ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สหธรรม (พ.ศ. 2550)"
สร้างหน้าใหม่: '''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐ... |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 6: | บรรทัดที่ 6: | ||
'''พรรคสหธรรม''' | '''พรรคสหธรรม''' | ||
พรรคสหธรรม เรียกชื่อย่อว่า “สธ.” เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “SAHA DHARMMA PARTY” เรียกชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “SD.” | พรรคสหธรรม เรียกชื่อย่อว่า “สธ.” เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “SAHA DHARMMA PARTY” เรียกชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “SD.” ขึ้นทะเบียนเป็น[[พรรคการเมือง]]เลขที่ 15/2550 ได้รับการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 มีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่เลขที่ 4/107 ถนนศักดิเดช ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต 830000 โทร 081-0913399<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนพิเศษ 178 ง, วันที่ 16 พฤศจิกายน 2550, หน้า 59, 71-72.</ref> ต่อมาได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปอยู่ที่เลขที่ ๒๐/๔๒๐ ห้องชุดอาคาร F.113 อาคารพันเทพคอนโดทาวน์ ถนนแม่หลวน ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต 83000 โทร 08-16063039,08-9470139<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนที่ 64 ง, วันที่ 5 มิถุนายน 2551,หน้า 93.</ref> | ||
พรรคสหธรรม หมายถึง พรรคการเมืองที่มุ่งเน้นการใช้หลักธรรมของทุกศาสนาเพื่อพัฒนาการเมือง โดยเน้นให้นักการเมืองมี “คุณธรรมและจริยธรรม” โ ดยมีเครื่องหมายพรรคสหธรรมมีคำอธิบายดังนี้ <ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนพิเศษ 178 ง, วันที่ 16 พฤศจิกายน 2550, หน้า 71-72.</ref> | พรรคสหธรรม หมายถึง พรรคการเมืองที่มุ่งเน้นการใช้หลักธรรมของทุกศาสนาเพื่อพัฒนาการเมือง โดยเน้นให้นักการเมืองมี “คุณธรรมและจริยธรรม” โ ดยมีเครื่องหมายพรรคสหธรรมมีคำอธิบายดังนี้ <ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนพิเศษ 178 ง, วันที่ 16 พฤศจิกายน 2550, หน้า 71-72.</ref> | ||
เครื่องหมายประจำพรรค | เครื่องหมายประจำพรรค รูปคัมภีร์วางอยู่เหนือพานตั้งบนลูกโลกรองรับด้วยรวงข้าวสีทอง โดยมีอักษรชื่อพรรคกำกับและรองรับด้วยเกลียวเชือก | ||
ลูกโลก หมายถึง ที่อยู่อาศัยของมวลมนุษยชาติ สัตว์และสรรพสิ่ง | ลูกโลก หมายถึง ที่อยู่อาศัยของมวลมนุษยชาติ สัตว์และสรรพสิ่ง | ||
บรรทัดที่ 33: | บรรทัดที่ 33: | ||
'''นโยบายของพรรคสหธรรม พ.ศ. 2550'''<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนพิเศษ 178 ง, วันที่ 16 พฤศจิกายน 2550, หน้า 59-71.</ref> | '''นโยบายของพรรคสหธรรม พ.ศ. 2550'''<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนพิเศษ 178 ง, วันที่ 16 พฤศจิกายน 2550, หน้า 59-71.</ref> | ||
พรรคสหธรรม จะยึดมั่นในอุดมการณ์ | พรรคสหธรรม จะยึดมั่นในอุดมการณ์ การปกครองในระบอบ[[ประชาธิปไตย]]อันมี[[พระมหากษัตริย์]] ทรงเป็นพระประมุข บริหารราชการแผ่นดินยึดโดยหลัก[[ธรรมาภิบาล]] และใช้หลักธรรมของทุกศาสนา เพื่อแก้ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ซึ่งได้แยกรายละเอียดในการกำหนดนโยบายของพรรคไว้ ๑๕ ด้าน ดังนี้ | ||
1. ด้านการเมืองและการปกครองและบริหารราชการแผ่นดิน | 1. ด้านการเมืองและการปกครองและบริหารราชการแผ่นดิน | ||
จัดระบบและ[[ปฏิรูปการเมือง]]การปกครองให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอยู่บนพื้นฐานความต้องการและ[[การมีส่วนร่วมของประชาชน]]และสอดรับกับประเพณีวัฒนธรรมแห่งความเป็นไทย และยึดมั่นหลักธรรมาภิบาลใน[[การบริหารราชการแผ่นดิน]] | |||
2. นโยบายด้านเศรษฐกิจ | 2. นโยบายด้านเศรษฐกิจ | ||
สนับสนุนการจัดทำแผนชุมชน เชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้สอดคล้องผสมผสานไปในทิศทางเดียวกัน และปรับแผนให้เป็นปัจจุบันทันต่อเหตุการณ์ และมุ่งเน้นการดำเนินระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ | สนับสนุนการจัดทำแผนชุมชน เชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้สอดคล้องผสมผสานไปในทิศทางเดียวกัน และปรับแผนให้เป็นปัจจุบันทันต่อเหตุการณ์ และมุ่งเน้นการดำเนินระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ | ||
บรรทัดที่ 48: | บรรทัดที่ 47: | ||
5. นโยบายด้านอุตสาหกรรม | 5. นโยบายด้านอุตสาหกรรม | ||
สนับสนุนและให้การคุ้มครองผลผลิตที่สามารถผลิตได้ภายในประเทศ ปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยคนไทย | สนับสนุนและให้การคุ้มครองผลผลิตที่สามารถผลิตได้ภายในประเทศ ปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยคนไทย และส่งเสริมให้หน่วยงานของ[[รัฐบาล]]ผู้มีขีดความสามารถด้านต่างๆได้มีส่วนร่วมในการพัฒนามาตรฐานอุตสาหกรรมและผลผลิตด้านอุตสาหกรรมทั้งขนาดกลางและขนาดย่อม | ||
6. นโยบายด้านการศึกษา | 6. นโยบายด้านการศึกษา | ||
บรรทัดที่ 80: | บรรทัดที่ 79: | ||
ส่งเสริมและสนับสนุนการออกกำลังกาย และเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพของประชาชน ส่งเสริมให้เอกชนมีสโมสรการกีฬาของตนเอง และให้มีสวนสาธารณะทุกแห่งที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่นเพื่อเป็นปอดของธรรมชาติ | ส่งเสริมและสนับสนุนการออกกำลังกาย และเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพของประชาชน ส่งเสริมให้เอกชนมีสโมสรการกีฬาของตนเอง และให้มีสวนสาธารณะทุกแห่งที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่นเพื่อเป็นปอดของธรรมชาติ | ||
พรรคสหธรรมไม่เคยส่งผู้สมัครของพรรคลงสมัครเลือกตั้ง[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]แต่อย่างใด จนกระทั่งมีประกาศ[[นายทะเบียนพรรคการเมือง]] นายทะเบียนพรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของ[[คณะกรรมการการเลือกตั้ง]]ในการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ครั้งที่ ๒๔/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ จึงประกาศให้พรรคสหธรรมสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตามมาตรา ๑๓๕ วรรคสาม ประกอบมาตรา ๙๑ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง แห่ง[[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐]] เนื่องจากพรรคสหธรรมไม่สามารถดำเนินการให้มีสมาชิกไม่น้อยกว่าห้าพันคน และมีสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยภาคละหนึ่งสาขาภายในหนึ่งปี จึงมีคำสั่งให้[[ยุบพรรค]]สังคมสหธรรม<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 126 ตอนที่ 46 ง, วันที่ 23 เมษายน 2552, หน้า 285.</ref> | |||
==อ้างอิง== | ==อ้างอิง== | ||
<references/> | <references/> | ||
[[หมวดหมู่:รายชื่อพรรคการเมืองไทย]] | [[หมวดหมู่:รายชื่อพรรคการเมืองไทย]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 23:16, 13 สิงหาคม 2553
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
พรรคสหธรรม
พรรคสหธรรม เรียกชื่อย่อว่า “สธ.” เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “SAHA DHARMMA PARTY” เรียกชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “SD.” ขึ้นทะเบียนเป็นพรรคการเมืองเลขที่ 15/2550 ได้รับการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 มีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่เลขที่ 4/107 ถนนศักดิเดช ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต 830000 โทร 081-0913399[1] ต่อมาได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปอยู่ที่เลขที่ ๒๐/๔๒๐ ห้องชุดอาคาร F.113 อาคารพันเทพคอนโดทาวน์ ถนนแม่หลวน ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต 83000 โทร 08-16063039,08-9470139[2]
พรรคสหธรรม หมายถึง พรรคการเมืองที่มุ่งเน้นการใช้หลักธรรมของทุกศาสนาเพื่อพัฒนาการเมือง โดยเน้นให้นักการเมืองมี “คุณธรรมและจริยธรรม” โ ดยมีเครื่องหมายพรรคสหธรรมมีคำอธิบายดังนี้ [3]
เครื่องหมายประจำพรรค รูปคัมภีร์วางอยู่เหนือพานตั้งบนลูกโลกรองรับด้วยรวงข้าวสีทอง โดยมีอักษรชื่อพรรคกำกับและรองรับด้วยเกลียวเชือก
ลูกโลก หมายถึง ที่อยู่อาศัยของมวลมนุษยชาติ สัตว์และสรรพสิ่ง
รูปคัมภีร์ วางอยู่เหนือพานตั้งบนลูกโลก หมายถึง หลักธรรมคำสอนของพระศาสดาหรือธรรมะอันเป็นสิ่งสูงสุด สถิตเหนือโลก เหนือชีวิต
รูปแสงสว่าง หมายถึง แสงสว่างแห่งธรรมะของทุกศาสนา
รูปภาพรวงข้างสีทอง หมายถึง เศรษฐกิจแบบพอเพียง
อักษรชื่อพรรคกำกับภายในกรอบเกลียวเชือก หมายถึงความสมานฉันท์ของทุกศาสนา
รวมกันแล้ว หมายถึง การที่สังคมมนุษย์จะดำรงอยู่ได้อย่างสันติสุข จะต้องอาศัยหลักธรรมของศาสนามายึดเหนี่ยว ชำระจิตใจ ควบคู่ไปกับความสมานฉันท์ของทุกศาสนาและการพัฒนาตามแนวเศรษฐกิจแบบพอเพียง จะทำให้ทั้งโลกเกิดความสมดุล สมบูรณ์พูนสุข โดยเท่าเทียมกัน
สีประจำพรรคคือ สีขาว หมายถึง ศาสนา หรือหลักธรรม
คำขวัญของพรรคการเมือง คือ เทิดธรรมนำชีวิต เทิดแนวเศรษฐกิจแบบพอเพียง
ตรายางเครื่องหมายสำหรับประทับรับรองเอกสารของพรรค เป็นเครื่องหมายในลักษณะเดียวกัน แต่ใช้สีเดียวล้วน[4]
นโยบายของพรรคสหธรรม พ.ศ. 2550[5]
พรรคสหธรรม จะยึดมั่นในอุดมการณ์ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นพระประมุข บริหารราชการแผ่นดินยึดโดยหลักธรรมาภิบาล และใช้หลักธรรมของทุกศาสนา เพื่อแก้ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ซึ่งได้แยกรายละเอียดในการกำหนดนโยบายของพรรคไว้ ๑๕ ด้าน ดังนี้
1. ด้านการเมืองและการปกครองและบริหารราชการแผ่นดิน จัดระบบและปฏิรูปการเมืองการปกครองให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอยู่บนพื้นฐานความต้องการและการมีส่วนร่วมของประชาชนและสอดรับกับประเพณีวัฒนธรรมแห่งความเป็นไทย และยึดมั่นหลักธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน 2. นโยบายด้านเศรษฐกิจ สนับสนุนการจัดทำแผนชุมชน เชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้สอดคล้องผสมผสานไปในทิศทางเดียวกัน และปรับแผนให้เป็นปัจจุบันทันต่อเหตุการณ์ และมุ่งเน้นการดำเนินระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ
3. นโยบายด้านสังคมและประเพณีวัฒนธรรม จัดสรรงบประมาณ สนับสนุนโครงการด้านศาสนา ศึกษาและฝึกการปฏิบัติธรรมของทุกศาสนา ตามหลักการวิถีธรรมนำชีวิต ส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพของประชาชนให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และป้องกันและแก้ไขเหตุแห่งความไม่เป็นธรรมในสังคมทุกระดับ
4. นโยบายด้านการเกษตรและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ ในครอบครัวเกษตรกรขนาดเล็กเพื่อให้เกิดความพอเพียงแก่การครองชีพในระดับอยู่ดีมีสุข และส่งเสริมการเกษตรแบบครบวงจร ส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรเพื่อจำหน่ายและการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
5. นโยบายด้านอุตสาหกรรม สนับสนุนและให้การคุ้มครองผลผลิตที่สามารถผลิตได้ภายในประเทศ ปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยคนไทย และส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐบาลผู้มีขีดความสามารถด้านต่างๆได้มีส่วนร่วมในการพัฒนามาตรฐานอุตสาหกรรมและผลผลิตด้านอุตสาหกรรมทั้งขนาดกลางและขนาดย่อม
6. นโยบายด้านการศึกษา ส่งเสริมการเรียนรู้ควบคู่คุณธรรมโดยเน้นการฝึกปฏิบัติธรรมในโรงเรียน ส่งเสริมการศึกษาฟรีถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และออกมาตรการจูงใจให้ครู อาจารย์ มีการพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพ
7. นโยบายการป้องกันประเทศและความมั่นคง ให้กองทัพมีบทบาทในการพัฒนามากขึ้น กองทัพจะหลีกเลี่ยงการปะทะกันด้วยกำลัง จะเน้นหนักด้านการเจรจาทำความเข้าใจมากกว่าการเอาชนะด้วยสงคราม และลดอัตราตำแหน่งทหาร ตำรวจในระดับสูงเพื่อจัดสรรงบประมาณไปเพิ่มในตำแหน่งระดับล่าง
8. นโยบายด้านการต่างประเทศ ดำเนินนโยบายอย่างเป็นอิสระโดยยึดหลักการของผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติเป็นสำคัญ กระชับความสัมพันธ์อันดีกับต่างประเทศทุกประเทศ ร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ปรับปรุงสนธิสัญญาต่างๆที่ประเทศไทยเสียเปรียบให้ดีขึ้น
9. นโยบายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับนานาประเทศ นำเทคโนโลยีการใช้พลังงานจากธรรมชาติต่างๆที่มีอยู่แล้วมาประยุกต์ใช้ในเชิงอุตสาหกรรมการเกษตรและการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพ และสนับสนุนการลงทุนวิจัยและพัฒนาร่วมกันกับต่างประเทศ
10. นโยบายด้านแรงงานและสวัสดิการสังคม แก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ประกาศ และคำสั่งที่ไม่เป็นธรรมกับแรงงาน ขยายการจ้างงานในภาครัฐและเอกชนให้มากขึ้น และเพิ่มความมั่นคงในการทำงานและหลักประกันในการทำงานแก่ผู้ใช้แรงงาน
11. นโยบายด้านสตรี เด็ก เยาวชนและผู้ด้อยโอกาสในสังคม ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อส่งเสริมให้หญิงและชายมีสิทธิเท่าเทียมกันและขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก เยาวชนและผู้ด้อยโอกาสมีความเป็นอยู่ในสังคมอย่างเป็นธรรม และจัดระเบียบเรื่องความเป็นอยู่ของนักโทษให้ดีขึ้นและส่งเสริมให้ได้รับความรู้ในสาขาอาชีพ
12. นโยบายด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม กำหนดแผนการใช้และพิทักษ์ทรัพยากรที่มีคุณค่าของชาติอย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุด เร่งรัดและป้องกันการแก้ปัญหามลภาวะและสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ และฟื้นฟูความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศน์และทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายไปอย่างมาก
13. นโยบายด้านสาธารณสุข สนับสนุนและส่งเสริมการให้บริการสาธารณสุขและสาธารณูปโภคอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง เพิ่มมาตรการควบคุมการโฆษณาสินค้าบางประเภทที่ให้โทษต่อสุขภาพและร่างกายของประชาชน และเพิ่มมาตรการให้บริการของโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
14. นโยบายด้านการสื่อสารและคมนาคม ป้องกันระบบผูกขาดจากบริษัทเอกชนและสนับสนุนให้มีการค้าเสรี ยกเลิกสัมปทานที่เอาเปรียบประชาชนหรือผ่อนปรนลงมาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการบริการประชาชน และจัดสรรคลื่นวิทยุให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยรวม
16. นโยบายด้านการกีฬาและการท่องเที่ยว ส่งเสริมและสนับสนุนการออกกำลังกาย และเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพของประชาชน ส่งเสริมให้เอกชนมีสโมสรการกีฬาของตนเอง และให้มีสวนสาธารณะทุกแห่งที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่นเพื่อเป็นปอดของธรรมชาติ
พรรคสหธรรมไม่เคยส่งผู้สมัครของพรรคลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่อย่างใด จนกระทั่งมีประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง นายทะเบียนพรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งในการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ครั้งที่ ๒๔/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ จึงประกาศให้พรรคสหธรรมสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตามมาตรา ๑๓๕ วรรคสาม ประกอบมาตรา ๙๑ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ เนื่องจากพรรคสหธรรมไม่สามารถดำเนินการให้มีสมาชิกไม่น้อยกว่าห้าพันคน และมีสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยภาคละหนึ่งสาขาภายในหนึ่งปี จึงมีคำสั่งให้ยุบพรรคสังคมสหธรรม[6]
อ้างอิง
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนพิเศษ 178 ง, วันที่ 16 พฤศจิกายน 2550, หน้า 59, 71-72.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนที่ 64 ง, วันที่ 5 มิถุนายน 2551,หน้า 93.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนพิเศษ 178 ง, วันที่ 16 พฤศจิกายน 2550, หน้า 71-72.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนพิเศษ 178 ง, วันที่ 16 พฤศจิกายน 2550, หน้า 72.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนพิเศษ 178 ง, วันที่ 16 พฤศจิกายน 2550, หน้า 59-71.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 126 ตอนที่ 46 ง, วันที่ 23 เมษายน 2552, หน้า 285.