เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย (พ.ศ. 2549)
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย
พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทยจัดตั้งเมื่อ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2549 [1] โดยมี นายประเดิม ดำรงเจริญ [2] เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สำคัญครั้งหนึ่งในสังคมไทย กล่าวคือเป็นช่วงที่มีการประท้วงขับไล่รัฐบาลนายกทักษิณ ชินวัตรจากหลากหลายภาคส่วนของสังคม ในส่วนของนโยบายหลักของพรรคนั้นมุ่งเน้นที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อผลิตอาหารปลอดสารพิษ อาหารที่ปลอดภัย โดยคนทุกชนชั้นในสังคมสามารถเข้าถึงได้
การมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างเป็นทางการของพรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทยนั้นในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 พรรคได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วนจำนวน 40 คน และแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 77 คน ซึ่งทั้งหมดมิได้รับเลือกให้ได้รับตำแหน่งเลยมีแต่คนเดียว รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ [3]
1. ด้านการบริหารจัดการ
สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐในทุกระดับ จัดให้มีการการเลือกตั้งที่โปร่งใส เป็นธรรมทั้งทางตรงและทางอ้อมในทุกระดับรวมทั้งสร้างพันธมิตรระหว่างพรรคที่มีนโยบายคล้ายคลึงกัน
2. ด้านเศรษฐกิจ
สนับสนุนแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมการร่วมกลุ่มของเกษตรกรเพื่อให้เกิดการผลิตแบบครบวงจร สร้างหลักประกันให้แก่เกษตรกรในทุกๆด้าน จัดหาที่ดินทำกินให้เกษตรกรและส่งเสริมการเกษตรแบบปลอดสารพิษ พัฒนาประเทศไทยให้เป็นประเทศเกษตรอุตสาหกรรมโดยส่งเสริมอุตสาหกรรมในครัวเรือนและจัดให้มีการคุ้มครองแรงงานโดยเท่าเทียมกัน ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนจากธรรมชาติแทนน้ำมันโดยมีแผนงานที่ชัดเจน
3. ด้านสังคม
สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐในทุกระดับ มุ่งสู่การเป็นรัฐสวัสดิการโดยสร้างหลักประกันให้ประชาชนในหลากหลายด้านเช่น การศึกษา การรักษาพยาบาล ที่อยู่อาศัย ปฏิรูปการเรียนรู้ ยกเลิกกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ลดหย่อนภาษีที่เกี่ยวกับคุณภาพชีวิต จัดเก็บภาษีมรดก จัดให้ท้องถิ่น ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
4. ด้านการต่างประเทศ
สนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในระดับประเทศเพื่อการสร้างสันติภาพ การแก้ปัญหาคุณภาพชีวิตและสิทธิมนุษยชน จัดให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านศิลปวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างประเทศ