ผลต่างระหว่างรุ่นของ "16 สิงหาคม พ.ศ. 2488"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 7: บรรทัดที่ 7:
----
----


วันที่ 16 สิงหาคม เป็นวันที่ประเทศไทย ประกาศสันติภาพ ทั้งนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองเมื่อ พ.ศ. 2485 โดยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม  
วันที่ 16 สิงหาคม เป็นวันที่ประเทศไทย ประกาศสันติภาพ ทั้งนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่[[สงครามโลกครั้งที่สอง]]เมื่อ พ.ศ. 2485 โดยรัฐบาล[[แปลก พิบูลสงคราม|จอมพล ป.พิบูลสงคราม]]
ดังนั้นในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2488 ประเทศไทยก็ได้ประกาศสันติภาพ
ดังนั้นในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2488 ประเทศไทยก็ได้ประกาศสันติภาพ


วันที่มีพระบรมราชโองการประกาศสันติภาพ คือวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ด้วยเหตุนี้วันที่ 16 สิงหาคม จึงเป็นวันที่มีเรื่องราวของบ้านเมืองที่น่าจะนำมาเล่าสู่กันฟัง และได้เรียกวันนี้ว่า “วันสันติภาพ”
วันที่มี[[พระบรมราชโองการ]]ประกาศสันติภาพ คือวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ด้วยเหตุนี้วันที่ 16 สิงหาคม จึงเป็นวันที่มีเรื่องราวของบ้านเมืองที่น่าจะนำมาเล่าสู่กันฟัง และได้เรียกวันนี้ว่า [[วันสันติภาพ]]


มีคนบอกว่าเวลานึกถึงวันสันติภาพ 16 สิงหาคม ก็เท่ากับนึกถึงงานของขบวนการเสรีไทย ซึ่งก็เป็นการดี เพราะเท่ากับได้ระลึกถึงงานที่มีคุณต่อแผ่นดินของคณะบุคคลไทยกลุ่มหนึ่ง ซึ่งร่วมกันทำงานให้ประเทศชาติ ยอมลดละความขัดแย้งที่เคยมีอยู่เดิม เข้าร่วมมือกันต่อต้านศัตรูต่างชาติ
มีคนบอกว่าเวลานึกถึงวันสันติภาพ 16 สิงหาคม ก็เท่ากับนึกถึงงานของ[[ขบวนการเสรีไทย]] ซึ่งก็เป็นการดี เพราะเท่ากับได้ระลึกถึงงานที่มีคุณต่อแผ่นดินของคณะบุคคลไทยกลุ่มหนึ่ง ซึ่งร่วมกันทำงานให้ประเทศชาติ ยอมลดละความขัดแย้งที่เคยมีอยู่เดิม เข้าร่วมมือกันต่อต้านศัตรูต่างชาติ


ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าประเทศไทยได้เข้าสงครามโลกโดยไปประกาศสงครามกับสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ และร่วมรบกับญี่ปุ่น จนทำให้คนไทยทั้งในและนอกประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลในการประกาศสงครามคราวนั้นได้ร่วมใจกันตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้น ทำงานใต้ดินต่อต้านญี่ปุ่น โดยมีบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงของไทยหลายคน ทั้งที่มีตำแหน่งในราชการและนอกราชการเข้าร่วมงานช่วยชาติอย่างจริงจัง
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าประเทศไทยได้เข้าสงครามโลกโดยไปประกาศสงครามกับสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ และร่วมรบกับญี่ปุ่น จนทำให้คนไทยทั้งในและนอกประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับ[[รัฐบาล]]ในการประกาศสงครามคราวนั้นได้ร่วมใจกันตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้น ทำงานใต้ดินต่อต้านญี่ปุ่น โดยมีบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงของไทยหลายคน ทั้งที่มีตำแหน่งในราชการและนอกราชการเข้าร่วมงานช่วยชาติอย่างจริงจัง


แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมาประมาณ 3 ปี สถานการณ์สงครามปรากฏว่าฝ่ายอักษะที่มีเยอรมันในยุโรปกับญี่ปุ่นในเอเชียเป็นผู้นำ ก็เป็นฝ่ายที่เริ่มพ่ายแพ้มาตามลำดับ
แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมาประมาณ 3 ปี สถานการณ์สงครามปรากฏว่า[[ฝ่ายอักษะ]]ที่มีเยอรมันในยุโรปกับญี่ปุ่นในเอเชียเป็นผู้นำ ก็เป็นฝ่ายที่เริ่มพ่ายแพ้มาตามลำดับ
ในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 กองทัพเยอรมนีและฝ่ายสนับสนุนในยุโรปก็ได้ ประกาศยอมแพ้ต่อกองทัพฝ่ายพันธมิตร
ในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 กองทัพเยอรมนีและฝ่ายสนับสนุนในยุโรปก็ได้ ประกาศยอมแพ้ต่อกองทัพ[[ฝ่ายพันธมิตร]]
สามเดือนถัดมา หลังจากเครื่องบินสหรัฐได้ทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรซิมาและนางาซากิของญี่ปุ่น กองทัพของ “ลูกพระอาทิตย์” คือ ญี่ปุ่นก็ประกาศยอมแพ้ในวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2488
สามเดือนถัดมา หลังจากเครื่องบินสหรัฐได้ทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรซิมาและนางาซากิของญี่ปุ่น กองทัพของ “ลูกพระอาทิตย์” คือ ญี่ปุ่นก็ประกาศยอมแพ้ในวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2488
บรรทัดที่ 25: บรรทัดที่ 25:
ประเทศไทยนั้นทางฝ่ายผู้นำทางการเมืองและผู้นำขบวนการเสรีไทยก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้ปรึกษาหารือกันและดำเนินการเพื่อให้ประเทศไทยพ้น “มรสุมสงครามโลก” และให้ประชาชาติอยู่รอดปลอดภัย เป็นการเตรียมการและเตรียมตัวปฏิบัติการอย่างเร่งด่วน
ประเทศไทยนั้นทางฝ่ายผู้นำทางการเมืองและผู้นำขบวนการเสรีไทยก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้ปรึกษาหารือกันและดำเนินการเพื่อให้ประเทศไทยพ้น “มรสุมสงครามโลก” และให้ประชาชาติอยู่รอดปลอดภัย เป็นการเตรียมการและเตรียมตัวปฏิบัติการอย่างเร่งด่วน
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 นั้นประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นัดประชุมสภาเป็นนัดพิเศษ ที่เลื่อนมาจากการประชุมในวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2488
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 นั้น[[ประธานสภาผู้แทนราษฎร]]ได้นัดประชุมสภาเป็นนัดพิเศษ ที่เลื่อนมาจากการประชุมในวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2488


แต่เมื่อถึงเวลาประชุมแล้วก็ยังต้องรอ “เรื่องที่จำเป็นและสำคัญที่สุด” ดังที่ ประเสริฐ ปัทมสุคนธ์ บันทึกเล่าเอาไว้ให้อ่านว่า
แต่เมื่อถึงเวลาประชุมแล้วก็ยังต้องรอ “เรื่องที่จำเป็นและสำคัญที่สุด” ดังที่ ประเสริฐ ปัทมสุคนธ์ บันทึกเล่าเอาไว้ให้อ่านว่า
บรรทัดที่ 31: บรรทัดที่ 31:
“...เมื่อถึงเวลาประชุมแล้ว  เรื่องสำคัญดังกล่าวก็ยังไม่มาประธานจึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ขอให้สมาชิกพักประชุม...
“...เมื่อถึงเวลาประชุมแล้ว  เรื่องสำคัญดังกล่าวก็ยังไม่มาประธานจึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ขอให้สมาชิกพักประชุม...


เมื่อการดำเนินงานของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์กับรัฐบาลได้สำเร็จลงแล้ว ประธานสภาจึงเรียกประชุม และได้อ่านประกาศพระบรมราชโองการประกาศสันติภาพ เสนอต่อที่ประชุม...”
เมื่อการดำเนินงานของ[[ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์]]กับรัฐบาลได้สำเร็จลงแล้ว ประธานสภาจึงเรียกประชุม และได้อ่านประกาศพระบรมราชโองการประกาศสันติภาพ เสนอต่อที่ประชุม...”
ประกาศสันติภาพในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ที่มี นายทวี บุณยเกตุ รัฐมนตรี ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการนั้นมีความสำคัญดังนี้
ประกาศสันติภาพในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ที่มี [[ทวี บุณยเกตุ|นายทวี บุณยเกตุ]] [[รัฐมนตรี]] ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการนั้นมีความสำคัญดังนี้


“โดยที่ประเทศไทยได้เคยถือนโยบายอันแน่วแน่ที่จะรักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด และจะต่อสู้การรุนรานของต่างประเทศทุกวิถีทาง...ในเมื่อญี่ปุ่นได้ยาตราทัพเข้าในดินแดนประเทศไทย ในวันที่ 8 ธันวาคม พุทธศักราช 2484 โดยได้มีการต่อสู้การรุกราน
“โดยที่ประเทศไทยได้เคยถือนโยบายอันแน่วแน่ที่จะรักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด และจะต่อสู้การรุนรานของต่างประเทศทุกวิถีทาง...ในเมื่อญี่ปุ่นได้ยาตราทัพเข้าในดินแดนประเทศไทย ในวันที่ 8 ธันวาคม พุทธศักราช 2484 โดยได้มีการต่อสู้การรุกราน
บรรทัดที่ 46: บรรทัดที่ 46:
นับว่าเป็นสิ่งที่น่าสังเกต จึงอยากจะยกข้อความที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวต่อที่ประชุมสภามาให้อ่าน เพราะมิได้มีการกล่าวถึงกันมากนัก
นับว่าเป็นสิ่งที่น่าสังเกต จึงอยากจะยกข้อความที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวต่อที่ประชุมสภามาให้อ่าน เพราะมิได้มีการกล่าวถึงกันมากนัก
“บัดนี้ท่านสมาชิกทั้งหลายได้ลงมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบด้วยประกาศสันติภาพแล้ว เป็นการแสดงให้โลกเห็นถึงเจตนาอันแท้จริงของคนไทยที่รักสงบ ไม่เป็นผู้ก้าวร้าว และเสียสละ ป้องกันการรุกรานสงครามที่ได้เข้ามาสู่ประเทศไทย ไม่เป็นสิ่งที่ประชาชนชาวไทยปรารถนา ประธานสภาและสมาชิกทั้งหลายคงระลึกกันได้ดีว่า เมื่อมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9 ธันวาคม 2484 อภิปรายถึงการที่สงครามได้เข้ามาสู่ประเทศไทย สมาชิกทั้งหลายได้แสดงให้เห็นเด่นชัดแล้วว่าไม่พอใจ อันเป็นภาพที่ยังจารึกอยู่ไม่มีวันลืม ประกาศสันติภาพจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
“บัดนี้ท่านสมาชิกทั้งหลายได้ลงมติเป็น[[เอกฉันท์]]เห็นชอบด้วยประกาศสันติภาพแล้ว เป็นการแสดงให้โลกเห็นถึงเจตนาอันแท้จริงของคนไทยที่รักสงบ ไม่เป็นผู้ก้าวร้าว และเสียสละ ป้องกันการรุกรานสงครามที่ได้เข้ามาสู่ประเทศไทย ไม่เป็นสิ่งที่ประชาชนชาวไทยปรารถนา ประธานสภาและสมาชิกทั้งหลายคงระลึกกันได้ดีว่า เมื่อมี[[การประชุมสภาผู้แทนราษฎร]]ในวันที่ 9 ธันวาคม 2484 [[อภิปราย]]ถึงการที่สงครามได้เข้ามาสู่ประเทศไทย สมาชิกทั้งหลายได้แสดงให้เห็นเด่นชัดแล้วว่าไม่พอใจ อันเป็นภาพที่ยังจารึกอยู่ไม่มีวันลืม ประกาศสันติภาพจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”


สันติภาพเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่ไม่ต้องมีประกาศกันบ่อย ๆ ก็ดี เพราะถ้ามีประกาศสันติภาพก็หมายความว่าได้มีสงครามเสียก่อน สันติภาพจึงจะตามมาทีหลัง
สันติภาพเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่ไม่ต้องมีประกาศกันบ่อย ๆ ก็ดี เพราะถ้ามีประกาศสันติภาพก็หมายความว่าได้มีสงครามเสียก่อน สันติภาพจึงจะตามมาทีหลัง


[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2475-2500]]
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2475-2500]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 09:10, 15 ตุลาคม 2557

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 16 สิงหาคม เป็นวันที่ประเทศไทย ประกาศสันติภาพ ทั้งนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองเมื่อ พ.ศ. 2485 โดยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม

ดังนั้นในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2488 ประเทศไทยก็ได้ประกาศสันติภาพ

วันที่มีพระบรมราชโองการประกาศสันติภาพ คือวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ด้วยเหตุนี้วันที่ 16 สิงหาคม จึงเป็นวันที่มีเรื่องราวของบ้านเมืองที่น่าจะนำมาเล่าสู่กันฟัง และได้เรียกวันนี้ว่า วันสันติภาพ

มีคนบอกว่าเวลานึกถึงวันสันติภาพ 16 สิงหาคม ก็เท่ากับนึกถึงงานของขบวนการเสรีไทย ซึ่งก็เป็นการดี เพราะเท่ากับได้ระลึกถึงงานที่มีคุณต่อแผ่นดินของคณะบุคคลไทยกลุ่มหนึ่ง ซึ่งร่วมกันทำงานให้ประเทศชาติ ยอมลดละความขัดแย้งที่เคยมีอยู่เดิม เข้าร่วมมือกันต่อต้านศัตรูต่างชาติ

ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าประเทศไทยได้เข้าสงครามโลกโดยไปประกาศสงครามกับสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ และร่วมรบกับญี่ปุ่น จนทำให้คนไทยทั้งในและนอกประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลในการประกาศสงครามคราวนั้นได้ร่วมใจกันตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้น ทำงานใต้ดินต่อต้านญี่ปุ่น โดยมีบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงของไทยหลายคน ทั้งที่มีตำแหน่งในราชการและนอกราชการเข้าร่วมงานช่วยชาติอย่างจริงจัง

แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมาประมาณ 3 ปี สถานการณ์สงครามปรากฏว่าฝ่ายอักษะที่มีเยอรมันในยุโรปกับญี่ปุ่นในเอเชียเป็นผู้นำ ก็เป็นฝ่ายที่เริ่มพ่ายแพ้มาตามลำดับ

ในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 กองทัพเยอรมนีและฝ่ายสนับสนุนในยุโรปก็ได้ ประกาศยอมแพ้ต่อกองทัพฝ่ายพันธมิตร

สามเดือนถัดมา หลังจากเครื่องบินสหรัฐได้ทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรซิมาและนางาซากิของญี่ปุ่น กองทัพของ “ลูกพระอาทิตย์” คือ ญี่ปุ่นก็ประกาศยอมแพ้ในวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2488

ประเทศไทยนั้นทางฝ่ายผู้นำทางการเมืองและผู้นำขบวนการเสรีไทยก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้ปรึกษาหารือกันและดำเนินการเพื่อให้ประเทศไทยพ้น “มรสุมสงครามโลก” และให้ประชาชาติอยู่รอดปลอดภัย เป็นการเตรียมการและเตรียมตัวปฏิบัติการอย่างเร่งด่วน

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 นั้นประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นัดประชุมสภาเป็นนัดพิเศษ ที่เลื่อนมาจากการประชุมในวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2488

แต่เมื่อถึงเวลาประชุมแล้วก็ยังต้องรอ “เรื่องที่จำเป็นและสำคัญที่สุด” ดังที่ ประเสริฐ ปัทมสุคนธ์ บันทึกเล่าเอาไว้ให้อ่านว่า

“...เมื่อถึงเวลาประชุมแล้ว เรื่องสำคัญดังกล่าวก็ยังไม่มาประธานจึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ขอให้สมาชิกพักประชุม...

เมื่อการดำเนินงานของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์กับรัฐบาลได้สำเร็จลงแล้ว ประธานสภาจึงเรียกประชุม และได้อ่านประกาศพระบรมราชโองการประกาศสันติภาพ เสนอต่อที่ประชุม...”

ประกาศสันติภาพในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ที่มี นายทวี บุณยเกตุ รัฐมนตรี ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการนั้นมีความสำคัญดังนี้

“โดยที่ประเทศไทยได้เคยถือนโยบายอันแน่วแน่ที่จะรักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด และจะต่อสู้การรุนรานของต่างประเทศทุกวิถีทาง...ในเมื่อญี่ปุ่นได้ยาตราทัพเข้าในดินแดนประเทศไทย ในวันที่ 8 ธันวาคม พุทธศักราช 2484 โดยได้มีการต่อสู้การรุกราน ทุกแห่ง และทหาร ตำรวจ ประชาชน พลเมือง ได้เสียชีวิตไปในการนี้เป็นอันมาก...”

บัดนี้ประเทศญี่ปุ่นได้ยอมปฏิบัติตามคำประกาศของสหรัฐอเมริกา บริเตนใหญ่ จีน และสหภาพโซเวียต ซึ่งได้กระทำ ณ นครปอตสดัม แล้วสันติภาพจึงกลับคืนมาสู่ประเทศไทย อันเป็นตามประสงค์ของประชาชนชาวไทย

ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงขอประกาศโดยเปิดเผยแทนประชาชนชาวไทยว่า การประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกาและบริเตนใหญ่เป็นโมฆะไม่ผูกพันประชาชนชาวไทย

เขาว่ากันว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหลายมิได้คาดคิดว่าจะมีประกาศออกมาเช่นนั้น แต่เมื่อได้ทราบก็ได้มีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์

นับว่าเป็นสิ่งที่น่าสังเกต จึงอยากจะยกข้อความที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวต่อที่ประชุมสภามาให้อ่าน เพราะมิได้มีการกล่าวถึงกันมากนัก

“บัดนี้ท่านสมาชิกทั้งหลายได้ลงมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบด้วยประกาศสันติภาพแล้ว เป็นการแสดงให้โลกเห็นถึงเจตนาอันแท้จริงของคนไทยที่รักสงบ ไม่เป็นผู้ก้าวร้าว และเสียสละ ป้องกันการรุกรานสงครามที่ได้เข้ามาสู่ประเทศไทย ไม่เป็นสิ่งที่ประชาชนชาวไทยปรารถนา ประธานสภาและสมาชิกทั้งหลายคงระลึกกันได้ดีว่า เมื่อมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9 ธันวาคม 2484 อภิปรายถึงการที่สงครามได้เข้ามาสู่ประเทศไทย สมาชิกทั้งหลายได้แสดงให้เห็นเด่นชัดแล้วว่าไม่พอใจ อันเป็นภาพที่ยังจารึกอยู่ไม่มีวันลืม ประกาศสันติภาพจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”

สันติภาพเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่ไม่ต้องมีประกาศกันบ่อย ๆ ก็ดี เพราะถ้ามีประกาศสันติภาพก็หมายความว่าได้มีสงครามเสียก่อน สันติภาพจึงจะตามมาทีหลัง