พัฒนาประชาธิปไตย (พ.ศ. 2550)
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
พรรคพัฒนาประชาธิปไตย
พรรคพัฒนาประชาธิปไตยจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2550[1] โดยมีนายสุวรรณ ทองหนุน ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคและนายสมหมาย อิ่มมณี ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค[2] ต่อมาวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2550[3] นายสมหมาย อิ่มมณี ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคและพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคและสุดท้ายเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2550[4] นายสุวรรณ ทองหนุน ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคและหัวหน้าพรรคพัฒนาประชาธิปไตยทำให้กรรมการบริหารพรรคพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ แต่เนื่องจากข้อบังคับของพรรคที่กำหนดว่าเมื่อมีเหตุให้คณะกรรมการบริหารพรรคพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะให้คณะกรรมการบริหารพรรคที่พ้นจากตำแหน่งอยู่ในตำแหน่งต่อไปเพื่อปฏิบัติจนกว่านายทะเบียนพรรคการเมืองจะตอบรับการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
ในส่วนของการเข้าร่วมทางการเมืองอย่างเป็นทางการของพรรคนั้น ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2550 พรรคได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนทั้งสิ้น 30 คน แบ่งเป็นแบบสัดส่วนจำนวน 10 คน และแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 20 คน ซึ่งทั้งหมดไม่ได้ถูกรับเลือกแต่อย่างใด
รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ[5]
ด้านการเมืองและการปกครอง
1.ปลูกจิตสำนึกให้คนไทยมีความรักชาติบ้านเมืองและมีจิตสำนึกในหน้าที่ของตนที่มีต่อชาติบ้านเมือง
2.แก้กฎหมายบางฉบับที่ล้าหลังและยังไม่เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์
3.สนับสนุนและส่งเสริมให้ข้าราชการประจำมีการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างเปิดเผย
4.การกระจายอำนาจการปกครองจากส่วนกลางสู่ภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นอย่างมีระบบ
5.ปกป้องคุ้มครองและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์อย่างเต็มรูปแบบ
ด้านเศรษฐกิจ
1.การแปรรูปรัฐวิสาหกิจจะกำหนดอัตราส่วนในการถือหุ้นของรัฐบาลต้องเกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นทั้งหมดในกรณีของรัฐวิสาหกิจหลักและอาจจะเป็นผู้ถือหุ้นน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของหุ้นทั้งหมดในกรณีของรัฐวิสาหกิจรอง
2.กำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้ตรงกับสภาพความเป็นจริง
3.สนับสนุนให้ตั้งองค์กรเศรษฐกิจแห่งชาติ
ด้านสังคมและวัฒนธรรม
1.ปลูกฝังชาตินิยมให้แก่เยาวชนและประชาชนทุกหมู่เหล่า
2.ป้องกันและแก้ไขเหตุแห่งความไม่เป็นธรรมในสังคมทุกระดับ
3.ให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนในการนับถือศาสนา
4.พัฒนาการวางผังเมืองของทุกจังหวัดให้เป็นระเบียบ
ด้านการเกษตรและสหกรณ์
1.ประกันการผลิตและราคาผลผลิตของเกษตรกรอย่างเป็นระบบและเป็นธรรม
2.พัฒนาเกษตรกรรมแบบผสมผสานและแบบปลอดสารพิษ
3.ปรับปรุงพัฒนาแหล่งน้ำ แม่น้ำ ชายฝั่งทะเล ทั่วประเทศ
4.สนับสนุนการตลาดการเกษตรของสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัด
5.หยุดยั้งการทำลายป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด
6.ปรับปรุงและปฏิรูประบบที่ดิน
ด้านการอุตสาหกรรม
1.สนับสนุนและให้การคุ้มครองผลผลิตที่สามารถผลิตได้ภายในประเทศ
2.สนับสนุนให้ประชาชนใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยคนไทย
3.ส่งเสริมอุตสาหกรรมการส่งออกขนาดกลางไปจนถึงอุตสาหกรรมในครัวเรือน
4.ควบคุมมลภาวะที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม
5.ส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตรอย่างเต็มรูปแบบ
ด้านการศึกษา
1.สนับสนุนการศึกษาแก่เด็กยากจน ด้อยโอกาสโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2.ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนให้เหมาะสม
3.ให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทุกระดับในการดำเนินการกิจกรรมร่วมกันเพื่อเกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และป้องกันความขัดแย้งระหว่างสถาบัน
4.กำหนดมาตรการการลงโทษนักเรียน นักศึกษาที่ทำผิดกฎสถาบันอย่างเฉียบขาดและรุนแรง
5.ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารและการดำเนินการของสถาบันการศึกษาให้ก้าวหน้าและ มีอิสระ
6.สนับสนุนการแปลและเรียบเรียงหนังสือ ตำราเรียนหรือเอกสารอ้างอิงจากต่างประเทศ
ด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคง
1.ให้กองทัพมีบทบาทในการพัฒนาและร่วมมือเสริมสร้างความมั่นคงของชาติทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม
2.สร้างและพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ขึ้นใช้เอง
3.ปรับปรุงสวัสดิการทหาร
4.ปรับปรุงโครงสร้างของกองทัพ
5.แลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ทางการทหารกับต่างประเทศ
6.ตั้งหน่วยตรวจสอบพิเศษเพื่อป้องกันและติดตามการแทรกแซง การจารกรรมของกระบวนการก่อการร้ายจากภายนอกประเทศ
ด้านการต่างประเทศ
1.ดำเนินนโยบายอิสระโดยยึดหลักของผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติเป็นสำคัญ
2.กระชับความสัมพันธ์อันดีกับต่างประเทศทุก ๆ ประเทศ
3.ให้ความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
4.ปรับปรุงสนธิสัญญาต่าง ๆ โดยที่ประเทศไทยเสียเปรียบ
5.รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศให้น้อยที่สุด
ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1.สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับต่างประเทศ
2.ให้มีการลงทุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันกับต่างประเทศ
ด้านการแรงงานและสวัสดิการสังคม
1.แก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ประกาศและคำสั่งที่ไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับโรงงาน
2.ขยายการว่าจ้างงานทั้งภาครัฐและเอกชนให้มากขึ้น
3.ขจัดการขูดรีดแรงงานที่ไม่เป็นธรรมให้หมดสิ้นไป
4.สร้างหลักประกันในการทำงานแก่ผู้ใช้แรงงานทั้งในและต่างประเทศ
5.สนับสนุนการจัดตั้งสหภาพแรงงาน
ด้านสตรี เด็ก เยาวชนและผู้ด้อยโอกาสในสังคม
1.จัดหางานที่เหมาะสมและสงวนลิขสิทธิ์ของงานบางประเภทสำหรับสตรี
2.คุ้มครองการใช้แรงงานเด็กอย่างเข้มงวด
3.ออกกฎหมายลงโทษ บิดา มารดา หรือผู้ปกครองที่ทารุณกรรมและไม่เอาใจใส่ในการเลี้ยงดูบุตร หรือเด็กที่อยู่ในความอุปการะ
ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
1.กำหนดแผนการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า
2.เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศ
3.แก้ไขปัญหามลพิษ
4.นำเข้าพลังงานหลักจากต่างประเทศและเก็บพลังงานภายในประเทศไว้เป็นพลังงานสำรอง
ด้านการต่อต้านยาเสพติดและโรคติดต่อที่รุนแรง
1.ป้องกันและปราบปรามการผลิต
2.การนำเข้าและจำหน่ายยาเสพติด
3.จัดให้มีการบำบัดผู้ติดยาเสพติด
4.เข้มงวดกับการนำเข้ายาปราบศัตรูพืชที่มีสารพิษเจือปน สัตว์หรือพาหะนำโรคร้ายแรง รวมไปถึงชาติต่างชาติที่อาจนำมาซึ่งโรคติดต่อร้ายแรงได้
ด้านสาธารณสุขและสาธารณูปโภค
1.ควบคุมโฆษณาบางชนิดที่ให้โทษต่อสุขภาพและร่างการของประชาชน
2.จัดให้มีการบริการสาธารณสุขที่ดีและทั่วถึง
3.ควบคุมค่ารักษาพยาบาลให้เป็นธรรม
ด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม
1.ป้องกันการผูกขาดของเอกชน
2.ยกเลิกสัมปทานที่เอาเปรียบประชาชน
3.จัดสรรคลื่นความถี่วิทยุให้เกิดประโยชน์สูงสุด
4.ขยายเส้นคมนาคมทั่วประเทศ
5.สร้างรถไฟรางคู่
6.ป้องกันการลงทุนที่ซ้ำซ้อน
7.จัดระบบการจราจรทั่วประเทศให้เป็นระเบียบ
ด้านการกีฬาและนันทนาการ
1.สร้างสถานที่ฝึก ที่แข่งขันและที่พักผ่อนอย่างเพียงพอ
2.ส่งเสริม สนับสนุนการออกกำลังกายและเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพของประชาชน
3.ให้สวัสดิการนักกีฬาทีมชาติอย่างเหมาะสม