เจตนารมณ์ในการจัดตั้งสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ผู้เรียบเรียง วัชรา ไชยสาร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ พรรณราย ขันธกิจ
ในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี พ.ศ. 2540 นั้น สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สรุปสาระสำคัญซึ่งแสดงถึงเจตนารมณ์ในการก่อตั้งสภาที่ปรึกษาฯ ดังนี้[1]
สภาที่ปรึกษาฯ เป็นกลไกการมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและการตัดสินใจของรัฐ
การจัดตั้งสภาที่ปรึกษาฯ เป็นกลไกใหม่ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและการตัดสินใจของรัฐ เป็นกระจกที่สะท้อนความคิดเห็นจาก ภาคประชาชนต่อการกำหนดแผน และการนำเสนอปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อรัฐบาล ตลอดจนเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 หมวด 5 ว่าด้วยแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็คือ เพื่อให้หมวดว่าด้วยแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐมีสภาพการบังคับใช้โดยให้มีการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความเห็นว่า ไม่ควรให้มีสภาที่ปรึกษาฯ เนื่องจากจะทำให้เกิดความซ้ำซ้อน กับบทบาทและหน้าที่ขององค์กรพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และอาจจะทำให้เกิดปัญหาสร้างความสับสนต่อการบริหารประเทศของรัฐบาลได้
สภาที่ปรึกษาฯ ไม่ควรรวมเรื่องการเมือง
สำหรับหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ นั้น ไม่ควรรวมเรื่องการเมืองไปด้วย เนื่องจากจะทำให้สภาที่ปรึกษาฯ เข้ามามีหน้าที่กว้างและเข้ามามีบทบาททางการเมืองได้ จึงมีความเห็นให้สภาที่ปรึกษาฯ ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะในเรื่องที่เป็นปัญหาเศรษฐกิจและสังคมเท่านั้น

การทำหน้าที่ของสภาที่ปรึกษาฯ ไม่มีสภาพบังคับให้รัฐบาลดำเนินการ
การให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ จะไม่มีผลทางกฎหมายที่จะบังคับให้รัฐบาลดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง
การให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนอย่างเป็นรูปธรรม
กรณีการให้ความเห็นเกี่ยวกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและแผนอื่นตามที่กฎหมายกำหนดก่อนการประกาศใช้นั้น เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผน ตามทฤษฎีความจำเป็นพื้นฐาน (Basic Needs Theory) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบสนองต่อความจำเป็นพื้นฐานของประชาชน เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาแผนดังกล่าวดำเนินการโดยกลุ่มเทคโนแครท (Technocrat) ทำให้ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนโดยรวม แต่อย่างไรก็ตาม ความเห็นของสภาที่ปรึกษาฯ ต้องไม่มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรีหรือรัฐสภาแต่อย่างใด แต่ความเห็นนั้นอาจจะมีผลหรือมีน้ำหนักในทางการเมืองหรือจูงใจ ให้คณะรัฐมนตรีหรือรัฐสภานำไปประกอบการพิจารณาตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดได้[2]
จากการที่รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2540 ได้บัญญัติหน้าที่ซึ่งรัฐต้องปฏิบัติต่อประชาชนไว้ในหมวด 5 ของรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว อันเป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ให้รัฐถือเป็นแนวทางในการตรากฎหมาย กำหนดนโยบาย และการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งการจัดตั้งสภาที่ปรึกษาฯ ตามที่มาตรา 89 แห่งรัฐธรรมนูญฯ 2540 บัญญัติไว้นั้น เป็นบทบัญญัติหนึ่งของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐที่มีเจตนารมณ์ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการกำหนดนโยบายและการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรี
ที่มา
ปริญญา เทวานฤมิตรกุล. การมีส่วนร่วมในทางการเมืองของประชาชนในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กับความเป็นประชาธิปไตยทางตรง. วารสารกฎหมายปกครอง(สิงหาคม 2541) : 57 – 81.
พรรณราย ขันธกิจ. บทบาทและหน้าที่ขององค์กรสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. นนทบุรี : สถาบันพระปกเกล้า , 2548.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540.
ดูเพิ่มเติม
ทิวา เงินยวง. รูปแบบองค์กรที่ปรึกษาและให้คำแนะนำทางเศรษฐกิจและสังคม. กรุงเทพฯ : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.), 2538.
พรรณราย ขันธกิจ. สารานุกรมสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. นนทบุรี : สถาบัน พระปกเกล้า , 2552.
มนตรี รูปสุวรรณ และคณะ. เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ. กรุงเทพฯ : บริษัทสำนักพิมพ์วิญญูชน จำกัด,2542.
วัชรา ไชยสาร. การพัฒนาประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมกับสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรัฐสภาสาร. ปีที่ 56 ฉบับที่ 6 (มิ.ย. 2551) หน้า 64 – 91.
สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : องค์กรสะท้อนปัญหา ... จากประชาสู่รัฐ. กรุงเทพฯ : บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่งจำกัด (มหาชน), 2552.
www.nesac.go.th/