ผลต่างระหว่างรุ่นของ "10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 11: | บรรทัดที่ 11: | ||
ดังนั้น การเลือกตั้งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 จึงเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่และเป็นการเลือกตั้งที่อาศัย[[กฎหมายเลือกตั้ง พ.ศ. 2511]] ที่ให้เป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขตมี[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]ได้ 219 คน ในครั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 14,820,400 คน แต่มีผู้มาใช้สิทธิ เพียง 7,289,837 คน น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง คือ มีเพียงร้อยละ 49.16 เท่านั้น และคนเมืองหลวงคือคนในจังหวัดพระนครมาใช้สิทธิเพียงร้อยละ 36.66 เท่านั้นเอง | ดังนั้น การเลือกตั้งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 จึงเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่และเป็นการเลือกตั้งที่อาศัย[[กฎหมายเลือกตั้ง พ.ศ. 2511]] ที่ให้เป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขตมี[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]ได้ 219 คน ในครั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 14,820,400 คน แต่มีผู้มาใช้สิทธิ เพียง 7,289,837 คน น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง คือ มีเพียงร้อยละ 49.16 เท่านั้น และคนเมืองหลวงคือคนในจังหวัดพระนครมาใช้สิทธิเพียงร้อยละ 36.66 เท่านั้นเอง | ||
การเลือกตั้งครั้งนี้นับว่าเป็นที่สนใจของประชาชนมาก เพราะเหมือนกับว่าจะได้ไปสู่บรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น จึงมีผู้คนสนใจลงเล่นการเมือง และตั้ง[[พรรคการเมือง]]มากขึ้น ทางคณะทหารได้จับมือกับนักการเมืองจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อ[[พรรคสหประชาไทย]] ส่วน[[พรรคฝ่ายค้าน]]สำคัญ คือ [[พรรคประชาธิปัตย์]]ก็ได้ฟื้นพรรคขึ้นมา แต่ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ คือ [[ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช]] เพราะ[[หัวหน้าพรรคคนเดิม [[นายควง อภัยวงศ์]] ได้ถึงแก่กรรมไปก่อนแล้ว | การเลือกตั้งครั้งนี้นับว่าเป็นที่สนใจของประชาชนมาก เพราะเหมือนกับว่าจะได้ไปสู่บรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น จึงมีผู้คนสนใจลงเล่นการเมือง และตั้ง[[พรรคการเมือง]]มากขึ้น ทางคณะทหารได้จับมือกับนักการเมืองจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อ[[พรรคสหประชาไทย]] ส่วน[[พรรคฝ่ายค้าน]]สำคัญ คือ [[ประชาธิปัตย์|พรรคประชาธิปัตย์]]ก็ได้ฟื้นพรรคขึ้นมา แต่ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ คือ [[เสนีย์ ปราโมช|ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช]] เพราะ[[หัวหน้าพรรคคนเดิม [[ควง อภัยวงศ์|นายควง อภัยวงศ์]] ได้ถึงแก่กรรมไปก่อนแล้ว | ||
หลังจากการเลือกตั้ง พรรคสหประชาไทยรวบรวมเสียงสมาชิกสภาสนับสนุนได้มากกว่าจึงได้จัดตั้งรัฐบาล มี[[จอมพลถนอม กิตติขจร]] เป็น[[นายกรัฐมนตรี]] | หลังจากการเลือกตั้ง พรรคสหประชาไทยรวบรวมเสียงสมาชิกสภาสนับสนุนได้มากกว่าจึงได้จัดตั้งรัฐบาล มี[[ถนอม กิตติขจร|จอมพลถนอม กิตติขจร]] เป็น[[นายกรัฐมนตรี]] | ||
ที่น่าสังเกตก็คือการเลือกตั้งครั้งนี้ได้มีนักการเมืองหน้าใหม่ลงเลือกตั้งหลายคน และในจำนวนนี้ก็เป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองต่อมา อย่างเช่น[[นายอุทัย พิมพ์ใจชน]] ได้เป็น[[ประธานสภาผู้แทนราษฎร]] [[นายชวน หลีกภัย]] ได้เป็นนายกรัฐมนตรี | ที่น่าสังเกตก็คือการเลือกตั้งครั้งนี้ได้มีนักการเมืองหน้าใหม่ลงเลือกตั้งหลายคน และในจำนวนนี้ก็เป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองต่อมา อย่างเช่น[[อุทัย พิมพ์ใจชน|นายอุทัย พิมพ์ใจชน]] ได้เป็น[[ประธานสภาผู้แทนราษฎร]] [[ชวน หลีกภัย|นายชวน หลีกภัย]] ได้เป็นนายกรัฐมนตรี | ||
สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ต่อมาจนสภาถูกล้มโดยการยึดอำนาจของจอมพลถนอม กิตติขจร ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีและคณะทหาร ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 | สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ต่อมาจนสภาถูกล้มโดยการยึดอำนาจของจอมพลถนอม กิตติขจร ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีและคณะทหาร ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 | ||
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2501-2519]] | [[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2501-2519]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:06, 14 ตุลาคม 2557
ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 เป็นวันที่มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 9 ของประเทศไทย การเลือกตั้งครั้งที่ 9 นี้ห่างจากการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 8 เกือบ 12 ปี ทั้งนี้ เพราะมีการรัฐประหารยึดอำนาจโดยคณะทหารและทหารได้จัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญนานมากเกือบ 10 ปี จนกระทั้งมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511
ดังนั้น การเลือกตั้งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 จึงเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่และเป็นการเลือกตั้งที่อาศัยกฎหมายเลือกตั้ง พ.ศ. 2511 ที่ให้เป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขตมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 219 คน ในครั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 14,820,400 คน แต่มีผู้มาใช้สิทธิ เพียง 7,289,837 คน น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง คือ มีเพียงร้อยละ 49.16 เท่านั้น และคนเมืองหลวงคือคนในจังหวัดพระนครมาใช้สิทธิเพียงร้อยละ 36.66 เท่านั้นเอง
การเลือกตั้งครั้งนี้นับว่าเป็นที่สนใจของประชาชนมาก เพราะเหมือนกับว่าจะได้ไปสู่บรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น จึงมีผู้คนสนใจลงเล่นการเมือง และตั้งพรรคการเมืองมากขึ้น ทางคณะทหารได้จับมือกับนักการเมืองจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อพรรคสหประชาไทย ส่วนพรรคฝ่ายค้านสำคัญ คือ พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ฟื้นพรรคขึ้นมา แต่ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ คือ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เพราะ[[หัวหน้าพรรคคนเดิม นายควง อภัยวงศ์ ได้ถึงแก่กรรมไปก่อนแล้ว
หลังจากการเลือกตั้ง พรรคสหประชาไทยรวบรวมเสียงสมาชิกสภาสนับสนุนได้มากกว่าจึงได้จัดตั้งรัฐบาล มีจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี
ที่น่าสังเกตก็คือการเลือกตั้งครั้งนี้ได้มีนักการเมืองหน้าใหม่ลงเลือกตั้งหลายคน และในจำนวนนี้ก็เป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองต่อมา อย่างเช่นนายอุทัย พิมพ์ใจชน ได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ต่อมาจนสภาถูกล้มโดยการยึดอำนาจของจอมพลถนอม กิตติขจร ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีและคณะทหาร ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514