สภาอุดมทัศน์สู่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้เรียบเรียง วัชรา ไชยสาร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ พรรณราย ขันธกิจ


เหตุการณ์พฤษภาคม 2535 เป็นเหตุปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น คือ นายมารุต บุนนาค ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย (คพป.) เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2537[1] โดยมี ศ.นพ. ประเวศ วะสี เป็นประธานคณะกรรมการ ในการพิจารณาจัดทำกรอบแนวคิดการปฎิรูปการเมืองไทยของคณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตยได้มีการนำเสนอให้มี “สภาอุดมทัศน์” ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหน้าที่ในการวางแผนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง รวมทั้งกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศ พร้อมทั้งนำประเทศเข้าสู่การเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับแนวคิดของ “สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ”

ที่มาของสภาอุดมทัศน์

ศ.นพ. ประเวศ วะสี ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย หรือ คพป. ได้เสนอคำว่า “สภาอุดมทัศน์” ขึ้นระหว่างการประชุมคณะทำงานชุดเล็กเพื่อพิจารณาจัดทำกรอบความคิดการปฏิรูปการเมืองไทย เมื่อปี 2539 เพื่อให้ทำหน้าที่ในการวางแผนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง กำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศ พร้อมทั้งนำประเทศเข้าสู่การเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในแต่ละด้านอย่างเหมาะสม จึงเป็นที่มาและความต้องการที่จะให้มี “สภาอุดมทัศน์” ขึ้น เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศที่ให้ความสนใจกับการแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างเป็นระบบแบบมีขั้นมีตอน แตกต่างจากกระบวนการพิจารณาแก้ไขปัญหาสังคมการเมืองที่เคยมีมาแต่ในอดีต[2]

“สภาอุดมทัศน์” ตามแนวคิดดังกล่าว ประกอบด้วย บุคคลที่มีความรู้ เสียสละ ไม่เน้นอาชีพหนึ่งใดเป็นพิเศษ หรือการทำให้เป็นสภาวิชาชีพ จึงมีลักษณะที่แตกต่างจากสภาผู้แทนราษฎรทั้งองค์ประกอบและคุณสมบัติที่มาของบุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่ เพื่อร่วมกันพิจารณาไตร่ตรองปัญหาองค์รวมของประเทศ สอดคล้องประสานเชื่อมโยงสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน โดยไม่มีการแยกแยะ แบ่งปัญหาเป็นส่วน ๆ ทั้งปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมวัฒนธรรม ก่อนที่จะกำหนดเป็นข้อเสนอแนะในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมอย่างรอบด้าน นอกจากนี้ สภาอุดมทัศน์ต้องมีบทบาทสำคัญในการให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และทำหน้าที่เป็นกระจกเงาสะท้อนปัญหาอุปสรรคการพัฒนา และให้ข้อเสนอแนะในทางนโยบายต่อรัฐบาล ซึ่งจะเป็นกลไกการขับเคลื่อนหลักการ สาระสำคัญที่จะมีขึ้นเป็นเรื่อง ๆ อีกด้วย

สภาอุดมทัศน์สู่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

แนวความคิดเกี่ยวกับ“สภาอุดมทัศน์” ได้พัฒนาแนวความคิดเรื่อยมา จนกระทั่งได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฯ 2540 ซึ่งมีเจตนารมณ์เพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองไทยทั้งระบบ โดยมุ่งสร้างพรรคการเมืองให้เข้มแข็งและให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองในทุกระดับ ดังนั้น การรับรองและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการบริหารและพัฒนาประเทศมากยิ่งขึ้น จึงเป็นหัวใจแห่งรัฐธรรมนูญฉบับนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ซึ่งได้ให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการบริหารจัดการของรัฐในทุกระดับ ไม่เว้นแม้แต่การมีส่วนร่วมในกระบวนการกำหนดนโยบายและการตัดสินใจของรัฐ

ศ.นพ. ประเวศ วะสี ในการบรรยายพิเศษ

เรื่อง “บทบาทสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กับแนวทางการพัฒนานโยบายสาธารณะ”

(วันที่ 8 ธันวาคม 2548)

“สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” (The National Economic and Social Advisory Council) เป็นองค์กรการมีส่วนร่วมของประชาชน ตามแนวคิดของประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมที่นำแนวคิดประชาธิปไตยแบบตัวแทนมาผสมผสานกับประชาธิปไตยโดยตรง โดยการให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย การตัดสินใจ และการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเป็นผลพวงของการปฏิรูปการเมืองไทย ที่นำไปสู่การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฯ 2540 ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนเพื่อ “การปฏิรูปการเมืองไทย” ภายหลังการรัฐประหารของคณะผู้รักษาการความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ เมื่อปี 2534 และวิกฤตการณ์พฤษภาคม 2535 นับเป็นจุดเปลี่ยนทางสังคมการเมืองที่สำคัญในช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศไทย โดยมาตรา 89 ได้กำหนดให้รัฐจัดให้มีสภาที่ปรึกษาฯ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งให้ความเห็นเกี่ยวกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติก่อนพิจารณาประกาศใช้

ความหมายของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในปัจจุบัน

ปัจจุบันสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือตัวย่อ สป. (National Economic and Social Advisory Council : NESAC) หมายถึง องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยองค์กรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ประกอบสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำนวน 99 คน มีหน้าที่ให้ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และให้ความเห็นในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและแผนอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ ก่อนพิจารณาประกาศใช้ [3]

ที่มา

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540.

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550.

เจริญ คัมภีรภาพ. สภาอุดมทัศน์? ... สู่สภาวิชาชีพ ... ถึงสภาที่ปรึกษาฯ. จุลสารโครงการศึกษาวิจัย สป. ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2551 : หน้า 1.

http://www.prawase.com/article/18.pdf, สิงหาคม 2553.

ดูเพิ่มเติม

ประเวศ วะสี. สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สู่ความเป็นรัตนองค์กร. มติชนรายวัน. วันที่ 22 กันยายน 2548. ปีที่ 28 ฉบับที่ 10057 หน้า 7.

www.nesac.go.th/

อ้างอิง

  1. http://www.prawase.com/article/18.pdf, สิงหาคม 2553.
  2. เจริญ คัมภีรภาพ. สภาอุดมทัศน์? ... สู่สภาวิชาชีพ ... ถึงสภาที่ปรึกษาฯ. จุลสารโครงการศึกษาวิจัย สป. ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2551 : หน้า 1.
  3. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550.