ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แฝด อิน-จัน"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 10: บรรทัดที่ 10:
== ความหมาย ==
== ความหมาย ==


แฝด อิน-จัน เป็นคำกล่าวของ นาย[[บวรศักดิ์_อุวรรณโณ|บวรศักดิ์ อุวรรณโณ]] [[ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ|ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ]] ซึ่งอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่าง[[สภาปฏิรูปแห่งชาติ|สภาปฏิรูปแห่งชาติ]] (สปช.) และ[[คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ|คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ]] ภายใต้บทบัญญัติ[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_(ฉบับชั่วคราว)_พ.ศ._2557|รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557]] ที่กำหนดให้[[คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ|คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ]] จัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสนอต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พิจารณาและ[[ลงมติ|ลงมติ]]เห็นชอบภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่หากพิจารณาไม่แล้วเสร็จ หรือ ลงมติไม่เห็นชอบต่อร่างรัฐธรรมนูญ จะมีผลให้ทั้ง 2 องค์กร สิ้นสุดลงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ โดยวันที่ 20 มกราคม 2558 สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จัดเวทีสัมมนา “จากวิสัยทัศน์สู่แผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย” นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ จึงกล่าวเปรียบเปรยว่า สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ต้องมีความสัมพันธ์แบบ “แฝดอิน-จัน” แยกกันไม่ได้ เพราะต้องรับผิดชอบร่วมกันจนเสร็จสิ้นกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และการปฏิรูปประเทศ <ref> </ref> อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 จึงส่งผลให้ สปช. สิ้นสภาพลงในทุกกรณี ในขณะที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ยังคงได้ทำหน้าที่ต่อไปหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านการเห็นชอบจาก สปช. และจากผล[[ประชามติ|ประชามติ]]ของประชาชนทั่วประเทศ
แฝด อิน-จัน เป็นคำกล่าวของ นาย[[บวรศักดิ์_อุวรรณโณ|บวรศักดิ์ อุวรรณโณ]] [[ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ|ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ]] ซึ่งอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่าง[[สภาปฏิรูปแห่งชาติ|สภาปฏิรูปแห่งชาติ]] (สปช.) และ[[คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ|คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ]] ภายใต้บทบัญญัติ[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_(ฉบับชั่วคราว)_พ.ศ._2557|รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557]] ที่กำหนดให้[[คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ|คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ]] จัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสนอต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พิจารณาและ[[ลงมติ|ลงมติ]]เห็นชอบภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่หากพิจารณาไม่แล้วเสร็จ หรือ ลงมติไม่เห็นชอบต่อร่างรัฐธรรมนูญ จะมีผลให้ทั้ง 2 องค์กร สิ้นสุดลงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ โดยวันที่ 20 มกราคม 2558 สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จัดเวทีสัมมนา “จากวิสัยทัศน์สู่แผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย” นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ จึงกล่าวเปรียบเปรยว่า สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ต้องมีความสัมพันธ์แบบ “แฝดอิน-จัน” แยกกันไม่ได้ เพราะต้องรับผิดชอบร่วมกันจนเสร็จสิ้นกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และการปฏิรูปประเทศ <ref> สปช.ฝันอีก 20 ปี &#34;มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน, ผู้จัดการรายวัน, (21 มกราคม 2558), 8.</ref> อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 จึงส่งผลให้ สปช. สิ้นสภาพลงในทุกกรณี ในขณะที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ยังคงได้ทำหน้าที่ต่อไปหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านการเห็นชอบจาก สปช. และจากผล[[ประชามติ|ประชามติ]]ของประชาชนทั่วประเทศ


== สาระสำคัญตามรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ==
== สาระสำคัญตามรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ==
บรรทัดที่ 22: บรรทัดที่ 22:
::
::
:::
:::
::::''บวรศักดิ์ อุวรรณโณ '' <ref> </ref>       
::::''บวรศักดิ์ อุวรรณโณ '' <ref> เปรียบกมธ.ฯ-ปสช.เป็น'แฝดอิน-จัน', เดลินิวส์ออนไลน์, (20 มกราคม 2558). เข้าถึงจาก <http://www.dailynews.co.th/politics/295333>. เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2558.</ref>       


:
:
บรรทัดที่ 31: บรรทัดที่ 31:
การ[[รัฐประหาร|รัฐประหาร]]โดย[[คณะรักษาความสงบแห่งชาติ|คณะรักษาความสงบแห่งชาติ]] (คสช.) เมื่อวันที่ [[22_พฤษภาคม_2557|22 พฤษภาคม 2557]] เป็นผลให้ล้มเลิก[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พ.ศ._2550|รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550]] ดังนั้นในวันที่ [[22_กรกฎาคม_2557|22 กรกฎาคม 2557]] จึงมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ขึ้นแทน โดยกำหนดกรอบโครงสร้างความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่าง[[องค์กรทางการเมือง|องค์กรทางการเมือง]]ต่างๆ รวมถึงแนวทางการปฏิรูปด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการเมือง เมื่อแก่นแกนของการปฏิรูปที่มองเห็นเป็นรูปธรรมคือ รัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงกำหนดให้มีองค์กรขึ้นทำหน้าที่หลักด้านการปฏิรูป 2 องค์กร ได้แก่ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้น เพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศและจัดทำรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด
การ[[รัฐประหาร|รัฐประหาร]]โดย[[คณะรักษาความสงบแห่งชาติ|คณะรักษาความสงบแห่งชาติ]] (คสช.) เมื่อวันที่ [[22_พฤษภาคม_2557|22 พฤษภาคม 2557]] เป็นผลให้ล้มเลิก[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พ.ศ._2550|รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550]] ดังนั้นในวันที่ [[22_กรกฎาคม_2557|22 กรกฎาคม 2557]] จึงมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ขึ้นแทน โดยกำหนดกรอบโครงสร้างความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่าง[[องค์กรทางการเมือง|องค์กรทางการเมือง]]ต่างๆ รวมถึงแนวทางการปฏิรูปด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการเมือง เมื่อแก่นแกนของการปฏิรูปที่มองเห็นเป็นรูปธรรมคือ รัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงกำหนดให้มีองค์กรขึ้นทำหน้าที่หลักด้านการปฏิรูป 2 องค์กร ได้แก่ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้น เพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศและจัดทำรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด


ทั้งนี้ ตามบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 <ref> “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557,ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 131 ตอนที่ 55 ก (22 กรกฎาคม 2557).</ref> กำหนดให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีอำนาจหน้าที่เสนอความเห็นและให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ทั้งนี้การเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะต้องกระทำแล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีการประชุม สปช. ครั้งแรก (มาตรา 31 (2)(3)) ขณะที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ประกอบด้วยสมาชิก 36 คน โดยการแต่งตั้งของประธาน สปช. ประกอบด้วย ประธานกรรมาธิการตามที่ คสช. เสนอ, สัดส่วนที่ สปช. เสนอ 20 คน และ สนช. ครม. และคสช. เสนออีกฝ่ายละ 5 คน (รวม 15 คน) ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันที่มีการประชุม สปช. ครั้งแรก (มาตรา 32)
ทั้งนี้ ตามบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 <ref> รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 131 ตอนที่ 55 ก (22 กรกฎาคม 2557).</ref> กำหนดให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีอำนาจหน้าที่เสนอความเห็นและให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ทั้งนี้การเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะต้องกระทำแล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีการประชุม สปช. ครั้งแรก (มาตรา 31 (2)(3)) ขณะที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ประกอบด้วยสมาชิก 36 คน โดยการแต่งตั้งของประธาน สปช. ประกอบด้วย ประธานกรรมาธิการตามที่ คสช. เสนอ, สัดส่วนที่ สปช. เสนอ 20 คน และ สนช. ครม. และคสช. เสนออีกฝ่ายละ 5 คน (รวม 15 คน) ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันที่มีการประชุม สปช. ครั้งแรก (มาตรา 32)


เมื่อได้องค์ประกอบของคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ครบถ้วนแล้ว (“[[36_อรหันต์ทองคำ|36 อรหันต์ทองคำ]]”) ให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นหรือข้อเสนอแนะจาก สปช. แล้วจึงเสนอให้ สปช. พิจารณา ทั้งนี้การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญนี้ต้องนำความเห็นของ สปช. สนช. ครม. คสช. ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณาด้วย ซึ่งครอบคลุมประเด็นต่างๆ อย่างกว้างขวาง ได้แก่ ราชอาณาจักรเป็นหนึ่งเดียวแบ่งแยกมิได้ ปกครองโดยระบอบ[[ประชาธิปไตย|ประชาธิปไตย]]อันมี[[พระมหากษัตริย์|พระมหากษัตริย์]]ทรงเป็นประมุข มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน ตรวจสอบ ควบคุม[[การทุจริต|การทุจริต]]และประพฤติมิชอบในวงราชการและเอกชน การจำกัด[[ควบคุมการใช้อำนาจรัฐ|ควบคุมการใช้อำนาจรัฐ]]เพื่อประโยชน์ส่วนรวม การคัดกรองมิให้บุคคลที่เคยต้องโทษทางการเมืองเข้าสู่ระบบการเมือง การส่งเสริมให้นักการเมืองและพรรคการเมืองกระทำทางการเมืองอย่างอิสระ ส่งเสริม[[หลักนิติธรรม|หลักนิติธรรม]] คุณธรรม จริยธรรม และ[[ธรรมาภิบาล|ธรรมาภิบาล]]ในทุกภาคส่วน แสวงหาแนวทางพัฒนาขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้เกิดความเป็นธรรม ป้องกัน[[การบริหารราชการแผ่นดิน|การบริหารราชการแผ่นดิน]]ที่แสวงหาความนิยมทางการเมือง การใช้จ่ายเงินภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส่ และตรวจสอบได้ การพิทักษ์หลักการตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงกลไกการปฏิรูปด้านอื่นๆ ให้สมบูรณ์ต่อไป (มาตรา 34, 35)
เมื่อได้องค์ประกอบของคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ครบถ้วนแล้ว (“[[36_อรหันต์ทองคำ|36 อรหันต์ทองคำ]]”) ให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นหรือข้อเสนอแนะจาก สปช. แล้วจึงเสนอให้ สปช. พิจารณา ทั้งนี้การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญนี้ต้องนำความเห็นของ สปช. สนช. ครม. คสช. ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณาด้วย ซึ่งครอบคลุมประเด็นต่างๆ อย่างกว้างขวาง ได้แก่ ราชอาณาจักรเป็นหนึ่งเดียวแบ่งแยกมิได้ ปกครองโดยระบอบ[[ประชาธิปไตย|ประชาธิปไตย]]อันมี[[พระมหากษัตริย์|พระมหากษัตริย์]]ทรงเป็นประมุข มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน ตรวจสอบ ควบคุม[[การทุจริต|การทุจริต]]และประพฤติมิชอบในวงราชการและเอกชน การจำกัด[[ควบคุมการใช้อำนาจรัฐ|ควบคุมการใช้อำนาจรัฐ]]เพื่อประโยชน์ส่วนรวม การคัดกรองมิให้บุคคลที่เคยต้องโทษทางการเมืองเข้าสู่ระบบการเมือง การส่งเสริมให้นักการเมืองและพรรคการเมืองกระทำทางการเมืองอย่างอิสระ ส่งเสริม[[หลักนิติธรรม|หลักนิติธรรม]] คุณธรรม จริยธรรม และ[[ธรรมาภิบาล|ธรรมาภิบาล]]ในทุกภาคส่วน แสวงหาแนวทางพัฒนาขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้เกิดความเป็นธรรม ป้องกัน[[การบริหารราชการแผ่นดิน|การบริหารราชการแผ่นดิน]]ที่แสวงหาความนิยมทางการเมือง การใช้จ่ายเงินภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส่ และตรวจสอบได้ การพิทักษ์หลักการตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงกลไกการปฏิรูปด้านอื่นๆ ให้สมบูรณ์ต่อไป (มาตรา 34, 35)
บรรทัดที่ 49: บรรทัดที่ 49:
::
::
:::
:::
::::''บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ''<ref> </ref>       
::::''บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ''<ref> บวรศักดิ์ ส่งซิกเตือนสปช.รธน.ไม่ผ่านเสียชื่อทั้งตระกูล, โพสต์ทูเดย์, (30 มีนาคม 2558), A5.</ref>       


:
:
บรรทัดที่ 56: บรรทัดที่ 56:
::::''29 มีนาคม 2557''       
::::''29 มีนาคม 2557''       


เมื่อคณะกรรมาธิการยกร่างฯ จัดทำร่างรัฐธรรมนูญ เสร็จสิ้นลงในวันที่ 17 เมษายน 2558 จึงนำเสนอให้ที่ประชุม สปช. อภิปรายและแสดงความเห็นระหว่างวันที่ 20-26 เมษายน 2558 อย่างไรก็ตามดูเหมือนร่างรัฐธรรมนูญจะได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ทั้งจากสมาชิก สปช. ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 นักวิชาการ นักการเมือง ภาคสังคม และสื่อมวลชนจำนวนมาก<ref> นิธิ เอียวศรีวงศ์, </ref> [[สมบัติ_ธำรงธัญวงศ์|สมบัติ ธำรงธัญวงศ์]] ประธาน[[คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง|คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง]] [[สภาปฏิรูปแห่งชาติ|สภาปฏิรูปแห่งชาติ]] อภิปรายให้เห็นถึงจุดเสี่ยงของร่างรัฐธรรมนูญ อาทิเช่น ขาดความสมดุลระหว่างอำนาจ[[ฝ่ายบริหาร|ฝ่ายบริหาร]]และอำนาจ[[นิติบัญญัติ|นิติบัญญัติ]] เพราะให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเหนือกว่า[[สภาผู้แทนราษฎร|สภาผู้แทนราษฎร]] ระบบเลือกตั้งที่เปลี่ยนไปจะก่อให้เกิด[[รัฐบาลผสม|รัฐบาลผสม]] ซึ่ง[[พรรคขนาดเล็ก|พรรคขนาดเล็ก]]และ[[พรรคขนาดกลาง|พรรคขนาดกลาง]]จะมีอำนาจต่อรองตำแหน่ง[[รัฐมนตรี|รัฐมนตรี]]ได้มาก การกำหนดให้[[หลักการแบ่งแยกอำนาจ|หลักการแบ่งแยกอำนาจ]]ตามระบบประธานาธิบดีมาใช้กับ[[ระบบรัฐสภา|ระบบรัฐสภา]] ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไม่ต้องเป็นมาจาก[[การเลือกตั้ง|การเลือกตั้ง]]ทำให้ฝ่ายบริหารขาดความเชื่อมโยงกับสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน และ[[กลไกตรวจสอบโดยสภาผู้แทนราษฎร|กลไกตรวจสอบโดยสภาผู้แทนราษฎร]]อ่อนแอ <ref> “สมบัติ สับ รธน. ขัดขวางพัฒนาชาติ,ไทยรัฐ, (22 เมษายน 2558), 14.</ref>
เมื่อคณะกรรมาธิการยกร่างฯ จัดทำร่างรัฐธรรมนูญ เสร็จสิ้นลงในวันที่ 17 เมษายน 2558 จึงนำเสนอให้ที่ประชุม สปช. อภิปรายและแสดงความเห็นระหว่างวันที่ 20-26 เมษายน 2558 อย่างไรก็ตามดูเหมือนร่างรัฐธรรมนูญจะได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ทั้งจากสมาชิก สปช. ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 นักวิชาการ นักการเมือง ภาคสังคม และสื่อมวลชนจำนวนมาก<ref>นิธิ เอียวศรีวงศ์, &#34;มนุษย์เกิดมาบริสุทธิ์ จนเมื่อไปรวมกลุ่มกันขึ้น,&#34; มติชนสุดสัปดาห์ (26 เมษายน 2558).; &#34;&#34;รัฐธรรมนูญปะชุน&#34; ห้ามแก้,&#34; ข่าวสด, (6 มีนาคม 2558), 6.; วรพล กิตติรัตวรางกูร, &#34;รธน.ฉบับเขย่าศาล ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ,&#34; ไทยโพสต์, (26 เมษายน 2558), 1-5.; &#34;รัฐธรรมนูญฉบับเหลียวหลังแลหน้าพลเมืองเป็นใหญ่หรือจุดระเบิดขัด,&#34; ไทยโพสต์, (26 เมษายน 2558), 2.</ref> [[สมบัติ_ธำรงธัญวงศ์|สมบัติ ธำรงธัญวงศ์]] ประธาน[[คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง|คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง]] [[สภาปฏิรูปแห่งชาติ|สภาปฏิรูปแห่งชาติ]] อภิปรายให้เห็นถึงจุดเสี่ยงของร่างรัฐธรรมนูญ อาทิเช่น ขาดความสมดุลระหว่างอำนาจ[[ฝ่ายบริหาร|ฝ่ายบริหาร]]และอำนาจ[[นิติบัญญัติ|นิติบัญญัติ]] เพราะให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเหนือกว่า[[สภาผู้แทนราษฎร|สภาผู้แทนราษฎร]] ระบบเลือกตั้งที่เปลี่ยนไปจะก่อให้เกิด[[รัฐบาลผสม|รัฐบาลผสม]] ซึ่ง[[พรรคขนาดเล็ก|พรรคขนาดเล็ก]]และ[[พรรคขนาดกลาง|พรรคขนาดกลาง]]จะมีอำนาจต่อรองตำแหน่ง[[รัฐมนตรี|รัฐมนตรี]]ได้มาก การกำหนดให้[[หลักการแบ่งแยกอำนาจ|หลักการแบ่งแยกอำนาจ]]ตามระบบประธานาธิบดีมาใช้กับ[[ระบบรัฐสภา|ระบบรัฐสภา]] ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไม่ต้องเป็นมาจาก[[การเลือกตั้ง|การเลือกตั้ง]]ทำให้ฝ่ายบริหารขาดความเชื่อมโยงกับสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน และ[[กลไกตรวจสอบโดยสภาผู้แทนราษฎร|กลไกตรวจสอบโดยสภาผู้แทนราษฎร]]อ่อนแอ <ref> สมบัติ สับ รธน. ขัดขวางพัฒนาชาติ, ไทยรัฐ, (22 เมษายน 2558), 14.</ref>


ขณะที่สื่อมวลเป็นกังวลว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการลงมติเห็นชอบโดย สปช. แล้ว อันจะส่งผลให้ต้องเริ่มต้นกระบวนการสรรหา สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ใหม่ทั้งหมด ทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สามารถครองอำนาจต่อไปอีกระยะหนึ่ง<ref> </ref> ทั้งยังปรากฏข้อเรียกร้องให้มีการทำ[[ประชามติ|ประชามติ]]เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในร่างรัฐธรรมนูญ <ref> </ref> จากการสำรวจความคิดเห็นของศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ (ร้อยละ 64.91) เห็นด้วยให้มีการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะจะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการกลั่นกรองเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญ และยอมรับได้หากการเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป (ร้อยละ 53.19) เพราะต้องการให้รัฐธรรมนูญเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย<ref> </ref>
ขณะที่สื่อมวลเป็นกังวลว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการลงมติเห็นชอบโดย สปช. แล้ว อันจะส่งผลให้ต้องเริ่มต้นกระบวนการสรรหา สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ใหม่ทั้งหมด ทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สามารถครองอำนาจต่อไปอีกระยะหนึ่ง<ref> ใครได้ใครเสีย? กับรัฐธรรมนูญ ยี่ห้อ แฝดอินจัน, เดลินิวส์, (1 เมษายน 2558), 3.</ref> ทั้งยังปรากฏข้อเรียกร้องให้มีการทำ[[ประชามติ|ประชามติ]]เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในร่างรัฐธรรมนูญ <ref> สัมภาษณ์พิเศษ วิรัตน์ กัลยาศิริ ชูธงประชามติรธน. ปลดชนวนความขัดแย้ง, มติชน, (27 เมษายน 2558), 11.</ref> จากการสำรวจความคิดเห็นของศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ (ร้อยละ 64.91) เห็นด้วยให้มีการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะจะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการกลั่นกรองเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญ และยอมรับได้หากการเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป (ร้อยละ 53.19) เพราะต้องการให้รัฐธรรมนูญเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย<ref> นิด้าโพล ชี้ ปชช.ส่วนใหญ่ 64.91 % เห็นด้วยทำประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ ปี58, มติชนออนไลน์, (23 เมษายน 2558). เข้าถึงจาก <http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1429763594>. เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2558.</ref>


อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นสมาชิก สปช. บางส่วน นักวิชาการ นักการเมือง และภาคสังคม แต่สื่อมวลชนก็ประเมินว่า ในท้ายที่สุดแล้วร่างรัฐธรรมนูญจะได้รับความเห็นชอบอย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยที่สุด หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านมติเห็นชอบและสามารถประกาศใช้อย่างเป็นทางการก็จะทำให้สมาชิก สปช. จำนวนหนึ่ง (60 คนตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรก) ได้รับการคัดเลือกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศซึ่งจะมีวาระการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 5 ปี หลังจากนั้นจะมีการลงมติจากประชาชนว่าจะอยู่ต่อไปหรือไม่ <ref> “เรื่องแปลกๆ ในร่าง รธน.,ไทยรัฐ, (22 เมษายน 2558), 3. จำลอง ดอกปิก, </ref> สอดคล้องกับความเห็นของ นาย[[ประสพสุข_บุญเดช|ประสพสุข บุญเดช]] ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ว่า แม้จะมีสมาชิก สปช. บางคนไม่เห็นด้วยในบางประเด็น แต่สมาชิก สปช. ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ<ref> </ref>
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นสมาชิก สปช. บางส่วน นักวิชาการ นักการเมือง และภาคสังคม แต่สื่อมวลชนก็ประเมินว่า ในท้ายที่สุดแล้วร่างรัฐธรรมนูญจะได้รับความเห็นชอบอย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยที่สุด หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านมติเห็นชอบและสามารถประกาศใช้อย่างเป็นทางการก็จะทำให้สมาชิก สปช. จำนวนหนึ่ง (60 คนตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรก) ได้รับการคัดเลือกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศซึ่งจะมีวาระการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 5 ปี หลังจากนั้นจะมีการลงมติจากประชาชนว่าจะอยู่ต่อไปหรือไม่ <ref> เรื่องแปลกๆ ในร่าง รธน., ไทยรัฐ, (22 เมษายน 2558), 3. จำลอง ดอกปิก, &#34;สถานีคิดเลขที่12 : ไม่สูญเปล่า,&#34; มติชน, (4 เมษายน 2558), 2.</ref> สอดคล้องกับความเห็นของ นาย[[ประสพสุข_บุญเดช|ประสพสุข บุญเดช]] ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ว่า แม้จะมีสมาชิก สปช. บางคนไม่เห็นด้วยในบางประเด็น แต่สมาชิก สปช. ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ<ref> ประสบสุข' ชี้สปช. 90%หนุน รธน., มติชน, (28 เมษายน 2558), 12.</ref>


== ประเด็นแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 และผลสืบเนื่อง ==
== ประเด็นแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 และผลสืบเนื่อง ==


อย่างไรก็ตาม เมื่อแรงกดดันทางการเมืองที่เรียกร้องให้มีการจัดทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพิ่มมากขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมกำหนดกฎกติกาในการปกครองประเทศ กอปรกับข้อวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ สปช. และ [[คณะรัฐมนตรี|คณะรัฐมนตรี]] ทั้งนี้วันที่ 18 มิถุนายน 2558 คณะรัฐมนตรีและ คสช. จึงเสนอให้ สนช. พิจารณา “ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ....” ซึ่งที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบไปด้วยคะแนน 203 เสียง ซึ่งเป็นการพิจารณา 3 วาระในวันเดียว<ref> “สนช.มีมติเห็นชอบวาระ 3 ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... ด้วยเสียงเอกฉันท์ 203 เสียง,” สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์, (18 มิถุนายน 2558). เข้าถึงจาก <http://thainews.prd.go.th/centerweb/news/NewsDetail?NT01_NewsID=TNPOL5806180010036>. เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2558.</ref> โดยสาระสำคัญประกอบด้วย <ref> “ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ....” เอกสารระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 36/2558, 18 มิถุนายน 2558.</ref>
อย่างไรก็ตาม เมื่อแรงกดดันทางการเมืองที่เรียกร้องให้มีการจัดทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพิ่มมากขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมกำหนดกฎกติกาในการปกครองประเทศ กอปรกับข้อวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ สปช. และ [[คณะรัฐมนตรี|คณะรัฐมนตรี]] ทั้งนี้วันที่ 18 มิถุนายน 2558 คณะรัฐมนตรีและ คสช. จึงเสนอให้ สนช. พิจารณา “ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ....” ซึ่งที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบไปด้วยคะแนน 203 เสียง ซึ่งเป็นการพิจารณา 3 วาระในวันเดียว<ref> สนช.มีมติเห็นชอบวาระ 3 ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... ด้วยเสียงเอกฉันท์ 203 เสียง,” สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์, (18 มิถุนายน 2558). เข้าถึงจาก <http://thainews.prd.go.th/centerweb/news/NewsDetail?NT01_NewsID=TNPOL5806180010036>. เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2558.</ref> โดยสาระสำคัญประกอบด้วย <ref> ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ....” เอกสารระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 36/2558, 18 มิถุนายน 2558.</ref>


1) แก้ไขลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะรัฐมนตรี โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นสมาชิก สนช. หรือ คณะรัฐมนตรีได้ เว้นแต่เพียงผู้ที่อยู่ระหว่างการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น (แก้ไข มาตรา 8 (4))
1) แก้ไขลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะรัฐมนตรี โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นสมาชิก สนช. หรือ คณะรัฐมนตรีได้ เว้นแต่เพียงผู้ที่อยู่ระหว่างการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น (แก้ไข มาตรา 8 (4))
บรรทัดที่ 126: บรรทัดที่ 126:
<references />
<references />


[[Category:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน|ฝ]]
[[Category:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:13, 3 กรกฎาคม 2560

ผู้เรียบเรียง ฐิติกร สังข์แก้ว และดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ ศาสตราจารย์ นรนิติ เศรษฐบุตร


ความหมาย

แฝด อิน-จัน เป็นคำกล่าวของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ที่กำหนดให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสนอต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พิจารณาและลงมติเห็นชอบภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่หากพิจารณาไม่แล้วเสร็จ หรือ ลงมติไม่เห็นชอบต่อร่างรัฐธรรมนูญ จะมีผลให้ทั้ง 2 องค์กร สิ้นสุดลงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ โดยวันที่ 20 มกราคม 2558 สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จัดเวทีสัมมนา “จากวิสัยทัศน์สู่แผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย” นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ จึงกล่าวเปรียบเปรยว่า สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ต้องมีความสัมพันธ์แบบ “แฝดอิน-จัน” แยกกันไม่ได้ เพราะต้องรับผิดชอบร่วมกันจนเสร็จสิ้นกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และการปฏิรูปประเทศ [1] อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 จึงส่งผลให้ สปช. สิ้นสภาพลงในทุกกรณี ในขณะที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ยังคงได้ทำหน้าที่ต่อไปหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านการเห็นชอบจาก สปช. และจากผลประชามติของประชาชนทั่วประเทศ

สาระสำคัญตามรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557

ถ้าใครทำไม่เสร็จก็ตายร่วมกัน เมื่อเกิดด้วยกันก็ต้องตายด้วยกัน ถ้าผมทำไม่เสร็จผมก็ตาย ถ้าผมทำเสร็จท่านไม่รับ ท่านก็ตาย ผมก็ตาย ประเด็นที่อยากฝาก สปช. คือ การจะลงในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญทั้งหมด รัฐธรรมนูญไทยจะยาวที่สุดในโลก เป็นรัฐธรรมนูญที่อ่านจะเหมือนตำรา
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ [2]
20 มกราคม 2558

การรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นผลให้ล้มเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ดังนั้นในวันที่ 22 กรกฎาคม 2557 จึงมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ขึ้นแทน โดยกำหนดกรอบโครงสร้างความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างองค์กรทางการเมืองต่างๆ รวมถึงแนวทางการปฏิรูปด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการเมือง เมื่อแก่นแกนของการปฏิรูปที่มองเห็นเป็นรูปธรรมคือ รัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงกำหนดให้มีองค์กรขึ้นทำหน้าที่หลักด้านการปฏิรูป 2 องค์กร ได้แก่ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้น เพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศและจัดทำรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้ ตามบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 [3] กำหนดให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีอำนาจหน้าที่เสนอความเห็นและให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ทั้งนี้การเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะต้องกระทำแล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีการประชุม สปช. ครั้งแรก (มาตรา 31 (2)(3)) ขณะที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ประกอบด้วยสมาชิก 36 คน โดยการแต่งตั้งของประธาน สปช. ประกอบด้วย ประธานกรรมาธิการตามที่ คสช. เสนอ, สัดส่วนที่ สปช. เสนอ 20 คน และ สนช. ครม. และคสช. เสนออีกฝ่ายละ 5 คน (รวม 15 คน) ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันที่มีการประชุม สปช. ครั้งแรก (มาตรา 32)

เมื่อได้องค์ประกอบของคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ครบถ้วนแล้ว (“36 อรหันต์ทองคำ”) ให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นหรือข้อเสนอแนะจาก สปช. แล้วจึงเสนอให้ สปช. พิจารณา ทั้งนี้การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญนี้ต้องนำความเห็นของ สปช. สนช. ครม. คสช. ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณาด้วย ซึ่งครอบคลุมประเด็นต่างๆ อย่างกว้างขวาง ได้แก่ ราชอาณาจักรเป็นหนึ่งเดียวแบ่งแยกมิได้ ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน ตรวจสอบ ควบคุมการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการและเอกชน การจำกัดควบคุมการใช้อำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนรวม การคัดกรองมิให้บุคคลที่เคยต้องโทษทางการเมืองเข้าสู่ระบบการเมือง การส่งเสริมให้นักการเมืองและพรรคการเมืองกระทำทางการเมืองอย่างอิสระ ส่งเสริมหลักนิติธรรม คุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน แสวงหาแนวทางพัฒนาขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้เกิดความเป็นธรรม ป้องกันการบริหารราชการแผ่นดินที่แสวงหาความนิยมทางการเมือง การใช้จ่ายเงินภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส่ และตรวจสอบได้ การพิทักษ์หลักการตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงกลไกการปฏิรูปด้านอื่นๆ ให้สมบูรณ์ต่อไป (มาตรา 34, 35)

เมื่อจัดทำแล้วเสร็จ คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จึงเสนอให้ประธาน สปช. เพื่อจัดประชุมพิจารณาให้ความเห็นให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน นับจากวันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญ (17-27 เมษายน 2558—ผู้เรียบเรียง) เมื่อครบ 10 วันดังกล่าว สมาชิก สปช. สามารถแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญได้ภายใน 30 วัน โดยมีสมาชิก สปช. ร่วมลงชื่อรับรองการขอแก้ไขไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมด ขณะเดียวกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ต้องส่งให้คณะรัฐมนตรีและ คสช. พิจารณาให้ความเห็นหรือเสนอแก้ไขเพิ่มเติมภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับร่างเช่นกัน (มาตรา 36) จากนั้น คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ดำเนินการพิจารณาคำขอแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับจากวันที่ครบกำหนดยื่นขอแก้ไขข้างต้น โดยคณะกรรมาธิการยกร่างฯ สามารถใช้วิจารณญาณแก้ไขได้ตามสมควร เมื่อแล้วเสร็จภายในเวลา 60 วัน จึงเสนอร่างรัฐธรรมนูญให้ สปช. ลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบภายใน 15 วันหลังที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญ โดย สปช. จะแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญนั้นมิได้ เว้นแต่กรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จะเห็นชอบด้วยกับการแก้ไขเท่านั้น หากลงมติเห็นชอบก็ให้ประธาน สปช. นำร่างรัฐธรรมนูญนั้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายภายใน 30 วัน นับจากวันที่ลงมติ เมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้ สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเพื่อจัดทำร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอื่นที่จำเป็น (มาตรา 37, 39)

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ สปช. พิจารณาไม่แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด หรือ ลงมติไม่เห็นชอบ หรือพระมหากษัตริย์ไม่พระราชทานคืนมาภายใน 90 วัน ให้ สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างฯ เป็นอันสิ้นสุดลง และให้ดำเนินการเพื่อแต่งตั้ง สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ชุดใหม่ขึ้นดำเนินการแทนชุดเดิม โดยอดีตสมาชิกทั้ง 2 องค์กรที่สิ้นสุดลงไม่สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งเดิมได้อีกต่อไป หรือในกรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จำทำรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ เป็นอันสิ้นสุดลง และให้แต่งตั้งชุดใหม่ภายใน 15 วัน (มาตรา 38) ในแง่นี้การดำเนินงานของ สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างฯ จึงถูกจำกัดด้วยเงื่อนเวลาที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนในทุกขั้นตอนและเงื่อนความสัมพันธ์ที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องได้รับความยินยอมพร้อมใจจากครั้ง 2 องค์กร หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องทำความเข้าใจเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นอย่างร่วมมือกัน เพราะไม่เช่นนั้นสมาชิกภาพขององค์กรทั้ง 2 ก็จะสิ้นสุดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ปฏิกิริยาของสังคม

ถ้า สปช.ลงมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแฝดอิน-จัน คือ กมธ.ยกร่างฯ และ สปช.ก็ต้องตายไปด้วยกัน ถูกจับใส่หม้อถ่วงน้ำ เสียชื่อวงศ์ตระกูล แต่ถ้าสปช.เห็นชอบทางประธาน สปช.ก็มีเวลาระหว่างวันที่ 7 สิ.ค.ถึง 4 ก.ย. ส่งร่างรัฐธรรมนูญให้ ครม.ดำเนินการตามขั้นตอน
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ [4]
29 มีนาคม 2557

เมื่อคณะกรรมาธิการยกร่างฯ จัดทำร่างรัฐธรรมนูญ เสร็จสิ้นลงในวันที่ 17 เมษายน 2558 จึงนำเสนอให้ที่ประชุม สปช. อภิปรายและแสดงความเห็นระหว่างวันที่ 20-26 เมษายน 2558 อย่างไรก็ตามดูเหมือนร่างรัฐธรรมนูญจะได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ทั้งจากสมาชิก สปช. ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 นักวิชาการ นักการเมือง ภาคสังคม และสื่อมวลชนจำนวนมาก[5] สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ อภิปรายให้เห็นถึงจุดเสี่ยงของร่างรัฐธรรมนูญ อาทิเช่น ขาดความสมดุลระหว่างอำนาจฝ่ายบริหารและอำนาจนิติบัญญัติ เพราะให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเหนือกว่าสภาผู้แทนราษฎร ระบบเลือกตั้งที่เปลี่ยนไปจะก่อให้เกิดรัฐบาลผสม ซึ่งพรรคขนาดเล็กและพรรคขนาดกลางจะมีอำนาจต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีได้มาก การกำหนดให้หลักการแบ่งแยกอำนาจตามระบบประธานาธิบดีมาใช้กับระบบรัฐสภา ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไม่ต้องเป็นมาจากการเลือกตั้งทำให้ฝ่ายบริหารขาดความเชื่อมโยงกับสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน และกลไกตรวจสอบโดยสภาผู้แทนราษฎรอ่อนแอ [6]

ขณะที่สื่อมวลเป็นกังวลว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการลงมติเห็นชอบโดย สปช. แล้ว อันจะส่งผลให้ต้องเริ่มต้นกระบวนการสรรหา สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ใหม่ทั้งหมด ทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สามารถครองอำนาจต่อไปอีกระยะหนึ่ง[7] ทั้งยังปรากฏข้อเรียกร้องให้มีการทำประชามติเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในร่างรัฐธรรมนูญ [8] จากการสำรวจความคิดเห็นของศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ (ร้อยละ 64.91) เห็นด้วยให้มีการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะจะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการกลั่นกรองเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญ และยอมรับได้หากการเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป (ร้อยละ 53.19) เพราะต้องการให้รัฐธรรมนูญเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย[9]

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นสมาชิก สปช. บางส่วน นักวิชาการ นักการเมือง และภาคสังคม แต่สื่อมวลชนก็ประเมินว่า ในท้ายที่สุดแล้วร่างรัฐธรรมนูญจะได้รับความเห็นชอบอย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยที่สุด หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านมติเห็นชอบและสามารถประกาศใช้อย่างเป็นทางการก็จะทำให้สมาชิก สปช. จำนวนหนึ่ง (60 คนตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรก) ได้รับการคัดเลือกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศซึ่งจะมีวาระการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 5 ปี หลังจากนั้นจะมีการลงมติจากประชาชนว่าจะอยู่ต่อไปหรือไม่ [10] สอดคล้องกับความเห็นของ นายประสพสุข บุญเดช ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ว่า แม้จะมีสมาชิก สปช. บางคนไม่เห็นด้วยในบางประเด็น แต่สมาชิก สปช. ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ[11]

ประเด็นแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 และผลสืบเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เมื่อแรงกดดันทางการเมืองที่เรียกร้องให้มีการจัดทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพิ่มมากขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมกำหนดกฎกติกาในการปกครองประเทศ กอปรกับข้อวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ สปช. และ คณะรัฐมนตรี ทั้งนี้วันที่ 18 มิถุนายน 2558 คณะรัฐมนตรีและ คสช. จึงเสนอให้ สนช. พิจารณา “ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ....” ซึ่งที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบไปด้วยคะแนน 203 เสียง ซึ่งเป็นการพิจารณา 3 วาระในวันเดียว[12] โดยสาระสำคัญประกอบด้วย [13]

1) แก้ไขลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะรัฐมนตรี โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นสมาชิก สนช. หรือ คณะรัฐมนตรีได้ เว้นแต่เพียงผู้ที่อยู่ระหว่างการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น (แก้ไข มาตรา 8 (4))

2) ตำแหน่งที่ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามรัฐธรรมนูญหรือตามกฎหมาย พระมหากษัตริย์สามารถโปรดเกล้าฯ ให้กระทำต่อรัชทายาท หรือผู้แทนพระองค์ได้ (เพิ่ม มาตรา 19 วรรคหก)

3) ขยายระยะเวลาของคณะกรรมาธิการยกร่างฯ เพื่อพิจารณาคำขอแก้ไขเพิ่มเติม จากเดิม 60 วัน เป็น 90 วัน ก่อนจะส่งให้ สปช. พิจารณาลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ในกรณีที่ สปช. เห็นชอบ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติทั่วประเทศ ในการนี้ สนช. และ สปช. สามารถเสนอประเด็นอื่นๆ เพิ่มเติมในคราวประชามติพร้อมกันได้ (แก้ไข มาตรา 37)

4) หากการออกเสียงประชามติในประเด็นเพิ่มเติมมีผลให้บทบัญญัติของร่างรัฐธรรมนูญไม่สอดคล้องกับผลประชามติ ให้คณะกรรมาธิการยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมให้สอดคล้องกัน แล้วจึงส่งร่างรัฐธรรมนูญนั้นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าชอบด้วยกับผลประชามติหรือไม่ (เพิ่ม มาตรา 37/1)

5) ให้ สปช. สิ้นสุดลงในกรณีที่พิจาณาร่างรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จในเวลาที่กำหนด หรือพิจารณาเห็นชอบ/ไม่เห็นชอบแล้วเสร็จในเวลาที่กำหนด (แก้ไข มาตรา 38)

6) ให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ สิ้นสุดลง ในกรณีที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด หรือ สปช. พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จในเวลาที่กำหนด หรือ สปช. ลงมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จในเวลาที่กำหนด หรือ ผลการออกเสียงประชามติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ หรือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญและพระราชทานคืนมา หรือเมื่อพ้นกำหนด 90 วันแล้วไม่ทรงพระราชทานคืนมา (แก้ไข มาตรา 38)

7) ในกรณีที่ สปช. สิ้นสุดลง โดยที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ยังไม่สิ้นสุดลง ให้คณะกรรมาธิการปฏิบัติหน้าที่ต่อไปโดยจัดทำร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายสำคัญอื่นใดเพื่อเสนอ สนช. พิจารณา เว้นแต่จะปรากฏว่าผลการประชามติไม่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ สิ้นสุดลง (แก้ไข มาตรา 39)

8) ในกรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสภาพลง (ตามการแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 38 และ39) ให้ คสช. แต่งตั้ง “คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ” ขึ้นคณะหนึ่ง จำนวน 21 คน จัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับจากได้รับแต่งตั้ง แล้วให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติขึ้นอีกครั้ง ทั้งนี้ให้อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (เพิ่ม มาตรา 39/1)

9) เมื่อ สปช. สิ้นสภาพลง ให้จัดตั้ง “สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ” ขึ้นทำหน้าที่แทน สปช. มีจำนวนสมาชิกไม่เกิน 200 คน โดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้ง ภายใน 30 วันนับจาก สปช. สิ้นสุดลง (เพิ่ม มาตรา 39/2)

เมื่อพิจารณาในแง่นี้ ปัญหาเรื่อง “แฝดอิน-จัน” อันเป็นข้อห่วงกังวลของคณะกรรมาธิการยกร่างฯ โดยเฉพาะในกรณีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ก็ไม่ได้หมดไปโดยสิ้นเชิง เพราะตาม “ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ....” ที่ สนช. ได้มีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2558 ยังคงสงวนข้อกำหนดที่ให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ผูกพันความรับผิดชอบกับ สปช. ในกรณีที่ฝ่ายหลังลงมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีผลให้ทั้ง 2 องค์กรดังกล่าวสิ้นสภาพไปพร้อมกัน แต่จุดที่เป็นทางแยกของข้อผูกพันความรับผิดชอบระหว่าง “แฝดอิน-จัน” คู่นี้อยู่ตรงที่หาก สปช. พิจาณาร่างรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จในเวลาที่กำหนด หรือพิจารณาเห็นชอบ/ไม่เห็นชอบแล้วเสร็จในเวลาที่กำหนดก็ตาม บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 2558 ก็กำหนดให้ สปช. ต้องสิ้นสุดลงในทุกกรณี แต่หาก สปช. ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด ก็จะส่งผลให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ มีอายุการทำงานต่อไปอีกระยะหนึ่ง ตราบใดที่ประชาชนเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญผ่านการประชามติ เมื่อถึงจุดนี้การดำรงคงอยู่ของคณะกรรมาธิการยกร่างฯ จึงไม่ได้ผูกพันความรับผิดชอบกับ สปช. อีกต่อไป แต่จะถูกกำหนดตัดสินโดยผลการออกเสียงประชามติของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ และพระราชอำนาจตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

 

บรรณานุกรม

“ใครได้ใครเสีย? กับรัฐธรรมนูญ ยี่ห้อ แฝดอินจัน.” เดลินิวส์. (1 เมษายน 2558), 3.

“นิด้าโพล ชี้ ปชช.ส่วนใหญ่ 64.91 % เห็นด้วยทำประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ ปี58.” มติชนออนไลน์. (23 เมษายน 2558). เข้าถึงจาก <http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1429763594>. เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2558.

นิธิ เอียวศรีวงศ์. "มนุษย์เกิดมาบริสุทธิ์ จนเมื่อไปรวมกลุ่มกันขึ้น.” มติชนสุดสัปดาห์ (26 เมษายน 2558).

“บวรศักดิ์ ส่งซิกเตือนสปช.รธน.ไม่ผ่านเสียชื่อทั้งตระกูล.” โพสต์ทูเดย์. (30 มีนาคม 2558), A5.

“‘ประสบสุข' ชี้สปช. 90%หนุน รธน..” มติชน. (28 เมษายน 2558), 12.

“เปรียบกมธ.ฯ-ปสช.เป็น'แฝดอิน-จัน'.” เดลินิวส์ออนไลน์. (20 มกราคม 2558). เข้าถึงจาก <http://www.dailynews.co.th/politics/295333>. เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2558.

“รัฐธรรมนูญฉบับเหลียวหลังแลหน้าพลเมืองเป็นใหญ่หรือจุดระเบิดขัด.” ไทยโพสต์. (26 เมษายน 2558), 2.

“รัฐธรรมนูญปะชุน" ห้ามแก้.” ข่าวสด. (6 มีนาคม 2558), 6.

“รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนที่ 55 ก (22 กรกฎาคม 2557).

“ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ....” เอกสารระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 36/2558, 18 มิถุนายน 2558.

“เรื่องแปลกๆ ในร่าง รธน..” ไทยรัฐ. (22 เมษายน 2558). 3. จำลอง ดอกปิก. "สถานีคิดเลขที่12 : ไม่สูญเปล่า." มติชน. (4 เมษายน 2558), 2.

วรพล กิตติรัตวรางกูร. “รธน.ฉบับเขย่าศาล ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ.” ไทยโพสต์. (26 เมษายน 2558), 1-5.

“สนช.มีมติเห็นชอบวาระ 3 ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... ด้วยเสียงเอกฉันท์ 203 เสียง.” สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์. (18 มิถุนายน 2558). เข้าถึงจาก <http://thainews.prd.go.th/centerweb/news/NewsDetail?NT01_NewsID=TNPOL5806180010036>. เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2558.

“สปช.ฝันอีก 20 ปี "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน.”” ผู้จัดการรายวัน. (21 มกราคม 2558), 8.

“สมบัติ สับ รธน. ขัดขวางพัฒนาชาติ.” ไทยรัฐ. (22 เมษายน 2558), 14.

“สัมภาษณ์พิเศษ วิรัตน์ กัลยาศิริ ชูธงประชามติรธน. ปลดชนวนความขัดแย้ง.” มติชน. (27 เมษายน 2558), 11.

อ้างอิง

  1. สปช.ฝันอีก 20 ปี "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน, ผู้จัดการรายวัน, (21 มกราคม 2558), 8.
  2. เปรียบกมธ.ฯ-ปสช.เป็น'แฝดอิน-จัน', เดลินิวส์ออนไลน์, (20 มกราคม 2558). เข้าถึงจาก <http://www.dailynews.co.th/politics/295333>. เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2558.
  3. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 131 ตอนที่ 55 ก (22 กรกฎาคม 2557).
  4. บวรศักดิ์ ส่งซิกเตือนสปช.รธน.ไม่ผ่านเสียชื่อทั้งตระกูล, โพสต์ทูเดย์, (30 มีนาคม 2558), A5.
  5. นิธิ เอียวศรีวงศ์, "มนุษย์เกิดมาบริสุทธิ์ จนเมื่อไปรวมกลุ่มกันขึ้น," มติชนสุดสัปดาห์ (26 เมษายน 2558).; ""รัฐธรรมนูญปะชุน" ห้ามแก้," ข่าวสด, (6 มีนาคม 2558), 6.; วรพล กิตติรัตวรางกูร, "รธน.ฉบับเขย่าศาล ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ," ไทยโพสต์, (26 เมษายน 2558), 1-5.; "รัฐธรรมนูญฉบับเหลียวหลังแลหน้าพลเมืองเป็นใหญ่หรือจุดระเบิดขัด," ไทยโพสต์, (26 เมษายน 2558), 2.
  6. สมบัติ สับ รธน. ขัดขวางพัฒนาชาติ, ไทยรัฐ, (22 เมษายน 2558), 14.
  7. ใครได้ใครเสีย? กับรัฐธรรมนูญ ยี่ห้อ แฝดอินจัน, เดลินิวส์, (1 เมษายน 2558), 3.
  8. สัมภาษณ์พิเศษ วิรัตน์ กัลยาศิริ ชูธงประชามติรธน. ปลดชนวนความขัดแย้ง, มติชน, (27 เมษายน 2558), 11.
  9. นิด้าโพล ชี้ ปชช.ส่วนใหญ่ 64.91 % เห็นด้วยทำประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ ปี58, มติชนออนไลน์, (23 เมษายน 2558). เข้าถึงจาก <http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1429763594>. เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2558.
  10. เรื่องแปลกๆ ในร่าง รธน., ไทยรัฐ, (22 เมษายน 2558), 3. จำลอง ดอกปิก, "สถานีคิดเลขที่12 : ไม่สูญเปล่า," มติชน, (4 เมษายน 2558), 2.
  11. ประสบสุข' ชี้สปช. 90%หนุน รธน., มติชน, (28 เมษายน 2558), 12.
  12. สนช.มีมติเห็นชอบวาระ 3 ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... ด้วยเสียงเอกฉันท์ 203 เสียง,” สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์, (18 มิถุนายน 2558). เข้าถึงจาก <http://thainews.prd.go.th/centerweb/news/NewsDetail?NT01_NewsID=TNPOL5806180010036>. เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2558.
  13. ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ....” เอกสารระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 36/2558, 18 มิถุนายน 2558.