สนธิ ลิ้มทองกุล

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:15, 2 สิงหาคม 2561 โดย Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :  รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


สนธิ ลิ้มทองกุล
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ประวัติส่วนบุคคล

          นายสนธิ ลิ้มทองกุล (เดิมชื่อตั๊บ แซ่ลิ้ม) เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 เป็นบุตรของวิเชียร แซ่ลิ้ม ลูกครึ่งไทยจีน บิดามารดาประกอบกิจการโรงพิมพ์ และหนังสือพิมพ์ภาษาจีน จำหน่ายให้กับชาวจีนในประเทศไทย[1]

          นายสนธิจบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา รุ่นที่ 18 มีเพื่อนร่วมรุ่น เช่น นายวันนิวัติ ศรีไกรวิน[2] หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกลเป็นเวลาปีเศษ[3] จึงเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และระดับปริญญาโทจาก มหาวิทยาลัยยูทาห์สเตต ในสาขาประวัติศาสตร์[4]ในระหว่างที่ศึกษาได้ร่วมทำหนังสือพิมพ์ของนักศึกษาชื่อ The Daily Bruth ระหว่าง พ.ศ.2509-2512[5]

          นายสนธิกลับถึงประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.2517 โดยเริ่มทำงานที่บริษัทแอชซิเอทเต็ด คอมมิวนิเคชั่น (Assisted communication Co., Ltd) ในตำแหน่งผู้บริหารงานลูกค้า แต่ทำงานเพียง 3 เดือน ก็ถูกชักชวนจากนายณรงค์ เกตุทัต เจ้าของหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตยรายวัน และเป็นบุตรชายของนายสนั่น
เกตุทัต อดีตปลัดกระทรวงการคลังซึ่งขณะนั้นกำลังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลนายสัญญา_ธรรมศักดิ์ ให้ไปช่วยเป็นผู้จัดการการเลือกตั้งให้นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ ซึ่งกำลังเตรียมตัวจะลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2518[6]

          ต่อมานายณรงค์ เกตทัต ได้ชวนนายสนธิให้ทำงานเป็นบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย เพื่อต้องการให้เปลี่ยนแนวทางในการนำเสนอข่าวของกองบรรณาธิการที่แต่เดิมถูกมองว่าเป็นหนังสือพิมพ์ฝ่ายซ้ายซึ่งขัดแย้งกับบทบาทของนายสนั่น เกตุทัต เจ้าของหนังสือพิมพ์ที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่[7]นายสนั่นยังเป็นผู้พานายสนธิไปพบพลตรีสุตสาย หัสดิน ผู้นำกลุ่มกระทิงแดง เพราะเป็นห่วงว่ากลุ่มกระทิงแดงจะถล่มหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย[8]

          พ.ศ.2518 หนังสือพิมพ์ประชาธิปไตยมีบทบาทในการเสนอข่าวเท็มโก้ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติที่ได้สัมปทานผูกขาดในการขุดดีบุกที่จังหวัดพังงาอย่างไม่ชอบธรรม[9] ปลายปี 2518 นายสนธิลาออกจากหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตยท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มรุนแรงขึ้นโดยบรรณาธิการคนใหม่ที่มาแทนคือนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา โดยนายสนธิได้เข้าร่วมกับพร สิทธิอำนวย ผู้บริหารพีเอสเอกรุ๊ป ตั้งบริษัทแอดวานซ์ มีเดีย จำกัด เพื่อทำนิตยสารดิฉัน นิตยสารยานยนต์ และ Who’s Who in Thailand รวมถึงการจัดทำพ็อคเก็ตบุ๊คที่มีการจัดระบบการลงหลักฐานในหนังสือ เช่น ครั้งที่พิมพ์ จำนวนพิมพ์ ประเภทของหนังสือ และหมายเลขหอสมุด[10] ในเวลาต่อมายังออกหนังสือพิมพ์ Business Times หนังสือพิมพ์ข่าวธุรกิจฉบับภาษาอังกฤษฉบับแรกในประเทศไทย ถึงปี 2523 กลุ่มพีเอสเอกรุ๊ปได้ปิดตัวลง

          พ.ศ.2523 นายสนธิก่อตั้งธุรกิจของตัวเองชื่อสำนักพิมพ์การเวก ทำนิตยสารผู้หญิง [11]ต่อมานายสนธิได้เริ่มสร้างอาณาจักรของสื่อสารมวลชนเครือ “ผู้จัดการ” โดยใน พ.ศ.2525 นายสนธิได้ก่อตั้งบริษัท ตะวันออกแมกกาซีน จำกัด ทำนิตยสารผู้จัดการรายเดือน ซึ่งเป็นหนังสือวิเคราะห์และให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ พ.ศ. 2529 ได้ขยายกิจการโดยออกหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์ พ.ศ.2531ได้ออกนิตยสารรายเดือนฉบับภาษาอังกฤษชื่อ MANAGER พ.ศ.2533ได้ออกหนังสือ พิมพ์ผู้จัดการรายวัน พร้อมกับนำกิจการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพร้อมกับก่อตั้งโรงพิมพ์ตะวันออก และพ.ศ.2535 ได้ก่อตั้งบริษัท แมเนเจอร์มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มกรุ๊ปโดยรวมบริษัททั้งหมดเข้าด้วยกัน [12]

          เหตุการณ์เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2535 ที่ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวประท้วงการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ  ระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 หรือที่เรียกว่าเหตุการณ์“พฤษภาทมิฬ” นายสนธิได้พิมพ์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการฉบับพิเศษ ขนาดแท็บลอยด์ออกเผยแพร่โดยไม่จำหน่ายภายในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นเวลา 3 วัน เพื่อให้ผู้คนได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและเรียกร้องให้ออกมาชุมนุม[13]

          พ.ศ.2535 นายสนธิขยายกิจการไปต่างประเทศ  โดยก่อตั้งนิตยสาร Asia Inc. ต่อมาในปีพ.ศ.2538 ได้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ Asia Times โดยมีความมุ่งหมายให้เป็นหนังสือพิมพ์ระดับภูมิภาคและเป็นเครือข่ายการรวบรวมข่าวที่สำคัญ มีสำนักงานที่ฮ่องกง วางจำหน่ายที่ฮ่องกง สิงคโปร์และไทย Asia Times จะเป็นแบรนด์เนมสำหรับนายสนธิก่อนที่จะขยายโครงการดาวเทียมและบริการข่าวออนไลน์ที่เป็นโครงการในอนาคต[14]

          จากนั้นนายสนธิเริ่มขยายกิจการไปสู่วงการโทรคมนาคมในต่างประเทศ โดยเข้าไปเจรจากับรัฐบาลประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในการลงทุนและบริหารโครงการดาวเทียมในนามบริษัทAsia Broadcasting and Communication Network (ABCN) ที่เป็นบริษัทในเครือเอ็มกรุ๊ป โดยมีกำหนดการยิงดาวเทียมในปลาย พ.ศ.2540  มีบริการส่งสัญญาณโทรทัศน์ได้ 200 ช่อง[15] แต่การขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยมีฐานทางการเงินที่ไม่มั่นคง ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศกำลังมีปัญหานับตั้งแต่ปลาย พ.ศ. 2539 ทำให้นายสนธิต้องขายธุรกิจในเครือ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ รวมทั้งโครงการดาวเทียมลาวสตาร์ที่ขายให้กับกลุ่มยูคอม แต่นายสนธิยังมีหนี้สินอีกจำนวนมาก ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2542 ธนาคารนครหลวงไทย ได้ยื่นฟ้องนายสนธิ และบริษัท เอ็ม กรุ๊ป ให้เป็นบุคคลล้มละลาย เพราะไม่สามารถชำระหนี้ให้กับธนาคารได้จำนวน 150 ล้านบาท จนกระทั่งศาลล้มละลายกลางได้พิพากษาให้นายสนธิ และบริษัท เอ็ม กรุ๊ป ล้มละลายในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2543[16]

          ในการทำธุรกิจทำให้นายสนธิ ลิ้มทองกุลกับดร.ทักษิณ_ชินวัตร มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจตั้งแต่ก่อน ดร.ทักษิณจะเข้าสู่แวดวงการเมือง  โดยเมื่อนายสนธิซื้อบริษัทไออีซี จำกัด (มหาชน) จากเครือปูนซิเมนต์ไทยแล้วเตรียมนำหุ้นบริษัทนี้เข้าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ นายสนธิได้ชวน ดร.ทักษิณเข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 10 % โดยขายหุ้นให้ในราคาพาร์ 10 บาท จากราคาอันเดอร์ไรท์ 250 บาท ต่อมาเมื่อ ดร.ทักษิณ ต้องการขยายงานบริษัทเอไอเอส จึงได้ขายหุ้นไออีซี โดยทำกำไร 400 กว่าล้าน

          ต่อมาทั้งสองยังทำธุรกิจในลักษณะเกื้อกูลกันเช่น ในระยะเริ่มแรกของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันถ้าใครสมัครสมาชิกบริษัท ไอบีซี ดร.ทักษิณก็จะแถมหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันให้ โดยทางด้านนายสนธิก็ขายสมาชิกแบบเหมาให้บริษัทไอบีซี ในราคาถูก เป็นการช่วยกันทำการตลาดร่วมกัน[17]

          เมื่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งพรรคไทยรักไทย ได้มีกลุ่มคนที่สนิทกับนายสนธิ เข้ามาร่วมในพรรคไทยรักไทย หลายคน เช่น สมคิด_จาตุศรีพิทักษ์ อดีตกรรมการบริษัท เดอะ แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ทนง พิทยะ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย พันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ เอเชียไทม์และคอลัมน์นิสต์หนังสือพิมพ์ในเครือ เดอะ เมเนเจอร์ มีเดียกรุ๊ปและกนก อภิรดี อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ แมเนเจอร์ มีเดียกรุ๊ป จำกัด(มหาชน)

          ในขณะนั้นนายสนธิกำลังมีปัญหากับพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะกับนายธารินทร์_นิมมานเหมินทร์ ทำให้นายสนธิเป็นแนวร่วมกับ ดร.ทักษิณและพรรคไทยรักไทยไปโดยปริยาย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งมีการพบปะกันระหว่าง ดร.ทักษิณกับนายสนธิที่บ้านของนายสนธิ

          ในช่วงแรกของรัฐบาล ดร.ทักษิณ นายสนธิยอมรับว่าให้การสนับสนุนรัฐบาล แม้จะมีการโยกย้ายข้าราชการหลายคน เช่น นายเกริกไกร_จีระแพทย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยนายสนธิเห็นว่าเมื่อเป็นผู้บริหารแล้วลูกน้องไม่ทำตาม ก็มีสิทธิ์ย้ายได้

          นายสนธิ ลิ้มทองกุลได้ช่วงเวลาจากโมเดิร์นไนน์ทีวีในการจัดรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" โดยเริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2546 ทุกคืนวันศุกร์ เวลา 21.00 - 22.00 น. ต่อมาเปลี่ยนไปออกอากาศในเวลา 22.05-23.00 น. ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2547 โดยดำเนินรายการร่วมกับนางสาวสโรชา_พรอุดมศักดิ์ เริ่มออกอากาศในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ.2546 โดยออกอากาศทุกคืนวันศุกร์ เวลา 22.00 – 23.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ทีวี ผลิตรายการโดยบริษัทไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด เป็นรายการสดที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การเมืองและสังคม ซึ่งด้วยรูปแบบของการนำเสนอที่ตรงประเด็นและเข้าใจง่ายทำให้รายการได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก แม้จะออกอากาศในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆ นำเสนอละครหรือเกมโชว์[18]

เหตุการณ์สำคัญ

          เดือนสิงหาคมปี 2547 นายสนธิ ลิ้มทองกุลเริ่มวิจารณ์รัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในหลายๆ เรื่องที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2548 นายสนธิได้วิพากษ์วิจารณ์ ดร.ทักษิณที่ไปทำพิธีในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม[19] ทำให้วันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2548 คณะกรรมการบริหารองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท.) มีมติให้ยกเลิกการออกอากาศรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนเป็นต้นไป โดยให้เหตุผลว่าสืบเนื่องมาจากการทำหน้าที่ของผู้ดำเนินรายการที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงบุคลภายนอก โดยผู้ที่ถูกพาดพิงไม่สามารถที่จะทำการชี้แจงได้ อันจะนำมาซึ่งความเข้าใจผิด รวมถึงกรณีการฟ้องร้องหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ที่ตัวของผู้ดำเนินรายการได้มีการพูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งไม่อยู่ในฐานะที่จะชี้แจงหรือตอบโต้ความเข้าใจผิดได้ในทุกกรณี[20]แต่สาเหตุที่แท้จริงน่าจะมาจากเนื้อหาในรายการในระยะหลังมักจะโจมตีการทำงานของรัฐบาล[21]

          นายสนธิจึงได้เปลี่ยนรูปแบบนำเสนอใหม่ โดยจัดรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร" เป็นการจัดรายการโดยการสัญจรไปตามสถานที่ต่างๆ จัดรายการครั้งแรกที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และย้ายสถานที่ไปจัดในที่ต่างๆ เช่น เวทีลีลาศสวนลุมพินี นอกจากนี้นายสนธิได้ก่อตั้ง Asia Satellite TV หรือ ASTV เป็นสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม โดยมีบริษัทเอเชียไทม์ ออนไลน์จำกัด ที่จดทะเบียนที่ฮ่องกงเป็นเจ้าของ บริษัทไทยเดย์ ดอทคอม เป็นผู้รับจ้างผลิต เนื้อหา โดยการส่งสัญญาณภาพผ่านระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง[22] รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรได้ออกอากาศทางสถานี ASTV พร้อมทั้งออกอากาศผ่านเว็บไซต์และเครือข่ายวิทยุชุมชนอีกหลายสถานีทั่วประเทศ [23] นายสนธิได้ใช้การสื่อสารมวลชนรูปแบบใหม่เป็นเครื่องมือสำคัญในการเคลื่อนไหวทางการเมือง เนื้อหารายการเป็นการเปิดเผยแง่ลบของรัฐบาล เช่น การถวายคืนพระราชอำนาจ การทำบุญที่วัดพระแก้วของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร การใช้เครื่องบิน ซี 130 เพื่อไปงานขึ้นบ้านใหม่ของน้องสาว ดร.ทักษิณ ฯลฯ ส่งผลให้คนฟังเพิ่มมากขึ้นและทำให้กระแสการต่อต้านรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น[24]    

          เมื่อตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กับบริษัทเทมาเส็กโฮลดิงส์ในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2549 จำนวน 1,487.7 ล้านหุ้น คิดเป็น 49.6% [25] กระแสความไม่พอใจในรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น โดยเห็นว่าเป็นการทับซ้อนของผลประโยชน์ ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 มีการชุมนุมที่ลานพระราชวังดุสิตและประกาศเปิดตัวแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย[26] โดยมีพลตรีจำลอง_ศรีเมือง นายสมศักดิ์_โกศัยสุข  นายสมเกียรติ_พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ_ธงไชยและนายสนธิ ลิ้มทองกุล  วัตถุประสงค์ของกลุ่มพันธมิตรฯคือ 1. รณรงค์ผลักดันให้ ดร.ทักษิณ ชินวัตรที่ขาดความชอบธรรมขั้นพื้นฐานลาออกจากตำแหน่ง 2. เปิดโปงความไม่ชอบธรรมและวาระซ่อนเร้นของระบอบทักษิณ 3. ประสานกลุ่มพลังต่างๆ ในสังคม ผลักดันการปฏิรูปการเมืองไทย ครั้งที่ 2 โดยยึดแนวทาง “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน”[27] นายสนธิในฐานะแกนนำเป็นทั้งผู้ดำเนินรายการบนเวที ควบคุมการสื่อสารมวลชนผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและสื่อต่างๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อออนไลน์ในเครือผู้จัดการนอกจากนี้มีหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการหาทุนเพื่อใช้ในการชุมนุม[28]

          วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 ดร.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรและกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ.2549 แต่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังคงจัดการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยเรียกการชุมนุมว่า “เอาประเทศไทยของเราคืนมา” มีการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลและกระจายไปตามสถานที่ต่างๆที่เรียกว่า “ยุทธการดาวกระจาย” เช่นสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ สถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ ถนนสีลมและย่านสยามสแควร์[29]

          เมื่อนายอภิสิทธิ์_เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศร่วมกับอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านคือพรรคชาติไทยและพรรคมหาชนว่าจะไม่ส่งผู้สมัครรับเรื่องตั้ง เพราะเห็นว่าการยุบสภาผู้แทนราษฎรขาดความชอบธรรมและการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหาบ้านเมือง แต่เป็นการแก้ปัญหาให้กับ ดร.ทักษิณ แต่เพียงผู้เดียว พร้อมกันนี้ได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองรวมถึงการหยุดระบอบทักษิณ[30] ทำให้การเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 เป็นการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยอุปสรรคปัญหา จนศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 6 เสียงว่าการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ในวันที่...[31]  แต่นายสนธิ ลิ้มทองกุลและแกนนำ“พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ได้กำหนดการเดินขบวนต่อต้าน ดร.ทักษิณในวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2549 แต่ก่อนที่จะมีการเดินขบวน ปรากฏว่ามีข่าวลือว่าจะมีเหตุการณ์นองเลือด จึงกลายเป็นเงื่อนไขให้ พลเอกสนธิ บุญรัตกลิน ใช้เป็นเหตุในการรัฐประหารยึดอำนาจในวันที่ 19_กันยายน_พ.ศ._2549 [32]

          หลังจากที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2550 ได้มีการจัดการทั่วไปในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2550 กลุ่มไทยรักไทย (เดิมคือ พรรคไทยรักไทยที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรค เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550) มีมติที่จะส่งอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน เพื่อลงรับเลือกตั้งครั้งใหม่[33] ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าพรรคพลังประชาชนได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยนายสมัคร สุนทรเวชได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551ภายหลังจากที่รัฐบาลบริหารประเทศมาระยะเวลาหนึ่ง กลุ่มพันธมิตรฯ ได้เริ่มชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2551 โดยให้เหตุผลการชุมนุมว่า 1.รัฐบาลนายสมัคร_สุนทรเวชได้มีพฤติการณ์แทรกแซงและคุกคามสื่อสารมวลชนผ่านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 2.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้โยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่กำลังดำเนินคดีสำคัญต่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวให้พ้นตำแหน่งอย่างเร่งด่วนก่อนการประกาศกำหนดการกลับประเทศของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพียง 3 วัน 3.มีความพยายามจะโยกย้ายนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์_เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้พ้นจากตำแหน่ง 4.มีความพยายามในการรื้อฟื้นนโยบายการปราบปรามยาเสพติดด้วยวิธีการฆ่าตัดตอน อันขัดต่อหลักนิติธรรม และละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งมีความพยายามจะฟื้นนโยบายรัฐตำรวจให้กลับมาอีกครั้ง

          กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงได้กำหนดจุดยืนดังต่อไปนี้

          1.ฟื้นสภาพโครงสร้างการบริหารงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขึ้นมาอีกครั้งเพื่อดำเนินการต่อสู้กับพฤติการณ์ของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช

          2.เรียกร้องให้ คณะกรรมการการเลือกตั้งที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ แสดงความกล้าหาญ ยุติต้นเหตุวิกฤติของชาติด้วยการสะสางลงโทษผู้กระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง และดำเนินการเสนอศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคการเมืองที่เป็นนอมินีให้กับพรรคการเมืองที่ถูกยุบด้วยคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญโดยเร็ว

          3.เรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช แสดงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ด้วยการกระทำ อย่าให้คนไม่ดีมาปกครองบ้านเมือง ยุติบทบาทการกระทำอันเป็นหุ่นเชิดของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร และประพฤติปฏิบัติเป็นนายกรัฐมนตรีที่เสียสละเพื่อคน 63 ล้านคนอย่างแท้จริง

          4.เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการโยกย้ายข้าราชการเพื่อแก้มลทินให้กับ ดร.ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวในกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ ให้ยุติความพยายามในการแทรกแซงคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมถึงการโยกย้ายตำรวจเพื่อช่วยเหลือคดีความใดๆ ในระบอบทักษิณ

          5.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคัดค้านการกลับประเทศไทยของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในทุกรูปแบบ ตราบใดที่ยังมีความพยายามที่จะครอบงำและแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

          6.เรียกร้องให้รัฐบาลนายสมัครดำเนินการยุติความกำเริบเสิบสานในการลิดรอน ข่มขู่ คุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อสารมวลชน

          7.เรียกร้องให้พี่น้อง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชน ที่รักชาติบ้านเมืองมาร่วมกันลุกขึ้นมารวมตัวเพื่อเฝ้าระวังพฤติการณ์ของนักการเมืองและข้าราชการในระบอบทักษิณอย่างใกล้ชิด [34]

          กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุลได้จัดรายการ“ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ในวันที่ 28 มีนาคม และ “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ ครั้งที่ 2” ในวันศุกร์ที่ 25 เมษายน ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และประกาศจัดการชุมนุมใหญ่ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2551

          วันที่ 25 พฤษภาคม ทางกลุ่มพันธมิตรฯ มีมติที่จะเคลื่อนมวลชนไปหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อกดดดันรัฐบาล โดยเป็นการชุมนุมที่ยืดเยื้อจนถึงวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ.2551 โดยมีการปฏิบัติการที่สำคัญเช่น

          - เดินทางไปยังสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยโดยให้เหตุผลว่าต้องการทวงคืนสื่อของรัฐที่ทำหน้าที่ไม่เป็นกลางในวันที่ 26 สิงหาคม

          - บุกยึดทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 26 สิงหาคม ทำให้นายกรัฐมนตรีและข้าราชการในทำเนียบไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้และในวันที่ 27 สิงหาคมศาลอาญาออกหมายจับนายสนธิและแกนนำอีก 8 คน ด้วยข้อหาใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการมีความผิดฐานเป็นกบฏ

          - การชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภาและทำการปิดล้อมเพื่อไม่ให้รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 7 ตุลาคมจนมีการสลายการชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

          - การยึดท่าอากาศยานดอนเมืองซึ่งใช้เป็นที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 24-25 พฤศจิกายน[35]

          การชุมนุมซึ่งยืดเยื้อถึง 193 วันได้ยุติในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2551หลังจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้อ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคพลังประชาชน โดยกลุ่มพันธมิตรฯได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 27/2551 ประกาศยุติการชุมนุม

           วันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2552 ขณะที่นายสนธิ กำลังเดินทางไปยังสถานีโทรทัศน์ ASTV เพื่อจัดรายการ ได้ถูกกลุ่มมือปืนตามประกบ และได้ใช้อาวุธสงครามประกอบด้วย ปืนเอเค 47 เอชเค 33 เอ็ม 16 และเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 เจ้าหน้าที่นับปลอกกระสุนปืนได้ 84 นัด โดยนายสนธิ ถูกกระสุนบริเวณคิ้ว หน้าอก และแขน ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลวชิระ แต่นายสนธิปลอดภัย[36]

          วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปี ของการเริ่มต้นการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้มีการประชุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ที่ประชุมมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ให้มีการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้น โดยจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ชื่อ “พรรคการเมืองใหม่” เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2552 และที่ประชุมใหญ่พรรคในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ได้เลือกนายสนธิ ลิ้มทองกุลเป็นหัวหน้าพรรค[37]และได้ลาออกในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2553 [38]การเลือกตั้งทั่วไปในพ.ศ.2554 พรรคการเมืองใหม่ได้ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง หลังจากนั้นนายสนธิ ลิ้มทองกุลก็ลดบทบาทการเคลื่อนไหวทางการเมืองลง

          นายสนธิ ลิ้มทองกุล มีคดีความเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองดังนี้

          วันที่ 24 กันยายน 2558 ศาลฎีกายืนคำพิพากษาจำคุกนายสนธิกับพวกเป็นเวลา  6 เดือนพร้อมปรับ 5 หมื่นบาท ฐานหมิ่นประมาทตระกูลดามาพงศ์  โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 3 ปี

          วันที่ 21 ตุลาคม 2558 ศาลฎีกายกฟ้องนายสนธิว่าไม่ได้หมิ่นประมาท ดร.ทักษิณ โดยเป็นการติชมโดยสุจริต

          วันที่ 2 ธันวาคม 2558 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายสนธิ 1 ปี ฐานหมิ่นประมาทหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล ให้รอลงอาญา ปรับ3หมื่นบาท

          วันที่ 2 มิถุนายน 2559 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้อง นายสนธิและสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี ว่าไม่ได้หมิ่นประมาท ดร.ทักษิณ โดยเป็นการติชมโดยสุจริต [39]

          วันที่ 6 กันยายน พ.ศ.2559 นายสนธิ ลิ้มทองกุลถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 20 ปี โดยไม่รอลงอาญา คดีทำเอกสารรายงานการประชุมเท็จ ค้ำประกันกู้เงินธนาคารกรุงไทย จำนวน 1,078 ล้านบาท[40]

หนังสือแนะนำ

กองบรรณาธิการมติชน.(2551). ลับ ล้วง ลึก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย.กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน.

สนธิ ลิ้มทองกุล.(2544). ต้องแพ้เสียก่อนจึงชนะได้.กรุงเทพฯ : ผู้จัดการ.

บรรณานุกรม

กองบรรณาธิการมติชน, 289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์ พ.ศ.2521-2549,(กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, 2549), หน้า 389.

กองบรรณาธิการมติชน, ลับ ล้วง ลึก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย,(กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, 2551), หน้า 30.

กรุงเทพธุรกิจ,เส้นทาง ''สนธิ ลิ้มทองกุล' ชีวิต การเมืองและคดีความ? ,' เข้าถึงจากhttp://www.bangkokbiznews.com/news/detail/716419 เมื่อ 6 กันยายน 2559

คมชัดลึก,เส้นทางชีวิตลูกผู้ชาย "สนธิ ลิ้มทองกุล"เข้าถึงจาก http://www.komchadluek.net/news/scoop/241108 เมื่อ 6 กันยายน 2559

ธนาคารไทยพาณิชย์,เทมาเส็ก-ไทยพาณิชย์และกลุ่มนักลงทุนไทยร่วมซื้อหุ้นชินคอร์ปจากชินวัตรและดามาพงศ์,เข้าถึงจาก http://www.temasek.com.sg/Documents/userfiles/files/Shin-bid%20Consortium%20Partners%20Complete%20Tender%20Offer%20for%20AIS.pdf เมื่อ 6 กันยายน 2559

มติชนออนไลน์,'ศาลฎีกาพิพากษาคุก 20 ปี '“สนธิ ลิ้มทองกุล” คดีกู้เงินกรุงไทย-ส่งเข้าเรือนจำทันที,เข้าถึงจาก http://www.matichon.co.th/news/275150 เมื่อ 6 กันยายน 2559

ผู้จัดการ Online, ปลดฟ้าผ่า! “เมืองไทยรายสัปดาห์”เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9480000126193 เมื่อ 6 กันยายน 2559

ผู้จัดการ Online, เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร, เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/thailandweekly/ เมื่อ 6 กันยายน 2559

ผู้จัดการออนไลน์,'ศาล รธน.มีมติ '8 ต่อ 6 ชี้เลือกตั้ง 2 เมษาฯ มิชอบ – สั่งเลือกใหม่, เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000060310 วันที่ 6 กันยายน 2559.

ผู้จัดการ Online,พรรคการเมืองใหม่ ได้ กก.บริหาร ครบแล้ว “สนธิ” นั่งหัวหน้าพรรค เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000117784 เมื่อ 6 กันยายน 2559

ผู้จัดการ Online, ก.ม.ม.พร้อมเดินหน้า แม้ "สนธิ" ลาออก เตรียมเลือก หน.พรรค-กก.บห.ชุดใหม่  ภายใน 30 วัน  เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000067133  เมื่อ 6 กันยายน 2559

วิกิซอร์ซ,แถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 เข้าถึงจาก https://th.wikisource.org/wiki/แถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 เมื่อ 6 กันยายน 2559

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org/wiki/การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย_พ.ศ._2551  เมื่อ 6 กันยายน 2559

สนธิ ลิ้มทองกุล, ต้องแพ้เสียก่อนจึงชนะได้,(กรุงเทพฯ : ผู้จัดการ, 2544), หน้า 20.

 MTHAI, ประวัติสนธิ ลิ้มทองกุล, เข้าถึงจาก http://people.mthai.com/other/6510.html เมื่อ 6 กันยายน 2559.

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,บนเส้นทางการเมือง, เข้าถึงจาก http://www.abhisit.org/360detail.php?cate_id=17, เมื่อวันที่ 6 กันยายน2559.

อุเชนทร์ เชียงเสน,พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าถึงจาก http://kpi2.kpi.ac.th/wiki/index.php/พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อ 6 กันยายน 2559

อ้างอิง

[1] คมชัดลึก,เส้นทางชีวิตลูกผู้ชาย "สนธิ ลิ้มทองกุล"เข้าถึงจาก http://www.komchadluek.net/news/scoop/241108 เมื่อ 6 กันยายน 2559

[2] สนธิ ลิ้มทองกุล, ต้องแพ้เสียก่อนจึงชนะได้,(กรุงเทพฯ : ผู้จัดการ, 2544), หน้า 20.

[3] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 136.

[4] MTHAI, ประวัติสนธิ ลิ้มทองกุล, เข้าถึงจาก http://people.mthai.com/other/6510.html เมื่อ 6 กันยายน 2559.

[5] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 163.

[6] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 22.

[7] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 24.

[8] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 35.

[9] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 30.

[10] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 83.

[11] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 164.

[12] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 164-165.

[13] คมชัดลึก,เส้นทางชีวิตลูกผู้ชาย "สนธิ ลิ้มทองกุล"เข้าถึงจาก http://www.komchadluek.net/news/scoop/241108 เมื่อ 6 กันยายน 2559

[14] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 158.

[15] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 161.

[16] คมชัดลึก,เส้นทางชีวิตลูกผู้ชาย "สนธิ ลิ้มทองกุล"เข้าถึงจาก http://www.komchadluek.net/news/scoop/241108 เมื่อ 6 กันยายน 2559

[17] ASTVผู้จัดการออนไลน์, สนธิ ลิ้มทองกุล ไขข้อข้องใจ '“ทักษิณไม่ใช่เพื่อนสนิท”,' เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9480000170551 เมื่อ 6 กันยายน2559.

[18] ผู้จัดการ Online, ปลดฟ้าผ่า! “เมืองไทยรายสัปดาห์”เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9480000126193เมื่อ 6 กันยายน 2559

[19] ASTVผู้จัดการออนไลน์, สนธิ ลิ้มทองกุล ไขข้อข้องใจ '“ทักษิณไม่ใช่เพื่อนสนิท”,' เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9480000170551 เมื่อ 6 กันยายน2559.

[20] ผู้จัดการ Online, ปลดฟ้าผ่า! “เมืองไทยรายสัปดาห์”เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9480000126193เมื่อ 6 กันยายน 2559

[21] กองบรรณาธิการมติชน, 289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์ พ.ศ.2521-2549,(กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, 2549), หน้า 389.

[22] กองบรรณาธิการมติชน, ลับ ล้วง ลึก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย,(กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, 2551), หน้า 30.

[23]ผู้จัดการ Online, เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร, เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/thailandweekly/เมื่อ 6 กันยายน 2559

[24] กองบรรณาธิการมติชน,หน้า 390.

[25] ธนาคารไทยพาณิชย์,เทมาเส็ก-ไทยพาณิชย์และกลุ่มนักลงทุนไทยร่วมซื้อหุ้นชินคอร์ปจากชินวัตรและดามาพงศ์,เข้าถึงจาก http://www.temasek.com.sg/Documents/userfiles/files/Shin-bid%20Consortium%20Partners%20Complete%20Tender%20Offer%20for%20AIS.pdf เมื่อ 6 กันยายน 2559

[26] กองบรรณาธิการมติชน (2), หน้า 85.

[27] อุเชนทร์ เชียงเสน,พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าถึงจาก http://kpi2.kpi.ac.th/wiki/index.php/พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  เมื่อ 6 กันยายน 2559

[28] กองบรรณาธิการมติชน (2), หน้า 43.

[29] กองบรรณาธิการมติชน (2), หน้า 87.

[30] อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,บนเส้นทางการเมือง, เข้าถึงจาก http://www.abhisit.org/360detail.php?cate_id=17, เมื่อวันที่ 6 กันยายน2559.

[31] ผู้จัดการออนไลน์,'ศาล รธน.มีมติ '8 ต่อ 6 ชี้เลือกตั้ง 2 เมษาฯ มิชอบ – สั่งเลือกใหม่, เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000060310 วันที่ 6 กันยายน 2559.

[32] คมชัดลึก,เส้นทางชีวิตลูกผู้ชาย "สนธิ ลิ้มทองกุล"เข้าถึงจาก http://www.komchadluek.net/news/scoop/241108 เมื่อ 6 กันยายน 2559

[33] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, พรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2541) เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org/wiki/ พรรคพลังประชาชน_(พ.ศ._2541) เมื่อ 6 กันยายน 2559

[34] วิกิซอร์ซ,แถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 เข้าถึงจาก https://th.wikisource.org/wiki/แถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551เมื่อ 6 กันยายน 2559

[35] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org/wiki/การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย_พ.ศ._2551  เมื่อ 6 กันยายน 2559

[36] คมชัดลึก,เส้นทางชีวิตลูกผู้ชาย "สนธิ ลิ้มทองกุล" เข้าถึงจาก http://www.komchadluek.net/news/scoop/241108 เมื่อ 6 กันยายน 2559

[37] ผู้จัดการ Online,พรรคการเมืองใหม่ ได้ กก.บริหาร ครบแล้ว “สนธิ” นั่งหัวหน้าพรรค เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000117784เมื่อ 6 กันยายน 2559

[38] ผู้จัดการ Online, ก.ม.ม.พร้อมเดินหน้า แม้ "สนธิ" ลาออก เตรียมเลือก หน.พรรค-กก.บห.ชุดใหม่  ภายใน 30 วัน  เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000067133  เมื่อ 6 กันยายน 2559

[39] กรุงเทพธุรกิจ,เส้นทาง ''สนธิ ลิ้มทองกุล' ชีวิต การเมืองและคดีความ? ,' เข้าถึงจากhttp://www.bangkokbiznews.com/news/detail/716419เมื่อ 6 กันยายน 2559

[40] มติชนออนไลน์,'ศาลฎีกาพิพากษาคุก 20 ปี '“สนธิ ลิ้มทองกุล” คดีกู้เงินกรุงไทย-ส่งเข้าเรือนจำทันที,เข้าถึงจาก http://www.matichon.co.th/news/275150เมื่อ 6 กันยายน 2559