เสรีภาพ (พ.ศ.2535)

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:43, 13 พฤศจิกายน 2555 โดย Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ผู้เรียบเรียง รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


พรรคเสรีภาพ

พรรคเสรีภาพได้ยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยอาศัยความในพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 ในวันที่ 11 กันยายน พ.ศ.2535 โดยได้รับการจดแจ้งลงในทะเบียนพรรคการเมืองเลขที่ 37/2535 โดยมี นายบุญชัย มนัสมนตรี ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ส่วนคณะกรรมการบริหารพรรคในตำแหน่งที่สำคัญนั้น ประกอบด้วย

ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ประกอบด้วย นายธนากร พรพิทักษ์ชัยกุล นายชาญชัย พรพิทักษ์ชัยกุลนายวิชัย อัครดิลก และนายพิภพ จันทร์แสงสว่าง ตำแหน่งเลขาธิการพรรค มีนางเวณิกา เจริญสุข เป็นผู้ดำรงตำแหน่ง และ ตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค มีนายสมชาย กาญจนประสาทพร เป็นผู้ดำรงตำแหน่ง

สำหรับนโยบายหลักของพรรคเสรีภาพนั้น ได้มีการกำหนดกรอบนโยบายของพรรคไว้อย่างกว้างๆ 3 ด้านด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วย

นโยบายด้านการเมืองการปกครอง พรรคจะยึดมั่นในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยปลูกฝังให้คนไทยยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด ส่งเสริมความรู้ให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครองที่ดีที่สุดของประชาชน ฉะนั้น ประชาชนจึงต้องร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเผด็จการ และระบบคอมมิวนิสต์ทุกรูปแบบด้วย โดยที่ทางพรรคจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารประเทศในขอบเขตที่เหมาะสมตามรัฐธรรมนูญ กระจายอำนาจการบริหารไปสู่ท้องถิ่นให้กว้างขวางและเป็นอิสระ ปรับปรุงระบบรัฐสภาให้มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมสถาบันการเมืองให้เป็นพื้นที่สำคัญของระบบประชาธิปไตย กำหนดให้มีการแบ่งแยกอำนาจระหว่างข้าราชการประจำกับข้าราชการการเมืองอย่างเด็ดขาด ปฏิรูประบบราชการเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารและการตัดสินใจ

สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจนั้น พรรคจะสร้างพื้นฐานระบบเศรษฐกิจที่มั่นคงและเป็นธรรมให้แก่ประชาชนในชาติไทย โดยจะจัดทำโครงการสร้างงานในชนบทอย่างถาวร ปรับปรุงแก้ไขหรือสร้างปัจจัยการผลิต เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตโดยให้สัมพันธ์กับอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม เร่งก่อสร้างระบบขนส่งมวลชน ถนน ไฟฟ้า ประปา และพัฒนาระบบชลประทาน ให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ดำเนินการปฏิรูปที่ดินให้สามารถจัดสรรกระจายกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ทำกินให้แก่ครอบครัวเกษตรกรทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังจะต้องขจัดระบบอภิสิทธิ์ทางเศรษฐกิจ ลดการผูกขาดในธุรกิจบางประเทศเพื่อเปิดให้มีการแข่งขันกันอย่างเสรี ตลอดจนปรับปรุงระบบภาษีอากรให้ยุติธรรม และจูงใจให้ผู้ลงทุนต่างประเทศให้มาลงทุนในประเทศ

นโยบายด้านสังคม จะให้ความสำคัญกับการสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน จัดทำแผนการศึกษาและพัฒนากำลังคนเพื่อให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรทั้งในด้านสาธารณสุข จัดทำระบบประกันสังคมที่มีประสิทธิภาพ

ส่วนนโยบายด้านการทหารและการต่างประเทศนั้น จะคำนึงถึงความเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และดำเนินนโยบายอย่างเป็นอิสระ โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีและเอกราชของประเทศไทยเป็นสำคัญ ส่งเสริมสันติภาพและการดำรงอยู่ร่วมกันโดยสันติระหว่างประเทศทั่วโลกบนหลักของการเคารพเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนความเสมอภาค และการไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน

ในด้านการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองนั้น พรรคเสรีภาพไม่เคยส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยกรณีที่สำคัญคือ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2538 ซึ่งพรรคเสรีภาพ และพรรคการเมืองอื่นๆอีก 5 พรรค อันประกอบไปด้วย พรรคราษฎร พรรครวมไทย พรรคสหชีพ พรรคหลักสยาม และพรรคกิจประชาธิปไตย อันเป็นเหตุจะต้องถูกยุบพรรค

ในเวลาต่อมา ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งที่ 5041/2539 ลงวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2539 ให้ยุบเลิกพรรคเสรีภาพ เนื่องจากไม่ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2538 ตามนัยมาตรา 46 (3) แห่งพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพรรคการเมืองพ.ศ.2524 มาตรา 3

ที่มา

ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 109 ตอนที่ 104, ลงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2535, หน้า 84-93

ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 114 ตอนที่ 54 ง, ลงวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2540, หน้า 14

สยามจดหมายเหตุ, ปีที่ 21 ฉบับที่ 2 พ.ศ.2539, หน้า 29-30