ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กบฎนายสิบ"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
(ไม่แสดง 7 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 3 คน) | |||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''ผู้เรียบเรียง''' จุฑามาศ และ รศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ | |||
---- | ---- | ||
''' | |||
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต | |||
---- | ---- | ||
'''กบฏนายสิบ''' เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกิดขึ้นภายหลัง[[การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475]] ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่หลายฝ่าย อันนำมาสู่การต่อต้านคณะผู้ดำเนินการและการต่อต้านต่อระบอบการเมืองการปกครองแบบใหม่ | |||
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบอบ[[ประชาธิปไตย]]ได้เพียงปีเศษ ในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 ได้เกิด[[กบฏ]]ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมี [[นายพลเอกพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดชกฤดากร]] อดีตเสนาบดี[[กระทรวงกลาโหม]] เป็นผู้นำ ผลของการก่อการในครั้งนี้ฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดชกฤดากรเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และกลุ่มผู้ดำเนินการถูกปราบปรามอย่างรุนแรง จนในที่สุด[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ได้ทรง[[สละราชสมบัติ]] ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าวได้กระทบกระเทือนจิตใจของผู้ที่จงรักภักดีเป็นอย่างมาก<ref>โรม บุนนาค, '''คู่มือรัฐประหาร''', กรุงเทพฯ : สยามบันทึก, 2549, หน้า 86. </ref> | |||
ในที่สุดได้มีนายทหารชั้นประทวนกลุ่มหนึ่งได้คิดทำการ[[ปฏิวัติ]]ยึดอำนาจขึ้นมาอีกครั้งหวังคืนระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ถวายสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว การปฏิวัติครั้งนี้แตกต่างจากการปฏิวัติครั้งอื่นๆคือ เป็นการดำเนินงานนายทหารชั้นประทวน ซึ่งไม่ว่าปฏิวัติรัฐประหารในประเทศไทยนั้น ผู้ที่เป็นแกนนำมักจะเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ มียศตั้งแต่นายพันจนถึงนายพล แต่ในการปฏิวัติครั้งนี้เป็นการดำเนินงานของนายทหารระดับจ่ายนายสิบ นายสิบ และ พลทหาร | |||
ในระบบทหารของสังคมไทยนั้น นายทหารชั้นประทวนนับว่าเป็นคนกลุ่มใหญ่ของกองทัพ เป็นพลังเงียบที่มีความสำคัญแต่คนทั่วไปมักมองไม่เห็น หรือถึงจะมองเห็นก็มักถูกมองว่าไม่มีความรู้ถึงจะมีกำลังก็ไม่มีความหมาย<ref>นายหนหวย, '''กบฏนายสิบ 2478''', กรุงเทพฯ : มติชน, 2543, หน้า 15. </ref> นายทหารชั้นประทวนระดับสิบตรีถึงจ่านายสิบกระจายกันอยู่ทุกกองพันทหาร เป็นกลไกสำคัญของกองทัพรองจากนายทหารและมีจำนวนมากกว่านายทหาร | |||
นายสิบในกองทัพทุกกองทัพมาจากคนสองประเภทคือ นายสิบกองประจำการ ได้แก่ผู้ที่ถูกเกณฑ์มารับราชการทหาร เป็นผู้มีพื้นฐานการศึกษาพอสมควร ขยันขันแข็งรักอาชีพทหาร พอรับราชการครบกำหนดปลดประจำการเป็นกองหนุนก็ยื่นความจำนงสมัครอยู่ในกองทัพต่อ อีกประเภทหนึ่งคือนายสิบหลัก ทางกองทัพบกประกาศรับบุคคลธรรมดาเข้าเป็นนักเรียนนายสิบโดยกำหนดคุณวุฒิ นายสิบที่มาจากระดับนี้สามารถเลื่อนขั้นตัวเองโดยผ่านการเรียนในโรงเรียนนายดาบ โรงเรียนนายร้อยจนเป็นจอมพลก็มี (อาทิ [[ผิน ชุณหะวัณ|จอมพล ผิน ชุณหะวัณ]]) ภารกิจและหน้าที่ของนายสิบหรือนายทหารชั้นประทวนเหล่านี้คือ ร่วมฝึกทหารใหม่ทำหน้าที่ผู้บังคับหมู่ เข้าเวรทำหน้าที่นายสิบเวร เป็นผู้ถือกุญแจคลังอาวุธและกระสุนของแต่ละกองร้อย ดูแลทุกเรื่องราวในกองร้อย ดังนั้นกลุ่มนายสิบจึงเป็นผู้บังคับบัญชาชั้นต่ำแต่อยู่ใกล้ชิดกำลังพลที่สุด<ref>เรื่องเดียวกัน, หน้า16. </ref> และเป็นตัวแทนที่มาจากคนกลุ่มใหญ่ของสังคมคือประชาชนที่ได้มามีบทบาททางการเมืองในระดับกองทัพ | |||
ในปี พ.ศ.2478 นายทหารชั้นประทวนกลุ่มหนึ่งได้คบคิดกันจะ[[ยึดอำนาจ]]ด้วยวิธีการรุนแรง มีแผนที่จะสังหารบุคคลสำคัญในฝ่ายรัฐบาลหลายคน เช่น นายพันเอก[[แปลก พิบูลสงคราม|หลวงพิบูลสงคราม]] รัฐมนตรีว่าการ[[กระทรวงกลาโหม]] ซึ่งเป็นบุคคลที่คุมกำลังทหารและเป็นแม่ทัพที่ปราบกบฏบวรเดชจนย่อยยับ นอกจากนั้นก็มี พ.ต.อ.[[หลวงอดุลเดชจรัส]] อธิบดีกรมตำรวจ พระเจ้าวรวงศ์เธอ [[พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา]] ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ [[พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ]] ที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี สำหรับ พ.อ.[[พระยาพหลพลพยุหเสนา]] หัวหน้า[[คณะราษฎร]] เป็นบุคคลที่ทุกฝ่ายให้ความเคารพ กลุ่มนายทหารชั้นประทวนไม่ได้คิดจะสังหาร แต่จะจับไว้เป็นตัวประกัน แต่ถ้าหากมีการขัดขืนก็จะจัดการอย่างเด็ดขาดรุนแรงที่สุด และจะยึดเอาตึกกระทรวงกลาโหมเป็นกองบัญชาการ จากนั้นเมื่อยึดอำนาจได้แล้วจะถวายราชบัลลังก์คืนแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว<ref>โรม บุนนาค, '''คู่มือรัฐประหาร''', หน้า 86. </ref> | |||
ในปี พ.ศ.2478 | |||
==รายชื่อผู้ถูกจับกุมดำเนินคดี== | ==รายชื่อผู้ถูกจับกุมดำเนินคดี== | ||
ความคิดที่จะดำเนินการอย่างรุนแรงด้วยการสังหารบุคคลสำคัญฝ่ายรัฐบาลของนายทหารชั้นประทวนกลุ่มนี้ ทำให้ผู้ร่วมทำการบางคนไม่เห็นด้วยและได้นำความไปเปิดเผยต่อผู้บังคับบัญชา จากนั้นเรื่องจึงถูกรายงานไปถึง พ.อ.[[จอมพล | ความคิดที่จะดำเนินการอย่างรุนแรงด้วยการสังหารบุคคลสำคัญฝ่ายรัฐบาลของนายทหารชั้นประทวนกลุ่มนี้ ทำให้ผู้ร่วมทำการบางคนไม่เห็นด้วยและได้นำความไปเปิดเผยต่อผู้บังคับบัญชา จากนั้นเรื่องจึงถูกรายงานไปถึง พ.อ.[[แปลก พิบูลสงคราม|จอมพล แปลก พิบูลสงคราม|หลวงพิบูลสงคราม]] จึงได้มีการสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาของแต่ละคนคอยติดตามการเคลื่อนไหวของทหารชั้นประทวนกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิดจนรู้พฤติการณ์แน่ชัดแล้ว จึงมีคำสั่งให้ผู้บังคับบัญชาของแต่ละกรมกองเข้าจู่โจมจับทหารในสังกัดของตนที่คิดกบฏ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 12.30 น. ของวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ.2478 จนถึงวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งการจู่โจมเข้าจับกุมในครั้งนี้ ทุกคนไม่ทันรู้ตัวจึงไม่มีการต่อสู้ ทุกคนยอมจำนนแต่โดยดี มี'''ผู้ถูกจับเป็นนายทหารชั้นประทวน 22 นาย และ พลเรือน 1 คน''' คือ <ref>รายชื่อของกลุ่มกบฏนายสิบ รวบรวมจากบันทึกและคำสัมภาษณ์ของนายหนหวย ในหนังสือ “กบฏนายสิบ 2478” </ref> | ||
บรรทัดที่ 55: | บรรทัดที่ 55: | ||
|} | |} | ||
ในการพิจารณาคดีนี้ ได้มีการจัดตั้งศาลพิเศษ โดยมีคณะกรรมการ 7 คน คือ [[พระยาอภัยสงคราม|พันเอกพระยาอภัยสงคราม]] [[พระยาวิชัยยุทธเดชาคนี|พันโทพระยาวิชัยยุทธเดชาคนี]] [[หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต|พันโทหลวงเกรียงศักดิ์พิชิต]] [[หลวงรณสิทธพิชัย|พันโทหลวงรณสิทธพิชัย]] [[หลวงเสรีเริงฤทธิ์|พันโทหลวงเสรีเริงฤทธิ์]] [[หิรัญ ปัทมานนท์|ร้อยเอกหิรัญ ปัทมานนท์]] นาย[[เสงี่ยม กาญจนเสถียร]] คำพิพากษาตัดสินคดีในวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2478 ให้'''จำคุกตลอดชีวิตจำเลย 8 คน'''คือ | |||
1.สิบโทหม่อมหลวงทวีวงศ์ วัชรีวงศ์ | 1.สิบโทหม่อมหลวงทวีวงศ์ วัชรีวงศ์ | ||
บรรทัดที่ 86: | บรรทัดที่ 83: | ||
'''จำคุก 16 ปี คนเดียว คือ นายนุ่ม ณ พัทลุง''' ส่วนคนอื่นๆ นั้นยกฟ้องพ้นข้อหา ยกเว้นสิบเอก[[สวัสดิ์ มะหะหมัด]] ที่ปฏิเสธตลอดข้อหา '''ศาลจึงตัดสินให้ประหารชีวิต''' | '''จำคุก 16 ปี คนเดียว คือ นายนุ่ม ณ พัทลุง''' ส่วนคนอื่นๆ นั้นยกฟ้องพ้นข้อหา ยกเว้นสิบเอก[[สวัสดิ์ มะหะหมัด]] ที่ปฏิเสธตลอดข้อหา '''ศาลจึงตัดสินให้ประหารชีวิต''' | ||
สิบเอกสวัสดิ์ มะหะหมัด | สิบเอกสวัสดิ์ มะหะหมัด ถูกคุมตัวไปประหารชีวิตที่[[ป้อมพระจุลจอมเกล้า]] สมุทรปราการ ในตอนเช้าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2478 เป็นนักโทษคนแรกที่ได้รับการลงโทษประหารชีวิตด้วยวิธียิงเป้า | ||
==อ้างอิง== | ==อ้างอิง== | ||
บรรทัดที่ 101: | บรรทัดที่ 98: | ||
[[ | [[หมวดหมู่:กบฏ]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 12:27, 16 ตุลาคม 2557
ผู้เรียบเรียง จุฑามาศ และ รศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
กบฏนายสิบ เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกิดขึ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่หลายฝ่าย อันนำมาสู่การต่อต้านคณะผู้ดำเนินการและการต่อต้านต่อระบอบการเมืองการปกครองแบบใหม่
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบอบประชาธิปไตยได้เพียงปีเศษ ในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 ได้เกิดกบฏขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมี นายพลเอกพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดชกฤดากร อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เป็นผู้นำ ผลของการก่อการในครั้งนี้ฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดชกฤดากรเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และกลุ่มผู้ดำเนินการถูกปราบปรามอย่างรุนแรง จนในที่สุดพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสละราชสมบัติ ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าวได้กระทบกระเทือนจิตใจของผู้ที่จงรักภักดีเป็นอย่างมาก[1]
ในที่สุดได้มีนายทหารชั้นประทวนกลุ่มหนึ่งได้คิดทำการปฏิวัติยึดอำนาจขึ้นมาอีกครั้งหวังคืนระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ถวายสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว การปฏิวัติครั้งนี้แตกต่างจากการปฏิวัติครั้งอื่นๆคือ เป็นการดำเนินงานนายทหารชั้นประทวน ซึ่งไม่ว่าปฏิวัติรัฐประหารในประเทศไทยนั้น ผู้ที่เป็นแกนนำมักจะเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ มียศตั้งแต่นายพันจนถึงนายพล แต่ในการปฏิวัติครั้งนี้เป็นการดำเนินงานของนายทหารระดับจ่ายนายสิบ นายสิบ และ พลทหาร
ในระบบทหารของสังคมไทยนั้น นายทหารชั้นประทวนนับว่าเป็นคนกลุ่มใหญ่ของกองทัพ เป็นพลังเงียบที่มีความสำคัญแต่คนทั่วไปมักมองไม่เห็น หรือถึงจะมองเห็นก็มักถูกมองว่าไม่มีความรู้ถึงจะมีกำลังก็ไม่มีความหมาย[2] นายทหารชั้นประทวนระดับสิบตรีถึงจ่านายสิบกระจายกันอยู่ทุกกองพันทหาร เป็นกลไกสำคัญของกองทัพรองจากนายทหารและมีจำนวนมากกว่านายทหาร
นายสิบในกองทัพทุกกองทัพมาจากคนสองประเภทคือ นายสิบกองประจำการ ได้แก่ผู้ที่ถูกเกณฑ์มารับราชการทหาร เป็นผู้มีพื้นฐานการศึกษาพอสมควร ขยันขันแข็งรักอาชีพทหาร พอรับราชการครบกำหนดปลดประจำการเป็นกองหนุนก็ยื่นความจำนงสมัครอยู่ในกองทัพต่อ อีกประเภทหนึ่งคือนายสิบหลัก ทางกองทัพบกประกาศรับบุคคลธรรมดาเข้าเป็นนักเรียนนายสิบโดยกำหนดคุณวุฒิ นายสิบที่มาจากระดับนี้สามารถเลื่อนขั้นตัวเองโดยผ่านการเรียนในโรงเรียนนายดาบ โรงเรียนนายร้อยจนเป็นจอมพลก็มี (อาทิ จอมพล ผิน ชุณหะวัณ) ภารกิจและหน้าที่ของนายสิบหรือนายทหารชั้นประทวนเหล่านี้คือ ร่วมฝึกทหารใหม่ทำหน้าที่ผู้บังคับหมู่ เข้าเวรทำหน้าที่นายสิบเวร เป็นผู้ถือกุญแจคลังอาวุธและกระสุนของแต่ละกองร้อย ดูแลทุกเรื่องราวในกองร้อย ดังนั้นกลุ่มนายสิบจึงเป็นผู้บังคับบัญชาชั้นต่ำแต่อยู่ใกล้ชิดกำลังพลที่สุด[3] และเป็นตัวแทนที่มาจากคนกลุ่มใหญ่ของสังคมคือประชาชนที่ได้มามีบทบาททางการเมืองในระดับกองทัพ
ในปี พ.ศ.2478 นายทหารชั้นประทวนกลุ่มหนึ่งได้คบคิดกันจะยึดอำนาจด้วยวิธีการรุนแรง มีแผนที่จะสังหารบุคคลสำคัญในฝ่ายรัฐบาลหลายคน เช่น นายพันเอกหลวงพิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นบุคคลที่คุมกำลังทหารและเป็นแม่ทัพที่ปราบกบฏบวรเดชจนย่อยยับ นอกจากนั้นก็มี พ.ต.อ.หลวงอดุลเดชจรัส อธิบดีกรมตำรวจ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ ที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี สำหรับ พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะราษฎร เป็นบุคคลที่ทุกฝ่ายให้ความเคารพ กลุ่มนายทหารชั้นประทวนไม่ได้คิดจะสังหาร แต่จะจับไว้เป็นตัวประกัน แต่ถ้าหากมีการขัดขืนก็จะจัดการอย่างเด็ดขาดรุนแรงที่สุด และจะยึดเอาตึกกระทรวงกลาโหมเป็นกองบัญชาการ จากนั้นเมื่อยึดอำนาจได้แล้วจะถวายราชบัลลังก์คืนแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว[4]
รายชื่อผู้ถูกจับกุมดำเนินคดี
ความคิดที่จะดำเนินการอย่างรุนแรงด้วยการสังหารบุคคลสำคัญฝ่ายรัฐบาลของนายทหารชั้นประทวนกลุ่มนี้ ทำให้ผู้ร่วมทำการบางคนไม่เห็นด้วยและได้นำความไปเปิดเผยต่อผู้บังคับบัญชา จากนั้นเรื่องจึงถูกรายงานไปถึง พ.อ.จอมพล แปลก พิบูลสงคราม|หลวงพิบูลสงคราม จึงได้มีการสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาของแต่ละคนคอยติดตามการเคลื่อนไหวของทหารชั้นประทวนกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิดจนรู้พฤติการณ์แน่ชัดแล้ว จึงมีคำสั่งให้ผู้บังคับบัญชาของแต่ละกรมกองเข้าจู่โจมจับทหารในสังกัดของตนที่คิดกบฏ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 12.30 น. ของวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ.2478 จนถึงวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งการจู่โจมเข้าจับกุมในครั้งนี้ ทุกคนไม่ทันรู้ตัวจึงไม่มีการต่อสู้ ทุกคนยอมจำนนแต่โดยดี มีผู้ถูกจับเป็นนายทหารชั้นประทวน 22 นาย และ พลเรือน 1 คน คือ [5]
1.สิบโทแผ้ว แสงส่งสูง | 13.(สามเณร)สิบเอกกวย สินธุวงศ์ |
2.สิบเอกถม เกตุอำไพ | 14.สิบโทเลียบ คหินทพงษ์ |
3.สิบเอกเท้ง แซ่ซิ้ม | 15.นายนุ่ม ณ พัทลุง |
4.สิบเอกตะเข็บ สายสุวรรณ | 16.สิบโทชื้น ชะเอมพัน |
5.สิบโทหม่อมหลวงทวีวงศ์ วัชรีวงศ์ | 17.สิบโทปลอด พุ่มวัน |
6.จ่านายสิบสาคร ภูมิทัต | 18.จ่านายสิบแฉ่ง ฉลาดรบ |
7.สิบเอกสวัสดิ์ มะหะหมัด | 19.จ่านายสิบริ้ว รัตนกุล |
8.จ่ายนายสิบสวัสดิ์ ภักดี | 20.สิบโทเหมือน พงษ์เผือก |
9.สิบเอกสวัสดิ์ ดิษยบุตร | 21.พลทหารจินดา พันธ์เอี่ยม |
10.สิบโทสาสน์ คชกุล | 22.สิบเอกเกิด สีเขียว |
11.สิบเอกเข็ม เฉลยทิศ | 23.พลทหารฮก เซ่ง |
12.สิบเอกแช่ม บัวปลื้ม |
ในการพิจารณาคดีนี้ ได้มีการจัดตั้งศาลพิเศษ โดยมีคณะกรรมการ 7 คน คือ พันเอกพระยาอภัยสงคราม พันโทพระยาวิชัยยุทธเดชาคนี พันโทหลวงเกรียงศักดิ์พิชิต พันโทหลวงรณสิทธพิชัย พันโทหลวงเสรีเริงฤทธิ์ ร้อยเอกหิรัญ ปัทมานนท์ นายเสงี่ยม กาญจนเสถียร คำพิพากษาตัดสินคดีในวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2478 ให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลย 8 คนคือ
1.สิบโทหม่อมหลวงทวีวงศ์ วัชรีวงศ์
2.สิบเอกเข็ม เฉลยทิศ
3.สิบเอกถม เกตุอำไพ
4.สิบเอกเท้ง แซ่ซิ้ม
5.สิบเอกกวย สินธุวงศ์
6.สิบโทแผ้ว แสงส่งสูง
7.สิบโทสาสน์ คชกุล
8.จ่านายสิบสาคร ภูมิทัต
- จำคุก 20 ปี 3 คน คือ
1.สิบเอกแช่ม บัวปลื้ม
2.สิบเอกตะเข็บ สายสุวรรณ
3.สิบโทเลียบ คหินทพงษ์
จำคุก 16 ปี คนเดียว คือ นายนุ่ม ณ พัทลุง ส่วนคนอื่นๆ นั้นยกฟ้องพ้นข้อหา ยกเว้นสิบเอกสวัสดิ์ มะหะหมัด ที่ปฏิเสธตลอดข้อหา ศาลจึงตัดสินให้ประหารชีวิต สิบเอกสวัสดิ์ มะหะหมัด ถูกคุมตัวไปประหารชีวิตที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า สมุทรปราการ ในตอนเช้าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2478 เป็นนักโทษคนแรกที่ได้รับการลงโทษประหารชีวิตด้วยวิธียิงเป้า
อ้างอิง