ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สังคมนิยมแห่งประเทศไทย"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 2 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''ผู้เรียบเรียง''' นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ | |||
'''ผู้เรียบเรียง''' รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ | |||
---- | ---- | ||
บรรทัดที่ 9: | บรรทัดที่ 10: | ||
== พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย == | == พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย == | ||
พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย เป็น[[พรรคการเมือง|พรรคการเมือง]]ที่จดทะเบียนจัดตั้งตาม[[พระราชบัญญัติพรรคการเมือง_พ.ศ._2517|พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2517]] โดยมีนายสมคิด ศรีสังคม เป็น[[หัวหน้าพรรค|หัวหน้าพรรค]] นายบุญสนอง บุณโยทยาน เป็น[[เลขาธิการพรรค|เลขาธิการพรรค]] | |||
== นโยบายพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย == | == นโยบายพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย == | ||
พรรคสังคมนิยมจะเชิดชูสถาบันชาติ ศาสนา [[พระมหากษัตริย์|พระมหากษัตริย์]] โดยเฉพาะระบอบ[[ปกครองแบบรัฐสภา|ปกครองแบบรัฐสภา]] โดยส่งเสริมให้ได้นับถือศาสนา และไม่ให้เสื่อม โดยให้กรมการศาสนากำกับดูแลวัดวาอารามให้ปฏิบัติตามหลักศาสนาโดยเคร่งครัด การดำเนินนโยบายแบบ[[สังคมนิยม|สังคมนิยม]] จะไม่กระทบกระเทือน[[สิทธิเสรีภาพ|สิทธิเสรีภาพ]]ของประชาชน พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยจะมุ่งส่งเสริมสิทธิ[[ความเท่าเทียม|ความเท่าเทียม]]ระหว่างบุรุษและสตรี ทั้งในสิทธิการเข้ารับราชการ สิทธิในการทำงาน สิทธิทางสังคมต่าง ๆ | |||
'''นโยบายทางเศรษฐกิจ''' ยึดถือหลักการจัดระบบเศรษฐกิจตามหลักสังคมนิยมโดยทั่วไป หาทางแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำต่ำสูงระหว่างคนมีและคนจน ระดมทรัพยากรทางเศรษฐกิจไปในทางสร้างสรรค์ความเป็นธรรมทางสังคมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยรัฐจะต้องเร่งรัดการผลิต ส่งเสริมการผลิต ด้วยการพิจารณาเวนคืนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับประชาชนโดยส่วนใหญ่ โดยรัฐต้องเข้าควบคุมดำเนินการเอง พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยเห็นว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจมีสาเหตุมาจากเรื่องการผลิต การลงทุนและการจำหน่ายสินค้า ซึ่งส่งผลให้ค่าครองชีพของประชาชนอยู่ในระดับสูง เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่ก็จำเป็นต้องมีการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการบริโภคอุปโภคด้วย ดังนั้น รัฐจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างการผลิตเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม โดยส่งเสริมการผลิตพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าว ปอ ข้าวโพด เป็นต้น สำหรับเป็นรากฐานทางเศรษฐกิจ จากนั้นก็พัฒนาอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับผลผลิตการเกษตรและทรัพยากรที่มีในประเทศ | |||
แก้ไข[[การบริหารราชการแผ่นดิน|การบริหารราชการแผ่นดิน]] ให้ประชาชนมีสิทธิ มีส่วนในการปกครองให้มากที่สุด โดย[[กระจายอำนาจ|กระจายอำนาจ]]ส่วนกลางไปให้ท้องถิ่นให้มากที่สุด ต้องปรับปรุง[[กระทรวงมหาดไทย|กระทรวงมหาดไทย]] โดยให้มี[[การเลือกตั้ง|การเลือกตั้ง]]ผู้พิพากษาจากคนในท้องถิ่น เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาสงเคราะห์ แก้ไขกลไกการบริหารราชการ โดยจัดการปัญหาข้าราชการเฉื่อยชา มีประสิทธิภาพน้อย และพิจารณาปรับปรุง[[กระทรวง|กระทรวง]]ทบวงกรมใหม่ โดยอาจมีการยุบหรือตั้งกระทรวงใหม่ให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจและสังคม นอกจากนี้ ยังต้องแยกข้าราชการประจำออกจากข้าราชการทางการเมืองให้เด็ดขาด และหาทางป้องกันมิใช้[[นักการเมือง|นักการเมือง]]ใช้ข้าราชการประจำเป็นเครื่องมือ โดยกำหนดให้ข้าราชการระดับอธิบดีลงมา มีความเป็นอิสระในการบริหารราชการภายใต้นโยบายของกระทรวง โดยไม่อยู่ภายใต้[[การแทรกแซง|การแทรกแซง]]หรือสั่งการของนักการเมือง | |||
ความสงบเรียบร้อยภายในบ้านเมือง จะต้องเพิ่มสมรรถภาพของข้าราชการตำรวจ ให้มีสรรถภาพในการปราบโจรผู้ร้าย เพิ่มสวัสดิการและเงินเดือนให้แก่ตำรวจชั้นผู้น้อย เลิกยศตำรวจให้เป็นข้าราชการพลเรือน นอกจากยศผู้น้อยถึง ร.ต.อ. หรือ พ.ต.ต. นอกจากนี้ ยังต้องเข้มงวดกวดขันตำรวจในทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต | |||
'''นโยบายด้านการเกษตร''' รัฐจะต้องหาทางช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง โดยหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดิน เรื่องน้ำ ปัญหาหนี้สินเกษตรกร ต้องมีการปฏิรูปที่ดิน โดยเวนคืนที่ดินที่นายทุนถือครองมาให้จัดสรรแก่เกษตรกร รัฐต้องใช้ระบบสหกรณ์จัดการที่ดินหลุดกรรมสิทธิ์ โดยรัฐเวนคืนที่ดินมาแล้วให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสหกรณ์ เพื่อจัดสรรแบ่งให้แก่เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ต่อไป ทั้งนี้ควรมี[[กฎหมาย|กฎหมาย]]กำหนดให้นายทุนมีที่ดินในความครอบครองได้ไม่เกินคนละ 50 ไร่เท่านั้น นอกจากการผลิตแล้ว รัฐต้องเป็นผู้จัดหาตลาดสำหรับผลิตผลทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าว โดยหาตลาดภายนอกประเทศ และอาศัย[[รัฐวิสาหกิจ|รัฐวิสาหกิจ]]ดำเนินการนำเข้าและส่งออกภายใต้การกำกับควบคุมของรัฐอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกันก็ต้องประกันราคาสินค้าเกษตรด้วย | |||
การพัฒนาชนบท ต้องมีการพัฒนาถนนให้รถสามารถวิ่งได้ในทุกฤดูกาล เพื่อให้ประชาชนขวนขวายทำมาหากิน และขนส่งสินค้าการเกษตรออกสู่ตลาด รัฐจะต้องพัฒนาคลองส่งน้ำให้ทั่วถึง โดยเฉพาะคลองชลประทานในภาคอิสาน ส่งเสริมชลประทานในตำบลหมู่บ้านต่าง ๆ เพื่อให้เกษตรกรมีแหล่งนั้นสำหรับการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ และเพาะปลูกพืชไร่ต่าง ๆ ให้ได้อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง | |||
การพัฒนาในเขตเมือง จะต้องกวดขันเรื่องสิ่งแวดล้อมและผังเมือง น้ำเสีย อากาศเป็นพิษ โดยรัฐบาลจะต้องจัดทำผังเมืองใหม่ในกรุงเทพฯ ไม่ให้เอกชนตัดถนน ตัดซอย ถมดิน หรือจัดสรรที่ดินสำหรับปลูกสร้างที่อยู่อาศัยได้ตามใจชอบ การจัดสรรเขตพื้นที่อุตสาหกรรมต้องมีความเข้มงวดกวดขันโดยรัฐต้องออกกฎหมายกำกับควบคุมการตั้งโรงงานอุตสาหกรรม | |||
พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย เห็นว่า[[รัฐธรรมนูญฉบับ_พ.ศ._2517|รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2517]] เป็นรัฐธรรมนูญที่มีความเป็น[[ประชาธิปไตย|ประชาธิปไตย]]มากที่สุด โดยเฉพาะการให้[[สิทธิเสรีภาพ|สิทธิเสรีภาพ]]แก่ประชาชนเพิ่มมากขึ้น แต่ควรแก้ไขบท[[บัญญัติ|บัญญัติ]]ที่กำหนดให้[[วุฒิสภา|วุฒิสภา]]มาจากการแต่งตั้งโดย[[พระมหากษัตริย์|พระมหากษัตริย์]] สำหรับเกณฑ์อายุขั้นต่ำของผู้มีสิทธิ[[ลงคะแนนเสียง|ลงคะแนนเสียง]]เลือกตั้งนั้น พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไข เพราะเห็นว่าสิทธิเสรีภาพในเรื่องอื่น ๆ มีความสำคัญมากกว่า ส่วนการเลือกตั้งเป็นเพียงการให้สิทธิที่ใช้ได้เพียงแค่วันเดียว | |||
'''นโยบายด้านการศึกษา''' พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย จะให้รัฐจัดบริการการศึกษาแก่เยาวชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยให้ทุนการศึกษาอย่างทั่วถึงนับแต่การศึกษาภาคบังคับไปจนถึงการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย จะมีการส่งเสริมคุณภาพของครูผู้สอน โดยพัฒนาสวัสดิการสำหรับครูในชนบท แก้ไขปัญหาหนี้สินของครู และสร้างขวัญกำลังใจให้ครูมีความภาคภูมิใจในอาชีพ | |||
'''นโยบายด้านการสาธารณสุข''' พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยจะมุ่งทุ่มเทงบประมาณส่งเสริมสุขภาพอนามัยของประชาชน นับตั้งแต่การวางแผนครอบครัว ส่งเสริมความรู้เรื่องสุขอนามัย ส่งเสริมการผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะแพทย์ที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลและสถานีอนามัยในเขตชนบท | |||
'''นโยบายด้านสวัสดิการสังคม''' พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย จะมุ่งการจัดระบบ[[รัฐสวัสดิการ|รัฐสวัสดิการ]] โดยขึ้นอยู่กับงบประมาณของรัฐ ทั้งนี้จะเริ่มต้นจากการจัดระบบรักษาพยาบาลแบบให้เปล่า การจัดระบบประกันสังคม โดยคนงาน และนายจ้างช่วยกันสมทบ จัดให้มีสหบาลกรรมกรเพื่อเป็นองค์กรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ใช้แรงงานในรูปกองทุนสวัสดิการในยามเจ็บป่วยและว่างงาน มีการจัดระบบสวัสดิการสำหรับคนชรา ผู้อนาถา และคนทุพพลภาพ | |||
ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518 พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยส่งผู้สมัครลงแข่งขันรับเลือกตั้งในเขตต่าง ๆ ทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 82 คน และได้รับเลือกตั้ง 15 คน | ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ [[26_มกราคม_พ.ศ._2518|26 มกราคม พ.ศ. 2518]] พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยส่งผู้สมัครลงแข่งขันรับเลือกตั้งในเขตต่าง ๆ ทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 82 คน และได้รับเลือกตั้ง 15 คน | ||
== ที่มา == | == ที่มา == | ||
สุจิต บุญบงการ,''' การพัฒนาการเมืองของไทย: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างทหาร สถาบันทางการเมือง และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน''', กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2531 | สุจิต บุญบงการ,'''การพัฒนาการเมืองของไทย: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างทหาร สถาบันทางการเมือง และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน''', กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2531 | ||
เสริมศักดิ์ | เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช, '''การสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมืองในประเทศไทย''', วิทยานิพนธ์หลักสูตรชั้นปริญญาโท ภาค 2 ทางรัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2519 | ||
วสันต์ | วสันต์ หงสกุล, 37 '''พรรคการเมือง ปัจจัยพิจารณาเปรียบเทียบ''', กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ตะวันนา, 2518 | ||
ปรีชา | ปรีชา หงษ์ไกรเลิศ,'''พรรคการเมืองและปัญหาพรรคการเมืองไทย''', กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, 2524 | ||
[[ | [[Category:รายชื่อพรรคการเมืองไทย]] [[Category:รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 11:53, 2 ธันวาคม 2562
ผู้เรียบเรียง รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย
พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย เป็นพรรคการเมืองที่จดทะเบียนจัดตั้งตามพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2517 โดยมีนายสมคิด ศรีสังคม เป็นหัวหน้าพรรค นายบุญสนอง บุณโยทยาน เป็นเลขาธิการพรรค
นโยบายพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย
พรรคสังคมนิยมจะเชิดชูสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะระบอบปกครองแบบรัฐสภา โดยส่งเสริมให้ได้นับถือศาสนา และไม่ให้เสื่อม โดยให้กรมการศาสนากำกับดูแลวัดวาอารามให้ปฏิบัติตามหลักศาสนาโดยเคร่งครัด การดำเนินนโยบายแบบสังคมนิยม จะไม่กระทบกระเทือนสิทธิเสรีภาพของประชาชน พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยจะมุ่งส่งเสริมสิทธิความเท่าเทียมระหว่างบุรุษและสตรี ทั้งในสิทธิการเข้ารับราชการ สิทธิในการทำงาน สิทธิทางสังคมต่าง ๆ
นโยบายทางเศรษฐกิจ ยึดถือหลักการจัดระบบเศรษฐกิจตามหลักสังคมนิยมโดยทั่วไป หาทางแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำต่ำสูงระหว่างคนมีและคนจน ระดมทรัพยากรทางเศรษฐกิจไปในทางสร้างสรรค์ความเป็นธรรมทางสังคมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยรัฐจะต้องเร่งรัดการผลิต ส่งเสริมการผลิต ด้วยการพิจารณาเวนคืนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับประชาชนโดยส่วนใหญ่ โดยรัฐต้องเข้าควบคุมดำเนินการเอง พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยเห็นว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจมีสาเหตุมาจากเรื่องการผลิต การลงทุนและการจำหน่ายสินค้า ซึ่งส่งผลให้ค่าครองชีพของประชาชนอยู่ในระดับสูง เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่ก็จำเป็นต้องมีการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการบริโภคอุปโภคด้วย ดังนั้น รัฐจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างการผลิตเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม โดยส่งเสริมการผลิตพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าว ปอ ข้าวโพด เป็นต้น สำหรับเป็นรากฐานทางเศรษฐกิจ จากนั้นก็พัฒนาอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับผลผลิตการเกษตรและทรัพยากรที่มีในประเทศ
แก้ไขการบริหารราชการแผ่นดิน ให้ประชาชนมีสิทธิ มีส่วนในการปกครองให้มากที่สุด โดยกระจายอำนาจส่วนกลางไปให้ท้องถิ่นให้มากที่สุด ต้องปรับปรุงกระทรวงมหาดไทย โดยให้มีการเลือกตั้งผู้พิพากษาจากคนในท้องถิ่น เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาสงเคราะห์ แก้ไขกลไกการบริหารราชการ โดยจัดการปัญหาข้าราชการเฉื่อยชา มีประสิทธิภาพน้อย และพิจารณาปรับปรุงกระทรวงทบวงกรมใหม่ โดยอาจมีการยุบหรือตั้งกระทรวงใหม่ให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจและสังคม นอกจากนี้ ยังต้องแยกข้าราชการประจำออกจากข้าราชการทางการเมืองให้เด็ดขาด และหาทางป้องกันมิใช้นักการเมืองใช้ข้าราชการประจำเป็นเครื่องมือ โดยกำหนดให้ข้าราชการระดับอธิบดีลงมา มีความเป็นอิสระในการบริหารราชการภายใต้นโยบายของกระทรวง โดยไม่อยู่ภายใต้การแทรกแซงหรือสั่งการของนักการเมือง
ความสงบเรียบร้อยภายในบ้านเมือง จะต้องเพิ่มสมรรถภาพของข้าราชการตำรวจ ให้มีสรรถภาพในการปราบโจรผู้ร้าย เพิ่มสวัสดิการและเงินเดือนให้แก่ตำรวจชั้นผู้น้อย เลิกยศตำรวจให้เป็นข้าราชการพลเรือน นอกจากยศผู้น้อยถึง ร.ต.อ. หรือ พ.ต.ต. นอกจากนี้ ยังต้องเข้มงวดกวดขันตำรวจในทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
นโยบายด้านการเกษตร รัฐจะต้องหาทางช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง โดยหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดิน เรื่องน้ำ ปัญหาหนี้สินเกษตรกร ต้องมีการปฏิรูปที่ดิน โดยเวนคืนที่ดินที่นายทุนถือครองมาให้จัดสรรแก่เกษตรกร รัฐต้องใช้ระบบสหกรณ์จัดการที่ดินหลุดกรรมสิทธิ์ โดยรัฐเวนคืนที่ดินมาแล้วให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสหกรณ์ เพื่อจัดสรรแบ่งให้แก่เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ต่อไป ทั้งนี้ควรมีกฎหมายกำหนดให้นายทุนมีที่ดินในความครอบครองได้ไม่เกินคนละ 50 ไร่เท่านั้น นอกจากการผลิตแล้ว รัฐต้องเป็นผู้จัดหาตลาดสำหรับผลิตผลทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าว โดยหาตลาดภายนอกประเทศ และอาศัยรัฐวิสาหกิจดำเนินการนำเข้าและส่งออกภายใต้การกำกับควบคุมของรัฐอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกันก็ต้องประกันราคาสินค้าเกษตรด้วย
การพัฒนาชนบท ต้องมีการพัฒนาถนนให้รถสามารถวิ่งได้ในทุกฤดูกาล เพื่อให้ประชาชนขวนขวายทำมาหากิน และขนส่งสินค้าการเกษตรออกสู่ตลาด รัฐจะต้องพัฒนาคลองส่งน้ำให้ทั่วถึง โดยเฉพาะคลองชลประทานในภาคอิสาน ส่งเสริมชลประทานในตำบลหมู่บ้านต่าง ๆ เพื่อให้เกษตรกรมีแหล่งนั้นสำหรับการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ และเพาะปลูกพืชไร่ต่าง ๆ ให้ได้อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
การพัฒนาในเขตเมือง จะต้องกวดขันเรื่องสิ่งแวดล้อมและผังเมือง น้ำเสีย อากาศเป็นพิษ โดยรัฐบาลจะต้องจัดทำผังเมืองใหม่ในกรุงเทพฯ ไม่ให้เอกชนตัดถนน ตัดซอย ถมดิน หรือจัดสรรที่ดินสำหรับปลูกสร้างที่อยู่อาศัยได้ตามใจชอบ การจัดสรรเขตพื้นที่อุตสาหกรรมต้องมีความเข้มงวดกวดขันโดยรัฐต้องออกกฎหมายกำกับควบคุมการตั้งโรงงานอุตสาหกรรม
พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2517 เป็นรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด โดยเฉพาะการให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนเพิ่มมากขึ้น แต่ควรแก้ไขบทบัญญัติที่กำหนดให้วุฒิสภามาจากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ สำหรับเกณฑ์อายุขั้นต่ำของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนั้น พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไข เพราะเห็นว่าสิทธิเสรีภาพในเรื่องอื่น ๆ มีความสำคัญมากกว่า ส่วนการเลือกตั้งเป็นเพียงการให้สิทธิที่ใช้ได้เพียงแค่วันเดียว
นโยบายด้านการศึกษา พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย จะให้รัฐจัดบริการการศึกษาแก่เยาวชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยให้ทุนการศึกษาอย่างทั่วถึงนับแต่การศึกษาภาคบังคับไปจนถึงการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย จะมีการส่งเสริมคุณภาพของครูผู้สอน โดยพัฒนาสวัสดิการสำหรับครูในชนบท แก้ไขปัญหาหนี้สินของครู และสร้างขวัญกำลังใจให้ครูมีความภาคภูมิใจในอาชีพ
นโยบายด้านการสาธารณสุข พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยจะมุ่งทุ่มเทงบประมาณส่งเสริมสุขภาพอนามัยของประชาชน นับตั้งแต่การวางแผนครอบครัว ส่งเสริมความรู้เรื่องสุขอนามัย ส่งเสริมการผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะแพทย์ที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลและสถานีอนามัยในเขตชนบท
นโยบายด้านสวัสดิการสังคม พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย จะมุ่งการจัดระบบรัฐสวัสดิการ โดยขึ้นอยู่กับงบประมาณของรัฐ ทั้งนี้จะเริ่มต้นจากการจัดระบบรักษาพยาบาลแบบให้เปล่า การจัดระบบประกันสังคม โดยคนงาน และนายจ้างช่วยกันสมทบ จัดให้มีสหบาลกรรมกรเพื่อเป็นองค์กรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ใช้แรงงานในรูปกองทุนสวัสดิการในยามเจ็บป่วยและว่างงาน มีการจัดระบบสวัสดิการสำหรับคนชรา ผู้อนาถา และคนทุพพลภาพ
ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518 พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยส่งผู้สมัครลงแข่งขันรับเลือกตั้งในเขตต่าง ๆ ทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 82 คน และได้รับเลือกตั้ง 15 คน
ที่มา
สุจิต บุญบงการ,การพัฒนาการเมืองของไทย: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างทหาร สถาบันทางการเมือง และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2531
เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช, การสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมืองในประเทศไทย, วิทยานิพนธ์หลักสูตรชั้นปริญญาโท ภาค 2 ทางรัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2519
วสันต์ หงสกุล, 37 พรรคการเมือง ปัจจัยพิจารณาเปรียบเทียบ, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ตะวันนา, 2518
ปรีชา หงษ์ไกรเลิศ,พรรคการเมืองและปัญหาพรรคการเมืองไทย, กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, 2524