ธัมมาธิปไตย (พ.ศ. 2546)
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
พรรคธัมมาธิปไตย
พรรคธัมมาธิปไตยจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2546[1] โดยมีนายสุพัฒก์ ชุ่มช่วย ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคและนายสุรพงษ์ แว่นแก้ว ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค[2] ต่อมาเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 พรรคธัมมาธิปไตยได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเนื่องจากนายสุพัฒก์ ชุ่มช่วย[3] ได้ลาออกจาการเป็นสมาชิกพรรคและหัวหน้าพรรคทำให้ลคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งพรรคจำเป็นที่จะต้องสรรหาหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ซึ่งสุดท้ายแล้วหัวหน้าพรรคคนใหม่ก็ได้แก่นายสุรพงษ์ แว่นแก้ว ที่อดีตเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคส่วนเลขาธิการพรรคคนใหม่นั้นก็ได้แก่นายกมล ศรีนอก สุดท้ายเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้ยุบพรรคธัมมาธิปไตย[4] ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ. 2541 มาตรา 65 วรรคสองเนื่องจากไม่ส่งแบบรายงานการดำเนินกิจการของพรรคในรอบปี พ.ศ. 2548
ในส่วนของการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นทางการของพรรคในช่วงที่ยังไม่ถูกยุบนั้นในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549พรรคได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อจำนวน 5 คนและแบบแบ่งเขตจำนวน 4 คน ซึ่งทั้งหมดมิได้รับการเลือกตั้งแต่อย่างใด
ในส่วนของรายละเอียดเกี่ยวกับแนวนโยบายของพรรคนั้นเนื่องจากนโยบายของพรรคเกิดจากความร่วมมือและร่วมใจของกลุ่มคนที่รัก ศรัทธาและหวงแหนพระศาสนาดังนั้นจึงให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาเป็นอันดับแรกดังจะเห็นได้จากรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญซึ่งมีดังต่อไปนี้คือ[5]
ด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
1. เทิดทูนศาสนาและนำหลักธรรมไปปฏิบัติจริง
2. ปฏิรูปกฎหมาย โครงสร้างทางราชการและองค์กรทางศาสนาให้สอดคล้องกับหลักธรรมของศาสนา
3. เผยแพร่ศาสนาผ่านบุคคลและสื่อทุกรูปแบบ
4. ทะนุบำรุงศาสนสถานและศาสนวัตถุ
5. จัดตั้งกองทุนศาสนา
6. สนับสนุนให้บุคลากรทางศาสนาไปดูงานยังแหล่งกำเนิดของศาสนาทุกๆ ปี
7. ส่งเสริมให้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด
8. ปฏิรูปศาสนาทุก 5 ปี
ด้านการศึกษา
1. เรียนฟรีอย่างน้อย 12 ปี
2. ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
3. รัฐกับเอกชนร่วมมือกันบริหารการศึกษา
4. ปฏิรูประบบตำแหน่ง ค่าตอบแทนพัฒนา และการฝึกอบรมบุคคลากรทางการศึกษา
ด้านความมั่นคง
1. ป้องกันภัยคุกคามต่างๆทั้งในและต่างประเทศ
2. ส่งเสริม พัฒนาคุณภาพและความมั่นคงในชีวิตของประชาชน
3. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและภัยพิบัติทั้งปวง
4. ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองและการประกอบอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ จากชาวต่างชาติ
ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบและยาเสพติด
1. ให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสการทุจริต ประพฤติมิชอบและการจำหน่ายยาเสพติด
2. ผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องร่วมรับผิดชอบหากเกิดการทุจริตในหน่วยงานของตน
4. ให้การศึกษาแก่ประชาชนเพื่อป้องกันการทุจริต ประพฤติมิชอบและการกระทำผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติด
5. ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบและปัญหายาเสพติด
ด้านแรงงานและสวัสดิการทางสังคม
1. จัดหางานให้ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2. พัฒนาฝีมือแรงงาน
3. ให้ค่าตอบแทนแก่ผู้แจ้งเบาะแสแหล่งงานที่มีตำแหน่งว่าง
4. ปราบปรามผู้ประกอบการการจัดหางานที่เอารัดเอาเปรียบ
5. จัดสวัสดิการและให้ความคุ้มครองแรงงาน
6. จัดให้มีประกันสังคม
ด้านสาธารณสุข
1. บริการฟรีสำหรับคนจน
2. ปฏิรูปกระบวนการบริหาร จัดการด้านบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขให้ทันสมัย
3. ส่งเสริมให้มีการศึกษา ค้นคว้า วิจัยเพื่อพัฒนาทางการแพทย์
ด้านการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน
1. เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน
2. ส่งเสริมการจัดตั้งกลุ่มการเมืองภาคประชาชน
3. จัดการเรียนการสอนเรื่องประชาธิปไตยในทุกระดับการศึกษา
4. ปฏิรูประบบราชการให้ส่วนกลางมีขนาดเล็ก
5. ปฏิรูประบบตำแหน่ง อัตราค่าตอบแทนและสวัสดิการให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ
6. จัดการประกวดและให้รางวัลแก่นักการเมืองและข้าราชการประจำที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ
7. ส่งเสริมบทบาท หน้าที่ขององค์กรอิสระ
ด้านเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง
1. ใช้เศรษฐกิจพอเพียง
2. เศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียมและเป็นธรรม
4. เร่งรัดการพัฒนาด้านการตลาดและเงินทุน
3. รักษาเสถียรภาพทางด้านการเงินและการคลัง
4. ปฏิรูประบบภาษีอากร
5. จัดสรรงบประมาณประเทศแบบยืดหยุ่น
6. ปฏิรูปการเงิน การคลัง และงบประมาณให้ทันสมัย
7. ส่งเสริมการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในประเทศ
ด้านการพาณิชย์
1. ลดการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทุกประเภท
2. ส่งเสริมให้มีตลาดเพิ่มมากขึ้น
3. ยกระดับการผลิตสินค้า
4. จัดให้มีการค้นคว้าวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อการผลิตสินค้า
5. สนับสนุนการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
6. จัดตั้งกองเรือพาณิชย์เพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ
ด้านการเกษตรและสหกรณ์
1.จัดให้มีการเกษตรแบบผสมผสาน
2.ปฏิรูปการถือครองที่ดิน
3.พัฒนาเกษตรกรแบบบูรณาการ
4.จัดหาตลาดทั้งในและต่างประเทศ
5.ค้นคว้า วิจัยเพื่อวางแผนการผลิตสินค้าทางการเกษตร
6.ปฏิรูประบบสหกรณ์
7.จัดตั้งกองทุนการเกษตร
8.จัดตั้งโรงงานเกษตรอุตสาหกรรม
นโยบายอุตสาหกรรม
1. ส่งเสริม สนับสนุนการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมในทุกระดับ
2. ปรับโครงสร้างการผลิตอยู่เสมอ
3. สร้างผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรุ่นใหม่
4.ยกเว้นภาษีให้กับธุรกิจที่ประกอบกิจการกำจัดมลพิษและการรักษาสิ่งแวดล้อม
ด้านการคมนาคมขนส่ง
1. ขยายเส้นทางคมนาคมขนส่งภาย
2. ปฏิรูประบบการบริหารงานที่เกี่ยวข้องกับการคมนาคมขนส่ง
3. ปฏิรูประบบสัญญาณการจราจร
4. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเอกชน
นโยบายพลังงาน
1. ส่งเสริมให้มีการศึกษาและวิจัยเพื่อผลิตพลังงานและกระแสไฟฟ้าจากผลผลิตทางการเกษตร
2. สนับสนุนให้เอกชนเข้าร่วมในการจัดหาแหล่งพลังงานธรรมชาติ
3. เพิ่มพูนความรู้และความเข้าใจในการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1. ส่งเสริมการศึกษาและวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อการผลิตและการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ
2. วางแผนและเร่งรัดการผลิตกำลังคนทางด้านวิทยาศาสตร์ให้เพียงพอ
3. ปฏิรูประบบกฎหมาย โครงสร้างระบบราชการและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ทันสมัย
4. ส่งเสริมความก้าวหน้าและความมั่นคงของนักวิทยาศาสตร์
5. ประสานความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์
ด้านการท่องเที่ยวและการกีฬา
1. จัดพิมพ์แผนที่และเอกสารแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทั่วประเทศ
2. บรรจุความรู้ความเข้าใจในประโยชน์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกีฬาไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอน
3. การผลิตและพัฒนามัคคุเทศก์มืออาชีพ
4. ประสานความร่วมมือกับส่วนราชการและสถานประกอบการด้านกีฬาและการท่องเที่ยวดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวและนักกีฬา
5. ปฏิรูประบบการท่องเที่ยวและกีฬาให้เป็นธุรกิจที่เกื้อกูลกันมากที่สุด
7. ส่งเสริมให้ประชาชนออกกำลังกายเป็นประจำ
8. ให้เด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในการแข่งขันกีฬาทุกระดับ
9. สร้างนักกีฬามืออาชีพ
ด้านกระบวนการยุติธรรม
1. ส่งเสริมการศึกษาและวิจัยกระบวนการยุติธรรมทั้งตัวบทกฎหมายและพฤติกรรม
2. ดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย
3. ดูแลระบบงานของกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ
4. ปฏิรูปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในกระบวนการยุติธรรม