ทรงสละราชสมบัติ
จากความเห็นขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกับรัฐบาลที่ดูเหมือนจะไม่มีทางประนีประนอมกันได้ ในที่สุดระหว่างประทับรักษาพระเนตรที่อังกฤษ ทรงมีพระราชหัตถเลขาทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗ โดยมิได้ทรงแต่งตั้งผู้สืบราชสันตติวงศ์ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแต่งตั้งพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ
ในพระราชหัตถเลขา ทรงหยิบยกปัญหาอันเนื่องจากความเห็นแตกต่างกันทางการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตยมาแสดงไว้หลายประการ
ข่าวการสละราชสมบัติ เป็นที่สนใจของหนังสือพิมพ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทรงสละสิทธิในพระราชฐานะพระมหากษัตริย์ แต่ทรงสงวนสิทธิซึ่งได้ทรงดำรงมานับแต่ก่อนเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ รวมทั้งโปรดให้ใช้พระนามเดิม ว่า “สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา” และประทับในประเทศอังกฤษต่อไป พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี และข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิดไม่มากนัก
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกในระบอบรัฐสภาของประเทศไทย
ที่มา
บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖