ชาติประชาธิปไตย (พ.ศ. 2499)

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:31, 16 ตุลาคม 2557 โดย Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ผู้เรียบเรียง รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


ข้อมูลทั่วไป

คำขวัญพรรคชาติประชาธิปไตย “การเมืองก้าวไกล เศรษฐกิจไทยมั่นคง”

สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ 163/15 หมู่บ้านซื่อตรงเสนา ซอยเสนานิคม 1 ถนนพหลโยธิน 32 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2545 มีสมาชิกทั้งหมด 44,506 คน และมีสาขาพรรคทั้งหมด 313 สาขา แบ่งเป็นภาคเหนือ 56 สาขา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 132 สาขา ภาคกลาง 103 สาขา ภาคใต้ 22 สาขา

ปัจจุบัน พรรคชาติประชาธิปไตย ได้ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรค (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 52/2548) ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 65 วรรคหนึ่ง (5) เนื่องจากพรรคชาติประชาธิปไตยมิได้จัดทำรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนของพรรคในรอบปีปฎิทินให้ถูกต้องตามความเป็นจริง

ประวัติพรรคชาติประชาธิปไตย

พรรคชาติประชาธิปไตยเป็นพรรคอันดับที่ 14 จากทั้งหมด 30 พรรคที่ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งตามพระราชบัญญัติพรรคการเมืองพ.ศ.2498 ซึ่งเป็นกฎหมายพรรคการเมืองฉบับแรกของไทยในสมัยรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม พรรคชาติประชาติประชาธิปไตยจดทะเบียนเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2499 โดยมีพันโท ม.ร.ว.น้ำเพชร เกษมสันต์ เป็นหัวหน้าพรรค แต่พรรคชาติประชาธิปไตยก็ถูกยุบเลิกพร้อมกับพรรค อื่น ๆ รวมทั้งหมด 30 พรรค เนื่องจากคำสั่งคณะปฏิวัติซึ่งนำโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ พรรคชาติประชาธิปไตยจึงต้องเลิกพรรคไปเป็นครั้งแรก

รัฐบาลสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร ได้ตราพระราชบัญญัติพรรคการเมืองขึ้นมาอีกครั้งในปีพ.ศ.2511 จึงได้มีการจัดตั้งพรรคชาติประชาธิปไตยขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งโดยจดทะเบียนเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2513 เป็นพรรคอันดับที่ 15 โดยมี พันเอก ม.ร.ว. น้ำเพชร เกษมสันต์ เป็นหัวหน้าพรรค แต่พรรคชาติประชาธิปไตยก็ถูกยุบเลิกพร้อมกับพรรคอื่น ๆ รวมทั้งหมด 17 พรรค เนื่องจากคำสั่งคณะปฏิวัติซึ่งนำโดยจอมพลถนอม กิตติขจร พรรคชาติประชาธิปไตยจึงต้องยุบพรรคอีกครั้งหนึ่ง

ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2521 และได้ตราพระราชบัญญัติพรรคการเมืองพ.ศ.2524 พรรคชาติประชาธิปไตยจึงได้จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2525 โดยมีพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นหัวหน้าพรรค ดร.อาทิตย์ อุไรรรัตน์ เป็นเลขาธิการพรรค แต่ได้ลาออกในเวลาต่อมา สมาชิกคนสำคัญของพรรคในช่วงเวลานี้ ได้แก่ นายอบ วสุรัตน์ นายปรีดา กรรณสูตร นายวงศ์ พลนิกร นายประโยชน์ เนื่องจำนง นายชูสง่า ฤทธิประศาสน์ นายวิชิต ศุขะวิริยะ นายไพฑูรย์ แก้วทอง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และ นายสุรพล อัศวศิริโยธิน เป็นต้น แต่ก็ถูกยุบเลิกไปเพราะไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2532

พรรคชาติประชาธิปไตยได้จัดตั้งขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2540 โดยมีพันเอก(พิเศษ)สุบรรณ แสงพันธุ์ เป็นหัวหน้าพรรค และพลตรีสมศักดิ์ พันธุ์เอี่ยม เป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งพรรคเคยส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2544 โดยส่งในระบบเขตเลือกตั้ง 1 คน และระบบบัญชีรายชื่อพรรค 7 คน แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง และได้ถูกยุบพรรคโดยคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญในเวลาต่อมา


ปณิธานของพรรคชาติประชาธิปไตย

พรรคชาติประชาธิปไตยมีความตั้งใจโดยตั้งปณิธานไว้อย่างแน่วแน่ที่จะสร้างพรรคชาติประชาธิปไตยให้เป็นพรรคของประชาชน (Mass Party) เหมือนประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหลายในโลกเสรีให้ปรากฎเป็นจริงในประเทศไทย ด้วยอุดมการณ์ นโยบาย ตลอดจนขั้นตอนในการดำเนินการอย่างรอบครอบ ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาระบอบประชาธิปไตยที่คนไทยใฝ่ฝันให้สมบูรณ์ อันจะเป็นพลังยิ่งใหญ่ในการแก้ไขปัญหาทั้งหลายของชาติให้ลุล่วงไป เพื่อความสงบร่มเย็น ความไพบูลย์ของสังคมไทย ตลอดจนความมั่นคงของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

นโยบายของพรรคชาติประชาธิปไตย

ฐานความคิดหลักของพรรคชาติประชาธิปไตย เชื่อว่าการในการแก้ปัญหาปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันมีอยู่ว่า จะต้องจับปัญหาเอกให้ถูก ซึ่งก็คือ “ปัญหาการเมือง การปกครอง” ที่จะต้องแก้ให้ได้ก่อนหรือเน้นหนักกว่าปัญหาอื่น ๆ ฉะนั้นแนวนโยบายที่เป็นหลักนำของพรรคชาติประชาธิปไตย คือ นโยบายการเมืองการปกครอง หรือต้องแก้ไขปัญหาการเมืองการปกครองซึ่งเป็นปัญหาเอกของชาติให้ได้ก่อน และแก้ปัญหาอื่น ๆ ควบคู่กันไปตามสภาพความเป็นจริงของสังคมของชาติ โดยแบ่งออกเป็นนโยบายแต่ละด้าน ได้แก่

1)นโยบายด้านการเมืองการปกครอง เช่น ให้มีการกระจายอำนาจอธิปไตยลงไปยังส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นในทุกระดับ , ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในทุกระดับ , ให้มีการกระจายอำนาจต่าง ๆ แก่ข้าราชการทุกระดับในพื้นที่นั้น ๆ

2)นโยบายด้านเศรษฐกิจ เช่น ปฏิรูปที่ดินโดยการเวนคืนและเก็บภาษีอัตราก้าวหน้า , ปลดหนี้สินของเกษตรกรด้วยวิธีการลดดอกเบี้ยและยืดการชำระหนี้ , กระจายโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตรไปทั่วทุกภาค

3)นโยบายด้านสังคม-วัฒนธรรม เช่น ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาของชาติ , สนับสนุนการศึกษาโดยให้เรียนฟรีทุกคน 12 ปี , สงเคราะห์คนชรา คนพิการ ผู้ด้อยโอกาสให้ได้มีการรักษาพยาบาลฟรี , ส่งเสริมและสนับสนุนขนบธรรมเนียมประเพณีในท้องถิ่น , ส่งเสริมการกีฬาในเรื่องสถานที่ฝึก สถานที่แข่งขัน , ให้ข้าราชการสังกัดพรรคการเมืองโดยเสรีและเปิดเผย , สนับสนุนการจัดตั้งสหภาพแรงงาน

4)นโยบายด้านการป้องกันประเทศ เช่น คัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพเข้ารับราชการในทุกระดับของกองทัพ , ปรับปรุงขนาดของกองทัพให้สอดคล้องกับสถานการณ์

5)นโยบายด้านวิทยาศาสตร์ การพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เช่น ให้ทุนการศึกษาแก่นักวิทยาศาสตร์เพื่อการวิจัยและพัฒนา , ให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยี

6)นโยบายด้านการต่างประเทศ เช่น ใช้นโยบายอิสระอย่างสมบูรณ์ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม-วัฒนธรรม การทหาร , ใช้นโยบายเป็นกลางเมื่อความขัดแย้งเกิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์และความมั่นคงของประเทศ , สร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน

ที่มา

ตุลภาค ประเสริฐศิลป์.การก่อตั้งและพัฒนาการของพรรคพลังธรรม .วิทยานิพนธ์หลักสูตรรัฐศาสตร์มหาบัณฑิต (การปกครอง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2537 หน้า 62.

บุญสม วิลาศนิศากร. พรรคการเมืองที่ไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกับบทบาทการพัฒนาการเมือง : ศึกษากรณี พรรคเกษตรมหาชน พรรคชาติประชาธิปไตย และพรรคเสรีประชาธิปไตย. วิทยานิพนธ์หลักสูตรรัฐศาสตร์มหาบัณฑิต (การปกครอง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2545 หน้า 83-85.

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 52/2548 วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2548 . Retrieved from http://www.concourt.or.th/download/Center_desic/48/Center_desic_thai/center52_48.pdf