26 มีนาคม พ.ศ. 2520
ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2520 นั้น ได้มีเหตุการณ์ระทึกใจคนกรุงเทพเกิดขึ้น ที่ว่าเฉพาะคนกรุงเทพก็เพราะเกิดเหตุการณ์ชิงอำนาจโดยใช้กำลังทหารเข้าล้มรัฐบาลของกลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งที่นำโดย พลเอก ฉลาด หิรัญสิริ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก เป็นอดีตรองผู้บัญชาการทหารบกที่ยังมีบารมีมากอยู่ในกองทัพ
ตอนนั้นรัฐบาลที่จะถูกล้มเป็นรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ธานินทร์ กรัยวิเชียร อันเป็นรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครอง ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ที่นำโดยนายทหารเรือที่ชื่อพลเรือเอก สงัด ชลออยู่
การยึดอำนาจของทหารเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 นั้น ทำให้เกิดการขัดแย้งในสังคมมากทีเดียว เพราะเริ่มด้วยการใช้กำลังเข้ากวาดล้างจับกุมนักศึกษาประชาชนที่ร่วมชุมนุมอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ท่าพระจันทร์ มาตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 6 ตุลาคม นั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน เพราะเป็นการใช้กำลังอย่างรุนแรง การใช้กำลังปราบครั้งนั้น ทำให้นักศึกษาจำนวนมากหนีออกจากเมืองเข้าป่าไปด้วยเกรงภัยอันตรายจากรัฐบาล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสำคัญแห่งหนึ่งปิดการเรียนการสอนอยู่นานเป็นเดือน ๆ
รัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีที่เป็นพลเรือนอย่าง นายกฯ ธานินทร์ กรัยวิเชียร จึงมีความลำบากที่จะได้รับความร่วมมืออย่างดีในสังคม อีกทั้งการที่นายกรัฐมนตรีประกาศแนวทางที่จะพัฒนาประชาธิปไตยอย่างขั้นบันได้ 12 ปี ก็ทำให้ฝ่ายการเมืองและผู้ที่ต้องการประชาธิปไตยกลับคืนมาอย่างรวดเร็วยิ่งไม่ยอมรับ
ทางด้านสื่อสารมวลชนประเภทหนังสือพิมพ์ ซึ่งในตอนนั้นเป็นสื่อมวลชนที่มีความเป็นอิสระมากกว่าสื่อมวลชนประเภทอื่น ๆ ก็ถูกกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดจากรัฐบาล ถึงกับมีการตั้งคณะที่ปรึกษาเจ้าพนักงานการพิมพ์ขึ้นมาดูแล และได้มีการจัดการปิดหนังสือพิมพ์ ไปบ้างบางฉบับ แม้จะเป็นการสั่งปิดระยะสั้น ๆ ก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็ถูกปิด
การได้อำนาจรัฐโดยใช้กำลังนั้นก็มีจุดอ่อนที่ต้องระวังว่าอาจถูกคณะทหารกลุ่มอื่นคิดใช้กำลังยึดอำนาจบ้างเหมือนกัน ในอดีตก็มีตัวอย่างให้เห็นได้
ในช่วงเวลาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2520 หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม มาได้ประมาณ 3 เดือน ก็มีข่าวลือกันเรื่องที่จะมีคณะทหารกลุ่มอื่นเข้ามาทำการรัฐประหารอยู่เป็นระยะ ๆ ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะคณะปฏิรูปชุดนี้มีหัวหน้าคณะเป็นนายพลทหารเรือ คือ พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ และมีนายพลทหารบกที่ไม่ใช่ผู้บัญชาการทหารบกอย่างพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นเลขาธิการ
ข่าวลือแพร่ไปแพร่มาไม่นานนักก็เป็นข่าวจริงขึ้นในตอนเช้ามืดของวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2520 คณะทหารกลุ่มหนึ่งจากกองพลที่ 9 จังหวัดกาญจนบุรี และจาก ร. 19 พัน 1, 2 และ 3 จำนวน 300 คน ที่แต่งเครื่องแบบสนาม ติดแถบผ้าธงไตรรงค์เล็ก ๆ ที่แขนซ้าย พร้อมอาวุธปืนกล เคลื่อนกำลังเข้ามาในกรุงเทพ อันเป็นเมืองหลวงเข้ายึดศูนย์ปฏิบัติการที่สวนรื่น ที่กองบัญชาการทหารสูงสุดสนามเสือป่า และกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะเป็นที่ใช้ในการออกแถลงการของฝ่ายยึดอำนาจ
เมื่อยึดกรมประชาสัมพันธ์ได้แล้ว ตอนสาย ๆ คณะทหารที่นำโดย พลเอก ฉลาด หิรัญสิริ ก็ได้ออกประกาศทางวิทยุกระจายเสียงเป็นแถลงการณ์ อ้างถึงความเสื่อมโทรมทางด้านต่าง ๆ ในประเทศและอ้างเหตุของผู้ยึดอำนาจ
“ทั้งนี้เพื่อเป็นแกนกลางของบรรดาผู้รักชาติ ที่จะร่วมมือกันที่จะแก้ไขสถานการณ์ของบ้านเมืองให้ดีขึ้น และเพื่อสถาปนาการปกครองระบบประชาธิปไตยให้สำเร็จ โดยเร็วที่สุด”
ใคร ๆ ก็ชอบอ้างประชาธิปไตย
แถลงการณ์ที่ออกมานี้อ้างว่าลงนามโดย พลเอก ประเสริฐ ธรรมศิริ รองผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นนายทหารที่ทหารทั้งหลายดูจะเคารพนับถืออยู่มาก ดังนั้น ผู้คนทั่วไปจึงคิดว่าการยึดอำนาจครั้งนี้จะสำเร็จเรียบร้อย
อย่างว่าแต่คนทั่ว ๆ ไปเลย เขาว่ากันว่ารัฐมนตรีท่านหนึ่งในรัฐบาล ซึ่งกำลังตรวจราชการอยู่ที่ต่างจังหวัด ยังคิดว่าถูกยึดอำนาจไปแล้ว รีบเดินทางกลับกรุงเทพ ส่งรถประจำตำแหน่งคืนหลวงและเดินทางกลับบ้าน
แต่การยึดอำนาจของกลุ่มทหารที่นำโดยพลเอก ฉลาด หิรัญสิริ ยังไม่สำเร็จ เวลาผ่านไปสักหนึ่งชั่วโมง ทหารของฝ่ายรัฐบาลก็รวมกำลังกันได้ และออกแถลงการณ์ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ยืนยันว่าทหารและตำรวจยืนอยู่ข้างรัฐบาล และอ้างว่าพลเอก ประเสริฐ ธรรมศิริ ถูกบังคับ และอ้างชื่อ ดังนั้น รัฐบาลจะปราบกบฏกันให้ได้
สถานะของฝ่ายผู้เข้ามายึดอำนาจเริ่มไม่มั่นคงเมื่อไม่มีทหารในเมืองหลวงเข้าร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลตรี อรุณ ทวาทศิน ผู้บัญชาการกองพลหนึ่งถูกยิงเสียชีวิต การยึดอำนาจเท่าที่ผ่านมากำลังของกองพลหนึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ครั้งนี้จึงส่อว่าจะล้มเหลว
ทางรัฐบาลรวมกำลังกันได้จึงปิดล้อมฝ่ายก่อการ จนนำไปสู่การเจรจาและฝ่ายก่อการยอมมอบตัวและขอให้ผู้นำของตนเดินทางไปลี้ภัยต่างประเทศ แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ หากถูกนำตัวมาดำเนินคดีและท้ายที่สุดหัวหน้าผู้ก่อการ ซึ่งกลายเป็นหัวหน้ากบฏ 26 มีนาคม พ.ศ. 2520 คือ อดีตพลเอก ฉลาด หิรัญสิริ ก็ถูกลงโทษประหารชีวิต โดยอ้างอำนาจตามมาตรา 21 ของรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2520
นับเป็นการยึดอำนาจที่ไม่สำเร็จและหัวหน้าถูกสั่งประหารชีวิตกันเลย