คณะองคมนตรี

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้เรียบเรียง วิมลรักษ์ ศานติธรรม

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง

 


พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้กำหนดคำว่า องคมนตรี หมายถึง ผู้มีตำแหน่งที่ปรึกษา ในพระองค์พระมหากษัตริย์

คณะองคมนตรี หมายถึง กลุ่มบุคคลผู้มีตำแหน่งที่ปรึกษาและถวายข้อราชการในพระองค์พระมหากษัตริย์

คณะองคมนตรีอังกฤษ ต้นกำเนิดคณะองคมนตรีไทย

การปกครองของอังกฤษแต่โบราณตั้งแต่ราชวงศ์คอร์ดแมน พระมหากษัตริย์อังกฤษจะมีสภาที่ปรึกษา (Curia Reggaes) ซึ่งประกอบด้วยขุนนางเจ้าศักดินาและข้าราชบริพารในราชสำนักคนสำคัญ มีหน้าที่ถวายคำปรึกษา และดำเนินการตามที่พระมหากษัตริย์มีพระบรมราชโองการแต่หากเป็นเรื่องเล็กน้อยประจำวัน ข้าราชบริพารกับขุนนางที่อยู่ในราชสำนักจะเป็นผู้กระทำการและหากเป็นเรื่องสำคัญ พระมหากษัตริย์ก็จะทรงเรียกประชุมขุนนางคนสำคัญเพิ่มขึ้น หากเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง เช่น การประกาศสงครามหรือการเพิ่มภาษี พระมหากษัตริย์จะทรงเรียกประชุมขุนนางเจ้าศักดินาน้อยใหญ่ในลักษณะสภาศักดินา และข้าราชบริพารในราชสำนักก็จะทำหน้าที่ทางธุรการ

เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มต่างๆ ในสภาที่ปรึกษา (Curia Reggaes) ที่มีความชำนาญทางเทคนิคต่างกันก็จะแยกกันทำงานเป็นหมู่ กล่าวคือถ้าพระมหากษัตริย์ทรงเรียกประชุมสภาที่ปรึกษาชุดใหญ่ (the great council) ในกิจการสำคัญก็จะทรงเรียกเช่นนั้นต่อๆ มา จนสภานี้พัฒนามาเป็นรัฐสภา (Parliament) ในยุคต่อมา แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่สำคัญ พระมหากษัตริย์ก็จะทรงเรียกขุนนางผู้ใกล้ชิดและข้าราชบริพารในราชสำนักไม่กี่คนมาประชุมการดำเนินการต่อๆ มาทำให้การเรียกประชุมนี้กลายเป็นการประชุมคณะองคมนตรี (Privy Council) และพระมหากษัตริย์ในคณะองคมนตรี (The King in Council) ก็จะทรงใช้พระราชอำนาจบริหารและพระราชอำนาจตุลาการไปพร้อมๆ กัน ในบางยุค เช่น ในราชวงศ์ทิวดอร์ พระมหากษัตริย์ทรงใช้คณะองคมนตรีมากกว่ารัฐสภา คณะองคมนตรีจึงมีอำนาจมากจนถึงยุคที่โอลิเวอร์ ครอมเวล ปกครองอังกฤษ คณะองคมนตรีก็หมดบทบาทโดยสิ้นเชิง

ความเป็นมาขององคมนตรีไทย

องคมนตรีมีมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในระยะแรกนั้นยังไม่ได้เรียก “องคมนตรี” แต่จะใช้คำว่า “ปรีวีเคาน์ซิล” “ปรีวีเคาน์ซิลลอร์” หรือ “ที่ปฤกษาในพระองค์” ส่วนคำว่า “องคมนตรี” เริ่มใช้ตั้งแต่เมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน ทั้งนี้ในรายงานการประชุมเสนาบดีเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ร.ศ. 111 (พ.ศ. 2435) และใน “ประกาศการพระราชพิธีศรีสัจปานกาล พระราชทานพระไชยวัฒน์องค์เล็ก แลเครื่องราชอิศริยาภรณ์ และตั้งองคมนตรี” เมื่อ ร.ศ. 111 ปรากฏว่ามีการใช้คำว่า “องคมนตรี” แล้ว ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการตั้งปรีวีเคาน์ซิลหรือที่ปรึกษาในพระองค์หลายครั้ง ทั้งนี้ “...จำนวนที่ปฤกษาในพระองค์นั้น มากน้อยเท่าใดไม่มีกำหนด ตามแต่พระราชประสงค์...แล้วต้องรับตำแหน่งที่อยู่จนสิ้นแผ่นดิน...” [1] ต่อเมื่อทรงเห็นว่าผู้ใดมีความเหมาะสมก็จะทรงตั้งเพิ่มเติม และมีการผลัดเปลี่ยนได้ตามแต่จะทรงเห็นสมควร

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แบบอย่างการแต่งตั้งองคมนตรียังคงเป็นไปตามเดิม ไม่มีการแก้ไขแต่ประการใด ทรงตั้งองคมนตรีขึ้นใหม่ตามพระราชอัธยาศัย แต่ทั้งนี้ ทรงตั้งประเพณีไว้อย่างหนึ่ง คือในเดือนมีนาคมให้กระทรวงมุรธาธรทำบัญชีผู้ได้รับพระราชทานพานทองเครื่องยศ ในคราวพระราชพิธีฉัตรมงคลเดือนพฤศจิกายนขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงเลือกเป็นองคมนตรี แล้วจะทรงตั้งเป็นองคมนตรีในวันที่ 4 เมษายน เนื่องในพระราชพิธีศรีสัจปานกาล ตลอดรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการตั้งองคมนตรีเป็นประจำทุกปี เป็นผลให้จำนวนองคมนตรีในรัชกาลนี้มีจำนวนมากถึง 233 คน และอยู่ในตำแหน่งไปจนสิ้นรัชกาล

ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงยึดแบบอย่างการแต่งตั้งองคมนตรีตามแบบประเพณีในสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 อย่างไรก็ตาม การเลือกสรรองคมนตรีในสมัยนี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย คือทรงเลือกผู้ที่ไม่ได้รับพระราชทานเครื่องยศชั้นพานทองด้วย เนื่องจากองคมนตรีมีจำนวนมากจึงไม่สะดวกในการเรียกประชุม พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งสภากรรมการองคมนตรี ขึ้นตามพระราชบัญญัติองคมนตรี พุทธศักราช 2470 และทรงคัดเลือกองคมนตรีที่ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ จำนวน 40 คน เข้ามาเป็นกรรมการองคมนตรี เพื่อทำหน้าที่ “ประชุมปรึกษาหารือข้อราชการตามแต่จะโปรดเกล้าฯ พระราชทานลงมาให้ปรึกษา” [2] นอกจากนี้ยังมีพระราชดำริจะให้สภากรรมการองคมนตรี เป็นที่ประชุมตัวอย่างสำหรับการแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างเสรีอีกด้วย ตลอดรัชสมัยรัชกาลที่ 7 สภากรรมการองคมนตรีได้ปฏิบัติหน้าที่ และทำการประชุมอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงได้มีการประกาศยกเลิกพระราชบัญญัติองคมนตรี พุทธศักราช 2470 เป็นผลให้องคมนตรีและสภากรรมการองคมนตรีที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติองคมนตรี พุทธศักราช 2470 พ้นจากตำแหน่งและหน้าที่ไป

ครั้นถึง พ.ศ. 2490 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช ได้มีประกาศแต่งตั้งอภิรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉะบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ซึ่งมีรายละเอียดที่บัญญัติไว้ดังนี้ “มาตรา 9 พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งอภิรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งสำหรับถวายคำปรึกษาในราชการแผ่นดินมาตรา 10 ในเมื่อพระมหากษัตริย์จะไม่ประทับอยู่ในราชอาณาจักร หรือด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง จะทรงบริหารพระราชภาระไม่ได้ จะได้แต่งตั้งอภิรัฐมนตรีขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ถ้าพระมหากษัตริย์มิได้ทรงตั้งหรือไม่สามารถจะทรงตั้งได้ ก็ให้คณะอภิรัฐมนตรีเข้าบริหารราชการแผ่นดิน ในหน้าที่คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ทันที” และ “มาตรา 13 อภิรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งประจำมีห้านาย เป็นผู้บริหารราชการในพระองค์ และถวายคำปรึกษาแด่พระมหากษัตริย์” อภิรัฐมนตรีจึงเป็นทั้งที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ และเป็นคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไปในขณะเดียวกัน

ต่อมาในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 ได้บัญญัติถึงบทบาท และหน้าที่ขององคมนตรีไว้ดังนี้ พระมหากษัตริย์ทรงเลือกและแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานองคมนตรีคนหนึ่ง และองคมนตรีอีกไม่มากกว่าแปดคน ประกอบเป็นคณะองคมนตรีซึ่งมีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวง ที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา และมีหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญนี้...” นับเป็นการวางพื้นฐานบทบาท และหน้าที่ขององคมนตรีสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

การประชุมองคมนตรี

คณะองคมนตรีในปัจจุบัน

ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน พระมหากษัตริย์ทรงเลือก และทรงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานองคมนตรีคนหนึ่ง และองคมนตรีอื่นอีกไม่เกินสิบแปดคน ประกอบเป็นคณะองคมนตรี (มาตรา 12 วรรคหนึ่ง) การเลือก และแต่งตั้งองคมนตรี หรือการให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัยโดยไม่ต้องรับการถวายคำแนะนำจากผู้ใด (มาตรา 13 วรรคหนึ่ง)

องคมนตรีต้องไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ต้องไม่ดำรงตำแหน่งในองค์กรต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ เช่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นต้น ต้องไม่เป็นข้าราชการ ซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ หรือสมาชิกหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง และต้องไม่แสดงการฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใด ๆ (มาตรา 14) ก่อนเข้ารับหน้าที่ องคมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณ ต่อพระมหากษัตริย์ (มาตรา 15 วรรคหนึ่ง)

หน้าที่ของคณะองคมนตรี

ตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550

1. คณะองคมนตรีมีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ ในพระราชกรณียกิจทั้งปวง ที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา และมีหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญนี้ (มาตรา 12 วรรคสอง)

2. ให้คณะองคมนตรีเสนอชื่อผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งสมควรดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต่อรัฐสภา เพื่อขอความเห็นชอบ ในกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งไว้ ในเมื่อจะไม่ประทับอยู่ในราชอาณาจักร หรือจะทรงบริหารพระราชภาระไม่ได้ หรือในกรณีที่ไม่สามารถทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะหรือเพราะเหตุอื่น (มาตรา 19 วรรคหนึ่ง)

3. ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราว ในระหว่างที่ไม่มีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราว ในกรณีที่มีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ (มาตรา 20 วรรคหนึ่งและสอง)

4. ในระหว่างที่ประธานองคมนตรีเป็น หรือทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ให้คณะองคมนตรีเลือกองคมนตรีคนหนึ่ง ขึ้นทำหน้าที่ประธานองคมนตรีเป็นการชั่วคราว (มาตรา 20 วรรคสาม)

5. เมื่อมีพระราชดำริประการใด เกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาล] ว่าด้วยการสืบราชสันติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 ให้คณะองคมนตรีจัดทำร่างกฎมณเฑียรบาล แก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลเดิมขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อมีพระบรมราชวินิจฉัย เมื่อทรงเห็นชอบ และทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ให้ประธานองคมนตรี ดำเนินการแจ้งประธานรัฐสภา เพื่อแจ้งรัฐสภาทราบต่อไป (มาตรา 22 วรรคสอง)

6. ในกรณีที่ราชบัลลังก์หากว่างลง และเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์ มิได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 ให้คณะองคมนตรีเสนอพระนามผู้สืบราชสันตติวงศ์ต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอต่อรัฐสภา เพื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบ (มาตรา 23 วรรคสอง)

งานที่คณะองคมนตรีปฏิบัติถวายเป็นประจำ

1. พิจารณาและถวายความเห็นประกอบร่างกฎหมายทั้งปวง ที่นายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อขอพระราชทานพระมหากรุณาทรงลงพระปรมาภิไธย

2. พิจารณาและถวายความเห็นประกอบการกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งและให้พ้นจากตำแหน่ง ของข้าราชการฝ่ายทหาร และฝ่ายพลเรือน ตำแหน่งปลัดกระทรวง อธิบดี และเทียบเท่า รวมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งบางตำแหน่ง ตามที่กฎหมายกำหนด

3. พิจารณาและถวายความเห็นประกอบเรื่องที่นักโทษ หรือผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้องทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ภายหลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ถวายความเห็นแล้ว

4. พิจารณาและถวายความเห็นประกอบเรื่องที่ราษฎรทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานความเป็นธรรมบางเรื่อง ซึ่งสำนักราชเลขาธิการขอให้พิจารณา

5. ถวายความเห็นสนองพระราชกระแสเรื่องอื่น ๆ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิจารณา

6. ปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนพระองค์พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศ์ในงานที่เป็นทางการตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เช่น ไปในการบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันมาฆบูชา อาสาฬหบูชา และวิสาขบูชา ไปมอบถ้วยพระราชทาน ในการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ ให้คณะบุคคลเข้าพบในโอกาสต่าง ๆ เป็นต้น

7. ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์ ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เช่น เชิญพวงมาลาหลวง และพวงมาลาของพระบรมวงศ์ ไปวางหน้าโกศศพหรือหีบศพ เชิญดอกไม้หรือสิ่งของพระราชทาน ไปมอบแก่บุคคลในโอกาสต่าง ๆ เป็นต้น

8. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งองคมนตรีทุกคนเป็นกรรมการบริหารมูลนิธิอานันทมหิดล คณะองคมนตรีจึงปฏิบัติหน้าที่บริหารงานในมูลนิธิฯ ด้วย

9. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีบางคนเป็นกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา บางคนดูแลโครงการหลวง และบางคนดูแลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการด้านการเกษตร การชลประทาน การพัฒนาชนบท และการพัฒนาสิ่งแวดล้อม

10. ปฏิบัติสนองพระราชกระแสทุกเรื่องที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ซึ่งมีขอบเขตกว้างขวางและหลากหลาย

11. เข้าเฝ้าฯ ตามตำแหน่งหน้าที่ในงานพระราชพิธี รัฐพิธี และในโอกาสต่าง ๆ เช่น ในการ พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ในโอกาสที่สถาบัน องค์กร สมาคมต่างประเทศ ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สมาชิกภาพ และรางวัลต่าง ๆ เป็นต้น

ภารกิจโดยรวมของคณะองคมนตรีนั้น ในส่วนที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นงานกลั่นกรองพระราชกรณียกิจต่างๆ ในเบื้องต้นถวายแด่พระมหากษัตริย์เพื่อประกอบพระบรมราชวินิจฉัย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการหลวงและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นงานบริหารจัดการหรือดูแลโครงการต่างพระเนตรพระกรรณ ส่วนการปฏิบัติงานผู้แทนพระองค์หรือสนองพระราชกระแสเฉพาะเรื่องนั้นเป็นการแบ่งเบาพระราชภารกิจน้อยใหญ่ลงส่วนหนึ่ง

คณะองคมนตรีในระบอบประชาธิปไตยไทย

ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปีพุทธศักราช 2475 ก็ไม่ปรากฏว่ามีคณะองคมนตรีในรัฐธรรมนูญหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองจนกระทั่งในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 จึงได้มีบัญญัติไว้ในมาตรา 9 ว่า “พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งอภิรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งสำหรับถวายคำปรึกษาในราชการแผ่นดิน”

อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกในยุคประชาธิปไตย ที่บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงเลือกและแต่งตั้ง ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานองคมนตรีคนหนึ่ง และองคมนตรีคนอื่นอีกไม่เกินแปดคนเป็นคณะองคมนตรีมีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่ทรงปรึกษา และมีหน้าที่อื่นตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด นับแต่นั้นเป็นต้นมา สถาบัน คณะองคมนตรี” ก็เป็นสถาบันที่รัฐธรรมนูญฉบับต่อๆ มาได้บัญญัติรองรับเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

อ้างอิง

  1. พระราชบัญญัติปรีวีเคาน์ซิลคือที่ปฤกษาในพระองค์ ประกาศมา ณ วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พุทธศักราช 2417, ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 1 ปีจอฉศก 1236 แผ่นที่ 17 หน้า 158.
  2. พระราชบัญญัติองคมนตรี พุทธศักราช 2470 : คำแปลพระราชบัญญัติภาษาอังกฤษ และข้อบังคับสภากรรมการองคมนตรี พุทธศักราช 2472 ฉบับกรมราชเลขาธิการ, (พระนคร : โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ), 2472, หน้า 5.

บรรณานุกรม

http://th.w3dictionary.org (วันที่สืบค้น 15 พฤษภาคม 2552)

http://www.kanchanapisek.or.th/ohmpc/history.php (วันที่สืบค้น 15 พฤษภาคม 2552)

http://www.weopenmind.com/board/index.php?topic=646.0 (วันที่สืบค้น 15 พฤษภาคม 2552)

http://www.stp.ac.th (วันที่สืบค้น 15 พฤษภาคม 2552)

http://guru.sanook.com (วันที่สืบค้น 15 พฤษภาคม 2552)

http://www.ryt9.com สารานุกรมไทย ฉบับกาญจนาภิเษก (วันที่สืบค้น 15 พฤษภาคม 2552)

http://th.wikisource.org (วันที่สืบค้น 15 พฤษภาคม 2552)

http://th.wikipedia.org วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (วันที่สืบค้น 15 พฤษภาคม 2552)

เว็บไซต์คณะองคมนตรี

คอลัมน์รู้ไปโม้ด – มติชน

สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ

คณิน บุญสุวรรณ, (2548) “ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย ฉบับสมบูรณ์”. กรุงเทพฯ : บริษัท ตถาตา พับลิเคชั่น, หน้า 165-166.

จีรวัฒน์ ครองแก้ว, (2550) “องคมนตรี ศักดิ์ศรีแผ่นดิน”. กรุงเทพฯ : มูลนิธิทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ.

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2550), หมวด 2 พระมหากษัตริย์

ธงทอง จันทรางศุ, (2544) “สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (2540) พระมหากษัตริย์”. กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, หน้า 13-17.

ดูเพิ่มเติม

ลิงค์ภายนอก

http://th.wikipedia.org ความเคลื่อนไหวสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองสยาม

http://th.wikipedia.org สภาที่ปฤกษาราชการแผ่นดิน

http://th.wikipedia.org สภาที่ปฤกษาในพระองค์

http://th.wikipedia.org สภากรรมการองคมนตรี

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2470/A/205.PDF

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2471/D/94.PDF

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2472/D/22_1.PDF

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2473/A/433.PDF