ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เสรีภาพ (พ.ศ.2535)"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
'''ผู้เรียบเรียง''' นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
'''ผู้เรียบเรียง''' รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์


----
----
บรรทัดที่ 19: บรรทัดที่ 19:
สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจนั้น พรรคจะสร้างพื้นฐานระบบเศรษฐกิจที่มั่นคงและ[[เป็นธรรม]]ให้แก่ประชาชนในชาติไทย โดยจะจัดทำโครงการสร้างงานในชนบทอย่างถาวร ปรับปรุงแก้ไขหรือสร้างปัจจัยการผลิต เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตโดยให้สัมพันธ์กับอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม เร่งก่อสร้างระบบขนส่งมวลชน ถนน ไฟฟ้า ประปา และพัฒนาระบบชลประทาน ให้[[ทั่วถึง]]และ[[เท่าเทียมกัน]] ดำเนินการปฏิรูปที่ดินให้สามารถจัดสรรกระจายกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ทำกินให้แก่ครอบครัวเกษตรกรทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังจะต้องขจัด[[ระบบอภิสิทธิ์]]ทางเศรษฐกิจ ลดการผูกขาดในธุรกิจบางประเทศเพื่อเปิดให้มีการแข่งขันกันอย่างเสรี ตลอดจนปรับปรุงระบบภาษีอากรให้[[ยุติธรรม]] และจูงใจให้ผู้ลงทุนต่างประเทศให้มาลงทุนในประเทศ
สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจนั้น พรรคจะสร้างพื้นฐานระบบเศรษฐกิจที่มั่นคงและ[[เป็นธรรม]]ให้แก่ประชาชนในชาติไทย โดยจะจัดทำโครงการสร้างงานในชนบทอย่างถาวร ปรับปรุงแก้ไขหรือสร้างปัจจัยการผลิต เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตโดยให้สัมพันธ์กับอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม เร่งก่อสร้างระบบขนส่งมวลชน ถนน ไฟฟ้า ประปา และพัฒนาระบบชลประทาน ให้[[ทั่วถึง]]และ[[เท่าเทียมกัน]] ดำเนินการปฏิรูปที่ดินให้สามารถจัดสรรกระจายกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ทำกินให้แก่ครอบครัวเกษตรกรทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังจะต้องขจัด[[ระบบอภิสิทธิ์]]ทางเศรษฐกิจ ลดการผูกขาดในธุรกิจบางประเทศเพื่อเปิดให้มีการแข่งขันกันอย่างเสรี ตลอดจนปรับปรุงระบบภาษีอากรให้[[ยุติธรรม]] และจูงใจให้ผู้ลงทุนต่างประเทศให้มาลงทุนในประเทศ


นโยบายด้านสังคม จะให้ความสำคัญกับการสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน จัดทำแผนการศึกษาและพัฒนากำลังคนเพื่อให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรทั้งในด้านสาธารณสุข จัดทำระบบประกันสังคมที่มีประสิทธิภาพ
นโยบายด้านสังคม จะให้ความสำคัญกับการสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน จัดทำแผนการศึกษาและพัฒนากำลังคนเพื่อให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรทั้งในด้านสาธารณสุข จัดทำระบบประกันสังคมที่มีประสิทธิภาพ


ส่วนนโยบายด้านการทหารและการต่างประเทศนั้น จะคำนึงถึง[[ความเป็นกลาง]] ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และดำเนินนโยบายอย่างเป็น[[อิสระ]] โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีและ[[เอกราช]]ของประเทศไทยเป็นสำคัญ ส่งเสริมสันติภาพและการดำรงอยู่ร่วมกันโดยสันติระหว่างประเทศทั่วโลกบนหลักของการเคารพเ[[อกราช]] [[อธิปไตย]] บูรณภาพแห่งดินแดน[[ความเสมอภาค]] และการไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน
ส่วนนโยบายด้านการทหารและการต่างประเทศนั้น จะคำนึงถึง[[ความเป็นกลาง]] ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และดำเนินนโยบายอย่างเป็น[[อิสระ]] โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีและ[[เอกราช]]ของประเทศไทยเป็นสำคัญ ส่งเสริมสันติภาพและการดำรงอยู่ร่วมกันโดยสันติระหว่างประเทศทั่วโลกบนหลักของการเคารพ[[เอกราช]] [[อธิปไตย]] บูรณภาพแห่งดินแดน[[ความเสมอภาค]] และการไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน


ในด้านการดำเนิน[[กิจกรรมทางการเมือง]]นั้น พรรคเสรีภาพไม่เคยส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยกรณีที่สำคัญคือ [[การเลือกตั้ง]][[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]] เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2538 ซึ่งพรรคเสรีภาพ และพรรคการเมืองอื่นๆอีก 5 พรรค อันประกอบไปด้วย พรรค[[ราษฎร]] พรรค[[รวมไทย]] พรรค[[สหชีพ]] พรรค[[หลักสยาม]] และพรรค[[กิจประชาธิปไตย]] อันเป็นเหตุจะต้องถูก[[ยุบพรรค]]
ในด้านการดำเนิน[[กิจกรรมทางการเมือง]]นั้น พรรคเสรีภาพไม่เคยส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยกรณีที่สำคัญคือ [[การเลือกตั้ง]][[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]] เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2538 ซึ่งพรรคเสรีภาพ และพรรคการเมืองอื่นๆอีก 5 พรรค อันประกอบไปด้วย พรรค[[ราษฎร]] พรรค[[รวมไทย]] พรรค[[สหชีพ]] พรรค[[หลักสยาม]] และพรรค[[กิจประชาธิปไตย]] อันเป็นเหตุจะต้องถูก[[ยุบพรรค]]


ในเวลาต่อมา [[ศาลฎีกา]] ได้มีคำสั่งที่ 5041/2539 ลงวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2539 ให้[[ยุบเลิก]]พรรคเสรีภาพ เนื่องจากไม่ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2538 ตามนัยมาตรา 46 (3) แห่ง[[พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524]] แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพรรคการเมืองพ.ศ.2524  มาตรา 3
ในเวลาต่อมา [[ศาลฎีกา]] ได้มีคำสั่งที่ 5041/2539 ลงวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2539 ให้[[ยุบเลิก]]พรรคเสรีภาพ เนื่องจากไม่ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2538 ตามนัยมาตรา 46 (3) แห่ง[[พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524]] แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพรรคการเมืองพ.ศ.2524  มาตรา 3


== ที่มา ==
== ที่มา ==


'''ราชกิจจานุเบกษา''' เล่มที่ 109 ตอนที่ 104, ลงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2535, หน้า 84-93
'''ราชกิจจานุเบกษา''' เล่มที่ 109 ตอนที่ 104, ลงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2535, หน้า 84-93
บรรทัดที่ 38: บรรทัดที่ 36:


[[หมวดหมู่:รายชื่อพรรคการเมืองไทย|สเสรีภาพ (พ.ศ.2535)]]
[[หมวดหมู่:รายชื่อพรรคการเมืองไทย|สเสรีภาพ (พ.ศ.2535)]]
[[หมวดหมู่:รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 10:43, 13 พฤศจิกายน 2555

ผู้เรียบเรียง รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


พรรคเสรีภาพ

พรรคเสรีภาพได้ยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยอาศัยความในพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 ในวันที่ 11 กันยายน พ.ศ.2535 โดยได้รับการจดแจ้งลงในทะเบียนพรรคการเมืองเลขที่ 37/2535 โดยมี นายบุญชัย มนัสมนตรี ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ส่วนคณะกรรมการบริหารพรรคในตำแหน่งที่สำคัญนั้น ประกอบด้วย

ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ประกอบด้วย นายธนากร พรพิทักษ์ชัยกุล นายชาญชัย พรพิทักษ์ชัยกุลนายวิชัย อัครดิลก และนายพิภพ จันทร์แสงสว่าง ตำแหน่งเลขาธิการพรรค มีนางเวณิกา เจริญสุข เป็นผู้ดำรงตำแหน่ง และ ตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค มีนายสมชาย กาญจนประสาทพร เป็นผู้ดำรงตำแหน่ง

สำหรับนโยบายหลักของพรรคเสรีภาพนั้น ได้มีการกำหนดกรอบนโยบายของพรรคไว้อย่างกว้างๆ 3 ด้านด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วย

นโยบายด้านการเมืองการปกครอง พรรคจะยึดมั่นในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยปลูกฝังให้คนไทยยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด ส่งเสริมความรู้ให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครองที่ดีที่สุดของประชาชน ฉะนั้น ประชาชนจึงต้องร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเผด็จการ และระบบคอมมิวนิสต์ทุกรูปแบบด้วย โดยที่ทางพรรคจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารประเทศในขอบเขตที่เหมาะสมตามรัฐธรรมนูญ กระจายอำนาจการบริหารไปสู่ท้องถิ่นให้กว้างขวางและเป็นอิสระ ปรับปรุงระบบรัฐสภาให้มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมสถาบันการเมืองให้เป็นพื้นที่สำคัญของระบบประชาธิปไตย กำหนดให้มีการแบ่งแยกอำนาจระหว่างข้าราชการประจำกับข้าราชการการเมืองอย่างเด็ดขาด ปฏิรูประบบราชการเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารและการตัดสินใจ

สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจนั้น พรรคจะสร้างพื้นฐานระบบเศรษฐกิจที่มั่นคงและเป็นธรรมให้แก่ประชาชนในชาติไทย โดยจะจัดทำโครงการสร้างงานในชนบทอย่างถาวร ปรับปรุงแก้ไขหรือสร้างปัจจัยการผลิต เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตโดยให้สัมพันธ์กับอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม เร่งก่อสร้างระบบขนส่งมวลชน ถนน ไฟฟ้า ประปา และพัฒนาระบบชลประทาน ให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ดำเนินการปฏิรูปที่ดินให้สามารถจัดสรรกระจายกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ทำกินให้แก่ครอบครัวเกษตรกรทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังจะต้องขจัดระบบอภิสิทธิ์ทางเศรษฐกิจ ลดการผูกขาดในธุรกิจบางประเทศเพื่อเปิดให้มีการแข่งขันกันอย่างเสรี ตลอดจนปรับปรุงระบบภาษีอากรให้ยุติธรรม และจูงใจให้ผู้ลงทุนต่างประเทศให้มาลงทุนในประเทศ

นโยบายด้านสังคม จะให้ความสำคัญกับการสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน จัดทำแผนการศึกษาและพัฒนากำลังคนเพื่อให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรทั้งในด้านสาธารณสุข จัดทำระบบประกันสังคมที่มีประสิทธิภาพ

ส่วนนโยบายด้านการทหารและการต่างประเทศนั้น จะคำนึงถึงความเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และดำเนินนโยบายอย่างเป็นอิสระ โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีและเอกราชของประเทศไทยเป็นสำคัญ ส่งเสริมสันติภาพและการดำรงอยู่ร่วมกันโดยสันติระหว่างประเทศทั่วโลกบนหลักของการเคารพเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนความเสมอภาค และการไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน

ในด้านการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองนั้น พรรคเสรีภาพไม่เคยส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยกรณีที่สำคัญคือ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2538 ซึ่งพรรคเสรีภาพ และพรรคการเมืองอื่นๆอีก 5 พรรค อันประกอบไปด้วย พรรคราษฎร พรรครวมไทย พรรคสหชีพ พรรคหลักสยาม และพรรคกิจประชาธิปไตย อันเป็นเหตุจะต้องถูกยุบพรรค

ในเวลาต่อมา ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งที่ 5041/2539 ลงวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2539 ให้ยุบเลิกพรรคเสรีภาพ เนื่องจากไม่ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2538 ตามนัยมาตรา 46 (3) แห่งพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพรรคการเมืองพ.ศ.2524 มาตรา 3

ที่มา

ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 109 ตอนที่ 104, ลงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2535, หน้า 84-93

ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 114 ตอนที่ 54 ง, ลงวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2540, หน้า 14

สยามจดหมายเหตุ, ปีที่ 21 ฉบับที่ 2 พ.ศ.2539, หน้า 29-30