ผลต่างระหว่างรุ่นของ "20 ตุลาคม พ.ศ. 2520"
หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''ผู้เรียบเรียง''' ศ.นรนิต เศรษฐบุตร ---- '''ผู้ทรงคุณวุ...' |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 4 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''ผู้เรียบเรียง''' | '''ผู้เรียบเรียง''' ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร | ||
---- | ---- | ||
บรรทัดที่ 6: | บรรทัดที่ 6: | ||
---- | ---- | ||
วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 | วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 เป็นอีกวันหนึ่งที่มี[[การปฏิวัติ]]ยึดอำนาจการปกครองโดยคณะทหาร ซึ่งมี [[สงัด ชลออยู่|พล.ร.อ. สงัด ชลออยู่]] เป็นหัวหน้าคณะ มี [[เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์|พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์]] เป็นเลขาธิการคณะ รัฐบาลที่ถูกล้มอำนาจเป็น[[รัฐบาล]]ของ[[ธานินทร์ กรัยวิเชียร|นายธานินทร์ กรัยวิเชียร]] ซึ่งคณะทหารชุดเดียวกันนี้ได้ไปขอให้ท่านมาเป็น[[นายกรัฐมนตรี]]จัดตั้งรัฐบาล | ||
ย้อนหลังไปถึงเหตุการณ์ วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เมื่อเกิดการใช้กำลังเข้าปราบปรามนักศึกษาและประชาชนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในตอนเช้ามืดแล้ว รัฐบาลของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ก็ตกที่นั่งลำบากเอามากๆ ยังไม่ทันจะคิดแก้ไขอะไรได้ | ย้อนหลังไปถึงเหตุการณ์ วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เมื่อเกิดการใช้กำลังเข้าปราบปรามนักศึกษาและประชาชนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในตอนเช้ามืดแล้ว รัฐบาลของ [[เสนีย์ ปราโมช|ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช]] ก็ตกที่นั่งลำบากเอามากๆ ยังไม่ทันจะคิดแก้ไขอะไรได้ เย็นนั้น[[คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน]]ที่เป็นคณะทหารมี พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ก็เข้ามายึดอำนาจการปกครองล้มรัฐบาลและล้ม[[รัฐธรรมนูญ]]สำเร็จ | ||
การยึดอำนาจครั้งนี้ คณะทหารได้ไปขอ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร มาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเสนอสูตรพัฒนาประชาธิปไตย 12 ปี | การยึดอำนาจครั้งนี้ คณะทหารได้ไปขอ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร มาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเสนอสูตรพัฒนาประชาธิปไตย 12 ปี แต่การปกครองประเทศภายหลัง[[6 ตุลาคม พ.ศ. 2519|เหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519]] นั้นยากมาก รัฐบาลไม่เป็นที่นิยมและในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2520 เพียง 5 เดือนกว่าหลังเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็ต้องเจอกับการใช้กำลังเข้าล้มรัฐบาลของคณะทหารอีกกลุ่มหนึ่งที่นำโดย [[พล.อ.ฉลาด หิรัญสิริ]] อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก แต่การยึดอำนาจไม่สำเร็จจึงเป็นกบฏ เรียกกันว่า “[[กบฏ 26 มีนาคม]]” | ||
ผ่านการปราบกบฏมาได้ ก็คิดกันว่ารัฐบาลน่าจะมีความมั่นคง แต่กลายเป็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างคณะทหารที่เป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำชูรัฐบาลกับตัวรัฐบาลเองกลับไม่ได้ดีกันนัก ทางคณะทหารมีความเห็นว่ารัฐบาลมีปัญหาจึงอยากให้ปรับปรุงคณะรัฐมนตรีเสียใหม่ และรัฐมนตรีที่เป็นห่วงว่าคณะทหารให้ปรับปรุงนั้นล้วนแต่เป็นรัฐมนตรีพลเรือนเกือบทั้งสิ้น รัฐบาลไปเลือกไปขอให้เขามาร่วมงาน ไม่ใช่รัฐบาลที่เป็นทหารและมาโดยความสนับสนุนของคณะทหารโดยตรง | ผ่านการปราบกบฏมาได้ ก็คิดกันว่ารัฐบาลน่าจะมีความมั่นคง แต่กลายเป็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างคณะทหารที่เป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำชูรัฐบาลกับตัวรัฐบาลเองกลับไม่ได้ดีกันนัก ทางคณะทหารมีความเห็นว่ารัฐบาลมีปัญหาจึงอยากให้ปรับปรุงคณะรัฐมนตรีเสียใหม่ และรัฐมนตรีที่เป็นห่วงว่าคณะทหารให้ปรับปรุงนั้นล้วนแต่เป็นรัฐมนตรีพลเรือนเกือบทั้งสิ้น รัฐบาลไปเลือกไปขอให้เขามาร่วมงาน ไม่ใช่รัฐบาลที่เป็นทหารและมาโดยความสนับสนุนของคณะทหารโดยตรง | ||
บรรทัดที่ 22: | บรรทัดที่ 22: | ||
ยึดอำนาจคราวนี้ คณะทหารจึงเห็นว่าถึงเวลาที่พวกตนที่นำในการยึดอำนาจต้องเป็นรัฐบาลกันเองเสียที ซึ่งก็น่าจะเป็น พล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะ แต่เสียงสนับสนุนจากผู้ร่วมงานและมีกำลังหลักทางทหาร ได้หนุน พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน | ยึดอำนาจคราวนี้ คณะทหารจึงเห็นว่าถึงเวลาที่พวกตนที่นำในการยึดอำนาจต้องเป็นรัฐบาลกันเองเสียที ซึ่งก็น่าจะเป็น พล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะ แต่เสียงสนับสนุนจากผู้ร่วมงานและมีกำลังหลักทางทหาร ได้หนุน พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน | ||
ดังนั้น นายกรัฐมนตรี ที่ขึ้นมาภายหลังการยึดอำนาจในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 จึงได้แก่ พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ภาระที่สำคัญของรัฐบาล คือ การเร่งรีบจัดทำรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ เพื่อให้มีการเลือกตั้งและคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งรัฐบาลก็มีส่วนสำคัญทำให้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2521 | ดังนั้น นายกรัฐมนตรี ที่ขึ้นมาภายหลังการยึดอำนาจในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 จึงได้แก่ พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ภาระที่สำคัญของรัฐบาล คือ การเร่งรีบจัดทำรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ เพื่อให้มีการเลือกตั้งและคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งรัฐบาลก็มีส่วนสำคัญทำให้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2521 และมี[[การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 14 วันที่ 22 เมษายน 2522|การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522]] | ||
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]] | [[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:54, 6 ตุลาคม 2557
ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 เป็นอีกวันหนึ่งที่มีการปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองโดยคณะทหาร ซึ่งมี พล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ เป็นหัวหน้าคณะ มี พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นเลขาธิการคณะ รัฐบาลที่ถูกล้มอำนาจเป็นรัฐบาลของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ซึ่งคณะทหารชุดเดียวกันนี้ได้ไปขอให้ท่านมาเป็นนายกรัฐมนตรีจัดตั้งรัฐบาล
ย้อนหลังไปถึงเหตุการณ์ วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เมื่อเกิดการใช้กำลังเข้าปราบปรามนักศึกษาและประชาชนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในตอนเช้ามืดแล้ว รัฐบาลของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ก็ตกที่นั่งลำบากเอามากๆ ยังไม่ทันจะคิดแก้ไขอะไรได้ เย็นนั้นคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินที่เป็นคณะทหารมี พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ก็เข้ามายึดอำนาจการปกครองล้มรัฐบาลและล้มรัฐธรรมนูญสำเร็จ
การยึดอำนาจครั้งนี้ คณะทหารได้ไปขอ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร มาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเสนอสูตรพัฒนาประชาธิปไตย 12 ปี แต่การปกครองประเทศภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 นั้นยากมาก รัฐบาลไม่เป็นที่นิยมและในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2520 เพียง 5 เดือนกว่าหลังเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็ต้องเจอกับการใช้กำลังเข้าล้มรัฐบาลของคณะทหารอีกกลุ่มหนึ่งที่นำโดย พล.อ.ฉลาด หิรัญสิริ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก แต่การยึดอำนาจไม่สำเร็จจึงเป็นกบฏ เรียกกันว่า “กบฏ 26 มีนาคม”
ผ่านการปราบกบฏมาได้ ก็คิดกันว่ารัฐบาลน่าจะมีความมั่นคง แต่กลายเป็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างคณะทหารที่เป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำชูรัฐบาลกับตัวรัฐบาลเองกลับไม่ได้ดีกันนัก ทางคณะทหารมีความเห็นว่ารัฐบาลมีปัญหาจึงอยากให้ปรับปรุงคณะรัฐมนตรีเสียใหม่ และรัฐมนตรีที่เป็นห่วงว่าคณะทหารให้ปรับปรุงนั้นล้วนแต่เป็นรัฐมนตรีพลเรือนเกือบทั้งสิ้น รัฐบาลไปเลือกไปขอให้เขามาร่วมงาน ไม่ใช่รัฐบาลที่เป็นทหารและมาโดยความสนับสนุนของคณะทหารโดยตรง
มีเสียงกล่าวกันว่า หัวหน้ารัฐบาลมีความเห็นว่าถ้าจะมีการเปลี่ยนรัฐมนตรี ก็จะต้องเป็นการลาออกของรัฐบาลทั้งคณะ ความขัดแย้งประการนี้ได้นำไปสู่การยึดอำนาจในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 และเหตุแห่งการยึดอำนาจนั้นก็ปรากฏอย่างเป็นทางการจากคำปราศรัยของ พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ที่ว่า
“ได้เป็นที่ประจักษ์ แก่ประชาชนทั่วไปว่า ความสามัคคีในหมู่ข้าราชการ ประชาชน มีแต่การแตกแยก ข้าราชการมีความหวั่นไหวในการปฏิบัติราชการ การเศรษฐกิจ และการลงทุนของชาวต่างประเทศลดลงและไม่แน่นอน หากปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้ต่อไปจะยากแก่การแก้ไข”
น่าเห็นใจ “คนกลาง” ที่เป็นพลเรือนที่เขาขอให้มาเป็นนายกรัฐมนตรี เอาออกยังไม่เป็นไร ถูกเขาว่าซ้ำเติมเสียอีกด้วย
ยึดอำนาจคราวนี้ คณะทหารจึงเห็นว่าถึงเวลาที่พวกตนที่นำในการยึดอำนาจต้องเป็นรัฐบาลกันเองเสียที ซึ่งก็น่าจะเป็น พล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะ แต่เสียงสนับสนุนจากผู้ร่วมงานและมีกำลังหลักทางทหาร ได้หนุน พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
ดังนั้น นายกรัฐมนตรี ที่ขึ้นมาภายหลังการยึดอำนาจในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 จึงได้แก่ พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ภาระที่สำคัญของรัฐบาล คือ การเร่งรีบจัดทำรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ เพื่อให้มีการเลือกตั้งและคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งรัฐบาลก็มีส่วนสำคัญทำให้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2521 และมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522