พัฒนาชาติไทย (พ.ศ. 2546)

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต



พรรคพัฒนาชาติไทย

พรรคพัฒนาชาติไทยจดทะเบียนจัดตั้งพรรคขึ้นเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2546[1] โดยมีนายประสาท เผ่าชัย ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค[2] ต่อมาเมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2548 นายประสาท เผ่าชัย ได้ลาออกจาการเป็นหัวหน้าพรรคทำให้กรรมการบริหารพรรคพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะจึงเป็นเหตุให้ต้องมีการเลือกตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้นได้แก่นายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคนั้นได้แก่นายประพัฒน์ เพชรทอง[3] แต่แล้วเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้ยุบพรรคพัฒนาชาติไทย[4] พร้อมทั้งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดเป็นเวลา 5 ปีเนื่องจากมีหลักฐานอันน่าเชื่อถือได้ว่าพรรคพัฒนาชาติไทยรับเงินค่าจ้างจากพรรคไทยรักไทยและออกหนังสือรับรองการเป็นสมาชิกพรรคอันเป็นเท็จเพื่อให้นำไปเป็นหลักฐานในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในช่วงปี 2549[5]

ในช่วงที่ผ่านมาก่อนถูกยุบนั้นพรรคได้มีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่เป็นทางการดังต่อไปนี้คือในการเลือกตั้งเมื่อปี 2548 พรรคได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อจำนวน 5 คนและแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 1 คน ซึ่งทั้งหมดมิได้ถูกรับเลือกแต่อย่างใด ส่วนในปี 2549 นั้นพรรคได้ส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 31 คนและแบบบัญชีรายชื่อจำนวน 5 คน

รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ


ด้านการเมืองและการปกครอง

1.ส่งเสริมสิทธิ เสรีภาพและปลูกจิตสำนึกให้รักชาติบ้านเมือง

2.สนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

3.แก้กฎหมายที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

4.ส่งเสริมให้ข้าราชการประจำมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างเปิดเผย

5.กระจายอำนาจการปกครอง

6.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบหมู่ข้าราชการ

7.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน

8.สร้างมาตรฐานและความเป็นธรรมในการเลื่อนตำแหน่งของข้าราชการ

9.ปกป้อง คุ้มครอง เทิดทูนสถาบันกษัตริย์


ด้านเศรษฐกิจ

1.ทบทวนและพัฒนาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

2.กำหนดมาตรฐานผลผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก

3.ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกร

4.กำหนดการใช้สอยพื้นที่อย่างเป็นระบบ

5.สนับสนุนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ

6.กระจายความเจริญไปสู่ชนบท

7.ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค บริโภค

8.ยกระดับมาตรฐานค่าครองชีพ

9.จัดตั้งองค์กรเศรษฐกิจแห่งชาติ

10.วางผังเมืองทั่วประเทศ

11.สนับสนุนและคุ้มครองผลผลิตภายในประเทศ

12.ส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตโดยคนไทย


ด้านสังคมและวัฒนธรรม

1.แก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมในทุกระดับ

2.สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

3.จัดให้มีการประกันสังคมอย่างสมบูรณ์แบบ

4.ให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา

5.ปลูกฝังชาตินิยมให้แก่ประชาชน


ด้านการเกษตรและสหกรณ์

1.ปรับปรุง แก้ไขระบบสหกรณ์

2.ประกันการผลิตและราคาผลผลิตของเกษตรกร

3.พัฒนาเกษตรกรรมแบบผสมผสาน ปลอดสารพิษ และขยายตลาดสินค้าดังกล่าว

4.ปรับปรุงระบบชลประทาน

5.พักชำระหนี้และปลดหนี้เกษตรกรอย่างเป็นระบบ


ด้านการศึกษา

1.ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดเวลาของเยาวชน

2.เด็กยากจนเรียนฟรี

3.พัฒนาครู พัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสม

4.พักชำระหนี้และปลดหนี้ครูอย่างเป็นระบบ

5.สนับสนุนการแปลตำราจากต่างประเทศ


ด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคง

1.พัฒนาประสิทธิภาพของประเทศให้พร้อมเผชิญภัยคุกคาม

2.เพิ่มบทบาทของกองทัพทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม

3.ผลิตอาวุธขึ้นใช้เอง

4.ปรับปรุงสวัสดิการทหาร

5.จัดให้มีการซ้อมรบ แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับต่างประเทศ

6.จัดตั้งหน่วยตรวจสอบพิเศษเพื่อป้องกันภัยจากการก่อการร้าย


ด้านการต่างประเทศ

1.ดำเนินนโยบายอย่างเป็นอิสระ

2.เป็นมิตรกับทุกประเทศ

3.ทบทวนสนธิสัญญาต่างๆที่ทำให้ไทยเสียเปรียบ

4.รับการช่วยเหลือจากต่างประเทศให้น้อยที่สุด


ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

1.สนับสนุนการวิจัยและการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์

2.สนับสนุนการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับต่างประเทศ

3.ประยุกต์ใช้พลังงานธรรมชาติให้เกิดประโยชน์ทางอุตสาหกรรม


ด้านแรงงานและสวัสดิการสังคม

1.ปรับปรุงคำสั่ง ประกาศ กฎหมายที่เกี่ยวกับแรงงาน

2.ขยายการจ้างงานทั้งภาครัฐและเอกชน

3.เพิ่มหลักประกันและความมั่นคงในการทำงาน

4.ส่งเสริมการจัดตั้งสหภาพแรงงาน

5.ส่งเสริมระบบแรงงานสัมพันธ์

6.จัดตั้งกองทุนบำนาญแห่งชาติสำหรับผู้ใช้แรงงาน


ด้านเด็ก สตรี เยาวชนและผู้ด้อยโอกาสในสังคม

1.ส่งเสริมความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงชาย

2.จัดหางานที่เหมาะสมและสงวนงานบางประเภทไว้ให้สตรี

3.คุ้มครองสวัสดิภาพ เด็ก เยาวชนและผู้ด้อยโอกาส

4.คุ้มครองการใช้แรงงานเด็ก

5.จัดให้มีองค์กรของรัฐที่จะคอยดูแลเด็กที่ถูกผู้ปกครองทอดทิ้ง

6.จัดระเบียบความเป็นอยู่ของนักโทษให้ดียิ่งขึ้น


ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

1.กำหนดแผนการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า

2.เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศ

3.แก้ไขปัญหามลพิษ

4.นำเข้าพลังงานหลักจากต่างประเทศและเก็บพลังงานภายในประเทศไว้เป็นพลังงานสำรอง

ด้านการต่อต้านยาเสพติดและโรคติดต่อที่รุนแรง 1.ป้องกันและปราบปรามการผลิต 2.การนำเข้าและจำหน่ายยาเสพติด 3.จัดให้มีการบำบัดผู้ติดยาเสพติด 4.เข้มงวดกับการนำเข้ายาปราบศัตรูพืชที่มีสารพิษเจือปน สัตว์หรือพาหะนำโรคร้ายแรง รวมไปถึงชาติต่างชาติที่อาจนำมาซึ่งโรคติดต่อร้ายแรงได้ ด้านสาธารณสุขและสาธารณูปโภค 1.ควบคุมโฆษณาบางชนิดที่ให้โทษต่อสุขภาพและร่างการของประชาชน 2.จัดให้มีการบริการสาธารณสุขที่ดีและทั่วถึง 3.ควบคุมค่ารักษาพยาบาลให้เป็นธรรม

ด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม 1.ป้องกันการผูกขาดของเอกชน 2.ยกเลิกสัมปทานที่เอาเปรียบประชาชน 3.จัดสรรคลื่นความถี่วิทยุให้เกิดประโยชน์สูงสุด 4.ขยายเส้นคมนาคมทั่วประเทศ 5.สร้างรถไฟรางคู่ 6.ป้องกันการลงทุนที่ซ้ำซ้อน 7.จัดระบบการจราจรทั่วประเทศให้เป็นระเบียบ


อ้างอิง

  1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 121 ตอนพิเศษ 3ง หน้า 100
  2. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 121 ตอนพิเศษ 3ง หน้า 33
  3. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 122 ตอนที่ 84ง หน้า 19
  4. ราชกิจจานุเบกษาเล่ม 124 ตอนที่ 33ก
  5. สรุปความจากราชกิจจานุเบกษา เล่ม 121 ตอนพิเศษ 3ง หน้า 33-52