พิธีสารว่าด้วยการขยายกลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียน (Protocol on Enhanced ASEAN Dispute Settlement Mechanism: EDSM)
บทนำ
อาเซียนมีเป้าหมายที่จะพัฒนาภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมกัน โดยมีเป้าหมายที่จะก่อตั้งประชาคมในสามด้านที่สำคัญ ได้แก่ ประชาคมการเมืองความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community:APSC) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community:AEC) และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community: ASCC) การก่อตั้งประชาคมอาเซียนนี้จะส่งผลให้รัฐสมาชิกทั้งหลายจำเป็นที่จะต้องร่วมมือระหว่างกันเพื่อผลักดันให้เกิดมาตรการต่างๆในอาเซียนรวมถึงขับเคลื่อนปฏิบัตินโยบายหรือแผนงานต่างๆ ดังนั้นการดำเนินมาตรการต่างๆอาจนำมาสู่ปัญหาข้อขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์หรือข้อตกลงต่างๆ ไม่ว่าจะการจากการปฏิบัติที่แตกต่างกันหรือเกิดจากการตีความข้อสัญญาที่ไม่ตรงกัน กลไกการระงับข้อพิพาทจึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการที่จะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ข้อตกลงและสัญญาต่างๆ ที่ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ทำไว้ มีผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
ที่มาและความสำคัญ
ในปี ค.ศ. 1996 อาเซียนได้มีพิธีสารว่าด้วยการยุติข้อพิพาท Protocol on Dispute Settlement Mechanism 1996ขึ้นเพื่อเป็นกลไกในการแก้ไขข้อพิพาททางการค้าที่เกิดจากการตีความและการปฏิบัติตามข้อตกลงอาเซียน[1] ซึ่งก่อนหน้าที่นั้น กลไกการยุติข้อพิพาท จะเป็นไปตามข้อกำหนดที่ได้ตกลงกันไว้ในข้อตกลง ยกตัวอย่างเช่น The Framework Agreement on Enhancing ASEAN Economic Cooperation 1992 กำหนดกลไกการยุติข้อพิพาทไว้ในข้อ 9 ว่า “การยุติข้อพิพาทที่เกิดจากการตีความหรือการปฎิบัติตามข้อตกลงนี้ ให้ยุติโดยฉันทไมตรีระหว่างคู่กรณี ในกรณีที่จำเป็นอาจตั้งกรรมการขึ้นมายุติข้อพิพาทได้” ต่อมาหลักการยุติข้อพิพาทข้างต้นได้ถูกนำมารวมไว้ใน Protocol on Dispute Settlement Mechanism 1996 และส่งต่อมายัง EDSM ในปี 2004 [2] ทั้งนี้ EDSM มีความใกล้ชิดกับกลไกการยุติข้อพิพาททางการค้าขององค์การการค้าโลก (WTO) ที่รู้จักในนาม Dispute Settlement Understanding (DSU) เป็นอย่างยิ่ง โดยอาจกล่าวได้ว่าอาเซียนได้จำลองต้นแบบกลไกการยุติข้อพิพาทที่ใช้อยู่ในองค์การการค้าโลกมาเป็นกลไกของอาเซียนเอง[3] ดังนั้นEDSM จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการยุติข้อพิพาททางเศรษฐกิจ โดยกฎบัตรอาเซียน ข้อ 24.3 ได้รับรองว่า “ในกรณีที่มิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นเป็นการเฉพาะ ให้ระงับข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับการตีความหรือการใช้ความตกลงทางเศรษฐกิจของอาเซียนตามพิธีสารว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียน [4]
สาระสำคัญและขอบเขตการบังคับใช้
สาระสำคัญของพิธีสาร EDSM คือการจัดตั้ง“คณะพิจารณา” (Panels) และ“องค์กรอุทธรณ์” (Appellate Body) เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก (WTO) [5] ซึ่งมีกรอบสำคัญเป็นการสร้างกลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างกันของประเทศสมาชิกโดยวิธีการเจรจา ไกล่เกลี่ย ประนีประนอม เน้นกระบวนการในการปรึกษาหารือ หาคนกลางที่คู่กรณีให้ความไว้วางใจเพื่อนำไปสู่ข้อตกลงที่เป็นการประสานประโยชน์ร่วมกันระหว่างคู่กรณีให้มากที่สุด
สำหรับขอบเขตการบังคับใช้นั้น แม้ว่าพิธีสาร EDSM จะถอดแบบมาจากกลไกการระงับข้อพิพาทขององค์การค้าโลก (WTO) แต่ขอบเขตของการบังคับใช้แต่เฉพาะข้อพิพาทระหว่างรัฐกับรัฐในภูมิภาคอาเซียนและเฉพาะข้อพิพาทภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจเท่านั้น[6] ซึ่งนับจากได้จัดทำพิธีสารตั้งแต่มีการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area หรือ AFTA) จวบจนถึงในปัจจุบัน ก็ยังมิได้เคยมีการใช้กลไกการระงับข้อพิพาทของพิธีสาร EDSM ในการยุติข้อพิพาททางการค้าอย่างเป็นทางการ โดยประเทศสมาชิกอาเซียนที่เป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก กลับนิยมใช้กลไกการระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลกมากกว่ากลไกตามพิธีสาร EDSM ซึ่งเป็นเพียงระดับภูมิภาคเท่านั้น หรือหากไม่ยกระดับไปใช้ DSU ของ WTO ก็เลี่ยงไปใช้การยุติข้อพิพาทผ่านกลไกทางการเมือง ทั้งนี้เนื่องจาก EDSM[7] ไม่ได้บังคับให้ประเทศสมาชิกอาเซียนคู่กรณีต้องใช้ EDSM ในการยุติข้อพิพาท กลไกใน EDSM จึงเป็นเพียงทางเลือกระหว่างคู่กรณีในการยุติข้อพิพาททางการค้าเท่านั้น [8]
กระบวนการของกลไกระงับข้อพิพาทตามพิธีสาร EDSM
เมื่อเกิดข้อพิพาททางเศรษฐกิจเราต้องพิจารณาลักษณะข้อพิพาทว่าอยู่ในขอบเขตการบังคับใช้ของกฎหมายใด ซึ่งหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเศรษฐกิจนั้นให้มาพิจารณาพิธีสาร EDSM นี้โดยในขั้นแรก สามารถขอหารือกับประเทศสมาชิกคู่กรณี แต่หากยังไม่สามารถตกลงกันได้ ขั้นต่อมาก็สามารถขอจัดตั้งคณะพิจารณาซึ่งหากมาสู่ขั้นตอนของคณะพิจารณา คำแนะนำหรือคำตัดสินนั้นจะมีผลผูกพันให้ประเทศสมาชิกต้องปฏิบัติตาม แต่หากไม่พอใจฝ่ายผู้ร้องก็สามารถยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของคณะผู้พิจารณาได้โดยให้องค์กรอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณา ประเทศที่เป็นฝ่ายแพ้คดีต้องออกค่าใช้จ่ายในการพิจารณาด้วยและหากฝ่ายใดไม่ปฏิบัติตามประเทศที่ถูกละเมิดย่อมเป็นฝ่ายเสียหายที่สามารถขอให้มีการชดใช้ค่าเสียหายหรือเรียกร้องให้ระงับการให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับประเทศคู่กรณีของตนนั้นหรืออาจกำหนดให้มีฝ่ายที่สามซึ่งใช่คู่กรณีแต่มีประโยชน์ได้เสียมาแสดงความคิดเห็นในการหาทางออกร่วมกันได้ ทั้งนี้ ในแต่ละขั้นตอนได้มีกรอบเวลาไว้อย่างชัดเจนแต่รวมทั้งสิ้นแล้วต้องไม่เกิน 445 วัน [9]
ปัญหาและอุปสรรค
ระบบการระงับข้อพิพาทตามกฎบัตรอาเซียน หมวดที่ 8 เป็นเพียงบทบัญญัติที่กาหนดวิธีการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีไว้อย่างกว้างๆไม่มีสภาพบังคับที่ชัดเจนแก่ประเทศสมาชิก[10] การเขียนที่กฎบัตรอาเซียนกำหนดไว้อย่างคลุมเครือว่า “กรณีที่มิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นเป็นการเฉพาะ” ให้ใช้ EDSM ระงับข้อพิพาทอาจทำให้เกิดความซับซ้อน[11] เพราะไม่อาจระบุได้ว่ากรณีที่มิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นเป็นการเฉพาะเช่นว่านั้นหมายรวมถึงกลไกอะไรบ้างนอกจากนั้นประสิทธิภาพของพิธีสาร EDSM นี้ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้เนื่องจากกระบวนการดังกล่าวยังไม่เคยถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ ดังนั้นจึงเกิดความไม่มั่นใจว่าบุคคลที่จะเข้ามาตัดสินข้อพิพาทจะมีคุณสมบัติและความเชี่ยวชาญเพียงพอหรือไม่ อีกทั้งหลักกฎหมายการค้าระหว่างประเทศที่นำมาใช้ยุติข้อพิพาทจะสอดคล้องหรือแตกต่างจากหลักกฎหมายที่ใช้อยู่ในองค์การการค้าโลกหรือไม่
บรรณานุกรม
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ.กระบวนการระงับข้อพิพาทใหม่ของอาเซียน : ASEAN ECONOMIC COMMUNITY.กรุงเทพฯ: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ, 2552.
จินห์ มโนธรรม. 2543. “กลไกระงับข้อพิพาทในอาเซียน.” http://www.baanjomyut.com/library_2/asean_community/34.html (accessed May 23,2015)
ธเนศ สุจารีกุล.เอกสารคำสอนกฎหมายอาเซียน. กรุงเทพฯ: คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,2557.
พุทธชาติบุญกล่อม. “กลไกในการระงับข้อพิพาทของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน: ศึกษาเฉพาะกรณีละเมิดพันธกรณีด้านการค้าและการลงทุน," วิทยานิพนธ์หลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์,2557.
เพลินตา ต้นรังสรรค์.2558. “กลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียนและกฎสำหรับการเสนอเรื่องการไม่ปฏิบัติตามที่ประชุมสุดยอดอาเซียนตัดสิน” http://www.senate.go.th/lawdatacenter/includes/FCKeditor/upload/Image/b/s45%20jun_9_2.pdf.(accessed May 21,2015)
อ้างอิง
- ↑ Center for International Law, National University of Singapore, ‘Dispute Settlement in ASEAN’, <http://cil.nus.edu.sg/dispute-settlement-in-asean/>(accessed July 15,2015).
- ↑ Walter Woon, ‘The ASEAN Charter Dispute Settlement Mechanisms’ paper presented at ASEAN Law Association 10th General Assembly in Singapore <http://elib.coj.go.th/Article/Singapore2.pdf>(accessed July 15,2015).
- ↑ ธเนศ สุจารีกุล.เอกสารคำสอนกฎหมายอาเซียน. (กรุงเทพฯ: คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,2556),หน้า 43.
- ↑ ASEAN Charter Art 24.3.
- ↑ เพลินตา ต้นรังสรรค์.2558.”กลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียนและกฎสำหรับการเสนอเรื่องการไม่ปฏิบัติตามที่ประชุมสุดยอดอาเซียนตัดสิน.”http://www.senate.go.th/lawdatacenter/includes/FCKeditor/upload/Image/b/s45%20jun_9_2.pdf.(accessed May 21,2015)
- ↑ เพิ่งอ้าง.
- ↑ EDSM Article 1(3).
- ↑ Lee Leviter, ‘The ASEAN Charter: ASEAN Failure or Member Failure’ International Law and PoliticVol.43 2010 p.178< http://nyujilp.org/wp-content/uploads/2013/02/43.1-Leviter.pdf>.
- ↑ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ, กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ. กระบวนการระงับข้อพิพาทใหม่ของอาเซียน : ASEAN ECONOMIC COMMUNITY. (กรุงเทพฯ: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ, 2552), หน้า 20.
- ↑ พุทธชาติบุญกล่อม. 2557,อ้างแล้ว., หน้า 87.
- ↑ ธเนศ สุจารีกุล.เอกสารคำสอนกฎหมายอาเซียน. (กรุงเทพฯ: คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,2557),หน้า 37.