ผลต่างระหว่างรุ่นของ "1 ตุลาคม พ.ศ. 2549"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''ผู้เรียบเรียง''' ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุต...'
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 6: บรรทัดที่ 6:


----
----
วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 เป็นวันประกาศใช้[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2549]] หลังการยึดอำนาจของ “[[คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข]]” เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยมี[[พลเอก สนธิ  บุญยรัตกลิน]] เป็นหัวหน้าคณะ เพื่อล้ม[[รัฐบาล]]ของ [[พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร]] ผู้เป็น[[นายกรัฐมนตรี]]และถือเป็นการออกกติกาใหม่ในการปกครองมาใช้เป็นการชั่วคราวแทน[[รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540]] ที่ถูกยกเลิกไปตามประกาศคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 3
วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 เป็นวันประกาศใช้[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2549]] หลังการยึดอำนาจของ “[[คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข]]” เมื่อวันที่ [[19 กันยายน พ.ศ. 2549]] โดยมี[[สนธิ  บุญยรัตกลิน|พลเอก สนธิ  บุญยรัตกลิน]] เป็นหัวหน้าคณะ เพื่อล้ม[[รัฐบาล]]ของ [[ทักษิณ  ชินวัตร|พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร]] ผู้เป็น[[นายกรัฐมนตรี]]และถือเป็นการออกกติกาใหม่ในการปกครองมาใช้เป็นการชั่วคราวแทน[[รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540]] ที่ถูกยกเลิกไปตามประกาศคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 3


รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2549 นี้ แม้จะเรียกว่า “[[รัฐธรรมนูญ]]” แต่ก็มีลักษณะคล้ายกับ “ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร” ที่คณะทหารที่ได้ยึดอำนาจเคยประกาศใช้มาแล้วมากกว่า มีจำนวนมาตราเพียง 39 มาตราที่บัญญัติไว้เฉพาะเรื่องที่จำเป็นมากเท่านั้น และเพื่อให้การปกครองดำเนินต่อไปจึงกำหนดให้มี[[สภานิติบัญญัติแห่งชาติ]] ที่ประกอบด้วยสมาชิกจำนวนไม่เกิน 250 คน ทำหน้าที่ทางนิติบัญญัติ ให้มี[[คณะรัฐมนตรี]]ที่ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอื่นอีกจำนวนไม่เกิน 35 คน ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร แต่ก็ห้ามนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ [[สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ]]และ[[กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ]] และก็ได้รับรองความเป็นอิสระของผู้พิพากษาและ[[ตุลาการ]]ในการพิพากษาอรรถคดี
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2549 นี้ แม้จะเรียกว่า “[[รัฐธรรมนูญ]]” แต่ก็มีลักษณะคล้ายกับ “ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร” ที่คณะทหารที่ได้ยึดอำนาจเคยประกาศใช้มาแล้วมากกว่า มีจำนวนมาตราเพียง 39 มาตราที่บัญญัติไว้เฉพาะเรื่องที่จำเป็นมากเท่านั้น และเพื่อให้การปกครองดำเนินต่อไปจึงกำหนดให้มี[[สภานิติบัญญัติแห่งชาติ]] ที่ประกอบด้วยสมาชิกจำนวนไม่เกิน 250 คน ทำหน้าที่ทางนิติบัญญัติ ให้มี[[คณะรัฐมนตรี]]ที่ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอื่นอีกจำนวนไม่เกิน 35 คน ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร แต่ก็ห้ามนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ [[สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ]]และ[[กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ]] และก็ได้รับรองความเป็นอิสระของผู้พิพากษาและ[[ตุลาการ]]ในการพิพากษาอรรถคดี
บรรทัดที่ 20: บรรทัดที่ 20:
ข้อดีที่มีการกำหนดเวลาในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายในเวลา 6 เดือน ไว้ในตัวรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวนี้เอง เพื่อเป็นการยืนยันหรือสัญญาว่าตั้งใจให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จได้ในเวลาที่ไม่นานนัก และเป็นการเร่งรัดการจัดทำรัฐธรรมนูญของสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพราะในอดีตมีบางครั้งที่การจัดทำรัฐธรรมนูญเป็นไปอย่างอืดอาดล่าช้า บางคราวนานเกือบ 10 ปี
ข้อดีที่มีการกำหนดเวลาในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายในเวลา 6 เดือน ไว้ในตัวรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวนี้เอง เพื่อเป็นการยืนยันหรือสัญญาว่าตั้งใจให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จได้ในเวลาที่ไม่นานนัก และเป็นการเร่งรัดการจัดทำรัฐธรรมนูญของสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพราะในอดีตมีบางครั้งที่การจัดทำรัฐธรรมนูญเป็นไปอย่างอืดอาดล่าช้า บางคราวนานเกือบ 10 ปี


ดังนั้น รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะมาใช้แทนฉบับชั่วคราวนี้จึงร่างเสร็จและนำออกขอประชามติจากประชาชนได้ในวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2550 และได้ประกาศใช้[[รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550]] นี้ที่ผ่านและได้รับ[[ประชามติ]]เรียบร้อยได้ในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 จึงเป็นวันสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ. 2549 ด้วยนั่นเอง
ดังนั้น รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะมาใช้แทนฉบับชั่วคราวนี้จึงร่างเสร็จและนำออกขอประชามติจากประชาชนได้ในวันที่ [[19 สิงหาคม พ.ศ. 2550]] และได้ประกาศใช้[[รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550]] นี้ที่ผ่านและได้รับ[[ประชามติ]]เรียบร้อยได้ในวันที่ [[24 สิงหาคม พ.ศ. 2550]] จึงเป็นวันสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ. 2549 ด้วยนั่นเอง




[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]]
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 12:13, 16 ตุลาคม 2557

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 เป็นวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2549 หลังการยึดอำนาจของ “คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยมีพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ เพื่อล้มรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีและถือเป็นการออกกติกาใหม่ในการปกครองมาใช้เป็นการชั่วคราวแทนรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ที่ถูกยกเลิกไปตามประกาศคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 3

รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2549 นี้ แม้จะเรียกว่า “รัฐธรรมนูญ” แต่ก็มีลักษณะคล้ายกับ “ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร” ที่คณะทหารที่ได้ยึดอำนาจเคยประกาศใช้มาแล้วมากกว่า มีจำนวนมาตราเพียง 39 มาตราที่บัญญัติไว้เฉพาะเรื่องที่จำเป็นมากเท่านั้น และเพื่อให้การปกครองดำเนินต่อไปจึงกำหนดให้มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ประกอบด้วยสมาชิกจำนวนไม่เกิน 250 คน ทำหน้าที่ทางนิติบัญญัติ ให้มีคณะรัฐมนตรีที่ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอื่นอีกจำนวนไม่เกิน 35 คน ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร แต่ก็ห้ามนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญและกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และก็ได้รับรองความเป็นอิสระของผู้พิพากษาและตุลาการในการพิพากษาอรรถคดี

ที่เพิ่มมาจากการปกครองทั่ว ๆ ไปก็คือกำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อทำหน้าที่ ร่างรัฐธรรมนูญออกมาใช้แทนฉบับชั่วคราวนี้ โดยให้จัดทำให้เสร็จภายในเวลา 180 วัน นับแต่วันเปิดประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ และให้นำรัฐธรรมนูญฉบับที่ร่างเสร็จนี้ไปทำประชามติขอความเห็นชอบจากประชาชนด้วย จึงนับเป็นครั้งแรกที่บัญญัติให้ไปจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ และให้นำร่างรัฐธรรมนูญไปขอประชามติก่อนประกาศใช้ ดังความในมาตรา 29 ของรัฐธรรมนูญนี้

“ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ และพิจารณาให้แล้วเสร็จตามมาตรา 28 ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันเปิดประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรก

เมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้เผยแพร่ให้ประชาชนทราบและจัดให้มีการออกเสียงประชามติว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งต้องจัดทำไม่เร็วกว่าสิบห้าวัน และไม่ช้ากว่าสามสิบวันนับแต่วันที่เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สภาร่างรัฐธรรมนูญประกาศกำหนด

การออกเสียงประชามติต้องกระทำภายในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร”

ข้อดีที่มีการกำหนดเวลาในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายในเวลา 6 เดือน ไว้ในตัวรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวนี้เอง เพื่อเป็นการยืนยันหรือสัญญาว่าตั้งใจให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จได้ในเวลาที่ไม่นานนัก และเป็นการเร่งรัดการจัดทำรัฐธรรมนูญของสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพราะในอดีตมีบางครั้งที่การจัดทำรัฐธรรมนูญเป็นไปอย่างอืดอาดล่าช้า บางคราวนานเกือบ 10 ปี

ดังนั้น รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะมาใช้แทนฉบับชั่วคราวนี้จึงร่างเสร็จและนำออกขอประชามติจากประชาชนได้ในวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2550 และได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 นี้ที่ผ่านและได้รับประชามติเรียบร้อยได้ในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 จึงเป็นวันสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ. 2549 ด้วยนั่นเอง