ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กลุ่มจังหวัด"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าที่ถูกสร้างด้วย 'ผู้เรียบเรียง : สมัชญ์ สมบัติพานิช ผู้ทรงคุณวุฒิป...'
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 5 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 1 คน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
ผู้เรียบเรียง : สมัชญ์ สมบัติพานิช


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายจเร พันธุ์เปรื่อง
'''ผู้เรียบเรียง''' : สมัชญ์ สมบัติพานิช
 
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' : นายจเร พันธุ์เปรื่อง


----
----


==ความหมายของกลุ่มจังหวัด==
== ความหมายของกลุ่มจังหวัด ==
 
          กลุ่มจังหวัด เป็นคำที่นำมาใช้ภายใต้แนวคิด[[การบริหารงานแบบบูรณาการ|การบริหารงานแบบบูรณาการ]] ที่กำหนดให้มีการรวม'''กลุ่มจังหวัด'''ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงในด้านต่างๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้การวางกรอบทิศทางการพัฒนาและการใช้ประโยชน์ในทรัพยากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนร่วมกันแก้ไขปัญหาระหว่างจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิผล
 
== ความเป็นมาของการจัดกลุ่มจังหวัด ==
 
          การจัดกลุ่มจังหวัดเริ่มต้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2540 โดยเกิดจากการร่วมมือกันระหว่าง[[ผู้ว่าราชการ|ผู้ว่าราชการ]]จังหวัดภูเก็ต ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็น [[กรอ.กลุ่มอันดามันพัฒนา|กรอ.กลุ่มอันดามันพัฒนา]] โดยวัตถุประสงค์ในการรวมกัน เนื่องจากเห็นว่าทิศทางการพัฒนาในกลุ่มอันดามันนั้นถ้าแต่ละจังหวัดต่างมุ่งพัฒนาเฉพาะจังหวัดแล้ว จะเกิดปัญหาแย่งชิงทรัพยากรของชาติที่มีอยู่จำกัด หากขาดความร่วมมือกันจะทำให้ขีดความสามารถของประเทศในการพัฒนาการท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่กลุ่มอันดามันนั้น มีศักยภาพไม่เพียงพอ เพราะในขณะนั้นประเทศมาเลเซียได้พัฒนาเกาะลังกาวีขึ้นมา โดยหวังเป็นเกาะเพชรเม็ดใหม่ของอันดามันที่จะมาแบ่งตลาดการท่องเที่ยวของภูเก็ต แนวความคิดของผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัด นั้น อยู่บนพื้นฐานความร่วมมือกัน ในเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ต่อมาปี พ.ศ. 2543 กระทรวงมหาดไทยได้ประเมินผลความร่วมมือของ กรอ. กลุ่มจังหวัดอันดามันพัฒนาแล้วเห็นว่า เป็นผลดีต่อการผนึกกำลังทุกภาคส่วนในการพัฒนาตอบสนอง[[ยุทธศาสตร์ชาติ|ยุทธศาสตร์ชาติ]] จึงได้ปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย หอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกันจัดแบ่งกลุ่ม กรอ. จังหวัด เพื่อที่จะให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ในระดับจังหวัด ซึ่งในปี พ.ศ. 2545 รัฐบาลสมัยของ [[ทักษิณ_ชินวัตร|พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร]] ได้นำยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเข้ามาใช้ แล้วต้องการให้เกิดความร่วมมือระหว่างจังหวัด ใน[[การพัฒนายุทธศาสตร์จังหวัด|การพัฒนายุทธศาสตร์จังหวัด]] จึงได้นำแนวความคิด กรอ. กลุ่มจังหวัดมาดัดแปลงเป็นการพัฒนากลุ่มยุทธศาสตร์จังหวัด จากเดิมเป็นความร่วมมือระหว่างภาคราชการ กับภาคเอกชน ได้ขยายเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนในกลุ่มจังหวัด ซึ่ง[[คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ_(ก.พ.ร.)|คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)]] ได้นำเสนอต่อ[[คณะรัฐมนตรี|คณะรัฐมนตรี]]ให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 โดยมีการจัดทำยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดควบคู่ไปกับการจัดทำ[[ยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด|ยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด]] ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา<ref>สำนักคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, (2557), แนวทางการบริหารราชการแบบกลุ่มจังหวัด, [ออนไลน์], แหล่งข้อมูล: http://www.opdc.go.th/content.php?menu_id=5&content_id=780, (วันที่ค้นข้อมูล : 28 กรกฎาคม 2557)</ref>
 
== การจัดกลุ่มจังหวัด ==
 
[[มติคณะรัฐมนตรี|มติคณะรัฐมนตรี]]เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ได้กำหนดแนวทางในการจัดกลุ่มจังหวัด ดังนี้
 
1) ต้องมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ที่ติดต่อกัน หรือเป็นการรวมกลุ่มจังหวัดที่อยู่ในเขตพื้นที่ติดต่อกันหรือต่อเนื่องกัน
 
2) ต้องมีความเกี่ยวเนื่องทางเศรษฐกิจ การผลิต การค้า และการลงทุนเพื่อมูลค่าเพิ่มและการได้เปรียบในการแข่งขันร่วมกัน
 
3) การแก้ปัญหาเร่งด่วนร่วมกันของประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างจังหวัด


กลุ่มจังหวัด เป็นคำที่นำมาใช้ภายใต้แนวคิดการบริหารงานแบบบูรณาการ ที่กำหนดให้มีการรวมกลุ่มจังหวัดที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงในด้านต่างๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้การวางกรอบทิศทางการพัฒนาและการใช้ประโยชน์ในทรัพยากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนร่วมกันแก้ไขปัญหาระหว่างจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิผล
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; โดยเริ่มแรก คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 และวันที่ 17 กรกฎาคม 2546 เห็นชอบให้จัดตั้งกลุ่มจังหวัดรวม 19 กลุ่มจังหวัด ซึ่งต่อมาในวันที่ 15 มกราคม 2551 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้มีการปรับปรุงการจัดกลุ่มจังหวัดให้เป็น 18 กลุ่มจังหวัด และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอ โดยจังหวัดที่จะเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดต้องมีลักษณะ เช่น เป็นจังหวัดที่มีการคมนาคมหรือติดต่อสื่อสารระหว่างจังหวัดในกลุ่มได้สะดวก เป็นศูนย์กลางของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และธุรกิจต่างๆ เป็นต้น
==ความเป็นมาของการจัดกลุ่มจังหวัด==


การจัดกลุ่มจังหวัดเริ่มต้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2540 โดยเกิดจากการร่วมมือกันระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็น กรอ.กลุ่มอันดามันพัฒนา โดยวัตถุประสงค์ในการรวมกัน เนื่องจากเห็นว่าทิศทางการพัฒนาในกลุ่มอันดามันนั้นถ้าแต่ละจังหวัดต่างมุ่งพัฒนาเฉพาะจังหวัดแล้ว จะเกิดปัญหาแย่งชิงทรัพยากรของชาติที่มีอยู่จำกัด หากขาดความร่วมมือกันจะทำให้ขีดความสามารถของประเทศในการพัฒนาการท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่กลุ่มอันดามันนั้น มีศักยภาพไม่เพียงพอ เพราะในขณะนั้นประเทศมาเลเซียได้พัฒนาเกาะลังกาวีขึ้นมา โดยหวังเป็นเกาะเพชรเม็ดใหม่ของอันดามันที่จะมาแบ่งตลาดการท่องเที่ยวของภูเก็ต แนวความคิดของผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัด นั้น อยู่บนพื้นฐานความร่วมมือกัน ในเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน
กลุ่มจังหวัด 18 กลุ่ม ประกอบด้วย


ต่อมาปี พ.ศ. 2543 กระทรวงมหาดไทยได้ประเมินผลความร่วมมือของ กรอ. กลุ่มจังหวัดอันดามันพัฒนาแล้วเห็นว่า เป็นผลดีต่อการผนึกกำลังทุกภาคส่วนในการพัฒนาตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ จึงได้ปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย หอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกันจัดแบ่งกลุ่ม กรอ. จังหวัด เพื่อที่จะให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ในระดับจังหวัด ซึ่งในปี พ.ศ. 2545 รัฐบาลสมัยของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้นำยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเข้ามาใช้ แล้วต้องการให้เกิดความร่วมมือระหว่างจังหวัด ในการพัฒนายุทธศาสตร์จังหวัด จึงได้นำแนวความคิด กรอ. กลุ่มจังหวัดมาดัดแปลงเป็นการพัฒนากลุ่มยุทธศาสตร์จังหวัด จากเดิมเป็นความร่วมมือระหว่างภาคราชการ กับภาคเอกชน ได้ขยายเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนในกลุ่มจังหวัด ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 โดยมีการจัดทำยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดควบคู่ไปกับการจัดทำยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา
1) [[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน_1|กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 1]] คือ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี โดยมีจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


==การจัดกลุ่มจังหวัด==
2) [[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน_2|กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 2]] คือ จังหวัดชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง โดยมีจังหวัดลพบุรีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ได้กำหนดแนวทางในการจัดกลุ่มจังหวัด ดังนี้
1) ต้องมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ที่ติดต่อกัน หรือเป็นการรวมกลุ่มจังหวัดที่อยู่ในเขตพื้นที่ติดต่อกันหรือต่อเนื่องกัน


2) ต้องมีความเกี่ยวเนื่องทางเศรษฐกิจ การผลิต การค้า และการลงทุนเพื่อมูลค่าเพิ่มและการได้เปรียบในการแข่งขันร่วมกัน
3) [[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง|กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง]] คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก สมุทรปราการ โดยมีจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


3) การแก้ปัญหาเร่งด่วนร่วมกันของประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างจังหวัด
4) [[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง_1|กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1]] คือ จังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี โดยมีจังหวัดนครปฐมเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


โดยเริ่มแรก คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 และวันที่ 17 กรกฎาคม 2546 เห็นชอบให้จัดตั้งกลุ่มจังหวัดรวม 19 กลุ่มจังหวัด ซึ่งต่อมาในวันที่ 15 มกราคม 2551 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้มีการปรับปรุงการจัดกลุ่มจังหวัดให้เป็น 18 กลุ่มจังหวัด และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอ โดยจังหวัดที่จะเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดต้องมีลักษณะ เช่น เป็นจังหวัดที่มีการคมนาคมหรือติดต่อสื่อสารระหว่างจังหวัดในกลุ่มได้สะดวก เป็นศูนย์กลางของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และธุรกิจต่างๆ เป็นต้น
5) [[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง_2|กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2]] คือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม โดยมีจังหวัดเพชรบุรีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


กลุ่มจังหวัด 18 กลุ่ม ประกอบด้วย
6) [[กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย|กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย]] คือ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง โดยมีจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
1) กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 1 คือ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี โดยมีจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
2) กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 2 คือ จังหวัดชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง โดยมีจังหวัดลพบุรีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


3) กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก สมุทรปราการ โดยมีจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
7) [[กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน|กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน]] คือ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง โดยมีจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


4) กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 คือ จังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี โดยมีจังหวัดนครปฐมเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
8) [[กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งชายแดน|กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งชายแดน]] คือ จังหวัดสงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส โดยมีจังหวัดสงขลาเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


5) กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 คือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม โดยมีจังหวัดเพชรบุรีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
9) [[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก|กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก]] คือ จังหวัดจันทบุรี ชลบุรี ระยอง ตราด โดยมีจังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


6) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย คือ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง โดยมีจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
10) [[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน_1|กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1]] คือ จังหวัดหนองคาย เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู โดยมีจังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


7) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน  คือ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง โดยมีจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
11) [[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน_2|กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2]] คือ จังหวัดนครพนม มุกดาหาร สกลนคร โดยมีจังหวัดสกลนครเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


8) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งชายแดน คือ จังหวัดสงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส โดยมีจังหวัดสงขลาเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
12) [[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง|กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง]] คือ จังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์โดยมีจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


9) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก คือ จังหวัดจันทบุรี ชลบุรี ระยอง ตราด โดยมีจังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
13) [[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง_1|กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1]] คือ จังหวัดสุรินทร์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ โดยมีจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


10) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 คือ จังหวัดหนองคาย เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู โดยมีจังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
14) [[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง_2|กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2]] คือ จังหวัดอำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร อุบลราชธานี โดยมีจังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


11) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 คือ จังหวัดนครพนม มุกดาหาร สกลนคร โดยมีจังหวัดสกลนครเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
15) [[กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน_1|กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1]] คือ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน โดยมีจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


12) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง คือ จังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์โดยมีจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
16) [[กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน_2|กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2]] คือ จังหวัดน่าน พะเยา เชียงราย แพร่ โดยมีจังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


13) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 คือ จังหวัดสุรินทร์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ โดยมีจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
17) [[กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง_1|กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1]] คือ จังหวัดตาก พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ โดยมีจังหวัดพิษณุโลกเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


14) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 คือ จังหวัดอำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร อุบลราชธานี โดยมีจังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
18) [[กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง_2|กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2]] คือ จังหวัดกำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี โดยมีจังหวัดนครสวรรค์เป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด


15) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 คือ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน โดยมีจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
== การบริหารงานกลุ่มจังหวัด ==


16) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 คือ จังหวัดน่าน พะเยา เชียงราย แพร่ โดยมีจังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; [[พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ_พ.ศ._2551|พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2551]] ได้กำหนดหลักการการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ<ref>มาตรา 6 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2551</ref> ดังนี้


17) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 คือ จังหวัดตาก พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ โดยมีจังหวัดพิษณุโลกเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
1) การบริหารงานให้เป็นไปตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด


18) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 คือ จังหวัดกำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี โดยมีจังหวัดนครสวรรค์เป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
2) การสร้างโอกาสและส่งเสริมให้เกิด[[การมีส่วนร่วม|การมีส่วนร่วม]]ระหว่างภาครัฐ [[องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น|องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น]] ภาคธุรกิจเอกชน และภาค[[ประชาสังคม|ประชาสังคม]]ในจังหวัด เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันและการแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อ[[การพัฒนาอย่างยั่งยืน|การพัฒนาอย่างยั่งยืน]]


==การบริหารงานกลุ่มจังหวัด==
3) การกระจายอำนาจการตัดสินใจลงไปสู่ระดับผู้ปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการปฏิบัติราชการ
พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2551 ได้กำหนดหลักการการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ  ดังนี้


1) การบริหารงานให้เป็นไปตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด
4) การส่งเสริมและสนับสนุนให้ท้องถิ่นมีความพร้อมในการรองรับ[[การกระจายอำนาจ|การกระจายอำนาจ]]ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น


2) การสร้างโอกาสและส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาสังคมในจังหวัด เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันและการแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
5) [[การบริหารกิจการบ้านเมือง|การบริหารกิจการบ้านเมือง]]ที่ดี มี[[ความโปร่งใส|ความโปร่งใส]] และมี[[การตรวจสอบ|การตรวจสอบ]]ผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติราชการ


3) การกระจายอำนาจการตัดสินใจลงไปสู่ระดับผู้ปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการปฏิบัติราชการ
6) [[การบริหารงบประมาณจังหวัด|การบริหารงบประมาณจังหวัด]]ให้เป็นไปตามวิธี[[การบริหารงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ|การบริหารงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ]]ตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติตามที่[[คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัด|คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัด]]และ[[กลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ|กลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ]] (ก.น.จ.) กำหนดตามข้อเสนอแนะของสำนักงบประมาณ


4) การส่งเสริมและสนับสนุนให้ท้องถิ่นมีความพร้อมในการรองรับการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ในการบริหารงานกลุ่มจังหวัด ก.น.จ. จะเป็นผู้กำหนดกรอบนโยบายและวางระบบในการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดรวมถึงการพิจารณา กลั่นกรองและให้ความเห็นชอบต่อแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของ กลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของกลุ่มจังหวัดตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี<ref>มาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2551</ref>


5) การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี มีความโปร่งใส และมีการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติราชการ
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; เพื่อเป็นการสานต่อนโยบายของ ก.น.จ. แต่ละกลุ่มจังหวัดจะมีคณะกรรมการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.ก.) ที่จะทำหน้าที่วางแนวทางปฏิบัติและอำนวยการให้การบริหารงานแบบบูรณาการในกลุ่มจังหวัดเป็นไปตามหลักการ นโยบาย และระบบตามที่ ก.น.จ. กำหนด จัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ส่งเสริม ประสานความร่วมมือการพัฒนาระหว่างภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคธุรกิจเอกชน และแก้ไขปัญหาภายในกลุ่มจังหวัดและระหว่างกลุ่มจังหวัดเพื่อให้การพัฒนาเป็นไปตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด และวิเคราะห์ บูรณาการ และให้ความเห็นชอบ ตลอดจน กำกับ ให้คำแนะนำ ติดตาม ประเมินผลการปฏิบัติการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดและคำของบประมาณกลุ่มจังหวัดก่อนนำเสนอ ก.น.จ.<ref>มาตรา 11 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2551</ref>


6) การบริหารงบประมาณจังหวัดให้เป็นไปตามวิธีการบริหารงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) กำหนดตามข้อเสนอแนะของสำนักงบประมาณ
== อ้างอิง ==


ในการบริหารงานกลุ่มจังหวัด ก.น.จ. จะเป็นผู้กำหนดกรอบนโยบายและวางระบบในการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดรวมถึงการพิจารณา กลั่นกรองและให้ความเห็นชอบต่อแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของ        กลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของกลุ่มจังหวัดตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
<references />


เพื่อเป็นการสานต่อนโยบายของ ก.น.จ. แต่ละกลุ่มจังหวัดจะมีคณะกรรมการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.ก.) ที่จะทำหน้าที่วางแนวทางปฏิบัติและอำนวยการให้การบริหารงานแบบบูรณาการในกลุ่มจังหวัดเป็นไปตามหลักการ นโยบาย และระบบตามที่ ก.น.จ. กำหนด จัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ส่งเสริม ประสานความร่วมมือการพัฒนาระหว่างภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคธุรกิจเอกชน และแก้ไขปัญหาภายในกลุ่มจังหวัดและระหว่างกลุ่มจังหวัดเพื่อให้การพัฒนาเป็นไปตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด และวิเคราะห์ บูรณาการ และให้ความเห็นชอบ ตลอดจน กำกับ ให้คำแนะนำ ติดตาม ประเมินผลการปฏิบัติการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดและคำของบประมาณกลุ่มจังหวัดก่อนนำเสนอ ก.น.จ.
== หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ ==


==หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ==
กระทรวงมหาดไทย. '''กระทรวงมหาดไทยกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการร่วมกลุ่มจังหวัด (Regional Operation Center&nbsp;: ROC)'''. กรุงเทพฯ: กระทรวงมหาดไทย, 2557.


กระทรวงมหาดไทย. '''กระทรวงมหาดไทยกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการร่วมกลุ่มจังหวัด (Regional Operation Center : ROC)'''. กรุงเทพฯ: กระทรวงมหาดไทย, 2557.
สถาบันดำรงราชานุภาพ/สำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารราชการจังหวัด. '''รายงานการวิจัย เรื่อง การบริหารจัดการของกลุ่มจังหวัดในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระดับพื้นที่'''. กรุงเทพฯ: สถาบันดำรงราชานุภาพ, 2548.


สถาบันดำรงราชานุภาพ/สำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารราชการจังหวัด. '''รายงานการวิจัย เรื่อง การบริหารจัดการของกลุ่มจังหวัดในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระดับพื้นที่'''. กรุงเทพฯ: สถาบันดำรงราชานุภาพ, 2548.
สถาบันราชภัฏภูเก็ต. '''รายงานการวิจัยประเมินผลจังหวัดทดลองแบบบูรณาการเพื่อการพัฒนา กรณีจังหวัดภูเก็ตและพังงา.''' กรุงเทพฯ: สถาบันดำรงราชานุภาพ, 2545.


สถาบันราชภัฏภูเก็ต. '''รายงานการวิจัยประเมินผลจังหวัดทดลองแบบบูรณาการเพื่อการพัฒนา กรณีจังหวัดภูเก็ตและพังงา.''' กรุงเทพฯ: สถาบันดำรงราชานุภาพ, 2545.
== บรรณานุกรม ==


==บรรณานุกรม==
พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2550
พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2550  


มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 17 กรกฎาคม 2546
มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 17 กรกฎาคม 2546
บรรทัดที่ 103: บรรทัดที่ 108:
มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 15 มกราคม 2551
มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 15 มกราคม 2551


สำนักคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ. (2557). แนวทางการบริหารราชการแบบกลุ่มจังหวัด. [ออนไลน์]. แหล่งข้อมูล: http://www.opdc.go.th/content.php?menu_id=5&content_id=780. (วันที่ค้นข้อมูล : 28 กรกฎาคม 2557)  
สำนักคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ. (2557). แนวทางการบริหารราชการแบบกลุ่มจังหวัด. [ออนไลน์]. แหล่งข้อมูล: [http://www.opdc.go.th/content.php?menu_id=5&content_id=780 http://www.opdc.go.th/content.php?menu_id=5&content_id=780]. (วันที่ค้นข้อมูล&nbsp;: 28 กรกฎาคม 2557)


สำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด. (2557). ความเป็นมาของการแบ่งกลุ่มจังหวัด. [ออนไลน์]. แหล่งข้อมูล: http://www.osm.moi.go.th/images/stories/april/osm1.pdf. (วันที่ค้นข้อมูล : 28 กรกฎาคม 2557).
สำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด. (2557). ความเป็นมาของการแบ่งกลุ่มจังหวัด. [ออนไลน์]. แหล่งข้อมูล: [http://www.osm.moi.go.th/images/stories/april/osm1.pdf http://www.osm.moi.go.th/images/stories/april/osm1.pdf]. (วันที่ค้นข้อมูล&nbsp;: 28 กรกฎาคม 2557).


[[หมวดหมู่:การบริหารราชการแผ่นดิน]]
[[Category:การบริหารราชการแผ่นดิน]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 11:58, 12 ธันวาคม 2562

ผู้เรียบเรียง : สมัชญ์ สมบัติพานิช

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายจเร พันธุ์เปรื่อง


ความหมายของกลุ่มจังหวัด

          กลุ่มจังหวัด เป็นคำที่นำมาใช้ภายใต้แนวคิดการบริหารงานแบบบูรณาการ ที่กำหนดให้มีการรวมกลุ่มจังหวัดที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงในด้านต่างๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้การวางกรอบทิศทางการพัฒนาและการใช้ประโยชน์ในทรัพยากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนร่วมกันแก้ไขปัญหาระหว่างจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิผล

ความเป็นมาของการจัดกลุ่มจังหวัด

          การจัดกลุ่มจังหวัดเริ่มต้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2540 โดยเกิดจากการร่วมมือกันระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็น กรอ.กลุ่มอันดามันพัฒนา โดยวัตถุประสงค์ในการรวมกัน เนื่องจากเห็นว่าทิศทางการพัฒนาในกลุ่มอันดามันนั้นถ้าแต่ละจังหวัดต่างมุ่งพัฒนาเฉพาะจังหวัดแล้ว จะเกิดปัญหาแย่งชิงทรัพยากรของชาติที่มีอยู่จำกัด หากขาดความร่วมมือกันจะทำให้ขีดความสามารถของประเทศในการพัฒนาการท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่กลุ่มอันดามันนั้น มีศักยภาพไม่เพียงพอ เพราะในขณะนั้นประเทศมาเลเซียได้พัฒนาเกาะลังกาวีขึ้นมา โดยหวังเป็นเกาะเพชรเม็ดใหม่ของอันดามันที่จะมาแบ่งตลาดการท่องเที่ยวของภูเก็ต แนวความคิดของผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัด นั้น อยู่บนพื้นฐานความร่วมมือกัน ในเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน

          ต่อมาปี พ.ศ. 2543 กระทรวงมหาดไทยได้ประเมินผลความร่วมมือของ กรอ. กลุ่มจังหวัดอันดามันพัฒนาแล้วเห็นว่า เป็นผลดีต่อการผนึกกำลังทุกภาคส่วนในการพัฒนาตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ จึงได้ปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย หอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกันจัดแบ่งกลุ่ม กรอ. จังหวัด เพื่อที่จะให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ในระดับจังหวัด ซึ่งในปี พ.ศ. 2545 รัฐบาลสมัยของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้นำยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเข้ามาใช้ แล้วต้องการให้เกิดความร่วมมือระหว่างจังหวัด ในการพัฒนายุทธศาสตร์จังหวัด จึงได้นำแนวความคิด กรอ. กลุ่มจังหวัดมาดัดแปลงเป็นการพัฒนากลุ่มยุทธศาสตร์จังหวัด จากเดิมเป็นความร่วมมือระหว่างภาคราชการ กับภาคเอกชน ได้ขยายเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนในกลุ่มจังหวัด ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 โดยมีการจัดทำยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดควบคู่ไปกับการจัดทำยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา[1]

การจัดกลุ่มจังหวัด

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ได้กำหนดแนวทางในการจัดกลุ่มจังหวัด ดังนี้

1) ต้องมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ที่ติดต่อกัน หรือเป็นการรวมกลุ่มจังหวัดที่อยู่ในเขตพื้นที่ติดต่อกันหรือต่อเนื่องกัน

2) ต้องมีความเกี่ยวเนื่องทางเศรษฐกิจ การผลิต การค้า และการลงทุนเพื่อมูลค่าเพิ่มและการได้เปรียบในการแข่งขันร่วมกัน

3) การแก้ปัญหาเร่งด่วนร่วมกันของประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างจังหวัด

          โดยเริ่มแรก คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 และวันที่ 17 กรกฎาคม 2546 เห็นชอบให้จัดตั้งกลุ่มจังหวัดรวม 19 กลุ่มจังหวัด ซึ่งต่อมาในวันที่ 15 มกราคม 2551 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้มีการปรับปรุงการจัดกลุ่มจังหวัดให้เป็น 18 กลุ่มจังหวัด และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอ โดยจังหวัดที่จะเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดต้องมีลักษณะ เช่น เป็นจังหวัดที่มีการคมนาคมหรือติดต่อสื่อสารระหว่างจังหวัดในกลุ่มได้สะดวก เป็นศูนย์กลางของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และธุรกิจต่างๆ เป็นต้น

กลุ่มจังหวัด 18 กลุ่ม ประกอบด้วย

1) กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 1 คือ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี โดยมีจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

2) กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 2 คือ จังหวัดชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง โดยมีจังหวัดลพบุรีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

3) กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก สมุทรปราการ โดยมีจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

4) กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 คือ จังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี โดยมีจังหวัดนครปฐมเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

5) กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 คือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม โดยมีจังหวัดเพชรบุรีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

6) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย คือ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง โดยมีจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

7) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน คือ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง โดยมีจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

8) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งชายแดน คือ จังหวัดสงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส โดยมีจังหวัดสงขลาเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

9) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก คือ จังหวัดจันทบุรี ชลบุรี ระยอง ตราด โดยมีจังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

10) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 คือ จังหวัดหนองคาย เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู โดยมีจังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

11) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 คือ จังหวัดนครพนม มุกดาหาร สกลนคร โดยมีจังหวัดสกลนครเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

12) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง คือ จังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์โดยมีจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

13) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 คือ จังหวัดสุรินทร์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ โดยมีจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

14) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 คือ จังหวัดอำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร อุบลราชธานี โดยมีจังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

15) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 คือ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน โดยมีจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

16) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 คือ จังหวัดน่าน พะเยา เชียงราย แพร่ โดยมีจังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

17) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 คือ จังหวัดตาก พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ โดยมีจังหวัดพิษณุโลกเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

18) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 คือ จังหวัดกำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี โดยมีจังหวัดนครสวรรค์เป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด

การบริหารงานกลุ่มจังหวัด

          พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2551 ได้กำหนดหลักการการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ[2] ดังนี้

1) การบริหารงานให้เป็นไปตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด

2) การสร้างโอกาสและส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาสังคมในจังหวัด เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันและการแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

3) การกระจายอำนาจการตัดสินใจลงไปสู่ระดับผู้ปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการปฏิบัติราชการ

4) การส่งเสริมและสนับสนุนให้ท้องถิ่นมีความพร้อมในการรองรับการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

5) การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี มีความโปร่งใส และมีการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติราชการ

6) การบริหารงบประมาณจังหวัดให้เป็นไปตามวิธีการบริหารงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) กำหนดตามข้อเสนอแนะของสำนักงบประมาณ

          ในการบริหารงานกลุ่มจังหวัด ก.น.จ. จะเป็นผู้กำหนดกรอบนโยบายและวางระบบในการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดรวมถึงการพิจารณา กลั่นกรองและให้ความเห็นชอบต่อแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของ กลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของกลุ่มจังหวัดตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี[3]

          เพื่อเป็นการสานต่อนโยบายของ ก.น.จ. แต่ละกลุ่มจังหวัดจะมีคณะกรรมการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.ก.) ที่จะทำหน้าที่วางแนวทางปฏิบัติและอำนวยการให้การบริหารงานแบบบูรณาการในกลุ่มจังหวัดเป็นไปตามหลักการ นโยบาย และระบบตามที่ ก.น.จ. กำหนด จัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ส่งเสริม ประสานความร่วมมือการพัฒนาระหว่างภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคธุรกิจเอกชน และแก้ไขปัญหาภายในกลุ่มจังหวัดและระหว่างกลุ่มจังหวัดเพื่อให้การพัฒนาเป็นไปตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด และวิเคราะห์ บูรณาการ และให้ความเห็นชอบ ตลอดจน กำกับ ให้คำแนะนำ ติดตาม ประเมินผลการปฏิบัติการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดและคำของบประมาณกลุ่มจังหวัดก่อนนำเสนอ ก.น.จ.[4]

อ้างอิง

  1. สำนักคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, (2557), แนวทางการบริหารราชการแบบกลุ่มจังหวัด, [ออนไลน์], แหล่งข้อมูล: http://www.opdc.go.th/content.php?menu_id=5&content_id=780, (วันที่ค้นข้อมูล : 28 กรกฎาคม 2557)
  2. มาตรา 6 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2551
  3. มาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2551
  4. มาตรา 11 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2551

หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ

กระทรวงมหาดไทย. กระทรวงมหาดไทยกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการร่วมกลุ่มจังหวัด (Regional Operation Center : ROC). กรุงเทพฯ: กระทรวงมหาดไทย, 2557.

สถาบันดำรงราชานุภาพ/สำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารราชการจังหวัด. รายงานการวิจัย เรื่อง การบริหารจัดการของกลุ่มจังหวัดในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระดับพื้นที่. กรุงเทพฯ: สถาบันดำรงราชานุภาพ, 2548.

สถาบันราชภัฏภูเก็ต. รายงานการวิจัยประเมินผลจังหวัดทดลองแบบบูรณาการเพื่อการพัฒนา กรณีจังหวัดภูเก็ตและพังงา. กรุงเทพฯ: สถาบันดำรงราชานุภาพ, 2545.

บรรณานุกรม

พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2550

มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 17 กรกฎาคม 2546

มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 22 กรกฎาคม 2546

มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 15 มกราคม 2551

สำนักคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ. (2557). แนวทางการบริหารราชการแบบกลุ่มจังหวัด. [ออนไลน์]. แหล่งข้อมูล: http://www.opdc.go.th/content.php?menu_id=5&content_id=780. (วันที่ค้นข้อมูล : 28 กรกฎาคม 2557)

สำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด. (2557). ความเป็นมาของการแบ่งกลุ่มจังหวัด. [ออนไลน์]. แหล่งข้อมูล: http://www.osm.moi.go.th/images/stories/april/osm1.pdf. (วันที่ค้นข้อมูล : 28 กรกฎาคม 2557).