ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การลดภารกิจ"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าที่ถูกสร้างด้วย 'เรียบเรียงโดย : อาจารย์บุญยเกียรติ การะเวกพันธุ์ ...'
 
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 2 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 6: บรรทัดที่ 6:
==ความหมายของการลดภารกิจ==
==ความหมายของการลดภารกิจ==


การลดภารกิจ คือ การปรับบทบาทภารกิจของรัฐ ขจัดภารกิจที่ไม่จำเป็นหรือล้าสมัยออกไป โดยพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการทำงานนั้นให้  สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน นโยบายของคณะรัฐมนตรี กำลังเงินงบประมาณของประเทศ  ความคุ้มค่าของภารกิจและสถานการณ์อื่นประกอบกัน เพื่อให้การบริหารราชการเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขประชาชน
การลดภารกิจ คือ การปรับบทบาทภารกิจของรัฐ ขจัดภารกิจที่ไม่จำเป็นหรือล้าสมัยออกไป โดยพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการทำงานนั้นให้  สอดคล้องกับ[[แผนการบริหารราชการแผ่นดิน]] นโยบายของ[[คณะรัฐมนตรี]] กำลังเงินงบประมาณของประเทศ  ความคุ้มค่าของภารกิจและสถานการณ์อื่นประกอบกัน เพื่อให้การบริหารราชการเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขประชาชน


==ความสำคัญ==
==ความสำคัญ==


จากแนวคิดที่ปรากฏในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ที่ว่าการบริหารราชการต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐ การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การกระจายอำนาจตัดสินใจ การอำนวยความสะดวก และการตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ โดยมีผู้รับผิดชอบต่อผลของงานการจัดสรรงบประมาณ และการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่ต้องคำนึงถึงหลักการ
จากแนวคิดที่ปรากฏใน[[พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534]] ที่ว่า[[การบริหารราชการ]]ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐ การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น [[การกระจายอำนาจตัดสินใจ]] การอำนวยความสะดวก และการตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ โดยมีผู้รับผิดชอบต่อผลของงานการจัดสรรงบประมาณ และการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่ต้องคำนึงถึงหลักการ
 
 
ในการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการ ต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้คำนึงถึงความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมของประชาชน การเปิดเผยข้อมูล การติดตามตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมของแต่ละภารกิจ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรานี้ จะตราพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการปฏิบัติราชการและการสั่งการให้ส่วนราชการและข้าราชการปฏิบัติก็ได้    
ในการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการ ต้องใช้วิธี[[การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี]]โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้คำนึงถึงความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน [[การมีส่วนร่วมของประชาชน]] [[การเปิดเผยข้อมูล]] [[การติดตามตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัติงาน]] ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมของแต่ละภารกิจ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรานี้ จะตรา[[พระราชกฤษฎีกา]]กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการปฏิบัติราชการและการสั่งการให้ส่วนราชการและข้าราชการปฏิบัติก็ได้<ref>พระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 3/1</ref>    
   
   
การลดภารกิจจึงเป็นแนวทางที่ทำให้การบริหารราชการเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขประชาชน
การลดภารกิจจึงเป็นแนวทางที่ทำให้การบริหารราชการเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขประชาชน
บรรทัดที่ 18: บรรทัดที่ 18:
==การลดภารกิจ : แนวทางในการบริหารราชการแผ่นดิน==
==การลดภารกิจ : แนวทางในการบริหารราชการแผ่นดิน==


จากแนวคิดการบริหารราชการแผ่นดินที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ จึงมีการปฏิรูประบบราชการใน พ.ศ. 2545 โดยนำแนวคิดการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีมาใช้เพื่อให้การบริหารราชการบรรลุเป้าหมาย มีการตราพระราชกฤษฎีกาการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 ซึ่งมีหลักการที่สำคัญดังนี้คือ
จากแนวคิดการบริหารราชการแผ่นดินที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ จึงมี[[การปฏิรูประบบราชการ]]ใน พ.ศ. 2545 โดยนำแนวคิด[[การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี]]มาใช้เพื่อให้การบริหารราชการบรรลุเป้าหมาย มีการตรา[[พระราชกฤษฎีกาการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546]] ซึ่งมีหลักการที่สำคัญดังนี้คือ


(1) เกิดประโยชน์สุขของประชาชน
(1) เกิดประโยชน์สุขของประชาชน
บรรทัดที่ 34: บรรทัดที่ 34:
(7) มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ
(7) มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ
   
   
การลดภารกิจเป็นแนวทางหนึ่งที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 โดยให้ส่วนราชการจัดให้มีการทบทวนภารกิจของตนว่าภารกิจใดมีความจำเป็นหรือสมควรที่จะได้ดำเนินการต่อไปหรือไม่  โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน นโยบายของคณะรัฐมนตรี  กำลังเงินงบประมาณของประเทศ  ความคุ้มค่าของภารกิจและสถานการณ์อื่นประกอบกัน โดยคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) จะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาในการทบทวนภารกิจ  
การลดภารกิจเป็นแนวทางหนึ่งที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 โดยให้ส่วนราชการจัดให้มีการทบทวนภารกิจของตนว่าภารกิจใดมีความจำเป็นหรือสมควรที่จะได้ดำเนินการต่อไปหรือไม่  โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับแผน[[การบริหารราชการแผ่นดิน]] นโยบายของคณะรัฐมนตรี  กำลังเงินงบประมาณของประเทศ  ความคุ้มค่าของภารกิจและสถานการณ์อื่นประกอบกัน โดย[[คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ]] ([[ก.พ.ร.]]) จะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาในการทบทวนภารกิจ  
เมื่อมีการทบทวนภารกิจแล้ว ถ้าส่วนราชการเห็นว่าควรยกเลิก  ปรับปรุง  หรือเปลี่ยนแปลงภารกิจ  ให้ส่วนราชการดำเนินการปรับปรุงอำนาจหน้าที่  โครงสร้าง  และอัตรากำลัง  ของส่วนราชการให้สอดคล้องกัน และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการต่อไป
เมื่อมีการทบทวนภารกิจแล้ว ถ้าส่วนราชการเห็นว่าควรยกเลิก  ปรับปรุง  หรือเปลี่ยนแปลงภารกิจ  ให้ส่วนราชการดำเนินการปรับปรุงอำนาจหน้าที่  โครงสร้าง  และอัตรากำลัง  ของส่วนราชการให้สอดคล้องกัน และเสนอ[[คณะรัฐมนตรี]]พิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการต่อไป
   
   
นอกจากนี้ ก.พ.ร. มีหน้าที่ในการพิจารณาว่าภารกิจของรัฐที่ส่วนราชการรับผิดชอบดำเนินการอยู่สมควรเปลี่ยนแปลง  ยกเลิก  หรือเพิ่มเติม  ให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา  เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว  ให้ส่วนราชการนั้นดำเนินการปรับปรุงภารกิจ  อำนาจหน้าที่ โครงสร้างและอัตรากำลังของส่วนราชการนั้นให้สอดคล้องกัน  
นอกจากนี้ ก.พ.ร. มีหน้าที่ในการพิจารณาว่าภารกิจของรัฐที่ส่วนราชการรับผิดชอบดำเนินการอยู่สมควรเปลี่ยนแปลง  ยกเลิก  หรือเพิ่มเติม  ให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา  เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว  ให้ส่วนราชการนั้นดำเนินการปรับปรุงภารกิจ  อำนาจหน้าที่ โครงสร้างและอัตรากำลังของส่วนราชการนั้นให้สอดคล้องกัน<ref>พระราชกฤษฎีกาการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 มาตรา 33</ref>


==แนวทางการปรับบทบาทภารกิจภาครัฐ==
==แนวทางการปรับบทบาทภารกิจภาครัฐ<ref>สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 4 ปีการพัฒนาระบบราชการไทย : ปรับบทบาทภารกิจและขนาดของหน่วยงานภาครัฐให้มีความเหมาะสม (กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 2549) หน้า 3-5</ref>==
    
    
1. ขจัดภารกิจที่ไม่จำเป็นหรือล้าสมัยออกไป โดยพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการทำงานนั้นให้เหมาะสมกับความต้องการของประชาชน สังคม และประเทศชาติในปัจจุบัน
1. ขจัดภารกิจที่ไม่จำเป็นหรือล้าสมัยออกไป โดยพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการทำงานนั้นให้เหมาะสมกับความต้องการของประชาชน สังคม และประเทศชาติในปัจจุบัน
บรรทัดที่ 49: บรรทัดที่ 49:
3. ไม่ดำเนินงานใด ๆ ที่เอกชนสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดกว่าภาครัฐอยู่แล้ว ยกเว้นในกรณีที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐ การรักษาผลประโยชนส่วนรวม การประกันความเป็นธรรม หรือการจัดให้มีสาธารณูปโภค
3. ไม่ดำเนินงานใด ๆ ที่เอกชนสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดกว่าภาครัฐอยู่แล้ว ยกเว้นในกรณีที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐ การรักษาผลประโยชนส่วนรวม การประกันความเป็นธรรม หรือการจัดให้มีสาธารณูปโภค
4. สนับสนุนเศรษฐกิจแบบเสรีโดยอาศัยกลไกตลาด กำหับดูแลให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม คุ้มครองผู้บริโภค ยกเลิกและละเว้นการตรากฎหมายและกฎเกณฑ์ การควบคุมธุรกิจที่ไม่สอดคล้องกับความจำเป็น ทางเศรษฐกิจ  
4. สนับสนุนเศรษฐกิจแบบเสรีโดยอาศัยกลไกตลาด กำหับดูแลให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม คุ้มครองผู้บริโภค ยกเลิกและละเว้นการ[[ตรากฎหมาย]]และกฎเกณฑ์ การควบคุมธุรกิจที่ไม่สอดคล้องกับความจำเป็น ทางเศรษฐกิจ  
เมื่อคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ส่วนราชการลดภารกิจไม่ว่าจะเป็นทั้งหมดหรือบางส่วน  พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 ได้กำหนดให้ห้ามจัดตั้งส่วนราชการที่มีภารกิจหรืออำนาจหน้าที่ที่มีลักษณะเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันกับส่วนราชการดังกล่าวขึ้นอีก  เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และมีเหตุผลจำเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐหรือเศรษฐกิจของประเทศ  หรือรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน  และโดยได้รับความเห็นชอบจาก ก.พ.ร.  
เมื่อคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ส่วนราชการลดภารกิจไม่ว่าจะเป็นทั้งหมดหรือบางส่วน  พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 ได้กำหนดให้ห้ามจัดตั้งส่วนราชการที่มีภารกิจหรืออำนาจหน้าที่ที่มีลักษณะเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันกับส่วนราชการดังกล่าวขึ้นอีก  เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และมีเหตุผลจำเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐหรือเศรษฐกิจของประเทศ  หรือรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน  และโดยได้รับความเห็นชอบจาก ก.พ.ร.<ref>พระราชกฤษฎีกาการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 มาตรา 34</ref>


==แนวทางการจัดโครงสร้างราชการให้สอดคล้องกับการปรับภารกิจ==
==แนวทางการจัดโครงสร้างราชการให้สอดคล้องกับการปรับภารกิจ<ref>สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 4 ปีการพัฒนาระบบราชการไทย : ปรับบทบาทภารกิจและขนาดของหน่วยงานภาครัฐให้มีความเหมาะสม , หน้า 3-6. </ref>==
    
    
เมื่อมีความชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป จำเป็นต้องมีการปฏิรูปปรับเปลี่ยนโครงสร้างหน่วยราชการใหม่ ให้สอดคล้องรับกับบทบาทและภารกิจใหม่ของภาครัฐ โดยมีแนวทางในการจัดดังนี้
เมื่อมีความชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป จำเป็นต้องมีการปฏิรูปปรับเปลี่ยนโครงสร้างหน่วยราชการใหม่ ให้สอดคล้องรับกับบทบาทและภารกิจใหม่ของภาครัฐ โดยมีแนวทางในการจัดดังนี้
   
   
1.จัดโครงสร้างโดยคำนึงถึงนโยบายแห่งรัฐที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ นโยบายรัฐบาล และความต้องการของประชาชน ในลักษณะของการบริหารที่ยึดวาระแห่งชาติ (Agenda based) แทนการจัดโครงสร้างที่เน้นหน้าที่ของรัฐ (Functional based)
1.จัดโครงสร้างโดยคำนึงถึงนโยบายแห่งรัฐที่กำหนดใน[[รัฐธรรมนูญ]] นโยบาย[[รัฐบาล]] และความต้องการของประชาชน ในลักษณะของการบริหารที่ยึดวาระแห่งชาติ (Agenda based) แทนการจัดโครงสร้างที่เน้นหน้าที่ของรัฐ (Functional based)
   
   
2. จัดโครงสร้างองค์กรให้มีความหลากหลาย เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทภารกิจหลักที่จำเป็นต้องดำเนินการโดยภาครัฐ สอดรับกับประเภทของภารกิจและงาน และสอดคล้องกับการดำเนินงานในส่วนที่ต้องเน้นประสิทธิภาพ ความคล่องตัวการดำเนินงานร่วมกับภาคเอกชน องค์กรประชาชนและท้องถิ่น ซึ่งอาจจัดหน่วยงานของรัฐได้ ดังนี้คือ หน่วยราชการที่รับผิดชอบงานราชการโดยแท้ ที่เรียกว่าหน่วยงานราชการ (Government Organization) และหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบงานปฏิบัติการที่ยังเป็นกิจหลักของภาครัฐที่ยังจำเป็นต้องดำเนินการโดยหน่วยงานราชการ อาจจัดตั้งเป็นหน่วยงานที่มีรูปแบบการบริหารงานพิเศษ หน่วยงานของรัฐที่ให้บริการสาธารณะซึ่งเป็นงานของรัฐที่ภาครัฐจำเป็นต้องจัดให้มีหรือส่งเสริมให้มีการให้บริการก็สามารถจัดให้เป็นองค์กรมหาชน (Public Organization) รัฐวิสาหกิจ (State Enterprise) หรือองค์กรที่จัดตั้งในรูปแบบมูลนิธิ  (Foundation)  และองค์กรพัฒนาภาคเอกชน (Non  Government Organization)  
2. จัดโครงสร้างองค์กรให้มีความหลากหลาย เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทภารกิจหลักที่จำเป็นต้องดำเนินการโดยภาครัฐ สอดรับกับประเภทของภารกิจและงาน และสอดคล้องกับการดำเนินงานในส่วนที่ต้องเน้นประสิทธิภาพ ความคล่องตัวการดำเนินงานร่วมกับภาคเอกชน องค์กรประชาชนและท้องถิ่น ซึ่งอาจจัดหน่วยงานของรัฐได้ ดังนี้คือ หน่วยราชการที่รับผิดชอบงานราชการโดยแท้ ที่เรียกว่าหน่วยงานราชการ (Government Organization) และหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบงานปฏิบัติการที่ยังเป็นกิจหลักของภาครัฐที่ยังจำเป็นต้องดำเนินการโดยหน่วยงานราชการ อาจจัดตั้งเป็นหน่วยงานที่มีรูปแบบการบริหารงานพิเศษ หน่วยงานของรัฐที่ให้บริการสาธารณะซึ่งเป็นงานของรัฐที่ภาครัฐจำเป็นต้องจัดให้มีหรือส่งเสริมให้มีการให้บริการก็สามารถจัดให้เป็น[[องค์กรมหาชน]] (Public Organization) [[รัฐวิสาหกิจ]] (State Enterprise) หรือองค์กรที่จัดตั้งในรูปแบบมูลนิธิ  (Foundation)  และองค์กรพัฒนาภาคเอกชน (Non  Government Organization)  
 
 
3. จัดโครงสร้างองค์กรตามแนวราบ เพื่อให้มีสายการบังคับบัญชาสั้นที่สุด เพื่อให้การทำงานและการตัดสินใจเป็นไปอย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพโดยยังคงยึดหลักความรับผิดชอบในการบริหารงาน
3. จัดโครงสร้างองค์กรตามแนวราบ เพื่อให้มีสายการบังคับบัญชาสั้นที่สุด เพื่อให้การทำงานและการตัดสินใจเป็นไปอย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพโดยยังคงยึดหลักความรับผิดชอบในการบริหารงาน
บรรทัดที่ 67: บรรทัดที่ 67:
5. ปรับปรุง แก้ไข กฎระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการปรับบทบาทภารกิจและโครงสร้างส่วนราชการ
5. ปรับปรุง แก้ไข กฎระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการปรับบทบาทภารกิจและโครงสร้างส่วนราชการ
 
 
การลดภารกิจ จึงสอดคล้องกับหลักการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดีและเป็นไปตามแนวทางการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ ที่จะทำให้การบริหารราชการเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขประชาชน
การลดภารกิจ จึงสอดคล้องกับหลักการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดีและเป็นไปตามแนวทาง[[การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่]] ที่จะทำให้การบริหารราชการเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขประชาชน
 
==อ้างอิง==
 
<references/>


==บรรณานุกรม==
==บรรณานุกรม==

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 09:47, 7 ธันวาคม 2557

เรียบเรียงโดย : อาจารย์บุญยเกียรติ การะเวกพันธุ์ และคณะ

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รศ.ดร.ปธาน สุวรรณมงคล


ความหมายของการลดภารกิจ

การลดภารกิจ คือ การปรับบทบาทภารกิจของรัฐ ขจัดภารกิจที่ไม่จำเป็นหรือล้าสมัยออกไป โดยพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการทำงานนั้นให้ สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน นโยบายของคณะรัฐมนตรี กำลังเงินงบประมาณของประเทศ ความคุ้มค่าของภารกิจและสถานการณ์อื่นประกอบกัน เพื่อให้การบริหารราชการเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขประชาชน

ความสำคัญ

จากแนวคิดที่ปรากฏในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ที่ว่าการบริหารราชการต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐ การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การกระจายอำนาจตัดสินใจ การอำนวยความสะดวก และการตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ โดยมีผู้รับผิดชอบต่อผลของงานการจัดสรรงบประมาณ และการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่ต้องคำนึงถึงหลักการ

ในการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการ ต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้คำนึงถึงความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมของประชาชน การเปิดเผยข้อมูล การติดตามตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมของแต่ละภารกิจ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรานี้ จะตราพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการปฏิบัติราชการและการสั่งการให้ส่วนราชการและข้าราชการปฏิบัติก็ได้[1]

การลดภารกิจจึงเป็นแนวทางที่ทำให้การบริหารราชการเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขประชาชน

การลดภารกิจ : แนวทางในการบริหารราชการแผ่นดิน

จากแนวคิดการบริหารราชการแผ่นดินที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ จึงมีการปฏิรูประบบราชการใน พ.ศ. 2545 โดยนำแนวคิดการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีมาใช้เพื่อให้การบริหารราชการบรรลุเป้าหมาย มีการตราพระราชกฤษฎีกาการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 ซึ่งมีหลักการที่สำคัญดังนี้คือ

(1) เกิดประโยชน์สุขของประชาชน

(2) เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ

(3) มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ

(4) ไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานเกินความจำเป็น

(5) มีการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อสถานการณ์

(6) ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและได้รับการตอบสนองความต้องการ

(7) มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ

การลดภารกิจเป็นแนวทางหนึ่งที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 โดยให้ส่วนราชการจัดให้มีการทบทวนภารกิจของตนว่าภารกิจใดมีความจำเป็นหรือสมควรที่จะได้ดำเนินการต่อไปหรือไม่ โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน นโยบายของคณะรัฐมนตรี กำลังเงินงบประมาณของประเทศ ความคุ้มค่าของภารกิจและสถานการณ์อื่นประกอบกัน โดยคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) จะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาในการทบทวนภารกิจ

เมื่อมีการทบทวนภารกิจแล้ว ถ้าส่วนราชการเห็นว่าควรยกเลิก ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงภารกิจ ให้ส่วนราชการดำเนินการปรับปรุงอำนาจหน้าที่ โครงสร้าง และอัตรากำลัง ของส่วนราชการให้สอดคล้องกัน และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการต่อไป

นอกจากนี้ ก.พ.ร. มีหน้าที่ในการพิจารณาว่าภารกิจของรัฐที่ส่วนราชการรับผิดชอบดำเนินการอยู่สมควรเปลี่ยนแปลง ยกเลิก หรือเพิ่มเติม ให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว ให้ส่วนราชการนั้นดำเนินการปรับปรุงภารกิจ อำนาจหน้าที่ โครงสร้างและอัตรากำลังของส่วนราชการนั้นให้สอดคล้องกัน[2]

แนวทางการปรับบทบาทภารกิจภาครัฐ[3]

1. ขจัดภารกิจที่ไม่จำเป็นหรือล้าสมัยออกไป โดยพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการทำงานนั้นให้เหมาะสมกับความต้องการของประชาชน สังคม และประเทศชาติในปัจจุบัน

2. มุ่งการดำเนินการเฉพาะภารกิจหลัก โดยแยกประเภทภารกิจหลัก (Core Business) และภารกิจรอง (Non - Core Business) ออกจากกันเพื่อมอบภารกิจที่ราชการส่วนกลางไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการแล้วให้ท้องถิ่นหรือภาคเอกชนดำเนินการแทน หรือสนับสนุนให้ภาคประชาสังคมหรือชุมชนรับไปดำเนินการ

3. ไม่ดำเนินงานใด ๆ ที่เอกชนสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดกว่าภาครัฐอยู่แล้ว ยกเว้นในกรณีที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐ การรักษาผลประโยชนส่วนรวม การประกันความเป็นธรรม หรือการจัดให้มีสาธารณูปโภค

4. สนับสนุนเศรษฐกิจแบบเสรีโดยอาศัยกลไกตลาด กำหับดูแลให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม คุ้มครองผู้บริโภค ยกเลิกและละเว้นการตรากฎหมายและกฎเกณฑ์ การควบคุมธุรกิจที่ไม่สอดคล้องกับความจำเป็น ทางเศรษฐกิจ

เมื่อคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ส่วนราชการลดภารกิจไม่ว่าจะเป็นทั้งหมดหรือบางส่วน พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 ได้กำหนดให้ห้ามจัดตั้งส่วนราชการที่มีภารกิจหรืออำนาจหน้าที่ที่มีลักษณะเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันกับส่วนราชการดังกล่าวขึ้นอีก เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และมีเหตุผลจำเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐหรือเศรษฐกิจของประเทศ หรือรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน และโดยได้รับความเห็นชอบจาก ก.พ.ร.[4]

แนวทางการจัดโครงสร้างราชการให้สอดคล้องกับการปรับภารกิจ[5]

เมื่อมีความชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป จำเป็นต้องมีการปฏิรูปปรับเปลี่ยนโครงสร้างหน่วยราชการใหม่ ให้สอดคล้องรับกับบทบาทและภารกิจใหม่ของภาครัฐ โดยมีแนวทางในการจัดดังนี้

1.จัดโครงสร้างโดยคำนึงถึงนโยบายแห่งรัฐที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ นโยบายรัฐบาล และความต้องการของประชาชน ในลักษณะของการบริหารที่ยึดวาระแห่งชาติ (Agenda based) แทนการจัดโครงสร้างที่เน้นหน้าที่ของรัฐ (Functional based)

2. จัดโครงสร้างองค์กรให้มีความหลากหลาย เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทภารกิจหลักที่จำเป็นต้องดำเนินการโดยภาครัฐ สอดรับกับประเภทของภารกิจและงาน และสอดคล้องกับการดำเนินงานในส่วนที่ต้องเน้นประสิทธิภาพ ความคล่องตัวการดำเนินงานร่วมกับภาคเอกชน องค์กรประชาชนและท้องถิ่น ซึ่งอาจจัดหน่วยงานของรัฐได้ ดังนี้คือ หน่วยราชการที่รับผิดชอบงานราชการโดยแท้ ที่เรียกว่าหน่วยงานราชการ (Government Organization) และหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบงานปฏิบัติการที่ยังเป็นกิจหลักของภาครัฐที่ยังจำเป็นต้องดำเนินการโดยหน่วยงานราชการ อาจจัดตั้งเป็นหน่วยงานที่มีรูปแบบการบริหารงานพิเศษ หน่วยงานของรัฐที่ให้บริการสาธารณะซึ่งเป็นงานของรัฐที่ภาครัฐจำเป็นต้องจัดให้มีหรือส่งเสริมให้มีการให้บริการก็สามารถจัดให้เป็นองค์กรมหาชน (Public Organization) รัฐวิสาหกิจ (State Enterprise) หรือองค์กรที่จัดตั้งในรูปแบบมูลนิธิ (Foundation) และองค์กรพัฒนาภาคเอกชน (Non Government Organization)

3. จัดโครงสร้างองค์กรตามแนวราบ เพื่อให้มีสายการบังคับบัญชาสั้นที่สุด เพื่อให้การทำงานและการตัดสินใจเป็นไปอย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพโดยยังคงยึดหลักความรับผิดชอบในการบริหารงาน

4. จัดโครงสร้างองค์กรที่มีรูปแบบผสมผสาน ในกรณีที่งานนั้นต้องการองค์ประกอบของความรู้ความสามารถที่หลากหลายและเน้นความเป็นทีมในการปฏิบัติงาน เพื่อผลักดันงานให้บรรลุผลสำเร็จ หรือกรณีที่สามารถใช้เทคโนโลยีการติดต่อที่ทันสมัยก็สามารถจัดองค์กรที่มีลักษณะเป็นเครือข่าย

5. ปรับปรุง แก้ไข กฎระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการปรับบทบาทภารกิจและโครงสร้างส่วนราชการ

การลดภารกิจ จึงสอดคล้องกับหลักการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดีและเป็นไปตามแนวทางการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ ที่จะทำให้การบริหารราชการเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขประชาชน

อ้างอิง

  1. พระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 3/1
  2. พระราชกฤษฎีกาการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 มาตรา 33
  3. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 4 ปีการพัฒนาระบบราชการไทย : ปรับบทบาทภารกิจและขนาดของหน่วยงานภาครัฐให้มีความเหมาะสม (กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 2549) หน้า 3-5
  4. พระราชกฤษฎีกาการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 มาตรา 34
  5. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 4 ปีการพัฒนาระบบราชการไทย : ปรับบทบาทภารกิจและขนาดของหน่วยงานภาครัฐให้มีความเหมาะสม , หน้า 3-6.

บรรณานุกรม

พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534

พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 4 ปีการพัฒนาระบบราชการไทย : ปรับบทบาทภารกิจและขนาดของหน่วยงานภาครัฐให้มีความเหมาะสม (กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 2549) หน้า 3-5