ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเวียนเทียน"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 6 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 2 คน) | |||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
---- | ---- | ||
''' | '''ผู้เรียบเรียง''' โอฬาร ถิ่นบางเตียว และ รศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ | ||
---- | |||
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต | |||
---- | |||
'''การเวียนเทียน''' หมายถึง พฤติกรรมในการ[[ทุจริตการเลือกตั้ง]]โดยการใช้บัตรประชาชนใบเดียวเวียนกันไปใช้สิทธิเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งซ้ำกันหลาย ๆ รอบ ซึ่งมักปรากฏ[[หน่วยเลือกตั้ง]]ที่มีทหารมาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นหลัก พฤติกรรมการทุจริต[[การเลือกตั้ง]]ดังกล่าวเป็นการทุจริตที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้งกับกรรมการการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง หรือเป็นหน่วยเลือกตั้งที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งมีอิทธิพลสูง สามารถทำให้[[กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง]]ให้ร่วมมือในการทุจริตการเลือกตั้ง หรือการวางยุทธศาสตร์โดยให้คนของผู้สมัครรับเลือกตั้งเข้าไปเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง | |||
พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งโดยวิธีการดังกล่าว มักจะกระทำในเขตเลือกตั้งที่อยู่ห่างไกลจากชุมชน หรือเป็นเขตเลือกตั้งที่มีกลุ่มผู้ใช้สิทธิจำกัด เช่น หน่วยเลือกตั้งที่มีทหารมาใช้สิทธิจำนวนมาก เป็นต้น ซึ่งประชาชนไม่สนใจติดตามการลงคะแนนใช้สิทธิเลือกตั้ง ในหน่วยเลือกตั้งจึงมีเพียงคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ดูแลและควบคุมการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตในลักษณะดังกล่าวได้ง่าย และอาศัยช่วงเวลาที่ผู้มาใช้สิทธิไม่มากโดยเฉพาะช่วงเปิด[[หีบเลือกตั้ง]]ใหม่ ๆ หรือใกล้เวลาปิดหีบเลือกตั้ง | |||
พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งโดยวิธีการนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัย[[รัฐบาล]][[แปลก พิบูลสงคราม|จอมพล ป. พิบูลสงคราม]] ใน[[การเลือกตั้งทั่วไป]]ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันกัน 2 พรรคใหญ่ คือ พรรค[[เสรีมนังคศิลา]] กับพรรค[[ประชาธิปัตย์]] | |||
พรรคเสรีมนังคศิลาเป็นพรรครัฐบาล มีจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค และพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ เป็นเลขาธิการพรรค ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน มีนายควง อภัยวงศ์ เป็นหัวหน้าพรรค | |||
การเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 นับเป็นการเลือกตั้งที่มีการทุจริตมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะจอมพล ป. พิบูลสงคราม หัวหน้าพรรค และพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ เลขาธิการ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า มีการใช้อำนาจและอิทธิพลของทหารและตำรวจบีบบังคับข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือนให้ช่วยพรรคเสรีมนังคศิลาอย่างเต็มที่ | |||
หลังการเลือกตั้งพรรคเสรีมนังคศิลาชนะพรรคประชาธิปัตย์ แต่หนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนทุกแขนงต่างประโคมข่าวการทุจริตการเลือกตั้งอย่างขนานใหญ่ของพรรคเสรีมนังคศิลา ในขณะเดียวกันประชาชนและ[[ขบวนการนิสิตนักศึกษา]]ต่างโจมตีการเลือกตั้งสกปรกครั้งนี้ โดยเฉพาะกรณีการทุจริตการเลือกตั้งโดยใช้วิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น [[พลร่ม]] [[ไพ่ไฟ]] การเวียนเทียน การบีบบังคับข้าราชการประจำ การทุจริตเลือกตั้งในรูปแบบต่าง ๆ ดังกล่าวที่ปรากฏในครั้งนั้น ถือกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการทุจริตการเลือกตั้งที่ใช้ต่อ ๆ กันมา | |||
พฤติกรรมการอำนาจของรัฐบาลในการทุจริตการเลือกตั้งดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยนิสิตนักศึกษาได้รวมตัวกันประมาณ 2,000 คน ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะต่อต้านรัฐบาล นิสิตเหล่านี้ลดธงชาติลงครึ่งเสาซึ่งเป็นการแสดงการไว้อาลัย[[ประชาธิปไตย]]ที่ตายไป ในขณะที่ประชาชนมีการ[[เดินขบวน]]คัดค้านการเลือกตั้งสกปรก ส่วนพรรคประชาธิปัตย์แสดงการคัดค้านโดยประกาศไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ถึงแม้ตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม หัวหน้าพรรคเสรีมนังคศิลาและรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน ประชาชน และนิสิตนักศึกษา แต่ความไม่พอใจในตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม กลับเพิ่มมากขึ้น | |||
วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2500 หรือ 1 สัปดาห์หลังการเลือกตั้ง นิสิตเหล่านี้เดินขบวนไปที่[[กระทรวงมหาดไทย]]โดยการแนะนำของ[[สฤษดิ์ ธนะรัชต์|จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์]] เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกและให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยที่มีคณะกรรมการประกอบด้วยนิสิตในการควบคุม[[การลงคะแนน]] นายกรัฐมนตรีกล่าวตอบว่า การเลือกตั้งจะเป็นโมฆะก็ต่อเมื่อศาลสั่ง | |||
จอมพล ป. พิบูลสงคราม รักษาการนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่กลับเพิ่มดีกรีของความรุนแรงให้มากยิ่งขึ้น การเดินขบวนประท้วงของประชาชนและนิสิตนักศึกษามุ่งหน้าจากท้องสนามหลวงสู่[[ทำเนียบรัฐบาล]] และในวันเดียวกันนี้ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยตาม[[ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน]] และมีอำนาจบังคับบัญชาทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจได้ทั่วราชอาณาจักร | |||
หลังการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 และหลังการรณรงค์คัดค้านการเลือกตั้งที่สกปรก คะแนนนิยมและฐานะของจอมพล ป. พิบูลสงคราม เสื่อมคลายลงอย่างรวดเร็ว กระทั่งในวันที่ 16 เดือนกันยายน พ.ศ.2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงทำ[[รัฐประหาร]][[ยึดอำนาจ]]จากรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม | |||
[[category:กิจกรรมทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง | [[category:กิจกรรมทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:09, 16 สิงหาคม 2556
ผู้เรียบเรียง โอฬาร ถิ่นบางเตียว และ รศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
การเวียนเทียน หมายถึง พฤติกรรมในการทุจริตการเลือกตั้งโดยการใช้บัตรประชาชนใบเดียวเวียนกันไปใช้สิทธิเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งซ้ำกันหลาย ๆ รอบ ซึ่งมักปรากฏหน่วยเลือกตั้งที่มีทหารมาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นหลัก พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นการทุจริตที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้งกับกรรมการการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง หรือเป็นหน่วยเลือกตั้งที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งมีอิทธิพลสูง สามารถทำให้กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งให้ร่วมมือในการทุจริตการเลือกตั้ง หรือการวางยุทธศาสตร์โดยให้คนของผู้สมัครรับเลือกตั้งเข้าไปเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง
พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งโดยวิธีการดังกล่าว มักจะกระทำในเขตเลือกตั้งที่อยู่ห่างไกลจากชุมชน หรือเป็นเขตเลือกตั้งที่มีกลุ่มผู้ใช้สิทธิจำกัด เช่น หน่วยเลือกตั้งที่มีทหารมาใช้สิทธิจำนวนมาก เป็นต้น ซึ่งประชาชนไม่สนใจติดตามการลงคะแนนใช้สิทธิเลือกตั้ง ในหน่วยเลือกตั้งจึงมีเพียงคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ดูแลและควบคุมการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตในลักษณะดังกล่าวได้ง่าย และอาศัยช่วงเวลาที่ผู้มาใช้สิทธิไม่มากโดยเฉพาะช่วงเปิดหีบเลือกตั้งใหม่ ๆ หรือใกล้เวลาปิดหีบเลือกตั้ง
พฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้งโดยวิธีการนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันกัน 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคเสรีมนังคศิลา กับพรรคประชาธิปัตย์
พรรคเสรีมนังคศิลาเป็นพรรครัฐบาล มีจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค และพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ เป็นเลขาธิการพรรค ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน มีนายควง อภัยวงศ์ เป็นหัวหน้าพรรค
การเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 นับเป็นการเลือกตั้งที่มีการทุจริตมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะจอมพล ป. พิบูลสงคราม หัวหน้าพรรค และพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ เลขาธิการ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า มีการใช้อำนาจและอิทธิพลของทหารและตำรวจบีบบังคับข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือนให้ช่วยพรรคเสรีมนังคศิลาอย่างเต็มที่
หลังการเลือกตั้งพรรคเสรีมนังคศิลาชนะพรรคประชาธิปัตย์ แต่หนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนทุกแขนงต่างประโคมข่าวการทุจริตการเลือกตั้งอย่างขนานใหญ่ของพรรคเสรีมนังคศิลา ในขณะเดียวกันประชาชนและขบวนการนิสิตนักศึกษาต่างโจมตีการเลือกตั้งสกปรกครั้งนี้ โดยเฉพาะกรณีการทุจริตการเลือกตั้งโดยใช้วิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น พลร่ม ไพ่ไฟ การเวียนเทียน การบีบบังคับข้าราชการประจำ การทุจริตเลือกตั้งในรูปแบบต่าง ๆ ดังกล่าวที่ปรากฏในครั้งนั้น ถือกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการทุจริตการเลือกตั้งที่ใช้ต่อ ๆ กันมา
พฤติกรรมการอำนาจของรัฐบาลในการทุจริตการเลือกตั้งดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยนิสิตนักศึกษาได้รวมตัวกันประมาณ 2,000 คน ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะต่อต้านรัฐบาล นิสิตเหล่านี้ลดธงชาติลงครึ่งเสาซึ่งเป็นการแสดงการไว้อาลัยประชาธิปไตยที่ตายไป ในขณะที่ประชาชนมีการเดินขบวนคัดค้านการเลือกตั้งสกปรก ส่วนพรรคประชาธิปัตย์แสดงการคัดค้านโดยประกาศไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ถึงแม้ตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม หัวหน้าพรรคเสรีมนังคศิลาและรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน ประชาชน และนิสิตนักศึกษา แต่ความไม่พอใจในตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม กลับเพิ่มมากขึ้น
วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2500 หรือ 1 สัปดาห์หลังการเลือกตั้ง นิสิตเหล่านี้เดินขบวนไปที่กระทรวงมหาดไทยโดยการแนะนำของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกและให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยที่มีคณะกรรมการประกอบด้วยนิสิตในการควบคุมการลงคะแนน นายกรัฐมนตรีกล่าวตอบว่า การเลือกตั้งจะเป็นโมฆะก็ต่อเมื่อศาลสั่ง
จอมพล ป. พิบูลสงคราม รักษาการนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่กลับเพิ่มดีกรีของความรุนแรงให้มากยิ่งขึ้น การเดินขบวนประท้วงของประชาชนและนิสิตนักศึกษามุ่งหน้าจากท้องสนามหลวงสู่ทำเนียบรัฐบาล และในวันเดียวกันนี้ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีอำนาจบังคับบัญชาทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจได้ทั่วราชอาณาจักร
หลังการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 และหลังการรณรงค์คัดค้านการเลือกตั้งที่สกปรก คะแนนนิยมและฐานะของจอมพล ป. พิบูลสงคราม เสื่อมคลายลงอย่างรวดเร็ว กระทั่งในวันที่ 16 เดือนกันยายน พ.ศ.2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม