม พ.ศ.2538 โดยยกประเด็นนี้เป็นประเด็นหลัก ในวันลงมติวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2538 พรรคพลังธรรมซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล[[งดออกเสียง]]และประกาศถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ได้ประกาศ[[ยุบสภา]]ผู้แทนราษฎรในวันที่ 19 พฤษภาคม 2538[[#_ftn2|[2]]]


          นายสุเทพได้มีโอกาสเป็นรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2540 พรรคการเมืองต่างๆพยายามจับขั้วการเมืองใหม่เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ได้ดึง ส.ส.จำนวน 12 คนจาก 18 คนของพรรคประชากรไทยมาเข้าร่วมได้สำเร็จ ส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายชวน หลีกภัยเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่สอง[[#_ftn3|[3]]] นายสุเทพได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 ถึง 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543
          นายสุเทพได้มีโอกาสเป็นรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพลเอก[[ชวลิต_ยงใจยุทธ]] ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2540 พรรคการเมืองต่างๆพยายามจับ[[ขั้วการเมือง]]ใหม่เพื่อจัดตั้ง[[รัฐบาล]][[พรรคประชาธิปัตย์]] ได้ดึง ส.ส.จำนวน 12 คนจาก 18 คนของ[[พรรคประชากรไทย]]มาเข้าร่วมได้สำเร็จ ส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายชวน หลีกภัยเข้าดำรงตำแหน่ง[[นายกรัฐมนตรี]]เป็นสมัยที่สอง[[#_ftn3|[3]]] นายสุเทพได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 ถึง 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543


          ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ให้กับพรรคไทยรักไทยโดยได้จำนวนที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรเพียง 96 ที่นั่ง[[#_ftn4|[4]]]  นายบัญญัติ บรรทัดฐานได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค วันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2548 ที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ได้เลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นหัวหน้าพรรค[[#_ftn5|[5]]] และนายสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นเลขาธิการพรรค ทำให้นายสุเทพมีบทบาทโดดเด่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
          ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ให้กับ[[พรรคไทยรักไทย]]โดยได้จำนวนที่นั่งใน[[สภาผู้แทนราษฎร]]เพียง 96 ที่นั่ง[[#_ftn4|[4]]]  นาย[[บัญญัติ_บรรทัดฐาน]]ได้ลาออกจากตำแหน่ง[[หัวหน้าพรรค]] วันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2548 ที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ได้เลือกนาย[[อภิสิทธิ์_เวชชาชีวะ]]เป็นหัวหน้าพรรค[[#_ftn5|[5]]] และนายสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นเลขาธิการพรรค ทำให้นายสุเทพมีบทบาทโดดเด่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง


          วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งยุบพรรคพลังประชาชน[[#_ftn6|[6]]] เป็นเหตุให้สมชาย วงศ์สวัสดิ์หัวหน้าพรรคถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสุเทพมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลและสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายสุเทพ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ นายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ นายเทพไท เสนพงศ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประชุมร่วมกับนายเนวิน ชิดชอบ นายสุชาติ ตันเจริญ  นายประดิษฐ์  ภัทรประสิทธิ์ นายสมศักดิ์  ปริศนานันทกุลซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่เคยสนับสนุนพรรคพลังประชาชนให้หันมาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีการหารือกันภายในบ้านพักนายทหารในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์[[#_ftn7|[7]]] ทำให้นายอภิสิทธิ์ได้รับคะแนนเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏร เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ในวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 โดยนายสุเทพได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
          วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 [[ศาลรัฐธรรมนูญ]]ได้มีคำสั่งยุบ[[พรรคพลังประชาชน]][[#_ftn6|[6]]] เป็นเหตุให้[[สมชาย_วงศ์สวัสดิ์]]หัวหน้าพรรคถูก[[ตัดสิทธิ์ทางการเมือง]] 5 ปี ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสุเทพมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลและสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายสุเทพ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ นาย[[ชำนิ_ศักดิ์เศรษฐ์]] นาย[[เทพไท_เสนพงศ์]] จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประชุมร่วมกับนาย[[เนวิน_ชิดชอบ]] นาย[[สุชาติ_ตันเจริญ|สุชาติ ตันเจริญ  ]]นาย[[ประดิษฐ์ _ภัทรประสิทธิ์]] นาย[[สมศักดิ์ _ปริศนานันทกุล]]ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่เคยสนับสนุน[[พรรคพลังประชาชน]]ให้หันมาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีการหารือกันภายในบ้านพักนายทหารในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์[[#_ftn7|[7]]] ทำให้นายอภิสิทธิ์ได้รับคะแนนเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏร เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ในวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 โดยนายสุเทพได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ


          ในพ.ศ.2552 คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติหลักการโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง วงเงิน 6,672,000,000 บาท โดยมีเพียงบริษัทเดียวที่ได้งานการก่อสร้างวงเงิน 5,848,000,000 บาท ภายหลังครบกำหนดส่งมอบตามสัญญาปรากฏว่าไม่มีการส่งมอบงานที่แล้วเสร็จสมบูรณ์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการไต่สวนข้อเท็จจริงคณะอนุกรรมการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแจ้งข้อกล่าวนายสุเทพ ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157[[#_ftn8|[8]]]
          ในพ.ศ.2552 คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติหลักการโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง วงเงิน 6,672,000,000 บาท โดยมีเพียงบริษัทเดียวที่ได้งานการก่อสร้างวงเงิน 5,848,000,000 บาท ภายหลังครบกำหนดส่งมอบตามสัญญาปรากฏว่าไม่มีการส่งมอบงานที่แล้วเสร็จสมบูรณ์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการไต่สวนข้อเท็จจริงคณะอนุกรรมการไต่สวนของ[[คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ]] ([[คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ|ป.ป.ช.]]) มีมติแจ้งข้อกล่าวนายสุเทพ ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157[[#_ftn8|[8]]]


          นายสุเทพเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ ที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553 เริ่มจัดการชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และชุมนุมตลอดแนวถนนราชดำเนินกลางไปจนถึงลานพระราชวังดุสิตในวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553 โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ รัฐบาลได้ตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) โดยให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการศูนย์ ใช้กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์เป็นกองบัญชาการ[[#_ftn9|[9]]]
          นายสุเทพเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ ที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553 เริ่มจัดการชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และชุมนุมตลอดแนวถนนราชดำเนินกลางไปจนถึงลาน[[พระราชวังดุสิต]]ในวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553 โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศ[[ยุบสภา]]และจัดการเลือกตั้งใหม่ รัฐบาลได้ตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) โดยให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการศูนย์ ใช้กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์เป็นกองบัญชาการ[[#_ftn9|[9]]]


          เมื่อสถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงขึ้น วันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2553 ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์เพื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548[[#_ftn10|[10]]] โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการศูนย์ วันที่ 10 เมษายน ศอฉ.ได้ดำเนินการขอคืนพื้นที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ[[#_ftn11|[11]]]และวันที่ 13 - 19 พฤษภาคม ศอฉ.กระชับพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ ตลอดการชุมนุมมีผู้เสียชีวิตจำนวน 91 คนและมีผู้บาดเจ็บ 2,100 คน
          เมื่อสถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงขึ้น วันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2553 ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์เพื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตาม[[พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน_พ.ศ._2548]][[#_ftn10|[10]]] โดยจัดตั้ง[[ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน]] ([[ศอฉ.]]) ให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการศูนย์ วันที่ 10 เมษายน ศอฉ.ได้ดำเนินการขอคืนพื้นที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ[[#_ftn11|[11]]]และวันที่ 13 - 19 พฤษภาคม ศอฉ.กระชับพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ ตลอดการชุมนุมมีผู้เสียชีวิตจำนวน 91 คนและมีผู้บาดเจ็บ 2,100 คน


           วันที่ 10 พฤษภาคม 2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร ให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 นายสุเทพได้รับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยการเลือกตั้งในภาพรวมพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการเลือกตั้งเป็นลำดับที่ 2 รองจากพรรคเพื่อไทยและในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้รับการเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี
           วันที่ 10 พฤษภาคม 2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร ให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 นายสุเทพได้รับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยการเลือกตั้งในภาพรวมพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการเลือกตั้งเป็นลำดับที่ 2 รองจาก[[พรรคเพื่อไทย]]และในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนางสาว[[นางสาวยิ่งลักษณ์_ชินวัตร|ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร]]ได้รับการเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี


          วิกฤติการณ์ทางการเมืองไทยใน พ.ศ.2556-2557 เกิดขึ้นจากความพยายามในการออกกฎหมายนิรโทษกรรมของรัฐบาล โดยเริ่มต้นในวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2556 เมื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณได้แถลงที่ลานพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าอาคารรัฐสภา เพื่อคัดค้าน“ร่าง พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน”ที่เสนอโดยนายวรชัย เหมะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และคณะ ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมาธิการวิสามัญ โดยสภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาวาระที่ 2 ในวันที่ 31ตุลาคม นายสุเทพตั้งเวทีปราศรัยที่บริเวณสถานีรถไฟสามเสน แต่ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2556 ที่ประชุมสภาฯ มีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ทำให้กระแสความไม่พอใจของประชาชนมีมากขึ้น การชุมนุมได้ขยายตัวจนต้องย้ายที่ชุมนุมมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย [[#_ftn12|[12]]]
          วิกฤติการณ์ทางการเมืองไทยใน พ.ศ.2556-2557 เกิดขึ้นจากความพยายามในการออก[[กฎหมายนิรโทษกรรม]]ของรัฐบาล โดยเริ่มต้นในวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2556 เมื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณได้แถลงที่[[ลานพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] หน้าอาคารรัฐสภา เพื่อคัดค้าน“ร่าง พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน”ที่เสนอโดยนาย[[วรชัย_เหมะ|วรชัย เหมะ ]]สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และคณะ ที่ผ่านการพิจารณาจาก[[คณะกรรมาธิการวิสามัญ]] โดยสภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาวาระที่ 2 ในวันที่ 31ตุลาคม นายสุเทพตั้งเวทีปราศรัยที่บริเวณสถานีรถไฟสามเสน แต่ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2556 ที่ประชุมสภาฯ มีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ทำให้กระแสความไม่พอใจของประชาชนมีมากขึ้น การชุมนุมได้ขยายตัวจนต้องย้ายที่ชุมนุมมาที่[[อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย]] [[#_ftn12|[12]]]


          วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2556 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ 9 คน นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง และประกาศยกระดับการชุมนุมจากการต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรม เป็นการขับไล่ระบอบทักษิณ[[#_ftn13|[13]]] นายสุเทพได้จัดตั้ง "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.)" ในวันที่ 29 พฤศจิกายน[[#_ftn14|[14]]] และเข้าชุมนุมในสถานที่ราชการต่างๆเช่นกระทรวงการคลัง ศูนย์ราชการ จนทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556และกำหนดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
          วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2556 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ 9 คน นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง และประกาศยกระดับการชุมนุมจากการต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรม เป็นการขับไล่ระบอบทักษิณ[[#_ftn13|[13]]] นายสุเทพได้จัดตั้ง "[[คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข]] ([[กปปส.]])" ในวันที่ 29 พฤศจิกายน[[#_ftn14|[14]]] และเข้าชุมนุมในสถานที่ราชการต่างๆเช่นกระทรวงการคลัง ศูนย์ราชการ จนทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ [[9_ธันวาคม_พ.ศ._2556]]และกำหนดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในวันที่ [[2_กุมภาพันธ์_พ.ศ._2557]]


           แต่การเลือกตั้งไม่สามารถดำเนินการอย่างราบรื่น เริ่มจากพรรคประชาธิปัตย์ประกาศไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งและการรับสมัครระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2556-3 มกราคม 2557 ถูกขัดขวางจากผู้ชุมนุมจนไม่สามารถดำเนินการได้ เขตเลือกตั้ง 77  จังหวัดจำนวน 375 เขต มีการรับสมัครได้เพียง 347 เขต มีจังหวัดที่เปิดรับสมัครไม่ได้จำนวน 28 เขตเลือกตั้ง และเมื่อถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 หลายเขตเลือกตั้งไม่สามารถจัดการการเลือกตั้งได้[[#_ftn15|[15]]] 
           แต่การเลือกตั้งไม่สามารถดำเนินการอย่างราบรื่น เริ่มจากพรรคประชาธิปัตย์ประกาศไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งและการรับสมัครระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2556-3 มกราคม 2557 ถูกขัดขวางจากผู้ชุมนุมจนไม่สามารถดำเนินการได้ เขตเลือกตั้ง 77  จังหวัดจำนวน 375 เขต มีการรับสมัครได้เพียง 347 เขต มีจังหวัดที่เปิดรับสมัครไม่ได้จำนวน 28 เขตเลือกตั้ง และเมื่อถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 หลายเขตเลือกตั้งไม่สามารถจัดการการเลือกตั้งได้[[#_ftn15|[15]]] 


          วันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2557 ผู้ชุมนุม กปปส. เดินหน้าแผนปิดกรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้นางสาวยิ่งลักษณ์ลาออกจากการรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยผู้ชุมนุมได้ปิดล้อมหน่วยราชการหลายแห่งเพื่อไม่ให้สามารถบริหารตามปกติได้ รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2557[[#_ftn16|[16]]]วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับนายสุเทพและแกนนำ กปปส. รวม 19 คน ฐานฝ่าฝืน พระราชกำหนดฉุกเฉิน[[#_ftn17|[17]]]
          วันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2557 ผู้ชุมนุม กปปส. เดินหน้า[[แผนปิดกรุงเทพฯ]] เพื่อเรียกร้องให้นางสาวยิ่งลักษณ์ลาออกจากการรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยผู้ชุมนุมได้ปิดล้อมหน่วยราชการหลายแห่งเพื่อไม่ให้สามารถบริหารตามปกติได้ รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2557[[#_ftn16|[16]]]วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 [[ศาลอาญา]]อนุมัติออกหมายจับนายสุเทพและแกนนำ กปปส. รวม 19 คน ฐานฝ่าฝืน พระราชกำหนดฉุกเฉิน[[#_ftn17|[17]]]


          ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญในวันที่ 21 มีนาคม 2557 [[#_ftn18|[18]]]และต่อมามีมติถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากการรักษาการนายกรัฐมนตรีในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2557 จากกรณีมีส่วนใช้อำนาจแทรกแซงการโยกย้าย[https://th.wikipedia.org/wiki/ถวิล_เปลี่ยนศรี ถวิล เปลี่ยนศรี] จากตำแหน่งเลขาธิการ[https://th.wikipedia.org/wiki/สภาความมั่นคงแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ] เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ[[#_ftn19|[19]]] ทำให้วิกฤติการณ์การเมืองไทยถึงทางตัน จนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ก่อการรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557
          ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า[[การเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ]]ในวันที่ 21 มีนาคม 2557 [[#_ftn18|[18]]]และต่อมามีมติถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากการรักษาการนายกรัฐมนตรีในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2557 จากกรณีมีส่วนใช้อำนาจแทรกแซงการโยกย้าย[https://th.wikipedia.org/wiki/ถวิล_เปลี่ยนศรี ถวิล เปลี่ยนศรี] จากตำแหน่งเลขาธิการ[https://th.wikipedia.org/wiki/สภาความมั่นคงแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ] เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ พล.ต.อ.[[เพรียวพันธ์_ดามาพงศ์]] ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ[[#_ftn19|[19]]] ทำให้วิกฤติการณ์การเมืองไทยถึงทางตัน จนพลเอก[[ประยุทธ์_จันทร์โอชา]]ได้ก่อการ[[รัฐประหาร]]ในวันที่ [[22_พฤษภาคม_พ.ศ._2557|22 พฤษภาคม พ.ศ.2557]]


          ภายหลังรัฐประหาร วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2557 นายสุเทพได้อุปสมบท ที่วัดท่าไทร ตำบลท่าทองใหม่ อำเภอกาญจนดิษฐ จังหวัดสุราษฎร์ธานี[[#_ftn20|[20]]]
          ภายหลังรัฐประหาร วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2557 นายสุเทพได้อุปสมบท ที่วัดท่าไทร ตำบลท่าทองใหม่ อำเภอกาญจนดิษฐ จังหวัดสุราษฎร์ธานี[[#_ftn20|[20]]]
บรรทัดที่ 56: บรรทัดที่ 56:
'''ผลงานอื่นๆ'''
'''ผลงานอื่นๆ'''


          ปัจจุบันนายสุเทพ เทือกสุบรรณได้เป็นประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตื่นตัวของประชาชนที่จะช่วยกันรับผิดชอบประเทศไทย มุ่งให้ประชาชนได้เข้าใจ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” และน้อมนำมาปฏิบัติในชีวิตจริง และส่งเสริมให้ประชาชนได้ปฏิรูปตัวเองทั้งความคิด ค่านิยมและคุณธรรม[[#_ftn21|[21]]]
          ปัจจุบันนายสุเทพ เทือกสุบรรณได้เป็น[[ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย]] ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตื่นตัวของประชาชนที่จะช่วยกันรับผิดชอบประเทศไทย มุ่งให้ประชาชนได้เข้าใจ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” และน้อมนำมาปฏิบัติในชีวิตจริง และส่งเสริมให้ประชาชนได้ปฏิรูปตัวเองทั้งความคิด ค่านิยมและคุณธรรม[[#_ftn21|[21]]]


 
 
บรรทัดที่ 68: บรรทัดที่ 68:
'''บรรณานุกรม'''
'''บรรณานุกรม'''


กองบรรณาธิการมติชน,289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์มติชน,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2550).หน้า 231.
กองบรรณาธิการมติชน,289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์มติชน,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2550).หน้า 231.


ราชกิจจนานุเบกษา,ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางพลี อำเภอพระประแดง อำเภอพระสมุทรเจดีย์ อำเภอบางบ่อ และอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอธัญบุรี อำเภอลาดหลุมแก้ว อำเภอสามโคก อำเภอลำลูกกา และอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และอำเภอวังน้อย อำเภอบางประอิน อำเภอบางไทร และอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัด
ราชกิจจนานุเบกษา,ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางพลี อำเภอพระประแดง อำเภอพระสมุทรเจดีย์ อำเภอบางบ่อ และอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอธัญบุรี อำเภอลาดหลุมแก้ว อำเภอสามโคก อำเภอลำลูกกา และอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และอำเภอวังน้อย อำเภอบางประอิน อำเภอบางไทร และอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัด


ผู้จัดการ Online,"พระสุเทพ"ไม่รอดคดีทุจริตสร้างโรงพัก อนุป.ป.ช.ชี้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เรียกแก้ข้อกล่าวหาใน15วัน, เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=95800000551896 เมื่อ 6สิงหาคม 2559.
ผู้จัดการ Online,"พระสุเทพ"ไม่รอดคดีทุจริตสร้างโรงพัก อนุป.ป.ช.ชี้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เรียกแก้ข้อกล่าวหาใน15วัน, เข้าถึงจาก [http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=95800000551896 http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=95800000551896] เมื่อ 6สิงหาคม 2559.


พระนครศรีอยุธยา เข้าถึงจาก http://library2.parliament.go.th/giventake/content_give/no-12745p1.pdf  เมื่อ 8 สิงหาคม 2559
พระนครศรีอยุธยา เข้าถึงจาก [http://library2.parliament.go.th/giventake/content_give/no-12745p1.pdf http://library2.parliament.go.th/giventake/content_give/no-12745p1.pdf]  เมื่อ 8 สิงหาคม 2559


มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ,วัตถุประสงค์ ,เข้าถึงจาก http://www.pdrcfoundation.org/#startup  เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559
มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ,วัตถุประสงค์ ,เข้าถึงจาก [http://www.pdrcfoundation.org/#startup http://www.pdrcfoundation.org/#startup]  เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559


ศูนย์ข้อมูลมติชน, บันทึกประเทศไทย ปี 2556,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2557).หน้า 408-414.
ศูนย์ข้อมูลมติชน, บันทึกประเทศไทย ปี 2556,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2557).หน้า 408-414.


ศูนย์ข้อมูลมติชน, บันทึกประเทศไทย ปี 2557,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2558).หน้า 9,62-67
ศูนย์ข้อมูลมติชน, บันทึกประเทศไทย ปี 2557,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2558).หน้า 9,62-67


ศูนย์ข้อมูลมติชน,บันทึกประเทศไทย ปี 2553,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2554).หน้า 101-101.
ศูนย์ข้อมูลมติชน,บันทึกประเทศไทย ปี 2553,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2554).หน้า 101-101.


ศูนย์ข้อมูลการเมืองไทย,สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้าถึงจาก http://www.politicalbase.in.th/index.php?title=สุเทพ_เทือกสุบรรณ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 
ศูนย์ข้อมูลการเมืองไทย,สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้าถึงจาก [http://www.politicalbase.in.th/index.php?title=สุเทพ_เทือกสุบรรณ http://www.politicalbase.in.th/index.php?title=สุเทพ_เทือกสุบรรณ] เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 


สรกล อดุลยานนท์,บทความเปิดผนึกถึง”พรรคประชาธิปัตย์” เรื่อง”รอยตำหนิ”ในระบอบประชาธิปไตย, เข้าถึงจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1307284876  เมื่อ 6 สิงหาคม 2559.
สรกล อดุลยานนท์,บทความเปิดผนึกถึง”พรรคประชาธิปัตย์” เรื่อง”รอยตำหนิ”ในระบอบประชาธิปไตย, เข้าถึงจาก [http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1307284876 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1307284876]  เมื่อ 6 สิงหาคม 2559.


วิกิพีเดีย, คดียุบพรรคการเมืองพ.ศ. 2551เข้าถึงจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/คดียุบพรรคการเมือง_พ.ศ._2551 เมื่อ 15 กรกฎาคม 2559.
วิกิพีเดีย, คดียุบพรรคการเมืองพ.ศ. 2551เข้าถึงจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/คดียุบพรรคการเมือง_พ.ศ._2551 เมื่อ 15 กรกฎาคม 2559.
บรรทัดที่ 92: บรรทัดที่ 92:
วิกิพีเดีย, การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548, เข้าถึงจากhttps://th.wikipedia .org/wiki/การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป_พ.ศ._2548 ค้นเมื่อ 15 กรกฎาคม 2559
วิกิพีเดีย, การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548, เข้าถึงจากhttps://th.wikipedia .org/wiki/การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป_พ.ศ._2548 ค้นเมื่อ 15 กรกฎาคม 2559


อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,บนเส้นทางการเมือง, เข้าถึงจาก http://www.abhisit.org/360detail.php?cate_id=17เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,บนเส้นทางการเมือง, เข้าถึงจาก [http://www.abhisit.org/360detail.php?cate_id=17เมื่อวันที่ http://www.abhisit.org/360detail.php?cate_id=17เมื่อวันที่] 24 กรกฎาคม 2559.


 
 
บรรทัดที่ 100: บรรทัดที่ 100:
[[#_ftnref1|[1]]] ศูนย์ข้อมูลการเมืองไทย,'''สุเทพ เทือกสุบรรณ '''เข้าถึงจาก [http://www.politicalbase.in.th/index.php?title=สุเทพ_เทือกสุบรรณ http://www.politicalbase.in.th/index.php?title=สุเทพ_เทือกสุบรรณ] เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 
[[#_ftnref1|[1]]] ศูนย์ข้อมูลการเมืองไทย,'''สุเทพ เทือกสุบรรณ '''เข้าถึงจาก [http://www.politicalbase.in.th/index.php?title=สุเทพ_เทือกสุบรรณ http://www.politicalbase.in.th/index.php?title=สุเทพ_เทือกสุบรรณ] เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 


[[#_ftnref2|[2]]] กองบรรณาธิการมติชน,'''289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์มติชน''',(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2550).หน้า 231.
[[#_ftnref2|[2]]] กองบรรณาธิการมติชน,'''289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์มติชน''',(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2550).หน้า 231.
</div> <div id="ftn3">
</div> <div id="ftn3">
[[#_ftnref3|[3]]] กองบรรณาธิการมติชน,หน้า 267.
[[#_ftnref3|[3]]] กองบรรณาธิการมติชน,หน้า 267.
บรรทัดที่ 114: บรรทัดที่ 114:
[[#_ftnref8|[8]]] ผู้จัดการ Online''',"พระสุเทพ"ไม่รอดคดีทุจริตสร้างโรงพัก อนุป.ป.ช.ชี้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เรียกแก้ข้อกล่าวหาใน15วัน''', เข้าถึงจาก [http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=95800000551896%20เมื่อ http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=95800000551896 เมื่อ] 6สิงหาคม 2559.
[[#_ftnref8|[8]]] ผู้จัดการ Online''',"พระสุเทพ"ไม่รอดคดีทุจริตสร้างโรงพัก อนุป.ป.ช.ชี้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เรียกแก้ข้อกล่าวหาใน15วัน''', เข้าถึงจาก [http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=95800000551896%20เมื่อ http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=95800000551896 เมื่อ] 6สิงหาคม 2559.
</div> <div id="ftn9">
</div> <div id="ftn9">
[[#_ftnref9|[9]]] ศูนย์ข้อมูลมติชน,'''บันทึกประเทศไทย ปี 2553''',(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2554).หน้า 101-101.
[[#_ftnref9|[9]]] ศูนย์ข้อมูลมติชน,'''บันทึกประเทศไทย ปี 2553''',(กรุงเทพ&nbsp;: สำนักพิมพ์มติชน, 2554).หน้า 101-101.
</div> <div id="ftn10">
</div> <div id="ftn10">
[[#_ftnref10|[10]]] ราชกิจจนานุเบกษา''',ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางพลี อำเภอพระประแดง อำเภอพระสมุทรเจดีย์ อำเภอบางบ่อ และอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอธัญบุรี อำเภอลาดหลุมแก้ว อำเภอสามโคก อำเภอลำลูกกา และอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และอำเภอวังน้อย อำเภอบางประอิน อำเภอบางไทร และอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา''' เข้าถึงจาก [http://library2.parliament.go.th/giventake/content_give/no-12745p1.pdf%20เมื่อ http://library2.parliament.go.th/giventake/content_give/no-12745p1.pdf ]&nbsp;เมื่อ 8 สิงหาคม 2559
[[#_ftnref10|[10]]] ราชกิจจนานุเบกษา''',ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางพลี อำเภอพระประแดง อำเภอพระสมุทรเจดีย์ อำเภอบางบ่อ และอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอธัญบุรี อำเภอลาดหลุมแก้ว อำเภอสามโคก อำเภอลำลูกกา และอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และอำเภอวังน้อย อำเภอบางประอิน อำเภอบางไทร และอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา''' เข้าถึงจาก [http://library2.parliament.go.th/giventake/content_give/no-12745p1.pdf%20เมื่อ http://library2.parliament.go.th/giventake/content_give/no-12745p1.pdf ]&nbsp;เมื่อ 8 สิงหาคม 2559
บรรทัดที่ 120: บรรทัดที่ 120:
[[#_ftnref11|[11]]] ศูนย์ข้อมูลมติชน (1),หน้า 148-150.
[[#_ftnref11|[11]]] ศูนย์ข้อมูลมติชน (1),หน้า 148-150.
</div> <div id="ftn12">
</div> <div id="ftn12">
[[#_ftnref12|[12]]] ศูนย์ข้อมูลมติชน,'''บันทึกประเทศไทย ปี 2556''',(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2557).หน้า 408-414.
[[#_ftnref12|[12]]] ศูนย์ข้อมูลมติชน,'''บันทึกประเทศไทย ปี 2556''',(กรุงเทพ&nbsp;: สำนักพิมพ์มติชน, 2557).หน้า 408-414.
</div> <div id="ftn13">
</div> <div id="ftn13">
[[#_ftnref13|[13]]] ศูนย์ข้อมูลมติชน (2),หน้า 426.
[[#_ftnref13|[13]]] ศูนย์ข้อมูลมติชน (2),หน้า 426.
บรรทัดที่ 126: บรรทัดที่ 126:
[[#_ftnref14|[14]]] ศูนย์ข้อมูลมติชน (2),หน้า 4263
[[#_ftnref14|[14]]] ศูนย์ข้อมูลมติชน (2),หน้า 4263
</div> <div id="ftn15">
</div> <div id="ftn15">
[[#_ftnref15|[15]]] ศูนย์ข้อมูลมติชน, '''บันทึกประเทศไทย ปี 2557''',(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2558).หน้า 9,62-67
[[#_ftnref15|[15]]] ศูนย์ข้อมูลมติชน, '''บันทึกประเทศไทย ปี 2557''',(กรุงเทพ&nbsp;: สำนักพิมพ์มติชน, 2558).หน้า 9,62-67
</div> <div id="ftn16">
</div> <div id="ftn16">
[[#_ftnref16|[16]]] ศูนย์ข้อมูลมติชน (3), หน้า 24-29.
[[#_ftnref16|[16]]] ศูนย์ข้อมูลมติชน (3), หน้า 24-29.

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:31, 3 สิงหาคม 2561

ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :  รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

          นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [[เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข]] (กปปส.)

 

ประวัติส่วนบุคคล

          นายสุเทพ เทือกสุบรรณเกิดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 เป็นบุตรนายจรัส เทือกสุบรรณ อดีตกำนันตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และนางละม้าย เทือกสุบรรณ นายสุเทพสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ศิลปศาสตร์บัณฑิต (รัฐศาสตร์) จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2515 สำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาโท M.A. Political Science จาก Middle Tennessee State University ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2518

          หลังจากสำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาโทกลับมา นายสุเทพได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น กำนันตำบลท่าสะท้อน ต่อจากกำนันจรัส ผู้เป็นบิดา และชนะเลือกตั้ง ทำให้ได้เป็นกำนัน ขณะมีอายุเพียงประมาณ 26 ปี[1]

 

เหตุการณ์สำคัญ

          นายสุเทพ เทือกสุบรรณได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานี สมัยแรกเมื่อ พ.ศ. 2522 และหลังจากนั้นได้เป็น ส.ส. อย่างต่อเนื่องถึง 12 สมัย โดยเป็น ส.ส.เขต 9 สมัยในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2522, 2526, 2529, 2531, 2535/1, 2535/2, 2538, 2539, 2554 และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 3 สมัยในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2544, 2548, 2551

          นายสุเทพ เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 สมัย สมัยแรกในวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2529 ถึง 3 สิงหาคม พ.ศ. 2531 ในรัฐบาลพลเอกเปรม_ติณสูลานนท์ และสมัยที่ 2 ในวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2535 ถึง 7 ธันวาคม พ.ศ. 2537 ในรัฐบาลนายชวน_หลีกภัย โดยการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 นายสุเทพได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และเกิดกรณีปัญหาขึ้น โดยในวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2537 นายสุเทพได้เป็นประธานแจกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 ให้กับผู้ได้รับจำนวน 486 ราย ในจำนวนนี้เศรษฐีและคหบดีในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 10 ตระกูล โดยรวมถึงนายทศพร_เทพบุตร สามีนางอัญชลี_วาณิช_เทพบุตร ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับด้วย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่านายสุเทพทำผิดเจตนารมณ์ของกฎหมายปฏิรูปที่ดินซึ่งต้องการให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินได้มีเอกสารสิทธิ ซึ่งทำให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2537และนายนิพนธ์_พร้อมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลาออกในวันที่ 13 ธันวาคม แต่เรื่องราวยังไม่สิ้นสุดเพราะพรรคฝ่ายค้านยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้งคณะในวันที่ 17-18พฤษภาคม พ.ศ.2538 โดยยกประเด็นนี้เป็นประเด็นหลัก ในวันลงมติวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2538 พรรคพลังธรรมซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลงดออกเสียงและประกาศถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 19 พฤษภาคม 2538[2]

          นายสุเทพได้มีโอกาสเป็นรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพลเอกชวลิต_ยงใจยุทธ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2540 พรรคการเมืองต่างๆพยายามจับขั้วการเมืองใหม่เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ได้ดึง ส.ส.จำนวน 12 คนจาก 18 คนของพรรคประชากรไทยมาเข้าร่วมได้สำเร็จ ส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายชวน หลีกภัยเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่สอง[3] นายสุเทพได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 ถึง 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543

          ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ให้กับพรรคไทยรักไทยโดยได้จำนวนที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรเพียง 96 ที่นั่ง[4]  นายบัญญัติ_บรรทัดฐานได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค วันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2548 ที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ได้เลือกนายอภิสิทธิ์_เวชชาชีวะเป็นหัวหน้าพรรค[5] และนายสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นเลขาธิการพรรค ทำให้นายสุเทพมีบทบาทโดดเด่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

          วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งยุบพรรคพลังประชาชน[6] เป็นเหตุให้สมชาย_วงศ์สวัสดิ์หัวหน้าพรรคถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสุเทพมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลและสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายสุเทพ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ นายชำนิ_ศักดิ์เศรษฐ์ นายเทพไท_เสนพงศ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประชุมร่วมกับนายเนวิน_ชิดชอบ นายสุชาติ ตันเจริญ  นายประดิษฐ์ _ภัทรประสิทธิ์ นายสมศักดิ์ _ปริศนานันทกุลซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่เคยสนับสนุนพรรคพลังประชาชนให้หันมาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีการหารือกันภายในบ้านพักนายทหารในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์[7] ทำให้นายอภิสิทธิ์ได้รับคะแนนเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏร เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ในวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 โดยนายสุเทพได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

          ในพ.ศ.2552 คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติหลักการโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง วงเงิน 6,672,000,000 บาท โดยมีเพียงบริษัทเดียวที่ได้งานการก่อสร้างวงเงิน 5,848,000,000 บาท ภายหลังครบกำหนดส่งมอบตามสัญญาปรากฏว่าไม่มีการส่งมอบงานที่แล้วเสร็จสมบูรณ์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการไต่สวนข้อเท็จจริงคณะอนุกรรมการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแจ้งข้อกล่าวนายสุเทพ ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157[8]

          นายสุเทพเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ ที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553 เริ่มจัดการชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และชุมนุมตลอดแนวถนนราชดำเนินกลางไปจนถึงลานพระราชวังดุสิตในวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553 โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ รัฐบาลได้ตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) โดยให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการศูนย์ ใช้กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์เป็นกองบัญชาการ[9]

          เมื่อสถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงขึ้น วันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2553 ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์เพื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน_พ.ศ._2548[10] โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการศูนย์ วันที่ 10 เมษายน ศอฉ.ได้ดำเนินการขอคืนพื้นที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ[11]และวันที่ 13 - 19 พฤษภาคม ศอฉ.กระชับพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ ตลอดการชุมนุมมีผู้เสียชีวิตจำนวน 91 คนและมีผู้บาดเจ็บ 2,100 คน

           วันที่ 10 พฤษภาคม 2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร ให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 นายสุเทพได้รับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยการเลือกตั้งในภาพรวมพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการเลือกตั้งเป็นลำดับที่ 2 รองจากพรรคเพื่อไทยและในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้รับการเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี

          วิกฤติการณ์ทางการเมืองไทยใน พ.ศ.2556-2557 เกิดขึ้นจากความพยายามในการออกกฎหมายนิรโทษกรรมของรัฐบาล โดยเริ่มต้นในวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2556 เมื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณได้แถลงที่ลานพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าอาคารรัฐสภา เพื่อคัดค้าน“ร่าง พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน”ที่เสนอโดยนายวรชัย เหมะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และคณะ ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมาธิการวิสามัญ โดยสภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาวาระที่ 2 ในวันที่ 31ตุลาคม นายสุเทพตั้งเวทีปราศรัยที่บริเวณสถานีรถไฟสามเสน แต่ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2556 ที่ประชุมสภาฯ มีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ทำให้กระแสความไม่พอใจของประชาชนมีมากขึ้น การชุมนุมได้ขยายตัวจนต้องย้ายที่ชุมนุมมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย [12]

          วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2556 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ 9 คน นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง และประกาศยกระดับการชุมนุมจากการต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรม เป็นการขับไล่ระบอบทักษิณ[13] นายสุเทพได้จัดตั้ง "[[คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข]] (กปปส.)" ในวันที่ 29 พฤศจิกายน[14] และเข้าชุมนุมในสถานที่ราชการต่างๆเช่นกระทรวงการคลัง ศูนย์ราชการ จนทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9_ธันวาคม_พ.ศ._2556และกำหนดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในวันที่ 2_กุมภาพันธ์_พ.ศ._2557

           แต่การเลือกตั้งไม่สามารถดำเนินการอย่างราบรื่น เริ่มจากพรรคประชาธิปัตย์ประกาศไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งและการรับสมัครระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2556-3 มกราคม 2557 ถูกขัดขวางจากผู้ชุมนุมจนไม่สามารถดำเนินการได้ เขตเลือกตั้ง 77  จังหวัดจำนวน 375 เขต มีการรับสมัครได้เพียง 347 เขต มีจังหวัดที่เปิดรับสมัครไม่ได้จำนวน 28 เขตเลือกตั้ง และเมื่อถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 หลายเขตเลือกตั้งไม่สามารถจัดการการเลือกตั้งได้[15] 

          วันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2557 ผู้ชุมนุม กปปส. เดินหน้าแผนปิดกรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้นางสาวยิ่งลักษณ์ลาออกจากการรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยผู้ชุมนุมได้ปิดล้อมหน่วยราชการหลายแห่งเพื่อไม่ให้สามารถบริหารตามปกติได้ รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2557[16]วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับนายสุเทพและแกนนำ กปปส. รวม 19 คน ฐานฝ่าฝืน พระราชกำหนดฉุกเฉิน[17]

          ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญในวันที่ 21 มีนาคม 2557 [18]และต่อมามีมติถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากการรักษาการนายกรัฐมนตรีในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2557 จากกรณีมีส่วนใช้อำนาจแทรกแซงการโยกย้ายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์_ดามาพงศ์ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ[19] ทำให้วิกฤติการณ์การเมืองไทยถึงทางตัน จนพลเอกประยุทธ์_จันทร์โอชาได้ก่อการรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557

          ภายหลังรัฐประหาร วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2557 นายสุเทพได้อุปสมบท ที่วัดท่าไทร ตำบลท่าทองใหม่ อำเภอกาญจนดิษฐ จังหวัดสุราษฎร์ธานี[20]

 

ผลงานอื่นๆ

          ปัจจุบันนายสุเทพ เทือกสุบรรณได้เป็นประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตื่นตัวของประชาชนที่จะช่วยกันรับผิดชอบประเทศไทย มุ่งให้ประชาชนได้เข้าใจ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” และน้อมนำมาปฏิบัติในชีวิตจริง และส่งเสริมให้ประชาชนได้ปฏิรูปตัวเองทั้งความคิด ค่านิยมและคุณธรรม[21]

 

หนังสือแนะนำ

อัญชะลี ไพรีรัก, ภัทรชัย ภัทรพล, ศรศมน บัวจำปา. (2557).The Power of Change กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ.กรุงเทพฯ: ลิปส์ พับลิชชิ่ง.

 

บรรณานุกรม

กองบรรณาธิการมติชน,289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์มติชน,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2550).หน้า 231.

ราชกิจจนานุเบกษา,ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางพลี อำเภอพระประแดง อำเภอพระสมุทรเจดีย์ อำเภอบางบ่อ และอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอธัญบุรี อำเภอลาดหลุมแก้ว อำเภอสามโคก อำเภอลำลูกกา และอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และอำเภอวังน้อย อำเภอบางประอิน อำเภอบางไทร และอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัด

ผู้จัดการ Online,"พระสุเทพ"ไม่รอดคดีทุจริตสร้างโรงพัก อนุป.ป.ช.ชี้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เรียกแก้ข้อกล่าวหาใน15วัน, เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=95800000551896 เมื่อ 6สิงหาคม 2559.

พระนครศรีอยุธยา เข้าถึงจาก http://library2.parliament.go.th/giventake/content_give/no-12745p1.pdf  เมื่อ 8 สิงหาคม 2559

มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ,วัตถุประสงค์ ,เข้าถึงจาก http://www.pdrcfoundation.org/#startup  เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559

ศูนย์ข้อมูลมติชน, บันทึกประเทศไทย ปี 2556,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2557).หน้า 408-414.

ศูนย์ข้อมูลมติชน, บันทึกประเทศไทย ปี 2557,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2558).หน้า 9,62-67

ศูนย์ข้อมูลมติชน,บันทึกประเทศไทย ปี 2553,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2554).หน้า 101-101.

ศูนย์ข้อมูลการเมืองไทย,สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้าถึงจาก http://www.politicalbase.in.th/index.php?title=สุเทพ_เทือกสุบรรณ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 

สรกล อดุลยานนท์,บทความเปิดผนึกถึง”พรรคประชาธิปัตย์” เรื่อง”รอยตำหนิ”ในระบอบประชาธิปไตย, เข้าถึงจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1307284876  เมื่อ 6 สิงหาคม 2559.

วิกิพีเดีย, คดียุบพรรคการเมืองพ.ศ. 2551เข้าถึงจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/คดียุบพรรคการเมือง_พ.ศ._2551 เมื่อ 15 กรกฎาคม 2559.

วิกิพีเดีย, การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548, เข้าถึงจากhttps://th.wikipedia .org/wiki/การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป_พ.ศ._2548 ค้นเมื่อ 15 กรกฎาคม 2559

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,บนเส้นทางการเมือง, เข้าถึงจาก http://www.abhisit.org/360detail.php?cate_id=17เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.

 

อ้างอิง

[1] ศูนย์ข้อมูลการเมืองไทย,สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้าถึงจาก http://www.politicalbase.in.th/index.php?title=สุเทพ_เทือกสุบรรณ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 

[2] กองบรรณาธิการมติชน,289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์มติชน,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2550).หน้า 231.

[3] กองบรรณาธิการมติชน,หน้า 267.

[4] วิกิพีเดีย, การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548, เข้าถึงจากhttps://th.wikipedia .org/wiki/การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป_พ.ศ._2548 ค้นเมื่อ 15 กรกฎาคม 2559

[5] อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,บนเส้นทางการเมือง, เข้าถึงจาก http://www.abhisit.org/360detail.php?cate_id=17เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2559.

[6] วิกิพีเดีย, คดียุบพรรคการเมืองพ.ศ. 2551เข้าถึงจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/คดียุบพรรคการเมือง_พ.ศ._2551 เมื่อ 15 กรกฎาคม 2559

[7] สรกล อดุลยานนท์,'บทความเปิดผนึกถึง'”พรรคประชาธิปัตย์” เรื่อง”รอยตำหนิ”ในระบอบประชาธิปไตย, เข้าถึงจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1307284876  เมื่อ 6 สิงหาคม 2559.

[8] ผู้จัดการ Online,"พระสุเทพ"ไม่รอดคดีทุจริตสร้างโรงพัก อนุป.ป.ช.ชี้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เรียกแก้ข้อกล่าวหาใน15วัน, เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=95800000551896 เมื่อ 6สิงหาคม 2559.

[9] ศูนย์ข้อมูลมติชน,บันทึกประเทศไทย ปี 2553,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2554).หน้า 101-101.

[10] ราชกิจจนานุเบกษา,ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางพลี อำเภอพระประแดง อำเภอพระสมุทรเจดีย์ อำเภอบางบ่อ และอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอธัญบุรี อำเภอลาดหลุมแก้ว อำเภอสามโคก อำเภอลำลูกกา และอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และอำเภอวังน้อย อำเภอบางประอิน อำเภอบางไทร และอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าถึงจาก http://library2.parliament.go.th/giventake/content_give/no-12745p1.pdf  เมื่อ 8 สิงหาคม 2559

[11] ศูนย์ข้อมูลมติชน (1),หน้า 148-150.

[12] ศูนย์ข้อมูลมติชน,บันทึกประเทศไทย ปี 2556,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2557).หน้า 408-414.

[13] ศูนย์ข้อมูลมติชน (2),หน้า 426.

[14] ศูนย์ข้อมูลมติชน (2),หน้า 4263

[15] ศูนย์ข้อมูลมติชน, บันทึกประเทศไทย ปี 2557,(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, 2558).หน้า 9,62-67

[16] ศูนย์ข้อมูลมติชน (3), หน้า 24-29.

[17] ศูนย์ข้อมูลมติชน (3), หน้า 59.

[18] ศูนย์ข้อมูลมติชน (3, หน้า 117.

[19] ศูนย์ข้อมูลมติชน (3), หน้า 177.

[20] ศูนย์ข้อมูลมติชน (3), หน้า 288.

[21] มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ,วัตถุประสงค์ ,เข้าถึงจาก http://www.pdrcfoundation.org/#startup  เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559