หลวงจำรูญเนติศาสตร์
ผู้เขียน : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
หลวงจำรูญเนติศาสตร์ : จากอธิการบดีสู่ประธานศาลฎีกา
เมื่อครั้งที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ “วัดรอยเท้า” ยึดอำนาจล้มรัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ในวันที่ 16 กันยายน ปี 2500 นั้น จอมพล ป. ได้หลบหนีออกนอกประเทศทางชายแดนจังหวัดตราด โดยไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งต่อมาได้มีการแต่งตั้งให้นายพจน์_สารสิน เป็นนายกฯคนใหม่ แต่มีอีกตำแหน่งหนึ่งที่จอมพล ป. ก็ยังไม่ได้ลาออกในตอนนั้นคือตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่เป็นตำแหน่งมีวาระ ดังนั้นเพื่อให้งานของมหาวิทยาลัยดำเนินไปได้โดยสะดวก จึงต้องมีผู้รักษาการอธิการบดี ในวันที่ 27 กันยายน ปี 2500 สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงได้ตั้ง ศาสตราจารย์ทวี แรงขำ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ให้รักษาการอธิการบดีด้วยเป็นเวลาประมาณสามเดือน แต่ท่านได้ภาระงานการเมืองเพิ่มได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านจึงเสนอให้ตั้งศาสตราจารย์หลวงจำรูญเนติศาสตร์เป็นผู้รักษาการและให้เป็นตัวจริงเมื่อวาระการดำรงตำแหน่งอธิการบดีของจอมพล ป. หมดลง ซึ่งสภามหาวิทยาลัยฯ ก็เห็นด้วย หลวงจำรูญฯ จึงได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีตัวจริงสืบต่อมาตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม ปี 2500 จนถึงวันที่ 7 มกราคม ปี 2503
หลวงจำรูญเนติศาสตร์ หรือจำรูญ เป็นคนกรุงเทพฯ เกิดในสกุล “โปษยานนท์” ที่บ้านตำบลถนนราชวงศ์ อำเภอจักรวรรดิ์ จังหวัดพระนคร เมื่อวันที่ 7 เมษายน ปี 2445 บิดาชื่อนายฮง มารดาชื่อนางเน้ย ท่านกำพร้าบิดามาตั้งแต่อายุได้ 10 ปี ได้อาคือพระยาพิพัฒนธนาธรส่งเสียให้เรียนหนังสือ การศึกษาเริ่มที่โรงเรียนครูแดงกับโรงเรียนทองนพคุณ แล้วจึงไปเรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบตอนที่มีอายุได้ 10 ปี ก่อนที่จะไปเข้าเรียนที่โรงเรียนราชวิทยาลัย จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 ท่านดูจะเป็นคนเรียนเก่ง ในปี 2461 ก็ได้เข้าไปเรียนที่โรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม จบการศึกษาได้เป็นเนติบัณฑิตไทยในปี 2465 ปีถัดมาจึงได้รับทุนจากกระทรวงยุติธรรมให้ไปศึกษาด้านกฎหมายต่อที่ประเทศอังกฤษ โดยท่านได้เข้าเรียนที่สำนักมิดเดิลเทมเปิล เรียนจบได้เนติบัณฑิตเกียรตินิยมในปี 2471 เดินทางกลับไทยเข้ารับราชการเป็นผู้พิพากษา ในปี 2472 สำหรับชีวิตสมรส ท่านแต่งงานกับคุณอรุณ โปษยะจินดา
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองคนที่รับราชการทำงานทางด้านตุลาการดูจะไม่กระทบกระเทือนมากนัก หลวงจำรูญเองก็ก้าวหน้าในตำแหน่งราชการ ได้ขึ้นเป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ในปี 2485 สมัยรัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งอยู่ในช่วงสงคราม และในปี 2487 ท่านก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ดังนั้นต่อมาในปี 2488 ถึงต้นปี 2489 ท่านจึงเป็นหนึ่งในคณะผู้พิพากษาคดีอาชญากรสงคราม คดีนี้เป็นคดีดังและสำคัญที่มีอดีตนายกรัฐมนตรี จอมพล ป. และรัฐมนตรีบางนายที่ร่วมงานในยามสงครามตกเป็นผู้ต้องหาด้วย ศาลพิพากษาว่าโมฆะจะใช้กฎหมายย้อนหลังไม่ได้ ให้ปล่อยตัวผู้ต้องหา
ทางด้านวิชาการ หลวงจำรูญฯ ได้เข้ามาเป็นผู้บรรยายหรืออาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตั้งแต่ปี 2483 ตั้งแต่สมัยที่มหาวิทยาลัยยังใช้ชื่อดั้งเดิมว่ามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง และยังมีศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้ประศาสน์การ ท่านได้เป็นอาจารย์พิเศษมากว่า 10 ปีก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยในปี 2497 สมัยที่มีพระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์เป็นคณะบดีคณะนิติศาสตร์ และมีอธิการบดีชื่อจอมพล ป.พิบูลสงคราม ท้ายที่สุดท่านก็ได้ขึ้นเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ต่อจากวาระของจอมพล ป. ในวันที่ 23 ธันวาคม ปี 2500 ตอนนั้นเพิ่งจะเสร็จจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 2 ของปี จึงเป็นช่วงเวลาก่อนที่พลโท ถนอม กิตติขจร จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในตอนต้นปี 2501 ขณะนั้นผู้ที่ช่วยอธิการบดีทำงานประจำคือเลขาธิการมหาวิทยาลัย
หลวงจำรูญฯเป็นอธิการบดีอยู่ประมาณ 2 ปี จนถึงต้นปี 2503 ท่านจึงได้พ้นจากตำแหน่งอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะท่านได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา ตั้งแต่ปลายปี 2502 สายงานตุลาการเป็นงานที่ท่านรักและยึดเป็นอาชีพมาตั้งแต่จบการศึกษาจากอังกฤษ ดังนั้นจึงวางมือจากงานมหาวิทยาลัย ตอนที่ท่านขึ้นเป็นประธานศาลฎีกานั้นเป็นเวลาที่จอมพล สฤษดิ์ หัวหน้าคณะปฏิวัติที่ยึดอำนาจในวันที่ 20 ตุลาคม ปี 2501 ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเองแล้ว และต่อมานายกฯ ท่านนี้ก็ได้เข้ามาเป็นนายกสภามหาวิทยาลัย โดยให้นายทหารที่เป็นรองนายกฯ คือพลเอก ถนอมเข้ามาเป็นอธิการบดีสืบต่อจากหลวงจำรูญฯ ทางหลวงจำรูญฯ นั้นท่านได้เป็นประมุขของอำนาจตุลาการอยู่ประมาณ 2 ปี ท่านก็ได้เกษียณอายุราชการจากศาลฎีกาในปี 2504
สำหรับตำแหน่งทางการเมืองนั้นหลวงจำรูญฯ ได้เข้ามารับตำแหน่งภายหลังการเกษียณอายุราชการแล้วถึง 8 ปี ท่านได้รับเชิญจากจอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีให้เข้าร่วมรัฐบาลเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในรัฐบาลของนายกฯจอมพล ถนอม เมื่อภายหลังการเลือกตั้ง ปี 2512 ครั้งนั้นเป็นรัฐบาลที่มีพรรคสหประชาไทยเป็นพรรครัฐบาล แต่ไม่มีชื่อว่าท่านได้มีบทบาทในการเลือกตั้ง เชื่อว่าท่านเข้ามาสู่ตำแหน่งในฐานะผู้อาวุโสทางศาลที่จะให้ไปดูแลงานเกี่ยวกับกฎหมาย และท่านก็ได้อยู่ร่วมรัฐบาลจนจอมพล ถนอมยึดอำนาจล้มรัฐบาลตัวเองในวันที่ 17 พฤศจิกายน ปี 2514 ครั้นต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2516 เมื่อจอมพล ถนอมตั้งรัฐบาลใหม่ หลวงจำรูญฯได้รับตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ปีเดียวกันนี้ท่านได้ยังได้รับแต่งตั้งเป็นอนุญาโตตุลาการของศาลโลกที่กรุงเฮกอีกด้วย
ศาสตราจารย์ หลวงจำรูญเนติศาสตร์ได้พ้นวงการเมืองไปได้ 2 ปีท่านก็ถึงแก่อสัญกรรมในปี 2518